Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เตือนภัยเรื่องจริง ผู้หญิงต้องอ่าน นั่งรถแท็กซี ระวัง!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิง หมวยมีประสบการณ์ภัยใกล้ตัวที่น่ากลัวและเมื่อนึกขึ้นทีไร ก็เป็นเรื่องน่ากลัวในจิตใจทุกที จึงอยากจะมาเล่าประสบการณ์ให้ได้รู้และได้ระวังกัน ในความชั่วร้ายของรถ Taxi เรื่องมีอยู่ว่า

หมวยไปยืนรอรถ taxi ที่หน้าสนามกีฬาแห่งชาติ (ข้าง MBK) เวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า ๆ หมวยยืนรอ taxi อยู่นานมากๆๆ แต่ก็ไม่มี taxi คันไหนไปซักคัน (หมวยจะไปปิ่นเกล้า) ซักพักก็มี taxi (ยี่ห้อ toyota soluna รุ่นเก่า สีฟ้า ถ้าจำไม่ผิด) วิ่งมาจอดตรงหน้า และมันก็รับหมวยขึ้นรถไปโดยเส้นทางที่มันพาเราไปก็คืน วิ่งตรงไปตรงสะพานยศเส แล้วก็เลี้ยวขวาผ่านตรงตลาดโบ๊เบ๊ ก็นึกในใจว่าเราเป็นผู้หญิงคนเดียวขึ้น taxi1 ดึก ๆ คนเดียวก็อันตรายเหมือนกันนะ (นึกถึงเรื่องที่เคยอ่าน mail ว่ามีคนถูก Taxiรมยาสลบ และล่าสุดน้องอุ๋ม (เพื่อนที่ทำงานปัจจุบัน) นั่ง taxi ตอนกลางวันแล้วเจอ taxi มันเร่งเครื่องยนต์ขณะรถติดก็อาจเป็นได้ว่ามันกำลังคิดการไม่ดี น้องอุ๋มก็เลยลงรถ ) ก็เลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาแฟน ก็บอกแฟนว่า "ขึ้นรถ taxi แล้วนะอีกประมาณครึ่งชั่วโมงคงถึงบ้านแล้วล่ะ" ในใจก็หันไปมอง กท รถที่เคยเห็นในรถ taxi ทั่วไปมี
จะบอกแฟนว่าขึ้นรถ taxi กท อะไร ก็เห็นแค่ว่า " ทพ " แต่ไม่มีเลยทะเบียน ก็เริ่มเอะใจ
1 อย่างแล้ว แล้วในขณะที่หมวยพูดกับแฟน คนขับ taxi ชั่ว มันก็เหมือนสะดุ้งตกใจ แล้วก็หันมามองเรา ซึ่งขณะนั้น taxi วิ่งผ่านตรงตลาดโบ๊เบ๊ พอรถเลี้ยวซ้ายเข้าตรง ธ.กรุงไทยสะพานขาว เพื่อที่จะมุ่งหน้าตรงไปสะพานผ่านฟ้า (ราชดำเนิน)  taxi มันก็หันมามอง
หมวยอีกที แล้วมันก็หันกลับไป ทันใดนั้นมือที่มันจับที่เกียร์รถยนต์ก็เหลือแค่ 3 นิ้ว (กลาง นาง ก้อย) ส่วนอีก 2 นิ้ว (นิ้วชี้กับนิ้วโป้ง) มันไปกดอะไรบ้างอย่างที่เป็นเหมือนช่องแอร์พิเศษที่รถ taxi คันอื่น ไม่มี (เท่าที่เคยสังเกตได้)แล้วมันก็เร่งแอร์ขึ้น เราเห็นพฤติกรรมมันเราก็เริ่มเตรียมตัวแล้วว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เท่าที่จำความได้ประมาณ
1นาทีผ่านไป ก็รู้เลยว่าถูก taxi ชั่วมันรมยาสลบแน่ๆ ความรู้แรกเลยคือ ความชามันเริ่มมาจากตรงท้อง ไล่มาตรงหน้าอก และสุดท้ายที่จำความรู้สึกได้คืนรู้สึกหน้ามืด หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก หายใจถี่ เหมือนจะหมดสติ ในทันใดแต่ก็ตั้งสติได้ก็บอกคนขับว่าให้จอดข้างหน้าเลย (ก่อนที่จะบอกคนขับให้จอด มือก็เปิดล็อกประตูแล้วก็ที่จะบอกมัน)
แล้วมันก็ชะลอรถแล้วถามว่าทำไม หมวยก็บอกว่า " จอดแล้วกัน หายใจไม่ออก ถ้าไม่จอดจะกระโดดลงแล้วนะ" มันก็ไม่ถึงกับจอดสนิท แต่หมวยก็ดันประตูรถออกมาแล้วก็กึ่ง ๆ กระโดดลงออกมาจากรถ และจากสติที่ใกล้จะหมดแล้วได้ยินมันพูดว่า " จะลงทำไมล่ะครับ ผมไม่ได้ทำไรคุณนะ แอร์รถผมก็เย็น" แล้วก็เหมือนได้ยินมันทวงค่า taxi ก็เลยโยนให้
มัน จำได้ว่า 50 บาท (ทุกคนที่ฟังเราเล่าบอกว่าไปให้มันทำไม) ในขณะที่กระโดดลงรถ ก็ลงมานั่งยองๆ เพื่อตั้งสติ มองเห็นอีกทีก็เห็นตัวเองอยู่กลางสี่แยกหลานหลวง และฝั่งตรงข้ามที่ลงมีป้อมเล็ก ๆ ที่ตอนแรกคิดว่าเป็นป้อมตำรวจ ก็แข็งใจวิ่งข้ามทางม้าลายไปตรงป้อมนั้น ปรากฎว่าเป็นแค่ป้อมจราจรที่ไม่ตำรวจอยู่เลย และแล้วก็มีชายคนนึงเดินผ่านหน้า
ก็ร้องให้เค้าช่วย เค้าก็เข้ามาถามว่าเป็นอะไร ก็เล่าเหตุการณ์ให้เค้าฟัง เค้าก็นั่งเฝ้าเราซักฟักจนเราเริ่มมีสติ หมวยก็กด 191 ก่อนเลยเป็นอันดับแรก ไม่ต้องหวังเลยค่ะว่าจะโทรติด แต่ในขณะนั้นร่างกายอ่อนแรงมาก ๆ ผู้ชายคนนั้นก็เลยบอกว่าโทรหาแฟนคุณดีกว่าไม๊ ผมจะรอเป็นเพื่อน (จริง ๆ แล้วผู้ชายคนนั้นก็หน้าตาน่ากลัวเหมือนกัน) ก็เลยโทรหาแฟน
แฟนก็บอกให้พ่อของแฟนมารับกลับบ้าน (บ้านพ่อแฟนอยู่โบ๊เบ๊) ในระหว่างรอพ่อแฟนมารับ ผู้ชายคนนั้นเค้าก็รอเป็นเพื่อนนะ แล้วก็บอกให้หมวยไปรอตรงที่คนเยอะ ๆ สว่าง ๆ แต่จะบอกว่าแถวนั้นเป็นบริเวณที่เปลี่ยวมาก ๆ เพราะเป็นย่านค้าขาย ทุกคนปิดบ้านหมดและเงียบสนิท ดีหน่อยก็เพราะว่ายังมีรถวิ่งพลุกพล่าน แต่ก็ไม่มีอะไรดีกว่าไปยืนริมถนน ก็เลยไปยืนให้ใกล้ริมถนนที่สุดซึ่งมีรถวิ่งผ่านไปมา ในใจก็แอบกลัวผู้ชายคนที่นั่งอยู่ด้วย พอมีสติก็เลยบอกเค้าว่าไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรอพ่อมารับกลับบ้านแค่ 15 นาทีพ่อก็มาถึง แล้วผู้ชายคนที่เค้ารอเป็นเพื่อนเค้าก็เดินจากไปแล้วก็ยืนรอดูเราอยู่ไกล (เหมือนเค้าจะรีบไปแต่
เค้าก็ยังรอดูเราก่อนด้วยความเป็นห่วง เราคิดไปเองว่าเค้าอาจไม่ดี)
พ่อแฟนก็รับกลับบ้าน แล้วก็กะว่าจะพาไปแจ้งความที่ สน.นางเลิ้ง (พื้นที่เกิดเหตุ)
แต่สภาพหมวยตอนนั้นก็แย่มาก เพราะเหลือแค่สติอันน้อยนิด ส่วนร่างกายหมดแรงไปเลย
และในที่สุดก็ไม่ได้ไปแจ้งความ เพราะหมวยก็จำ กท.รถไม่ได้เลย

เช้าวันที่ 2 เมษายน เปิดทำงานหลังจากหยุดวันแรงงานไป 1 วัน ก็ได้มาเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ทำงานฟัง ทุกคนลงความเห็นว่าให้ไปแจ้งความ เพราะอาจมีวงจรปิดบริเวณแถวสี่แยกก็ได้ ก็กะว่าตอนเย็นจะไป พอตกเย็นก็นั่งเขียนเรื่องเตือนภัยนี้
กะว่าจะส่งให้เพื่อน ๆ พี่ๆ ที่รู้จักอ่านเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ นายที่อยู่ในห้องได้ฟังเรื่อง
ก็เลยอาสาพาไปแจ้งความ นายบอกว่ารู้จักกับรอง ผกก. ก็เลยไปแจ้งความในเย็นวันนั้น
ก็เล่าเหตุการณ์ให้รอง ผกก.ท่านนั้นฟัง ท่านก็ให้ร้อยเวรทำการบันทึกประจำวันไว้ให้
แล้วในขณะนั้นท่านก็เล่าให้ฟังว่ามีคนมาแจ้งความเรื่องแบบนี้บ่อยในช่วงนี้ ซึ่งก็เป็น taxi
ที่รับผู้โดยสารจากบริเวณเดียวกัน ท่านก็เห็นว่าเรื่องของหมวยน่าจะเป็นประโยชน์กับ
คนอื่น ท่านก็เลยต่อสายโทรศัพท์ไปยัง สถานีวิทยุรายการ สวพ.91 เพื่อที่จะให้หมวยเล่า
ประสบการณ์ออกรายการวิทยุ แต่พอดีวันนั้นฝนตกและการจราจรติดมาก ๆ เค้าไม่มีช่วง
เวลาให้ออกรายการ ก็เลยไม่ได้เล่า ท่านก็เล่าว่าน่าเสียดายที่หมวยไม่ได้ไปแจ้งความตั้งแต่
วันที่เกิดเหตุ เพราะถ้ามาแจ้งความก็อาจจะพาไปตรวจร่างกายว่า ยาสลบที่คนร้ายใช้ เป็น
ยาสลบประเภทไหน จะได้เป็นข้อมูลให้ตำรวจต่อไป (เพราะยาสลบที่คนร้ายใช้ หมวยรู้สึกได้เลยว่ามันเร็วมากหลังจากที่มันเอื้อมมือไปกดยาประมาณแค่ไม่ถึง 1 นาที หมวยก็หมดแรงแล้ว ไม่อยากคิดต่อเลยว่า ถ้าหมวยตัดสินใจช้ากว่านั้น ไม่ตัดสินใจที่จะกระโดดลงมา
ก็คงหมดสติไปในทันใดแน่เลย)
ก็เลยแอบเป็นห่วงเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่รู้จัก และช่วยบอก ๆ ต่อๆ เพื่อจะได้เป็น
ข้อเตือนภัยให้กับคนรู้จักต่อไป (เพราะที่หมวยรอดมาได้ก็เพราะจาก mail ที่ได้รับมา
ในทำนองนี้ที่เคยได้อ่านเหมือนกัน)
ข้อสังเกตและข้อควรระวัง
1. ถ้าไม่จำเป็นอย่าขึ้น taxi คนเดียว แต่ถ้าจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ก็ให้โทรหารคนรู้จัก แล้วก็บอกเลข กท taxi ที่เราขึ้นให้เค้าได้รู้
2. จากสถิติที่ได้นั่งคุยกับตำรวจ ถ้าเป็น taxi เก่าก็ควรระวัง และให้สังเกตป้าย
กท. บนรถ ถ้าไม่มีให้พึงระวังว่าไม่ควรขึ้น
3. จากการสังเกตเอง taxi ต้องสงสัยจะมีช่องแอร์พิเศษ อยู่บริเวณใกล้ ๆ เกียร์
เพื่อเวลาเค้ากดยาแล้ว เราจะได้ไม่ทันสังเกต
4. ขณะนั่งรถอยู่ถ้าคนขับมีปรับเร่งแอร์ หรือเร่งเครื่องยนต์ (ขณะที่รถติด) ให้ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ว่าไม่น่าไว้วางใจ

สุดท้ายหากใครได้รับ mail นี้ช่วยส่งต่อ ๆ ให้ทุกคนที่รักและรู้จักด้วยนะคะ
เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีใครอีกกี่คนที่โชคไม่ดีเหมือนหมวยที่รอดชีวิตมาได้

แสดงความคิดเห็น

>

8 ความคิดเห็น

ฟหกด 26 พ.ย. 53 เวลา 23:25 น. 1

เรื่องจริง ตอนนั่งรถประจำทางระวังคนแปกหน้าตีสนิท นกต่อมักเป็นเด็กหรือผู้หญิง

เรื่องมีอยู่ว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงปีที่ 1

หลัง จากที่เดินทางไปเรียนตามปกติ ที่วิทยาเขตบางนา
และเมื่อเลิกเรียน 4 โมงเย็นแล้ว

ได้บอกกับครอบครัวว่าจะไปที่บ้านญาติที่จังหวัดระยอง
แต่เมื่อเย็นในวันนั้น

ทางครอบครัว ติดต่อไปยังบ้านญาติก็ไม่เห็น มาถึง มือถือก็ติดต่อไม่ได้
และในรุ่งเช้าก็ยังไม่เห็นที่ระยอง เมื่อน้องศร ( นามสมมุติ )

ขึ้นรถทัวร์ ป .1 กรุงเทพฯ - จันทบุรี จากป้ายที่ทางเข้าม . รามคำแหง2

ด้วยที่ตัวเองคิดว่ารถจันทบุรีจะผ่านระยอง
การขึ้นรถผิดครั้งนี้ส่งผลการ
เปลี่ยนแปลงแก่ตนเองทันที
เมื่อนั่งรถไปได้สักพัก
ผ่านอำเภอแกลง จ . จันทบุรีแล้ว
น้องศรคิดเลยว่านั่งรถผิดแน่นอน
เพราะรถจะเข้าจันทบุรีอยู่แล้ว
เลยตัดสินใจลงจากรถเพื่อ นั่งรถกลับแล้วมีผู้หญิง2 คนแต่งตัวดี
เดินลงตามน้องศรมาด้วย และเข้ามาคุยกับน้องศรเพื่อตีสนิท
และเริ่มพูดคุยว่า
ผู้หญิง 2 คนนั้น : น้องจะไปไหน
น้องศร : จะไประยอง
ผู้หญิง 2 คนนั้น : เออ ดีเลย พี่ก็จะไประยองเหมือนกัน
เราเหมารถกันดีมั๊ย คนละ 100 บาท
ทั้งหมด คง 300 บาทและน้องศรก็ตอบตกลงไปด้วยกัน
หลังจากที่ขึ้นรถไปด้วยกันนั้น น้องศรก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
มารู้อีกทีเมื่อตัวเองต้องอยู่ในห้องมืดและแคบมาก
และน้องศร
ก็นั่งลำดับเหตุการณ์ได้ว่า

ตัวเองเหมือนมีความรู้สึกโดนป้ายยาและเคลิ้มไป

แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลับหรือเปล่าเพราะไม่รู้สึกตัวอะไรเลย

ซึ่งน้องศรมารู้ภายหลังว่า
เมื่อตัวเองได้ออกมาจากห้องมืดนั้น

โดยผู้หญิง 2 คนนั้นให้น้องศร
ออกมาข้องนอกเพื่อมาให้นายทุนดูตัว
( มารู้ภายหลัง ว่านายทุน )
ซึ่งทำให้รู้ว่าตัวเองอยู่ในสวนยางลึก เป็นป่าทึบ ที่
ห่างไกลจากชุมชน และบ้านคนมาก
แต่น้องศรก็รู้ว่าอยู่ใน จ . จันทบุรี ในคืนวันนั้น
น้องศรได้ยินผู้หญิง 2 คนนี้

พูดกันว่าผู้หญิงที่กักตัวไว้ที่นี่อีก 5 คนนั้น จะ
ส่งไปขายมาเลย์เร็วๆนี้ ทำให้น้องศรหยุดคิดว่านอกจากตนแล้ว
ยังมีผู้หญิงที่ตกสภาพตนอีก 5 คนเลย เหรอ
ส่งขายมาเลย์
คือจุดหมายของชีวิตเหรอ

ตอนนั้นน้องศรเครียดมาก และคิดจะฆ่าตัวตาย
เมื่อต้องรู้ชะตาชีวิตว่าจะไป
มาเลย์
และต้องทำอะไร เมื่อเช้าของวันที่ 7 สิงหาคม
2548
น้องศรคิดตลอดเวลาว่าหนี
หนี แล้วจะหนีออกยังงัยล่ะ
คือคำถามของน้องศรที่นั่งถามตัวเองอยู่

แต่โอกาสก็มาถึงน้องศร เมื่อวันนั้นผู้หญิง

2 คนนั้นไม่อยู่และลืมล็อคกุญแจห้อง
น้องศรได้โอกาสแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
วิ่งแบบไม่หันกลับไปมองข้างหลัง
จุดหมายอย่างเดียว คือถนนใหญ่เพื่อหารถกลับ

และน้องศรก็นั่งรถจันทบุรี - ระยองเพื่อไประยอง
และหลังจากนั้นมีการติดต่อให้แม่และครอบครัวไปรับที่ระยอง
ตอนนี้สภาพจิตใจยังแย่มาก อาการหวาดกลัว
และระแวงทุกอย่างที่พบเห็น
และไม่กล้าออกนอกบ้านเลยจากคำพูดของน้องศร ว่า :
แก็งค์นี้เป็นแก็งค์ที่ลักพาตัวผู้หญิงไป
ขายเพื่อค้าประเวณี แน่นอน และจะใช้วิธีผู้หญิง 2
คน
แต่งตัวดีเข้ามาตีสนิท
และเป็นขบวน

การที่นำยามาป้าย ( ยังไม่มีคำตอบว่ายาอะไร
น้องศรโดนจากแก็งค์นี้
ชนิดไหน
ประเภทไหน ) แล้วผู้หญิงอีก 5
คนที่ติดอยู่ที่นั่นละ

จะมีชีวิตยังงัยแล้วมีผู้หญิงอีกมากมายเท่าไรที่โดนกรณีอย่างนี้

นี่คือ .... ต้นเหตุอีกสาเหตุหนึ่ง
ที่เป็นสาเหตุให้คนหายในปัจุจบันนี้
ที่ทางศูนย์ข้อมูลคนหายรับเรื่องมา
และเรื่องนี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมเรา

คติเรื่องนี้ : ฝากเตือนเพื่อนผู้หญิง ที่ต้องเดินทางคนเดียว
อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า

ในการเข้ามาตีสนิท ถึงจะเป็นผู้หญิงด้วยกัน

ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ควรแจ้งตำรวจให้เร็วที่สุด

0
จขกท 27 พ.ย. 53 เวลา 00:09 น. 2

เรื่องนี้เป็นประสบการณ์เรา(จขกท)เองเพิ่งเกิดเมื่อวาน 25/11/53 เราขอให้ภาษาพูดเลยนะ เพื่อให้เข้าใจง่าย
**อย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเด็ดขาด

คือที่บ้านเรามีโรงสีข้าวเล็กๆแถวชนบท จ.ระยอง ตามปกติคนที่มาซื้อรำ หรือข้าวจะเป็นลูกค้าประจำแล้วมีพี่คนนึงชื่อตู้ เค้าเป็นคนแถวบ้านเรา แต่บังเอิญก่อนวันเกิดเรื่อง2วัน มีผช.หน้าตาเหมือนโจรสุดๆ(เราแอบคิดในใจ)มาซื้อข้าวเปลือก บอกว่าพี่ตู้ให้มาซื้อ ตาเราก็ออกไปดู (ตาเราอายุ73 ไม่แข็งแรง เดินแทบไม่ไหว)วันนั้นพ่อแม่เราไม่อยู่บ้าน&nbsp เราอยู่กับตา2คน พอตาเราก็ออกไปดู เราก็เดินตามไปเพราะไม่ไว้ใจ คือแกหลงๆลืมๆตามประสาคนแก่อ่ะเราก็ไปหยิบข้าวให้ มันก็บอกว่าพี่ตู้ให้ติดตังค์ไว้ก่อน เราก็ไม่ได้อะไร เพราะธรรมดาพี่ตู้ก็ติดตังค์บ่อยแต่ก็ให้ทุกครั้ง หลังจากนั้นผ่านไป2วัน ประมาณบ่ายๆพี่ตู้ก็มาซื้อข้าวอีก แม่เราอยู่ก็ถามเรื่องที่ให้ผช.คนนั้นมาซื้อข้าวว่าติดตังค์อยู่(ไม่ได้ทวงนะ แบบว่าสนิทกันอ่ะ) อืม แล้วพี่ตู้ก็งง ว่าวันนั้นให้เงินมันมาแล้วนะ พี่ตู้ก็ไม่ว่าไรก็ให้ตังค์แม่เรา แม่เราถามว่าเป็นใครทำไมไม่เคยเห็นหน้า พี่ตู้ก็เงียบ ตอนนั้นเรารู้สึกว่ามันแปลกๆนะ แต่ก็ไม่ได้อะไร พอประมาณ6โมงพ่อกับแม่เราก็ขับรถไปคลินิกที่ตัวเมืองระยองเหลือเราอยู่กับตา2คนอีกแล้ว(ปกติพ่อกับแม่จะอยูตลอด) ช่างบังเอิญเหลือเกินประมาณ2ทุ่ม วันนั้นเงียบมาก รถไม่มีผ่านเลย บ้านน้าซึ่งอย่ตรงข้ามบ้านเราก็ปิดเงียบ ตอนนั้นเรากำลังจะไปอาบน้ำ พอดีได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์มาหน้าบ้าน แล้วตะโกนว่า เอาตังค์มาให้ เอาตังค์มาให้ เรารีบดึงประตูล็อกกลอนเลย คือพ่อเราปิดประตูบ้านแบบชนๆไว้อ่ะ เราสังเกตว่ามันแปลกๆไม่น่าไว้ใจอย่างแรง ด้วยเซนต์ เรามองออกไปทางประตูกระจกเราเห็นมันเดินมาอยู่ติดกับประตูเลยจอดรถมีโอ สีเลือดหมูไว้ในจุดที่มืดสุดๆ คือบ้านเรามีประตูหน้าบ้าน แบบกระจก2ทาง แล้วมีอีกประตูเป็นไม้สัก มันจะมองเข้ามาข้างในได้เพราะกระจกดำ เวลากลางคืนเราเปิดไฟคนข้างนอกจะเห็นคนข้างในแบบชัดเป๊ะ อืม มันก็ตะโกนไม่หยุดขนาดเราตะโกนไปว่าพี่ตู้เอาตังค์มาให้แล้ว มันก็ทำเป็นไม่ได้ยิน พูดไม่หยุด จะไม่ได้ยินได้ไงเราเป็นคนเสียงดังมาก ขนาดมันพูดเรายังได้ยินชัดมาก แล้วโทรทัศน์ก็ไม่ได้เปิดคือเงียบสุดๆอ่ะ เรารีบไปพาตัวตาเราที่นอนอยู่ตรงที่มันเห็นเราได้ ออกมาอีกฝั่งของบ้าน เพราะเรากลัวตาเราจะไปเปิดประตู มันก็ตะโกนไม่หยุด จะให้เราเปิดประตูให้มันให้ได้อ่ะ แต่เรารู้ทันมัน ไม่มีทางเปิดแน่ เรารีบไปกดโทรศัพท์หาพ่อเราเลย แล้วเล่าให้ฟังคร่าวๆบอกว่าให้รีบกลับบ้านด่วน บังเอิญพ่อเราใกล้ถึงบ้านแล้ว มันก็ตะโกนว่างั้นมาซื้อข้าวหน่อย ทีแรกมันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วพอเราโทรศัทพ์หาพ่อมันคงได้ยินเพราะเราเป็นคนพูดเสียงดังสุดๆ มันลนมากๆอ่ะ มันพูดว่า ไปแล้ว ไปแล้ว สักพักพ่อแม่เรากลับมาเราก็เล่าให้ฟัง
ตอนนี้กำลังสืบว่าเป็นใครมาจากไหน เราบอกแม่ว่าให้บอกพี่ตู้ว่าไม่ให้คนนี้มาซื้อ เราไม่ขาย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ห้ามเปิดประตูให้คนแปลกหน้าเด็ดขาด โดยเฉพาะเวลากลางคืน
คนร้ายมักเรื่องเหยื่อที่เป็น เด็ก คนแก่ และผู้หญิง
มักใช้เงินเป็นเครื่องล่อ
แต่มันหารู้ไม่ ว่าเราฉลาดกว่ามัน อิอิ

0
Mazda1st 27 พ.ย. 53 เวลา 03:14 น. 3
ผู้หญิงขึ้นแท็กซี่ระวังนะครับ
ทางที่ดี ต้องไปเปนกลุ่ม
อย่ากลับดึกๆนะครับ
ถ้าจำเปนต้องโทรสับแล้วแจ้งกับ
คนที่เรากำลังจะคุยด้วยว่าอยู่ไหนแล้ว
ขึ้นรถทะเบียนอะไร ระวังตัวด้วยนะครับ
เดี๋ยวนี้ภัยมันเยอะ

PS.  กระผมไม่ตอบโต้ เพราะคุณแม่ขอร้อง >o<
0
อาม 27 พ.ย. 53 เวลา 07:52 น. 4

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ประมาณเดือนที่แล้ว

ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่ง

หนึ่ง มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนแจกใบปลิว

ให้กับผู้คนที่เดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้

ในใบปลิวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และเธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีก

ในวันที่เกิดเรื่อง

ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากห้างฯ เพื่อไปยังที่จอดรถเมื่อถึงที่จอดรถเธอ

พบว่ายางรถของเธอแบนไปข้างหนึ่ง

โชคดีที่เธอมียางสำรองและเครื่องมืออยู่ที่ท้ายรถ

เธอจึงเริ่มทำการเปลี่ยน

ยาง-ด้วยความไม่คุ้นเคย

ขณะนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวภูมิฐาน

ถือกระเป๋าเอกสารผ่านมา เขาได้ยื่นมือเข้ามาช่วย

เหลือ เธอมีความยินดีมาก

และไม่เกิดความระแวงเนื่องจากการแต่งกายและการพูดจา

เขาจึงได้ทำการช่วยเหลือ

เปลี่ยนยางรถจนเสร็จ

หลังจากนั้นเขาได้เก็บเครื่องมือและกระเป๋าเอกสารของเขาไว้ที่หลังรถ

เธอ เธอขอบคุณเขาจากใจจริง และกำลังจะขึ้นรถไป

เขาเอ่ยขึ้นว่าขอติดรถไปลงที่รถเขา

ที่อยู่ทางข้างหลังห้างฯจะได้มั๊ย

เธอจึงเชิญเขาขึ้นรถไปด้วยกัน

และด้วยความแปลกใจ

เธอจึงถามว่าทำไปจึงไปจอดรถที่ด้านหลังของห้างฯ

เขาเล่าว่า

" เขาได้เจอเพื่อเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน

และได้นัดกันมาทานข้าวที่นี่

ขณะที่เขาเลี้ยวรถเข้ามาในห้างฯ เขาเลี้ยวผิดทาง และสายแล้ว

เขาจึงจอดรถไว้ทางด้านนั้น."

เธอรู้สึกเอะใจ

และจำได้ว่าเขาทิ้งกระเป๋าไว้ที่ด้านหลังของรถ เธอเริ่ม

รู้สึกไม่ดี แต่เนื่องมาจากความช่วยเหลือที่เพิ่งได้รับจากเขา

จึงไม่สามารถปฏิเสธได้ในทันที

เธอจึงบอกเขา

ว่า "เธอลืมซื้อของไปอย่างหนึ่งจะรีบไปรีบมา และบอกเขาว่า

เขาสามารถนั่งรอเธอในรถได้." หลังจากนั้น

เธอรีบลงจากรถ และเข้าไปในห้างฯ

เพื่อหารปภ. และเล่าเรื่องอย่างคร่าวๆ

รปภ.ได้เดินมากับเธอที่รถ

และพบว่าผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว

เธอเปิดท้ายรถเพื่อหยิบกระเป๋าเอกสารไปที่สถานีตำรวจ

ตำรวจได้ทำการเปิดกระเป๋า

(เพื่อที่จะหาเอกสารในการส่งคืน) และพบว่าในกระเป๋าเอกสารมี เชือก , มีด , และเทปกาวขนาดใหญ่

หลังจากนั้นตำรวจได้เช็คยางรถ

และพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับยาง เพียงแต่ยางถูกปล่อยลมออกมาเท่านั้น

เธอเริ่มคิดว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากเธอมีลูกไปด้วย ?

หรือถ้าหากเธอขับรถไปส่งเขาที่หลังห้างฯจริงๆ

โชคดีอาจจะเป็นของเธอ แต่ถ้าหากผู้หญิงคนอื่นที่ไม่เอะใจล่ะ

จะเกิดอะไรขึ้น!!!!!!!!

เธอจึงทำใบปลิว

มาแจกเพื่อเป็นอุทาหรณ์

...... จงจำไว้ถ้าหากเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น กรุณาเรียกรปภ.

และจงรออยู่ภายนอกรถในบริเวณที่มีคนผ่าน

ไปมา

หรือรออยู่ภายในรถที่ล๊อคแล้ว.......

0
กกกกก 27 พ.ย. 53 เวลา 08:04 น. 5

เรื่องต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าทำไมผมจึงบอกไม่ได้


&nbsp &nbsp 


&nbsp &nbsp  ประมาณสองสัปดาห์หลังปีใหม่


&nbsp &nbsp 


&nbsp &nbsp  ภรรยาผมลางานเพื่อไปติดต่องานราชการ เสร็จแล้วแวะ Central ลาดพร้าว เพื่อหาซื้อหนังสือแนวที่เธอชอบอ่านที่ B2S ระหว่างที่กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่นั้น
&nbsp &nbsp  ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ สามสิบเข้ามาทักทาย บอกว่าชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกันและ มีหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่มที่น่าอ่านมาก การสนทนาก็เป็นไปอย่างมี มิตรไมตรีต่อกัน เพราะจากลักษณะท่าทางและการแต่งตัวดูเหมือนเป็น คนทำงานทั่วไป แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้นามบัตรภรรยาผมมา ส่วนภรรยาผม
&nbsp &nbsp  ก็ให้เบอร์มือถือเธอไปเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน การติดต่อพูดคุยก็ มีขึ้นเป็นระยะๆ และมีนัดเจอกันเพื่อให้หนังสือภรรยาผมมาอ่านแล้วก็บอกว่า จะรีบไปทำงานแต่หนังสือที่ให้มาเป็นหนังสือแนวสืบสวนธรรมดาที่ภรรยาผม เคยอ่านมาแล้ว


&nbsp &nbsp  จึงอยากจะคืนกลับไป


&nbsp &nbsp 


&nbsp &nbsp  การนัดเจอกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง


&nbsp &nbsp 


&nbsp &nbsp  แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นชวนทานข้าวเพราะเป็น ช่วงเกือบเที่ยงวันแล้ว และได้แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่ Food Center เธอบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานชอบอ่านหนังสือแนวนี้เช่นกัน ผู้ชายคนนั้น ถามภรรยาผมและผู้หญิงคนนั้นว่า จะทานอะไรจะไปซื้อมาให้ ด้วยความเกรงใจ จึงทานเหมือนกันเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู
&nbsp &nbsp  แต่ภรรยาผมก็พยายามจะขอตัวไปซื้อ น้ำมาให้แต่ทางผู้หญิงคนนั้น ชิงเดินไปซื้อมาให้ก่อน พอนั่งทานไปได้ประมาณ ครึ่งชามและดื่มน้ำไปหน่อย ภรรยาผมก็เกิดอาการมึนๆ และเริ่มง่วงนอน
&nbsp &nbsp 


&nbsp &nbsp  เพียงอีก ไม่กี่นาทีต่อมา


&nbsp &nbsp 


&nbsp &nbsp  เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาประคองตัวภรรยาผม แล้วพูดบอกผู้ชายว่า คงเป็นลมช่วยพาออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย ตอนนั้น ภรรยาผมบอกว่าไม่สามารถพูดอะไรได้ ร่างกายยืนแทบไม่ไหว ระหว่างเดินผ่าน ตัวห้างมาลานจอดรถเห็นผู้ชายโทรศัพท์เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที รถตู้สีขาวก็มาจอด แล้วทั้งคู่ก็พาภรรยาผมขึ้นรถ วินาทีนั้นภรรยาผมบอกว่าเธอพยายามขัดขืนแต่ ทั้งคู่ก็ใช้กำลังพาเธอขึ้นรถแล้วปิดประตูรถ บนรถมีผู้ชายสองคนนั่งมาในรถด้วย เมื่อรถวิ่งออกจากห้างภรรยาผมพยายาม ร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีเสียงและผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเอามือมาปิดปากเธอไว้ พอรถวิ่งออกมาระยะหนึ่งผู้ชายที่เจอกันที่ Food Center เริ่มปลดเสื้อผ้าภรรยาผม เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือและต่อสู้แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง ผู้ชายอีกสองคนที่นั่ง รออยู่บนรถก็ช่วยกันถอด สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงไม่ต้องบรรยายกันอีก โดยมีผู้หญิงเป็น คนเก็บภาพเป็นระยะๆ เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ รู้สึกตัวอีกที่ภรรยาผมถูกนำ มาทิ้งที่ห้องน้ำหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสุขาภิบาลสองย่านบางกะปิ
&nbsp &nbsp 


&nbsp &nbsp  ผมไปรับเธอแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น


&nbsp &nbsp 


&nbsp &nbsp  เธอไม่พูดอะไรได้แต่ร้องไห้และไม่ไปทำงานอีกเลย นั่งซึมอยู่กับบ้าน สามวันต่อมาคุณแม่ของภรรยาโทรมาบอกว่ามีจดหมายลงทะเบียนส่งมาที่ บ้านให้ไปรับผมก็ไปรับ แล้วเปิดออกดู มีภาพถ่ายพร้อมขอเงินสดสี่แสนบาทเป็นค่าฟิล์มและ ภาพถ่ายทั้งหมด ผมพูดไม่ออก ทุกความรู้สึกวิ่งพุ่งเข้ามาในใจ สับสน เสียใจ แค้นใจ เจ็บใจ ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อและเพื่อนท่านที่เป็นนายตำรวจ มีความเห็นเหมือนกันว่าต้องแจ้ง ความกับตำรวจ เพราะเงินสี่แสนครอบครัวเราคงหามาให้ได้ยาก ผมกับภรรยาเป็นเพียงลูกจ้าง กินเงินเดือนเท่านั้น
&nbsp &nbsp 


&nbsp &nbsp  ในวันส่งเงินตามนัดหมายตำรวจกองปราบวางแผนอย่างดีและสามารถจับ พวกเดนสังคมได้สองคนได้ฟิล์มและภาพจำนวนหนึ่ง
&nbsp &nbsp 


&nbsp &nbsp  และตำรวจกำลังตามจับพวกที่เหลืออีก สามคน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภาพถ่ายยังคงมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า ซึ่งหลังจากพวกมันถูกจับผมก็ ได้รับโทรศัพท์ขู่ว่าจะภาพลง internet สองครั้ง ทุกวันนี้ภรรยาผมไม่ได้ทำงานอีกแล้ว อยู่บ้านด้วยอาการซึมเศร้าและไม่ต้องการ พบปะกับใครเลย ส่วนผมก็ไม่กล้าออกไปไหนเช่นกันทำงานเสร็จก็กลับบ้าน ชีวิตความเป็นอยู่ มีแต่ความกลัว ระแวง คิดมาก เหมือนเป็นโรคประสาท ผมจึงอยากฝากบอกเรื่องราวของ ผมให้เป็นข้อมูลกับทุกคน ทุกวันนี้การหากินบนความทุกข์ร้อนของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา ไปแล้วครับ ขอบุญกุศลในการให้ข้อมูลนี้ ทำให้ชีวิตครอบครัวผมดีขึ้นด้วยเถอะ

0
white-ruff 27 พ.ย. 53 เวลา 09:50 น. 6

จิตใจดูไม่สมควรเกิดเป็นมนุษย์เลย

สมัยนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิงต้องระวังตัวให้มาก  ทุกคนต้องระวัง

ภัยหลากหลายรูปแบบจริงๆ

ขอบคุณนะคะที่เอามาให้อ่าน


PS.  บทความแปลเพลงของเราเองจ้า http://writer.dek-d.com/white-ruff/writer/view.php?id=649220
0
แบ่งปันเรื่องราวเตือนภัยกันนะ 28 พ.ย. 53 เวลา 20:10 น. 7

ประสบการณ์นึงของเราเมื่อปีที่แล้วตอนเรียนอยู่ม.ปลาย
เราไปเดินห้างกับเพื่อน
แล้วมีผู้หญิงวัยกลางคนเดินมาทางพวกเรา
แล้วทำหน้าตาหน้าสงสารมาก เสียงอ่อยๆๆ
บอกว่า หนูมีบัตรประชาชนไหม
คือป้าจะซื้อโทรศัพท์มือถือแต่ลืมเอาบัตรประชาชนมา(ซื้อโทรศัพท์ต้องใช้บัตรปชช.ด้วย เพิ่งรู้)
เพื่อนที่รออยู่มันซื้อแล้ว ป้าอยากได้มากเลยยยย.
ขอยืมบัตรประชาชนหนูหน่อย
เราก็รู้ทัน บอกว่า ไม่ได้เอามา
คิดดูนะ แม่งปัญญาอ่อน โกหกไม่เนียนเลย
สงสัยคิดว่าเราเป็นเด็กอนุบาลมั้ง
เรายังไม่รู้เลยว่ามันจะเอาบัตรประชาชนเราไปทำไมว่ะ
ใครรู้ตอบหน่อยดิ่

0
ยอแสงตะวัน 28 พ.ย. 53 เวลา 20:28 น. 8
>>>>สัตว์นรก มันหลุดมาแล้ว
รูปคนร้าย ข่มขืน ถ่ายคลิป สาวๆระวังไว้
เพื่อนๆคะ
เรามีเรื่องอยากเล่าไว้เพื่อเตือนใจลูกผู้หญิงทุกคน
ช่วยฟอเวิดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นะคะ
เราอยากให้เราเป็นรายสุดท้าย...
เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดว่า
เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองทุกครั้งที่เราได้รับFWD
เมลมาเราเกิดความรู้สึกร ำคาญและกดลบทิ้ง
ทำให้เวลามีการเตือนอะไรเราก็ไม่เคยสนใจไม่เคยรับรู้ว่ามี“
ภัยสังคม”รอบตัว
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเราไปรู้จักผู้ชายคนนี้ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งโดย
บังเอิเราไปกับเพื่อนผู้หญิงหลายคนทั้งๆ
ที่ป กติ เราก็ไม่ได้เป็นคนเที่ยวกลางคืนนะ
แต่วันนั้นเรามีนัดพบเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่ไม่ได้เจอกันนาน
และเสียงโหวตของคนอยากไปที่นี่ก็มากกว่า
เราก็เลยต้องไปเจอเพื่อนที่นั่นทั้งๆที่ไม่ได้อยากไปเลย
เพื่อนเราหลายคนก็พาแฟนมาเปิดตัวซึ่งเราเองไม่เคยมีแฟน
เราไปคนเดียวก็ไม่ได้คิดอะไรมากก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนไม่เจอกันนาน
แต่เราก็นั่งได้ไม่นานเริ่มรู้สึกอยากกลับบ้านเพราะว่าเหม็นกลิ่นบุหรี่มาก
(เราเป็นภูมิแพ้)และเราก็ไม่ชอบเสียงหนวกหู
พูดกันก็ต้องตะโกนอ่ะเลยบอกเพื่อนๆว่า
ขอตัวกลับก่อนเอาไว้วันหลังค่อยเจอกันใหม่
แฟนเพื่อนเราคนหนึ่งก็อาสาเดินออกไปส่งขึ้นแท็กซี่
เพราะว่าไม่อยากให้เราเดินคนเดียวออกจา กร ้านไป
เพราะเราไม่คุ้นสถานที่เลย
และร้านนี้ก็ไกลจากบ้านมากๆแต่พอเราเดินออกมาจา กร ้านไม่นาน
รู้สึกตัวอีกที
เราก็ตื่นขึ้นมาอีกทีอยู่บนเตียงในโรงแรมแล้ว....
เรามองตัวเอง...ในสภาพเปลือยล่อนจ้อน...เนื้อตัวเป็นจ้ำๆ
เรารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรายังกะหนังไทยเลยเนอะ
แต่มันคือเรื่องจริงนี่คือตัวเรานี่เราหรือเนี่ย...
เราไม่คิดว่าครั้งแรกของเราที่ทนุถนอมมากว่ายี่สิบปีจะต้องมอบให้แก่!
นรกตัวี้เรารวบรวมสติได้ในเวลาอันรวดเร็ว
บอกกับตัวเองว่าเราไม่สามารถย้อนเวลาคืนมาได้แล้วเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไร
ขึ้นกับราอีก
ถ้านาย!นรกตัวนี้ตื่นขึ้นมา...
เราอาจจะถูกมันข่มขืนอีกก็รอบได้
เราเลยรีบแต่งตัวแล้วหวังจะออกจากโรงแรมให้เร็วที่สุดก่อนที่มันจะตื่น
เราจะวิ่งๆๆเอาร่างอันโสมมของเราไปให้พ้นจะสถานที่แห่งนี้ให้
ได้เราจะต้องเอาเรื่องมันเราจะบอกที่บ้านอย่างไรดี....
ป่านนี้พ่อแม่เราจะห่วงขนาดไหนที่ลูกไม่กลับบ้านทั้งคืนโดยไม่ติดต่ออะไร
เลยเราจะแจ้งความดีไหมเพื่อนเรารู้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น
สารพัดคำถามที่เกิดขึ้นในใจของเรา
ทันใดนั้น..เราก็เห็นโทรศัพท์มือถือและ กร ะเป๋าสตางค์ของมัน
เราเลยรีบคว้าติดตัวออกมาด้วยหวังเป็นหลักฐานให้รู้ชื่อ–
ส กุล ว่ามันคือใครที่อยู่
เบอร์มือถือที่จะติดต่อเอาเรื่องมันได้เมื่อเราแต่งตัวเสร็จ
เราเลยคว้าเอาออกมาด้วย
ระหว่างทางที่นั่งแทกซี่เราร้องไห้ตลอดทางจนคนขับถามเราว่า
“หนูๆเป็นอะไรรึปล่าว”เราได้แต่ตอบไปว่าไม่ได้เป็นอะไร
เพิ่งเลิกกับแฟนเฉยๆ(จะให้เราบอกอย่างไร
ว่าเราเพิ่งถูกข่มขืนมา...)
ระหว่างนั้นเราได้ยินเสียงคนขับหวังดีคอยพูดปลอบใจเราแต่ฟังไม่ได้ศัพท์
เท่าไรนั
เพราะในใจครุ่นคิดแต่เรื่องที่เราจะต้องบอกพ่อแม่เมื่อ
เรากลับถึงบ้านให้ได้ว่าเราเป็นอะไร
ทำไมไม่กลับบ้านเรา...ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
เราบอกให้คนขับแวะร้านขายยาซื้อโพสตินอร์มา
เราไม่เคยคิดเลยว่าเราเองคนนี้นะหรือ
ที่เคยรู้สึกภาคภูมิใจกับความบริสุทธิของตัวเอง
เรานี่หรือที่เคยรู้สึกเย้ยหยันลูกผู้หญิงด้วยกันเวลาที่พบ กร ะทู้ตามเวบ
บอร์ดว่าาอะไรกินป้องกันการท้อง
หลังการมีเพศสัมพันธ์ได้
เราเคยขยะแขยงคนเหล่านี้เพราะมองแต่เพียงว่า
เขาเหล่านั้นไม่รักนวลสงวนตัวรักสนุกเพียงชั่ววูบ
แต่ก็เรานี่แหละที่วันนี้ต้องกลับมาเป็นฝ่ายกล้ำกลืนบอกคนขายยาว่าต้องการ
ยาโพสตนอร์...คนขายหยิบให้เราด้วยคำพูดว่า“น้อง..
ทีหลังกินยาคุมดีกว่านะมดลูกจะได้ไม่พัง”
ด้วยสายตาเหยียดหยามอยู่ไม่น้อย...
แล้วเราจะทำอย่างไร..เราจะบอกเขาได้อย่างไร
ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเรา..
เราได้แต่ก้มหน้ารับสภาพไป.....
เราขึ้นแทกซี่คันเดิมที่จอดรออยู่ให้ขับส่งไปถึงที่บ้าน
เมื่อถึงบ้านวันนั้นเป็นวันเสาร์
พ่อแม่เราไม่ได้ออกไปทำงานเรารีบบอกพ่อแม่ว่าเป็นลม
มีคนนำส่งรพ.ติดต่อพ่อแม่ไม่ได้นี่เพิ่งฟื้นกลับมา
พอดีใน กร ะเป๋ามีเบอร์เพื่อนที่รพเขาเลยตามเพื่อนมาได้คนนึง
มารับตัวและจ่ายค่ารักษาไปแล้ว
เราไม่รู้ว่าเขาเชื่อหรือไม่แต่เราคิดออกได้เท่านี้จริงๆ...
และรีบบอกพ่อแม่ว่าขอไปนอนพักที่ห้องนอนก่อนพอขึ้นห้องนอน
เรารีบหยิบเอามือถือและ กร ะเป๋าสตางค์ของนาย!นรกนั่นออกมาดู
แล้วเราก็ต้องตกใจที่พบว่าตัวเองเป็นกำลังเป็นนางเอกคลิปวิดิโออยู่
มัน...มันถ่ายคลิปเก็บไว้เพื่ออะไร
เพื่ออวดคนเพื่อแบลคเมล์เราหรืออะไร..
และไม่ใช่แค่เราคนเดียวยังมีเพื่อนเราในนั้น
มีคนอีกเกือบสิบคนที่ตกในสภาพเดียวกับเรา
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนเราคนนี้พยายามคะยั้นคะยอนัดพบเพื่อนเก่าเพื่อ
ให้แฟตัวเองได้ลิ้มรสชาติใหม่ๆ
หรือปล่าวเนี่ยเราเลยโทรไปถามเพื่อนเรา
เหมือนเพื่อนเราจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมันไม่ยอมรับโทรศัพท์
และเลิ กติ ดต่อกับเราอีกเลยเล่ามาถึงจุดนี้
อยากให้เพื่อนๆทุกคนระวังตัวให้ดีอย่าไว้ใจเพื่อนตัวเอง
อย่าให้ใครไปส่งเราตามลำพังและหากเกิดอะไรขึ้นต้องมีสติ
หากมีโอกาสหยิบมือถือหรือ กร ะเป๋าสตางค์มันออกมาพร้อมกับตัวด้วยก็
ได้เผื่อจะได้มีหลักฐานให้รู้ว่ามันคือใคร
เรากล้าพิมพ์เพราะเราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
ตอนนี้เรากำลังจะไปเรียนต่อที่อเมริกา
ป้าเรามีร้านอาหารที่นี่และคิดว่าจะทำงานที่นี่เลย
คงไม่ต้องได้พบเจอกับมันอีกเราจึงกล้าเล่าให้ฟัง
และมันก็คงทำมาเยอะจนจบมือใครดมไม่ได้หรอกว่าเราคือใครเว้นแต่จะถามจาก
เพื่อนเรานนั้นแต่เราส่งข้อความไปให้เพื่อนเราว่า
ถ้ามันบอกว่าเราคือใคร
เราก็จะเอาคลิปของมันออกเผย แพร ่เช่นกัน
เราขู่มันไปให้สมกับความชั่วที่มันทำกะเรา
เราก็ไม่แคร์แล้วเพราะว่าเรามีหลักฐานคือ
คลิปวิดิโอที่พร้อมเล่นงานมันทุกเมื่อ

ใครพบเห็นบุคคลใครในภาพข้างล่างช่วยจำหน้ามันไว้ เจอมันที่ไหนอย่าปล่อยให้มันรอด ภัยสังคมอย่างนี้เราไม่ควรจะปล่อยเอาไว้ถ้าเราทำเป็นไม่รุ้ไม่เห็นแล้วใครล่ะ? ที่จะเป็นเหยื่อรายต่อไปของมัน
ฝากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวบอร์ดประมูลด้วยนะคับ ภัยสังคมเช่นนี้ยังมีอีกเยอะ

0