Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Review : The Devil Wears Prada นางมารสวมปราด้า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

แนะนำหนังสือ นางมารสวมปราด้า ( The Devil Wears Prada )






ปกฉบับภาษาไทย

 

ช่วงนี้เพื่อนๆหลายคนคงปิดเทอมกันแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่ชาวบอร์ดนักเขียนอย่างเราคงต้องทำกันแน่ๆในช่วงปิดเทอมอย่างนี้ คือ การหานิยายดีๆสักเรื่องมาอ่าน(และศึกษา) ผมจึงมีนิยายเรื่องหนึ่งมา Review ให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกัน

 

นางมารสวมปราด้า The Devil Wears Prada เป็นผลงานเขียนของ ลอเรน  ไวซ์เบอร์เกอร์ ซึ่งเธอได้ดัดแปลงมาจากเรื่องราวในชีวิตจริงที่เคยทำงานเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการ ของแอนนา  วินทัวร์ ( เจ้าแม่วงการแฟชั่นนิตยสาร Vouge ผู้นำเทรนด์แฟชั่นโลก ) มาตีแผ่เป็นนวนิยายติดตลก เสียดสี และแฉทุกมุมมองของวงการแฟชั่น

 

เนื้อเรื่องโดยย่อ (มีแต่น้ำ ไม่มีเนื้อ อิๆ)

 

เนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งในมหานครนิวยอร์ก " แอนเดรีย แซก " ที่ต้องมาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยจูเนียร์ของมิแรนด้า  พริสต์ลี่ย์ บ.ก.บริหารนิตยสาร รันเวย์ นิตยสารแฟชั่นแนวหน้าของโลก ( แต่แอนเดรียกลับไม่มีหัวด้านแฟชั่นหรือการแต่งตัวแม้แต่น้อย! ) ซึ่งแอนเดรียตั้งใจไว้ว่าจะใช้ช่วงเวลาการทำงานใน " รันเวย์ " แค่ปีเดียว เพื่อจะเป็นใบเบิกทางสู่หนังสือพิมพ์ " นิวยอร์กเกอร์ " ที่เธอใฝ่ฝันไว้ว่าจะได้เป็นนักเขียนที่นั้น แต่เธอกลับคิดผิดเพราะเวลาไม่ถึงปีที่เธอได้อยู่ในรันเวย์นี้ ทำให้เธอต้องทนทุกข์กับเจ้านายที่ร้ายซะยิ่งกว่านางมาร!   

ช่วงแรกเป็นช่วงเวลาที่แอนเดรียต้องปรับตัวให้เข้ากับงานที่เธอได้รับ ซึ่งเธอต้องทนกับการทำงานหนักเยี่ยงทาสให้กับเจ้านายจอมโหด ทุกวันต้องตื้นแต่เช้าเพื่อมาถึงที่ทำงานเป็นคนแรก , วิ่งไปซื้อกาแฟที่สตาบัคส์ภายในเวลาสิบนาที วันละ 4 รอบ , คอยเอาเสื้อผ้าของมิแรนด้าไปส่งซัก และรับกลับไปส่งที่บ้าน , อยู่ถึงดึกดื่นเพื่อเอาต้นฉบับของนิตยสารไปส่งให้มิแรนด้า , จดโน้ตตารางเรียนและการบ้านของคู่แฝด ( ลูกสาวของมิแรนด้า )ทุกๆวัน , พาหมาของมิแรนด้าไปตรวจสุขภาพ จนไปถึงการส่งหนังสือข้ามทวีปไปให้ทันกำหนด ! ฯลฯ

แถมต้องทนฟังเสียงบ่นเสียงนินทาของบรรดาพนักงานสาวส้นเกือกทั้งหลายเรื่อง " การแต่งตัวห่วยแตก " ของเธอ แต่แอนเดรียก็มุ่งมั่นที่จะไปสนใจ และไม่เคยพยายามเปิดใจให้กับวงการแฟชั่น (ทั้งๆที่เธอต้องทำงานกับมัน) ร่วมถึงไม่เคยแม้แต่ศรัทธราให้ตัวของเจ้านายเธอเองด้วย เพราะแอนเดรียคิดเพียงแค่ว่าจะต้องทนผ่านชั่วเวลาการโครกสับอันแสนทรหดนี้ไปให้ได้ เพื่อความฝันของเธอที่นิวยอร์กเกอร์เท่านั้น

แต่เมื่อเวลาผ่านไป แอนเดรียก็เริ่มปรับตัวเข้ากับที่ทำงานได้ แต่การทำงานที่รันเวย์ก็เริ่มทำให้ " ตัวตน " ของแอนเดรียเปลี่ยนไปเช่นกัน เธอเริ่มเปิดใจกว้างและหันมาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรมด์เนม " อย่างที่สาวรันเวย์ควรทำ " เพื่อให้มิแรนด้าพอใจ

แต่สิ่งที่แย่ก็คือเธอทุ่มเทให้กับงาน( และความฝัน )ของเธอมากจนเกินไป หลายครั้งที่งานของเธอทำให้เธอไม่มีเวลาให้กับบุคคลรอบข้าง และยังสร้างปัญหาให้กับเธออีกมากมาย จนทำให้เธอตัดขาดจากครอบครัว เพื่อนฝูงและคนรักไปอย่างไม่รู้ตัวในที่สุด

สุดท้ายแอนเดรียเลยตัดสินใจทิ้งงานที่รันเวย์เพื่อกลับไปหาความสุขจากครอบครัวเหมือนอย่างเดิมในที่สุด " ไปตายซะ มิแรนด้า ! " คือประโยคสุดท้ายที่แอนเดรียพูดกับเจ้านายจอมโหดของเธอก่อนจะถูกไล่ออก ( อย่างเต็มใจ ) เพื่อกลับไปหาชีวิตแบบเก่าของเธอ ชีวิตที่ไม่ต้องเป็นทาสใคร.... 

 

จุดเด่น

                ในด้านการดำเนินเรื่อง ผู้เขียนใช้วิธีเล่าเรื่องผ่านมุมมองตัวละคร โดยจุดเด่นเห็นจะไปการย้อนช่วงเวลากลับไปกลับมาของแต่ละฉาก ที่สามารถสร้างไปอย่างกลมกลืน และไม่ค่อยช่วยสับสน

                อีกทั้งอารมณ์ขันที่มากร้น ทั้งเสียดสี แดกดัน ร่วมถึงคำด่าที่ขนมาใส่กันแบบถึงพริกถึงขิง และมุกตลกมากมายที่ผู้แต่งบรรจงสอดแทรกไว้ จนทำให้ผมอ่านไปยิ้มไป ส่วนมากจะเป็นความคิดประชดประชันของแอนเดรียที่มีให้กับความเวอร์ของมิแรนด้า แต่ความเวอร์ของมิแรนด้า เมื่ออ่านไปเรื่อยๆก็ดูตลกและน่ารักอยู่เหมือนกัน
 



แอนเดรีย โดย แอนน่า  ฮาล์ฟอะเวย์




มิแรนด้า โดย เมอรีล  สตรีฟ

               

อย่างฉากที่แอนเดรียต้องรีบขึ้นลิฟไปที่ทำงานก่อนมิแรนด้าจะมาถึง ปรากฏว่าพอเธอกดลิฟก็เจอมิแรนด้ารออยู่ในลิฟซะแล้ว แต่ดูเหมือนมิแรนด้าจะไม่ได้สังเกตเห็นเธอแม้แต่น้อย ( แววตาของมิแรนด้าดูเลื่อนลอย ) แอนเดรียไม่รู้จะทำยังไงเลยเข้าไปยืนในลิฟเงียบๆ แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาทีลิฟก็ยังไม่ไปถึงที่ทำงานสักที ถึงได้รู้ว่ายังลิฟยังอยู่กับที่! แอนเดรียเลยรู้ว่ามิแรนด้าสังเกตเห็นเธอแล้ว และเป็นหน้าทีของเธอที่จะต้องกดปุ่มลิฟ!

อีกฉากหนึ่งคือตอนมิแรนด้าให้เอมิลี่(ผู้ช่วยซีเนียร์)หาเครื่องบินจากไมอามี่ไปนิวยอร์ก ทั้งๆที่ทุกสายการบินยกเลิกเพราะเกิดพายุเฮอริเคน! แต่เธอก็ยังโทรจิกเอมิลี่ไม่ยอมหยุดให้หาเครื่องบินมาให้เธอให้ได้ จนในที่สุดเอมิลี่ก็ต้องพลาดงานปาร์ตี้วันเกิดของตัวเองเพราะมัวหาเครื่องบินให้มิแรนด้า!!! ( น่าสงสาร ) จนสุดท้ายมิแรนด้าจึงยอมพักโรงแรมและกำชับเอมิลี่ให้จองเที่ยวบินไปนิวยอร์กที่ออกเร็วที่สุด

แต่แล้วมิแรนด้าก็โทรมาจิกเอมิลี่อีก เรื่องเที่ยวบินที่เอมิลี่จองให้เธอไปนิวยอร์กที่ออกตอน 7: 45 มิแรนด้าบอกเอมิลี่ว่ามีอีกสายการบินหนึ่งที่ออกตอน 7: 30 (เร็วว่ากัน 15 นาที) แล้วเธอต้องการไปถึงนิวยอร์กให้ไว้ที่สุด – แต่ที่ไหนได้ เอมิลี่โทรมาเม้ากับแอนเดรียว่าสายการบินที่สองที่มิแรนด้าให้เปลี่ยนนั้นจะถึงนิวยอร์กช้ากว่าสายการบินแรกถึง 8 นาที เอมิลี่กับแอนเดรียเลยแอบหัวเราะกลิ้ง

 แล้วยังเกมส์ " ฉันอ้วนจัง " ที่เป็นการเหน็บแนบสาวบ้าแฟชั่นในรันเวย์ที่ไม่พอใจในหุ่นตัวเอง ( ทั้งทีพร้อมอยู่แล้ว ) และเอาแต่คิดว่าตัวเองอ้วนอยู่ตลอดเวลา

อีกอย่างเป็นจุดเด่นคือการบรรยายเหล่าเสื้อผ้าแบรมด์เนมที่ขนขบวนกันมาละลานตาให้ผู้อ่านได้ตื้นตาตื้นในเนื้อเรื่อง

 





   


ขอคิด

The Devil Wears Prada นำเสนอถึงแง่คิดของคนที่ทุ่มเทและมุ่งมั่นให้กับการทำงานและความฝันของตัวเองมากเกินไป จนก่อให้เกิดปัญหากับคนรอบข้าง ทำให้ผู้อ่านได้ย้อนหันกลับไปมองตัวเองว่าทุกวันนี้ได้ใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงและคนที่เรารักมากพอรึยัง

 

ภาพยนตร์

                The Devil Wears Prada ผู้สร้างเป็นภาพยนตร์ที่นำแสดงโดย Anna  Halfaway ( แอนเดรีย ) และ Meryl  Streep ( มิแรนด้า ) โดยมีบางดัดแปลงเนื้อเรื่องบางส่วนที่ไม่ตรงกับในหนังสือ แต่ผมกลับชอบตอนจบของหนังมากกว่า และชอบที่ผู้กำกับสร้างตัวละครมิแรนด้าให้มีความอ่อนไหวแบบผู้หญิงคนหนึ่ง ( ซึ่งในหนังสือ มิแรนด้ามีแต่ความร้ายกาจและเลือดเย็นแบบ " นางมาร " เลยล่ะ )


 







เอมิลี่ ผู้ช่วยซีเนียร์ที่ยอมทุ่มตั้งกายใจเพื่อรันเวย์และวงการแฟชั่นที่เธอรัก







ป.ล. ปกติผมชอบอ่านแต่นิยายแฟนตาซี และสืบสวน(ของแดน บรานว์) The Devil Wears Prada เป็นนิยายแนวชีวิตเครื่องแรกที่อ่านจบ รู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเพื่อนๆคนใดสนใจอยากหามาอ่าน รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน!

 

ป.ล.ล. งงกับราคาของหนังสือ The Red Pyramid ของ Rick  Riordan ( คนที่เขียนเพอร์ซี่ย์  แจ็กสัน ) ในเว็บ Asiabook บอกราคาพันกว่า แต่อีกทีบอก 450 ( ปกอ่อนเหมือนกัน ) ตอนนี้เลยโหลดแบบ pdf. มาอ่านก่อน ฟรี! (เป็นตัวอย่างที่เลวมาก อิๆ) เพื่อนๆคนใดสนใจอย่างอ่านเวอร์ชั่นแปลไหม รู้สึกว่าเล่มนี้จะใช้ภาษายากกว่า Percy Jackson นะเนี่ย จะลองพยายามดู

  

  


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 ตุลาคม 2554 / 18:17
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 1 ตุลาคม 2554 / 18:31
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 1 ตุลาคม 2554 / 18:33
แก้ไขครั้งที่ 4 เมื่อ 1 ตุลาคม 2554 / 18:37
แก้ไขครั้งที่ 5 เมื่อ 1 ตุลาคม 2554 / 18:41
แก้ไขครั้งที่ 6 เมื่อ 1 ตุลาคม 2554 / 20:44

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

มิลล์ 2 ต.ค. 54 เวลา 14:33 น. 2

มากร้น/ มากล้น

เรื่องนี้ดูเวอร์ชั่นภาพยนตร์แล้ว สนุกมากก


PS.  ถ้ายังคงตระหนักถึง.. โลกที่ใกล้จะแหลกสลายใบนี้ ได้โปรดกอบกู้ด้วยสองมือเราเถิด
0