ครอบครัวเชลยชาวลาวเวียงในเมืองไทย
สตรีชาวลาวเวียงในสระบุรี
แม่หญิงลาวกับไหปลาร้า
ครอบครัวเชลยชาวลาวเวียงจันทน์ถูกกวาดต้อนเข้ามาไทยในการตีเมืองเวียงจันทน์ครั้งที่ 1 ปีพ.ศ. 2321 จากนั้นถูกกวาดต้อนเข้ามาอีกในการตีเมืองเวียงจันทน์ครั้งที่ 2 ปีพ.ศ. 2335 และถูกกวาดต้อนเข้ามาเป็นครั้งที่ 3 ปีพ.ศ. 2369 - 2371 แต่ในสงครามตีเมืองเวียงจันทน์ครั้งที่ 3 เมื่อปีพ.ศ. 2369 - 2371 กองทัพสยามได้กวาดต้อนผู้คนทั้งหมดในเขตเมืองเวียงจันทน์เข้ามาฝั่งไทย จนเวียงจันทน์ถึงกับเป็นเมืองร้างผู้คน
การตีเมืองเวียงจันทน์มีทั้งหมด 3 ครั้งดังนี้
[แก้] การตีเมืองเวียงจันทร์ ครั้งที่ 1
การตีเมืองเวียงจันทน์ครั้งที่ 1 ปีพ.ศ. 2321 (ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าตากสินแห่งกรุงธนบุรี) หลังจากพระเจ้าตากสินมหาราชกู้เอกราชจากพม่าได้แล้ว พระองค์ทรงขุ่นข้องหมองใจกับ "เจ้าสิริบุญสาร" ผู้ครองเมืองเวียงจันทน์ เนื่องจากเจ้าสิริบุญสารช่วยเหลือพม่าในการตีกรุงศรีอยุธยา อีกทั้งเจ้าสิริบุญสารได้ผิดใจกับคนลาวด้วยกันคือ พระวอและพระตา ที่อยู่ในความคุ้มครองของธนบุรีครั้นเดือนอ้าย ปีจอ พุทธศักราช ๒๓๒๑ (เดือนธันวาคม พ.ศ. 2321) พระเจ้าแผ่นดินสยาม คือ พระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรีทรงขุ่นข้องหมองใจกับพระเจ้าศิริบุญสารแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต (นครเวียงจันทน์) เนื่องจากพระเจ้าศิริบุญสารนำเครื่องบรรณาการไปมอบแก่พระเจ้าอังวะและขอให้กองทัพพม่าไปช่วยตีพระยาวรราชภักดีที่เมืองจำปานคร (หนองบัวลำภู) ซึ่งเป็นกบฏต่อกรุงศรีสัตนาคนหุต (นครเวียงจันทน์) พระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรีจึงโปรดให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ กับเจ้าพระยาสุรสีห์ฯ ยกกองทัพบกจำนวน ๒๐,๐๐๐ ออกจากรุงธนบุรี ขึ้นไปตั้งประชุมพลที่เมืองนครราชสีมา จากนั้นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ ให้เจ้าพระยาสุรสีห์ฯ แยกทัพลงไปกรุงกัมพูชา เกณฑ์กองทัพ ๑๐,๐๐๐ และต่อเรือรบ เรือไล่ แล้วให้ขุดคลองอ้อมเขาหลี่ผี ยกทัพเรือขึ้นไปตามลำน้ำโขง ไปบรรจบกองทัพบก ณ นครล้านช้างเวียงจันทน์กองทัพธนบุรีล้อมนครเวียงจันทน์ไว้ 4 เดือนถึงสามารถตีเมืองได้ เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงทราบ ก็ทรงพระโสมนัสให้มีตราหากองทัพกลับยังพระมหานคร สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จึงตั้งพระยาสุโภ ขุนนางเมืองล้านช้างให้อยู่รั้งเมือง แล้วนำครอบครัวเชลยชาวเมืองเวียงจันทน์หลายหมื่นครัวเรือน ขุนนางท้าวเพลี้ยทั้งปวง และราชบุตรพระเจ้าศิริบุญสารทั้งสามองค์คือเจ้านันทเสน เจ้าอินทวงศ์ เจ้าอนุวงศ์ กับทรัพย์สิ่งของเครื่องศาสตราวุธ ช้าง ม้า เป็นอันมาก และเชิญพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกต กับ พระบาง เลิกทัพกลับยังกรุงธนบุรีโดยพระราชกำหนด กองทัพมาถึงเมืองสระบุรี ในเดือนยี่ ปีกุนหลังจากที่ตีและเข้ายึดเมืองเวียงจันทน์ได้แล้วก็จึงกวาดต้อนครอบครัวเชลยศึกชาวเมืองเวียงจันทน์หลายหมื่นครัวเรือน ประมาณ 100,000 คน ข้ามแม่น้ำโขง มาอยู่ในเขตจังหวัดสระบุรี จันทบุรี และบางยี่ขัน ในบรรดาชาวเมืองเวียงจันทน์ที่ถูกกวาดต้อนมาก็มีโอรสของเจ้าสิริบุญสารรวมอยู่ด้วย 3 พระองค์ คือ เจ้านันทเสน เจ้าอินทวงศ์ และเจ้าอนุวงศ์
[แก้] การตีเมืองเวียงจันทร์ ครั้งที่ 2
การตีเมืองเวียงจันทน์ครั้ง 2 ปี พ.ศ. 2335 (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 ) เจ้านันทเสนผู้ครองเมืองเวียงจันทน์ ได้ยกทัพไปตีเมืองพวนและเมืองแดง พร้อมกวาดต้อนครอบครัวลาวพวนและลาวทรงดำ มาถวายเพื่อแลกเปลี่ยนกับครอบครัวชาวลาวเวียงจันทน์ที่อยู่ในไทย แต่รัชกาลที่ 1 ทรงไม่ประทานให้และทรงปลดเจ้านันทเสนออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองเวียงจันทน์ พร้อมกับทรงยกกองทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์กวาดต้อนครอบครัวชาวเวียงจันทน์เข้ามาในหัวเมืองชั้นในอีก
[แก้] การตีเมืองเวียงจันทร์ ครั้งที่ 3
การตีเมืองเวียงจันทน์ครั้งที่ 3 ปีพ.ศ. 2369 - 2371 (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3) เจ้าอนุวงศ์เจ้าเมืองเวียงจันทน์ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นต่อกรุงเทพ ได้ยกกองทัพเมืองเวียงจันทน์และกองทัพเมืองจำปาศักดิ์เข้ามายึดเมืองโคราช (นครราชสีมา) พร้อมกับยกกองทัพมากวาดต้อนครอบครัวชาวลาวเวียงจันทน์ในสระบุรีกลับคืนไปยังเวียงจันทน์ รัชกาลที่ 3 จึงโปรดให้ยกกองทัพไปปราบเจ้าอนุวงศ์ แล้วกองทัพสยามก็ได้กวาดต้อนครอบครัวชาวลาวเวียงจันทน์เข้ามาในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง การกวาดต้อนชาวลาวเวียงครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ชาวลาวเวียงถูกกวาดต้อนมา ซึ่งอาจมีครอบครัวเชลยศึกชาวลาวเวียงหลายแสนคนถูกกวาดต้อนมา และถูกจับแยกกันให้ไปอาศัยอยู่ในหลายพื้นที่ของไทย เพื่อง่ายแก่การปกครองและเพื่อไม่ให้ชาวลาวเวียงรวมกลุ่มกันได้
กองทัพสยามได้นำพาครอบครัวเชลยลาวเวียง ชาวเมืองเวียงจันทน์ข้ามแม่น้ำโขงและแบ่งแยกให้ไปอาศัยอยู่ตามที่สถานที่ต่างๆ ดังนี้
- จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดสุรินทร์ (หัวเมืองเขมรป่าดง) การยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทร์ จำปาศักดิ์จนได้รับชัยชนะ ได้กวาดต้อนชาวเวียงจันทร์มาเป็นจำนวนมาก มาอยู่ที่ ต.สิ ,ต.ขุนหาญ ,ต.ห้วยจันทน์ อำเภอขุนหาญ ต.หมากเขียบ อำเภอเมืองศรีสะเกษ ,บ้านตาอุด บ้านโสน อำเภอขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนในเขตจ.สุรินทร์ก็มีชาวลาวเวียงในเขตเมืองสุรินทร์และเมืองสังขะ
- จังหวัดสระบุรี ซึ่งน่าจะมีชาวลาวเวียงจันทน์เยอะที่สุด เพราะถูกกวาดต้อนเข้ามาตั้งแต่สงครามตีเมืองเวียงจันทน์ครั้งแรกในสมัยธนบุรี ชาวลาวเวียง คือชาวลาวจากเวียงจันทน์ ปัจจุบันมีอยู่มากที่อำเภอแก่งคอย อำเภอหนองแค อำเภอหนองแซง อำเภอวิหารแดง อำเภอเสาไห้ และอำเภอบ้านหมอ ลาวแง้ว คือชาวลาวที่มาจากชนบทชานเมืองเวียงจันทน์ ปัจจุบันอยู่ที่บ้านตาลเสี้ยน บ้านหนองระกำ อำเภอพระพุทธบาท และบางหมู่บ้านในอำเภอหนองโดน
- จังหวัดลพบุรี มีชุมชนชาวลาวเวียงในลพบุรี แต่ถูกเรียกว่า "ลาวแง้ว" เพราะชาวลาวแง้วมาจากเขตชานเมืองเวียงจันทน์
- จังหวัดราชบุรี ไทยลาวตี้ หรือไทยลาวเวียง เป็นคนเชื้อสายลาวจากเมืองเวียงจันทน์ เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเขตเมืองราชบุรี (จริงๆแล้วถูกกวาดต้อนเข้ามาในฐานะเชลยศึก) ตั้งแต่สมัยธนบุรีตลอดมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ที่เขาแร้ง อำเภอเมือง ฯ บ้านฆ้อง บ้านบ่อมะกรูด บ้านเลือก บ้านสิงห์ บ้านกำแพงเหนือ บ้านกำแพงใต้ บ้านดอนทราย บ้านหนองรี บ้านบางลาน อำเภอโพธาราม บ้านดอนเสลา บ้านหนองปลาดุก บ้านหนองอ้อ บ้านฆ้องน้อย อำเภอบ้านโป่ง บ้านนาสมอ บ้านสูงเนิน บ้านทำเนียบ บ้านเกาะ บ้านหนอง บ้านเก่า บ้านวังมะเดื่อ อำเภอจอมบึง
- จังหวัดในแถบภาคตะวันออกมีชุมชนชาวลาวเวียงกระจายกันอยู่ทั่วไป เช่น จังหวัดนครนายก อำเภอศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี อำเภอสนามชัยเขต,อำเภอพนมสารคาม,อำเภอเมือง จ.ฉะเชิงเทรา อำเภอพนัสนิคม จ.ชลบุรี
- จังหวัดอ่างทองและอำเภอบ้านไร่ จ. อุทัยธานี ก็มีชุมชนลาวเวียงเช่นกัน
- จังหวัดเพชรบุรี มีชุนชนลาวเวียงบ้านสระพัง อำเภอเขาย้อย จ. เพชรบุรี
- จังหวัดสุพรรณบุรี มีชุมชนลาวเวียงในเขต อำเภออู่ทอง จ. สุพรรณบุรี
- บางกอก หรือ กรุงเทพมหานคร ชาวลาวเวียงที่ได้ถูกนำเข้าไปอยู่ในเขตพระนคร ส่วนใหญ่จะเป็นขุนนางที่มีการศึกษาหรือไม่ก็เชื้อพระวงศ์เวียงจันทน์ทั้งหลาย ในสมัย ร.4 ชาวบางกอกนิยม "แอ่วลาว" หรือ "เล่นแคน" กันมากจนรัชกาลที่ 4 ต้องสั่งห้ามไม่ให้ชาวบางกอกเล่นแคนในเขตพระนคร ชาวลาวเวียงในเขตพระนครก็ได้เข้ารับราชการและเป็นใหญ่เป็นโตมากมาย เช่น พลเอก เชาวลิต ยงใจยุทธ หรือ แม้แต่สมเด็จย่า ท่านก็เคยกล่าวไว้ว่า ครอบครัวและญาติพี่น้องของท่านอพยพมาจากเวียงจันทน์และครอบครัวท่านก็นิยมรับประทานข้าวเหนียว
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 30 กรกฎาคม 2554 / 14:16
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 30 กรกฎาคม 2554 / 16:09
PS. รักเมืองลาว จากใจลูกหลานเจ้าหญิงลาวแห่งเมืองสระบุรี
4 ความคิดเห็น
รูปผู้หญิงถือไหที่เห็นบ่อยๆ เป็นหญิงลาวเหรอ เพิ่งรู้ *0*
PS. GiVe Me OnE mOmEnT iN TiMe
ขอบคุณมาำกสำหรับความรู้รอบตัวนะ
ว่าแล้วแถวบ้านเรา(หนองปลาดุก จ.ราชบุรี) ชอบข้าวเหนียว ชอบปลาร้า พูดภาษาลาวกันทั้งหมู่บ้าน
ทั้งๆที่ไม่ได้มาจากอีสานกัน เพราะเป็นชาวลาวเวียงนี่เอง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?