(ช่วงสอบ) ช่วยเราติววิชาอารยธรรมตะวันตกสมัยใหม่หน่อย ;__; มึนแล้วฮับ
ตั้งกระทู้ใหม่
สมัยการฟื้นฟูศิลปวิทยาจนถึงยุคภูมิธรรมนะจ๊ะ
สมัยก่อนยุโรปแกปกครองกันด้วยระบอบฟิวดัล กระจายอำนาจจากกษัตริย์ไปยังขุนนางและคนอื่นๆ อำนาจของกษัตริย์จึงบอบบางอยู่สักหน่อย
แถมฝ่ายศาสนจักรยังเข้ามาป้วนเปี้ยน คือมีอำนาจในทางอาณาจักรด้วยว่างั้น จะตั้งกษัตริย์ ตั้งอะไรสักอย่างต้องได้รับการเห็นชอบจากสันตปาปาเสียก่อน
เราจึงพอสรุปได้ว่า เกิดเป็นกษัตริย์ช่วงนั้นนี่เป็นแค่ในนามชัีดๆ - -" ยกตัวอย่างเช่น กษัตริย์แปแปงแห่งฝรั่งเศส เมื่อก่อนเป็นขุนนางธรรมดา แต่จะสู้กับกษัตริย์คนเก่าก็เอานักบวชมาเป็นพวก ในที่สุดก็ชนะ ลูกของแปแปงก็ได้ขึ้นมามีอำนาจไ้ด้เพราะสันตปาปาหนุนแท้ๆ
ต่างฝ่ายต่างหนุนกันว่างั้นเถอะ กษัตริย์ให้ศาสนาหนุนให้มีอำนาจ ศาสนาก็มีบทบาทในอาณาจักร (สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็มีปัญหากันเพราะเรื่องนี้จนได้ -*-)
ช่วงนั้นศาสนาก็ครอบงำคนได้มาก เพราะบอกว่านักบวชเป็นสื่อกลางระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ นักบวชจึงมีโอกาสตีความ บิดเบือนคำสอนในคัมภีร์ได้ตามใจชอบ ส่วนผู้คนก็เชื่อเรื่องบาปกำเนิด คือเชื่อว่าเกิดมาดีได้แค่นี้แหละ T^T ไม่พัฒนาอะไรทั้งสิ้น พระเจ้ากำหนดมาให้เราเป็นเช่นนี้เราก็จะ้เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เชื่อว่าถ้าก้มหน้าก้มตาทำความดีต่อไป ตายไปก็ได้ไปสู่ดินแดนของพระเจ้า ไม่สนใจเรื่องโลกปัจจุบัน
กระทั่งเมื่อเกิดสงครามครูเสด คริสตศาสนา VS ศาสนาอิสลามรบกันแย่งดินแดนเยรูซาเล็ม ชาวเติร์กอิสลามพยายามเข้ามาแผ่อำนาจในยุโรป และจะยึดไบแซนไทน์ในโรมันตะวันออก จักรพรรดิประจำเมืองจึงไปขอความช่วยเหลือจากสันตปาปา ที่ออกประกาศว่า ใครไปรบละก็ตายไปจะได้ไปดินแดนของพระเจ้า ทาสที่ดินคนไหนไปรบชนะจะหลุดพ้นจากการเป็นทาส คนก็แห่ไปรบกัน
และการไปรบนี้ทำให้คนพบสินค้าใหม่ๆจากตะวันออก เกิดตลาดตามจุดพักต่างๆแถวอิตาลี (เวนิส มิลานเทือกๆนั้น) เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ไหนจะไปเจอศิลปะ วรรณกรรมกรีกโรมันอีก เหล่านักรบแกก็ทึ่งในฝีมือมนุษย์ (ก็แกคิดแต่จะไปโลกหน้าอยู่ร่ำไปนี่นะ เลยไม่ได้ใส่ใจศิลปะ) เป็นต้นกำเนิดแนวคิดมนุษยนิยมที่เป็นสาเหตุหลักให้เกิดการฟื้นฟู
ผิดถูกตรงไหนแก้ได้เลยนะคะ ;_; ถือว่าช่วยหน่อย อ่านจนหัวกระจุยแล้ว ใครจะเสริมเติมแต่งอะไรตามสะดวกนะฮะ
PS. เพราะคนเรามีเวลาเพียง 20,000 วัน :]
7 ความคิดเห็น
การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง คือ พวกขุนนางที่แห่ไปรบก็ไปตายบ้างสาบสูญบ้าง กษัตริย์เห็นจังหวะดีก็เอาที่ดินคืน รวมอำนาจเอาดื้อๆ ได้พวกชนชั้นกลางที่เป็นพ่อค้าช่วยด้วยเพราะคนพวกนี้เห็นว่าถ้าให้ขุนนางมามีบทบาทอีก ก็ค้าขายไม่ขึ้นสิฟะ - -* เริ่มมีรัฐชาติ กษัตริย์พยายามสร้างอำนาจให้ตน หนีศาสนจักร (ใครจะไปอยากอยู่ใต้อำนาจตลอดไปเนาะ - -)
เศรษฐกิจ เด่นๆเลยคือค้าขายดีขึ้น มีการแลกเปลี่ยนสินค้า อิตาลีเลยมีพ่อค้ารวยๆมากมายอย่างตระกูลเมดิซี่ที่มีธนาคาร 16 แห่ง (- - รวยโพดๆ) จากเมื่อก่อนเน้นเลี้ยงตัวเองเดี๋ยวนี้เป็นเศรษฐกิจแบบพึ่งพา หมุนเวียนเงิน ชนชั้นกลางเติบโตเอาๆ
สังคม พี่คิงแกยึดที่ดินคืน ในเมืองก็มีการค้าขายเติบโต คนก็แห่ไปเมือง พวกชนชั้นกลางที่ทำงานเป็นเวลา มีตังค์หน่อยก็พอเจียดเวลาว่างๆมาศึกษาดูศิลปะ เอาเงินสนับสนุนตรงนี้ คนพวกนี้บางคนไปรบกลับมาเห็นความเจริญ ความสวยงามที่โรมันก็คิดขึ้นได้ว่า แหม่ๆ ทำไมเราต้องรอไปสุขเอาโลกหน้าด้วยเล่า มาสร้างความสวยงามให้โลกในปัจจุบันกันเถิดพี่น้อง ช่วงนั้นเกิดแนวคิดมนุษยนิยมพอดีนิ ว่าแล้วก็เกิดการสร้างศิลปะ
นอกจากนี้ยังมีปราชญ์จากกรีก-โรมันหนีสงครามมาเข้าเมือง ก็สอนภาษา หนังสือหนังหาแก่คนทั่วไป คนจึงเริ่มฉลาดขึ้น
PS. เพราะคนเรามีเวลาเพียง 20,000 วัน :]
แนวคิด
ช่วงนั้นแนวคิดมนุษยนิยมมาแรง เว้ากันซื่อๆืืคือแนวคิดนี้มุ่งเชิดชูฝีมือมนุษย์ ทำนองว่าจริงๆแล้วคนเรามีฝีมือนะเฟ้ย แสดงฝีมือกันออกมาทางด้านศิลปะ วรรณกรรม หรืองานต่างๆกันเถอะทุกคน คนเรามีศักยภาพเท่าเทียมกัน มีศักดิ์ศรีทุกคน (เมื่อก่อนเวลามีคนได้ดีก็พวกชนชั้นสูงตลอด) พวกชนชั้นกลางรับแนวคิดนี้ไปใช้ (แนวคิดนี้อารมณ์ประชาธิปไตยหน่อยๆ คือคนเท่าเทียมกัน)
จริงๆพวกมนุษยนิยมไม่ได้ต่อต้านศาสนา แต่มุ่งเน้นปฏิรูปให้ดีขึ้น มีนักแปล แปลคัมภีร์เป็นภาษาถิ่นให้คนอ่านกันได้ จึงไม่จำเป็นต้องตีความผ่านนัีกบวชอีกต่อไป พระเจ้าอยู่ทางธรรม ศิลปะอยู่ทางโลก ไปด้วยกันได้ :)) พวกนี้ชอบวิเคราะห์โน่นนั่นนี่ ซึ่งสร้างนิสัยที่ดี มุ่งสู่ยุคเหตุผลต่อไป
แนวคิดปัจเจกนิยม คล้ายๆข้างบนแต่เน้นความสำคัญของแต่ละคน คนจึงมั่นใจมากขึ้น
แนวคิดธรรมชาตินิยม* ตอนนี้ไม่บูมนักไปบูมเอาตอนยุคเหตุผล
การมองโลกแง่ดี ทำให้คนสร้างสรรค์งานได้หลากหลายมากขึ้น ออกกรอบศาสนา สนใจเรื่องโลกปัจจุบัน
PS. เพราะคนเรามีเวลาเพียง 20,000 วัน :]
มีการประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ที่ทำให้ความรู้กระจายเร็วขึ้น ไปมีบทบาทสำคัญเอาตอนปฏิรูปศาสนาเหมือนกันนะ ตอนมาร์ติน ลูเธอร์และศาสนจักรตอบโต้กัน การประดิษฐ์เครื่องพิมพ์นี้ไปลดบทบาทของนักบวชด้วยนะ เพราะความรู้ เนื้อหาในคัมภีร์มันกระจายเร็ว
วรรณกรรม ฝั่งนี้ก็ไม่หยอก สะท้อนความสุข-ทุกข์ของผู้คน (เมื่อก่อน ยังยึดติดศาสนา เขียนให้ทุกข์ตะพึดตะพือ คนจะได้ปลง หวังสุขโลกหน้าอย่างเดียว) มีนักเีขียนออกมาเขียนเสียดสีศาสนามากมาย
ศิลปะ ดาวินชี, แองเจโลก็มาบูมช่วงนี้ เขียนงานศิลปะตีแผ่เรื่องราวมนุษย์
วิทยาศาสตร์ก็มาแรงไม่แพ้กันเนาะ เรื่องจักรวาลวิทยานี่มีคนสนใจจะเปลี่ยนแปลง ตะก่อนเขาเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลาง (ก็พระเจ้าสร้างโลกมา โลกจะไม่เป็นศูนย์กลางได้อย่างไร) โลกแบนด้วย แต่ต่อมา นิโคลัสบอกว่าโลกกลมตะหาก เค็ปเลอร์สานต่อแนวคิดนี้ทันทีแต่ก็โดนจับ - -" (คิดต่างไม่ได้สินะ) กาลิเลโอประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ทำให้ย่นระยะของมนุษย์กับนอกโลกใกล้เข้ามาอีก
นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้เท่มาก กล้ามาก ที่กล้าขวางแนวคิดเก่าๆ
แนวคิดเก่า VS แนวคิดใหม่
เมื่อก่อน - เชื่อในบาปกำเนิดอย่างที่บอกไปแล้ว คนคิดว่าเกิดมาแบบนี้เพราะมีบาป ก้มหน้าก้มตาใช้บาปซะตายไปจะได้เกิดในดินแดนของพระเจ้าซึ่งเป็นภพภูมิที่ดี การมีชีวิตในโลกนี้คือการไถ่บาปกำเนิด (นักบวชบางคนเห็นช่องดีก็ขายใบไถ่บาปเสียเลย คนรวยจึงซื้อมามากๆ กลายเป็นว่า มีเงินก็สบายว่างั้นเถอะ เงินซื้อความดีได้ ปัญหานี้นำไปสู่การปฏิรูปศาสนาจังๆ) ไม่ควรแสดงบาปกำเนิดให้ใครรู้จึงต้องไปสารภาพบาปแก่บาทหลวงตามลำพัง คนไม่สนใจเรื่องอื่นๆ ไม่พัฒนาโลกปัจจุบัน
ยุคฟื้นฟู - แนวคิดมนุษยนิยมมาหักล้างแนวคิดเก่า สอนให้คนมีศักดิ์ศรี ให้เชื่อว่าคนมีศักยภาพ กำหนดชีวิตตนได้ ไม่ต้องพึ่งนักบวช ถามว่าตนต้องการอะไรไม่ใช่พระเจ้าต้องการอะไร
PS. เพราะคนเรามีเวลาเพียง 20,000 วัน :]
การค้นพบทางทะเล
เกิดขึ้นเพราะคนเริ่มมีแนวคิดใหม่ๆ เชื่อมั่นในศักยภาพตัวเอง อยากรู้อยากเห็นว่ามีโลกอีกด้านจริงๆหรือเปล่า รวมถึงมีเข็มทิศ เรือก็ทันสมัยขึ้นก็เกิดฮึดอยากออกสู่โลกภายนอกบ้าง เมื่อก่อนพี่แกเชื่อว่าทะเลมีสัตว์ร้าย โลกแบน เดินเรือไปเดี๋ยวก็ตกทะเลตายเลยไม่ยอมออกกัน พอดีทฤษฎีโลกกลมมันมา เลยมีกำลังใจจะออกไป
อีกประเด็นที่กดดันให้ต้องออกเดินเืรือคือ เติร์กมุสลิมมายึดไบแซนไทน์ ลามมามีอิทธิพลกับอียิปต์ เส้นทางการค้าเก่าๆถูกยึดครองเก๊าะอันตราย เลยต้องหาเส้นทางใหม่
โปรตุเกสเป็นประเทศแรกที่ออกทะเล แต่หลังจากนั้นก็ตบตีกับสเปนเพราะจะแย่งอาณาเขตกัน สันตปาปาต้องเข้ามาเป็นกรรมการเพราะทั้งสองประเทศเป็นศาสนิกชนที่ดี
ยุคนี้ค้นพบทวีปอเมริกา เรียกว่าโลกใหม่ โคลัมบัสแกนึกว่าดินแดนนี้คือเอเชีย เรียกคนที่นั่นว่าชาวอินเดีย (แกก็ตายไปทั้งที่ยังคิดแบบนี้แหละนะ - -") การเข้าไปของคนเหล่านี้ไปทำลายวัฒนธรรมของชาวเมือง เกณฑ์เอาคนดำไปเป็นแรงงานทาส
อย่างไรก็ดี จากการออกสำรวจทางทะเล ยุโรปก็ได้สินค้าตามที่ต้องการมากมาย เรียกว่าโคตรรรรคุ้ม ทั้งพวกเครื่องเทศ ยาสูบ
PS. เพราะคนเรามีเวลาเพียง 20,000 วัน :]
ความเน่าเฟะของศาสนาก็เป็นสาเหตุหลักๆเลยฮะที่ทำให้ถูกปฏิรูป นักบวชขายใบไถ่บาปได้เงินเป็นกำๆ ซื้อขายตำแหน่ง ไหนจะเรียกเก็บเงินจากชาวบ้าน ทั้งเรียกตรงๆและเรี่ยไร ชาวบ้านแกก็จนเอาๆเพราะจ่ายไปร่วมๆ 50% ทางอาณาจักรก็เคืองๆเพราะแทนที่จะเอาเงินมาบำรุงบ้านเมืองก็ทำไม่ได้
ต่อมา สันตปาปาที่โรมตาย กษัตริย์ฝรั่งเศสแกก็ตั้งสันตปาปาองค์ใหม่ขึ้นโดยไม่ได้รู้เล้ยว่าทางโรมเขาก็ตั้งสันตปาปาเหมือนกัน เลยกลายเป็นมีสององค์ แย่งอำนาจกันนัว ยิ่งเห็นยิ่งเสื่อม ศาสนจักรเองก็เข้าไปยุ่งกับเรื่องบ้านเมืองมากไป อาณาจักรจึงรู้สึกอึดอัด ไม่เป็นอิสระ
หลักมนุษยนิยมเข้ามา พยายามหาแก่นที่แท้จริงของศาสนา รู้กลโกงของศาสนจักร พวกนี้แปลคัมภีร์ให้ชาวบ้านอ่านได้ ชาวบ้านจึงไม่ต้องพึ่งนัีกบวชอีกต่อไป
มาร์ติน ลูเธอร์แกดังเพราะเรื่องปฏิรูปศาสนานี่เอง แกเชื่อว่าต้องศรัทธาอย่างจริงใจต่อพระเจ้าจึงจะนำไปสู่ความหลุดพ้น แนวคิดนี้ลูเธอไปได้มาตอนร่ำเรียนกับสำนักออกุสติน ซึ่งได้มานักบาทหลวงเซ้นท์ปอลล์อีกที ขณะเดียวกัน นักบุญออไพนัสก็บอกพิธีกรรมสำคัญที่สุดจ้ะ ซึ่งแนวคิดนี้รุ่งเรืองเสียด้วยนะ
เหตุการณ์ที่ทำให้มาร์ตินเคลื่อนไหว เพราะมีนักบุญโดมินิกันมาขายใบไถ่บาปถึงเยอรมันบ้านเกิด และชาวบ้านก็ดันบ้าจี้ซื้อซะด้วย - -" มาร์ตินโกรธมากเขียนคำคัดค้าน 95 ข้อขึ้นมาแปะตามประตูโบสถ์ ตีพิมพ์แจกจ่าย ทำให้สันตปาปาลีโอที่สิบโกรธมาก สั่งให้มาร์ตินถอนคำคักค้านแ่ต่อีกฝ่ายไม่ยอมทำ (ก็แน่ล่ะ -_-) แถมยังเขียนหนังสือมาโจมตีอีัก ฝ่ายสันตปาปาช่วงนั้นง่วนอยู่กับการแต่งตั้งกษัตริย์ จนไม่มีเวลามาตีกับมาร์ติน ทำให้มาร์ตินกระจายความคิดของเขาไปได้ทั่ว
พอสันตปาปาลีโอที่สิบเลือกพระเจ้าชาร์ลทีห้าขึ้นครองราชย์ได้ก็กลับมามองปัญหาของมาร์ตินอีกครั้ง เริ่มคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้วล่ะ (คิดช้าไปนะฮะ - -) บังคับให้มาร์ตินรับผิดในเวลาสองเดือนไม่งั้นจะถูกขับออกจากศาสนาเป็นคนนอกรีต มาร์ตินก็ประชดเผาอาชญบัตรเสียเลย - -จึงถูกขับออกจากศาสนาจนได้
ต่อมามีการเชิญตัวมาร์ตินไปให้ปากคำ ซึ่งเขาก็ให้ได้หมด แต่ถูกประกาศให้เป็นคนนอกกฏหมาย (โคตรซวยอ่ะ ;_;)
เกิดนิกายโปรแตสแตนท์ขึ้น มีรากฐานจากความคิดของนักบุญปอลล์และนักบุญออกุสติน ศรัทธาอย่างจริงใจต่อพระเจ้า ไม่เน้นพิธีกรรม มีคัมภีร์เป็นสื่อกลางระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ (ก็ได้พวกมนุษยนิยมนี่แหละจ้ะที่เน้นให้คนอ่านออกเขียนได้ อ่านคัมภีร์เองได้)
นิกายคาลวินนิซึ่ม คือนิกายที่เกิดถัดมา เน้นเรื่องบาปติดตัว จะรอดจากนรกได้ต้องมีพระเจ้ากำหนด พระเจ้าคือผู้กำหนดชะตากรรมของมนุษย์ อย่าทำบาปเพราะมีบาปมากอยู่แล้ว อย่าเอาบาปใส่ตัวเพิ่ม คนจึงเคร่งศาสนาเพราะเชื่อว่าจะรอดได้ต้องเป็นคนที่พระเจ้าเลือก คนจึงขยัน อดออม มีเงินทุน เป็นพื้นฐานทุนนิยม ลัทธินี้เชื่อว่าคนเท่าเทียมกัน มีหน้าที่รับใช้พระเจ้า คนจะรอดได้ก็ต้องอาศัยศักยภาพของตนทำให้พระเจ้าเลือกให้ได้ (ก็ไปสอดคล้องกับแนวมนุษยนิยมอีก)
การปฏิรูปศาสนานี้ทำให้คนคิดเป็น ใช้วิจารณญาณนับถือศาสนาเองได้ การตีพิมพ์ ตีความพระคัมภีร์ การอ่านออกเขียนได้ทำให้คนฉลาดขึ้น
PS. เพราะคนเรามีเวลาเพียง 20,000 วัน :]
ยาวจริงๆ ;_;!
PS. [สถานะ:: มันเป็นเรื่องของโชคชะตา...]// กฎหมาย...ถ้าคนไม่เคารพ มันก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ // It's our "Destiny" // อ๊างงงค์~~~
ขอให้สอบได้เกรดดี ๆ นะครับ
PS. Part-time warrior
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?