Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[Review] The Insider เล่ม 1 สงครามผู้ครอบครอง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
 
The Insider เล่ม 1 สงครามผู้ครอบครอง
ผู้แต่ง Pongwut Rujirachakorn
ราคา 190 บาท
คำโปรยปกหลัง
ในโลกที่ผู้คนถูกรุกรานจากสิ่งมีชีวิตเรียกว่า "ผู้ครอบครอง - ดิ อินไซเดอร์" นักล่าทีไอจึงถือกำเนิดขึ้น โดยมีคู่หูคนละขั้วอย่าง เดนอช กับ โบรดี้ คอยจัดการกับเหล่าตัวร้าย แต่เดนอชดันมีความลับปกปิดเอาไว้ ซึ่งเขาต้องเก็บให้พ้นจากคู่หู แถมยังต้องหนีให้พ้นสายตาจับผิดของนักล่าทีไอสุดป่วนอีกคนด้วย!

สิ่งที่คาดว่าจะได้อ่าน
เป็นเรื่องของสองนักล่าปิศาจ แต่เดนอชแท้จริงแล้วเป็นปิศาจ แต่มีเหตุผลบางอย่างทำให้ต้องจัดการพวกเดียวกันโดยปกปิดความสามารถที่แท้จริงไว้เพื่อไม่ให้เหล่านักล่ารู้
แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่ได้อ่านคือ
เรื่องราวของนักเขียน ลูกครึ่งญี่ปุนอเมริกา อเล็กซ์ ไมเออร์ ผู้ที่สามารถเดินทางไปยังโลกที่เรียกว่า "ซาเวียร์" และเขาได้นำเรื่องราวเหล่านั้นมาดัดแปลงเป็นนิยาย ทว่านิยายเรื่องนี้กลับส่งผลให้ มารุกิ เด็กชายวัย 13 ปีที่เป็นแฟนนิยายของ อเล็กซ์ ไมเออร์ เดินทางไปยัง ซาเวียร์ได้
ในขณะเดียวกันที่ซาเวียร์ อินไซเดอร์และมนุษย์ต่อสู้กันเป็นเวลานานกว่า 40 ปี โดยที่เหล่าอินไซเดอร์กำลังจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้่ ถูกไล่ต้อนจนหลังชนฝา เรื่องราวของ อเล็กซ ไมเออร์ และ มารุกิ เด็กชายชาวญี่ปุ่นที่เดินทางข้ามมิติจุดประกายความหวังให้กับเหล่าอินไซเดอร์ และกลายเป็นเรื่องที่ลุกลามใหญ่โต เมื่อพวกมันหวังเดินทางไปยังโลกที่พวกมันไม่ต้องถูกไล่ล่า
รีวิว
พงค์วุฒิ เป็นนักเขียนที่มีผลงานมาพักใหญ่แล้ว แม้จะมีผลงานออกมาหลายเล่ม แต่ผมไม่มีโอกาสได้อ่านงานของเขาเลย เมื่อเห็นผลงานเรื่อง ดิอินไซเดอร์ ก็ตั้งไว้ใจไว้จะอ่าน แต่ระยะเวลาก็ล่วงเลยมานานจนกว่าจะได้เริ่มเล่มหนึ่ง

เรื่องราวเริ่มขึ้นบนโลกที่เรียกว่า  "ซาเวียร์" สองคู่หูนิสัยต่างขั่ว เดนอช กับ โบรดี้ เข้ามาทำภาระกิจในย่านที่อยู่อาศัยเสื่อมโทรม เพื่อจัดการกับอินไซเดอร์ที่ แฝงตัวอยู่ในมนุษย์ ภาระกิจครั้งนี้ทำให้ทั้งสองได้ทราบว่าพวก อินไซเดอร์กำลังสนใจเรื่องของโลกในมิติอื่น และพยายามทุกวิธีเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับโลกที่ว่า

คนสำคัญของเดนอชถูกจับตัวไปเพื่อนรีดความลับเรื่องนี้ ทำให้สองคู่หูถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องและหาทางขัดขวางเพื่อสืบหาความจริง

ต้องยอมรับว่าผมอ่านบทที่หนึ่งถึงเจ็ดด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย เรื่องราวไม่มีอะไรนอกจาก ดูพวกพระเอกโชว์เทพขยี้สัตว์ประหลาด หนึ่งพระเอกหล่อเย็นชา หนึ่งคู่หูหล่อขี้เล่น แต่พอขึ้นบทที่เก้าเรื่องราวกลับน่าสนใจขึ้นมาอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ พล็อตเรื่องทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้อ่านได้รวดเดียวจนจบ

จุดที่ผมชอบในเรื่องคือในบางจุดมีการสร้างคำถามให้เกิดในใจคนอ่านอย่างเนียน ๆ และเฉลยออกมาเมื่อคนอ่านใกล้จะหมดความอดทน ในการรอคอยคำตอบ แต่ในบางจุดก็แทบจะชี้บอกทั้งที่มันน่าสงสัยอยู่แล้ว เช่นห้องปิดตายในตอนต้นเรื่อง

จุดที่ผมรู้สึกว่ามากไป คือการเล่าเรื่อง ที่ผู้่เขียนจะค่อยเล่าเป็นฝ่ายเดียว เหมือนกับจับผู้อ่านมานั่งอยู่ตรงหน้าและให้คอยพยักหน้ารับฟังเรื่องราว แต่ในอีกด้านหนึ่งการเล่าเรื่องด้วยวิธีนี้ทำให้ทุกสิ่งในเรื่องชัดเจน แต่ขาดรสชาติในการอ่านมาก ตรงจุดนี้ อาจเป็นที่เคมีของผู้เขียนกับผู้อ่านไม่ตรงกันมากกว่า ทำให้ผมไม่ค่อยชอบการเล่าเรื่องสไตลนี้นัก

สิ่งที่อยากพูดถึงเป็นหัวข้อสุดท้ายคือเรื่องของตัวละคร จุดที่ผมรู้สึกว่าขาดหายไปคือการทำให้ผู้อ่านเห็นแรงขับของตัวละครอย่างชัดเจน รวมถึงขาดการแสดงทัศนคติ ทำให้ผู้อ่านไม่สามารถสัมผัสตัวละครได้ Voice ของตัวละครก็เบาบางขาดเอกลักษณ์ และที่แย่ที่สุดคือตัวละครหล่อแต่หล่อแบบลอย ๆ เพราะขาดเสน่ห์ แต่ผมก็ชอบฉากที่พระเอกหาข้อมูลจากพวกอินไซเดอร์เพื่อช่วยเหลือคนสำคัญ เพราะฉากนั้นทำให้สัมผัสตนของพระเอกได้บ้าง

จากที่อ่านมาทั้งเล่มผมคิดว่า ดิอินไซเดอร์ แม้จะมีจุดอ่อนที่ตัวละครจับต้องไม่ค่อยได้ แต่ก็เป็นนิยายแฟนตาซีที่มีพล็อตที่เข้มข้นน่าสนใจ มีฉากโชว์ความสามารถที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีการผูกเรื่องที่ดีอย่างคาดไม่ถึง และย่อหน้าสุดท้ายยังกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นให้รีบไปอ่านเล่มที่สองต่อโดยเร็ว

อ่านเล่มสองจบจะมารีวิวอีกครั้งครับ


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 14 สิงหาคม 2554 / 11:01

PS.  "Writing is so difficult that I feel that writers, having had their hell on earth, will escape all punishment hereafter." - Jessamyn West -

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

KennyHass 14 ส.ค. 54 เวลา 11:21 น. 1

ยอมรับว่าอ่านช่วงแรกๆก็รู้สึกเฉยๆนะ ส่วนตัวไม่ค่อยจะอินกับตัวเอกที่ทำอะไรก็เก่งไปหมดสักเท่าไหร่ แต่พอช่วงกลางๆเรื่อง เริ่มมีการสืบสวนขึ้นมา ถึงได้รู้สึกว่ามันน่าติดตามมากขึ้นนะ

ป.ล. ชื่อคนเขียนอ่านว่า ปองวุฒิ ครับ


PS.  ไม่มีใครปั้นหม้อที่สวยงามและมีมูลค่าได้ โดยที่มือไม่เปื้อนดินหรอก
0