Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

คุณข้องใจอะไรเกี่ยวกับ "อิสลาม" วันนี้เรามีคำตอบ !!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่








       เท่าที่ได้รู้ ประชาชนชาวไทยเกือบครึ่งเกลียดอิสลามเพราะ "ความรู้แบบผิดๆ" ข้าพเจ้าในฐานะชาวไทยคนหนึ่งที่นับถือศาสนาอิสลามก็เป็นกังวล เพราะมีผู้คนบางกลุ่มพยายามสร้างความขัดแย้งระหว่างชนสองศาสนา ยุแยงบางคนที่เกลียดอยู่แล้วให้ลุกขึ้นต่อสู้หรือกล่าวร้าย 

       ...วันนี้เลยอยากแถลง อย่างมีคำถามหนึ่งที่ชาวเด็กดีเคยตั้งไว้


       ถามเรื่องศาสนาอิสลาม

          1 ทำไมชาติที่มีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องยึดถือกฎหมายที่มีรากเหง้ามาจากตาต่อตาฟันต่อฟันของฮัมบูราบี ซึ่งมีบทลงโทษที่รุนแรง ?

          2 ทำไมคนที่แต่งงานกับอิสลาม ต้องเปลี่ยนมานับถืออิสลามด้วย ?

          3 ศาสนาอิสลามมีความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจยังไง ?


       ข้าพเจ้าจะตอบเรียงข้อเลยนะคะ

          1 ทำไมชาติที่มีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องยึดถือกฎหมายที่มีรากเหง้ามาจากตาต่อตาฟันต่อฟันของฮัมบูราบี ซึ่งมีบทลงโทษที่รุนแรง ?

          - สำหรับข้อนี้คือความเข้าใจผิดคะ อิสลามไม่ได้ใช้กฏตาต่อตาฟันต่อฟันของฮัมบูราบีนะคะ เพราะอิสลามมีกฏหมายและรัฐธรรมนูญของตัวเองคะ ซึ่งทุกอย่างอยู่ในอัลกุรอาน (วัจนะของพระเจ้า) อัล-ฮาดีษ (คำพูดของศาสดามูฮัมหมัด) อัล-อิจญ์มาอฺ และอัล-กิยาส
          อิสลามแปลว่าสันติ แปลว่าธรรมนูญของชีวิต กฎหมายที่มนุษย์ร่างเอง อิสลามไม่ใช้คะ แต่ระบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ก็ยอมรับว่าอิสลามใช้คะ แต่จะใช้ในกรณีที่อิสลามเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ห้ามใช้ก่อกวนหรือหาเรื่องผู้อื่น ห้าม ที่หมายถึง ห้ามจริงๆ ถ้าฝ่าฝืนมีบทลงโทษ อิสลามสอนเพียงว่า หากถูกรุกราน ก็จงลุกขึ้นต่อสู้

          2 ทำไมคนที่แต่งงานกับอิสลาม ต้องเปลี่ยนมานับถืออิสลามด้วย ?

          - เพราะอัลลอฮฺตรัสว่า "จงอย่าได้สมรสกับชาย/หญิงใด จนกว่าพวกเขาจะศรัทธา แท้จริงทาสชาย/หญิงที่ศรัทธานั้น ดียิ่งกว่าชาย/หญิงที่ปฏิเสธศรัทธา แม้เขา/เธอนั้นจะเป็นที่ต้องใจของสูเจ้าก็ตาม"
          มันคือศาสนบัญญัติ ต้อง เน้น ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด (สำหรับผู้ศรัทธา)

          3 ศาสนาอิสลามมีความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจยังไง ?

          - ไม่เชื่อคะ อิสลามห้ามเชื่อเรื่องงมงาย มิเช่นนั้นจะตกศาสนา กลายเป็นกาฟิรคะ



ส่วนท่านใดมีข้อสงสัยอะไรก็โพสต์ไว้นะคะ แล้วข้าพเจ้าจะแวะมาตอบ



เข้ามาแก้คำผิด :)


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 ตุลาคม 2554 / 00:23

PS.  เค็มแล้วนิยายตู

แสดงความคิดเห็น

>

114 ความคิดเห็น

สงสัย 17 ต.ค. 54 เวลา 20:40 น. 1

อยากรู้ว่าทำไม
1.ทำไมถึงไม่ทานเนื้อหมู
2.ทำไมถึงต้องห้ามเลี้ยงสุนัข

แค่นี้ล่ะครับ :)

2
วิทยา 28 พ.ย. 58 เวลา 07:26 น. 1-1

ห้ามทานหมูเพราะเป็นบททดสอบของพระเจ้าครับ ว่าสิ่งที่อนุมัตให้ทานได้มีมากมายหลายสิ่ง แต่ห้ามบางสิ่งบางอย่างจะทำได้ไหม และไม่ได้ห้ามแค่หมูนะครับ ห้ามหลายอย่าง

-อิสลามไม่ได้ห้ามเลี้ยงสุนัขครับ เลี้ยงได้ แต่ใม่ให้ไว้บนบ้าน เลี้ยงไว้เฝ้าบ้านข้างล่าง หรือต้อนสัตว์ เพราะน้ำลายมันเป็นนายิสหรือสิ่งสกปรก ถ้าโดนจะต้องล้างถึงเจ็ดน้ำ ก็เลย ไม่เลี้ยงจะดีกว่า ส่วนใหญ่น่าจะคิดแบบนั้น

0
มุร สะ 15 ก.พ. 60 เวลา 15:06 น. 1-2

ห้ามทานหมูเพราะในเนื้อหมูมีพยาธิตัวตื่ดที่เป็นสัตว์ตายอยากถึงแม้จะผ่านความร้อนอุณหภูมิสูงและเมื่อเรารัปประทานเนื้อหมูจะทำให้เสี่ยงต่อการทำลายสมอง
จากวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็ได้พิสุจแล้วว่าเป็นความจริง
ศาสนาท่ห้ามทานหมูไม่ใช่อิสลามอย่างเดียวนะคะศาสนาคริศศาสนายูดายในคัมภีร์ของพวกเขาก็มีการห้ามเช่นกัน

0
- F e r n P iฺ n ta. 17 ต.ค. 54 เวลา 20:47 น. 4

 ทำไมเห็นว่าคนไทยบางส่วนมีปัญหากับคนอิสลาม ? 
ข้องมากค่ะ เห็นมีเรื่องกันบ่อย ( เราไม่ใช่พวกนั้นนะ แค่สงสัย )


PS.  I love you, Sangha jung <'33333 kiss me pleaseee! >3<
0
mcl;x 17 ต.ค. 54 เวลา 21:22 น. 5

อยากรู้ว่า ทำไมมุสลิมไม่สามารถเปลี่ยนมานับถือศาสนาอื่น หรือไม่สามารถเคารพศรัทธาสิ่งต่างๆที่เป็นของศาสนาอื่นได้
ทั้งๆที่ศาสนาอื่นสามารถเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม และสามารถเคารพศรัทธาสิ่งต่างๆที่เป็นของอิสลามได้
มันเป็นเพราะอะไร(ไม่อยากได้คำตอบแบบว่า "พระเจ้า/ท่านนบีฯ บัญญัติบัญญัติมาแบบนี้") อยากได้เหตุผลที่มันเป็นเหตุผลจริงๆ เพราะทุกอย่างมันย่อมมีที่มาจริงมั้ย

ปล. คำถามของเราหยาบคายไปหรือเปล่า ต้องขออภัย

2
Apisit 17 มิ.ย. 59 เวลา 05:59 น. 5-1

ที่มุสลิมเปลี่ยนศาสนาไม่ได้เพราะ เมื่อมุสลิมเปลียนเป็นศาสนอื่นเขาก็ไม่ใช่มุสลิม และ มุสลิม ที่ศรัทธาในสิ่งอื่นนอกเหนือจากพระเจ้าเขาก็ไม่ใช่มุสลิม (ห้ามเพื่อไม่ให้มุสลิมออกจากการเป็นมุสลิม) ถ้าต้องการออกแค่ทำอย่างหนึงอย่างก็ได้ออกสมใจแล้วคับ
#
0
จักรี บุญยพิมพะ 19 พ.ค. 60 เวลา 21:50 น. 5-2

ศาสนาอิสลามมาจาก อัลลอฮ์ ไม่ใช่ใครๆที่คิดขึ้นเอง เพราะก่อนหน้านั้น ก็ส่งศาสนาอื่นที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวลงมาก่อน สุดท่ายก็อีหร็อบเดิมคือ เอาความรู้สึกของมนุษย์เข้าไปเติมแก้ไขตัดทอนในคำภร์ ด้วยอ้างว่าไม่ทันสมัยและอีกหลายๆเหตุ ไม่ใช่แค่ 1 แต่ 3 คำภีร์แล้ว อัลลอฮ์จึงห้ามทำการชำระคำภีร์ไม่ว่าด้วยเหตุใด ปล* ผมเคยเป็นคนพุทธ สิ่งที่คุณสงสัยผมย่อมเข้าใจดี ทุกอย่างอัลลอฮ์เป็นผู้สร้าง และทรงให้มันมีมา เช่นความดีความชั่ว อัลลอฮ์ไม่ได้สร้างสิ่งดีอย่างเดียว สิ่งชั่วนั้นก็ให้มันมีมาเพียงแต่ใครจะทำเท่านั้น คุณลักษณะของอัลลอฮ์ เป็นผู้สร้างสิ่งอื่น แต่ไม่ถูกสร้าง ถ้าอัลลอฮ์ถูกผู้อื่นสร้าง เราจะมานับถืออัลออฮ์ทำไม ทุกคนคงเป็นผู้เป็นเจ้าได้ เพราะถูกสร้างเหมือนกัน

0
secret girl 17 ต.ค. 54 เวลา 21:27 น. 6

อยากรู้ชื่อของศาสดาและเหล่าสาวกของอิลลามค่ะ
อันนี้เราอยากรู้เพื่อศึกษาค่ะ มันมีออกสอบo-netน่ะค่ะ
อ้ออีกข้อค่ะ ถ้าพ่อเราแต่งงานกับแม่ที่นับถืออิลลามแต่พ่อนับถือพุทธ
อย่างนี้พ่อต้องเปลี่ยนตามแม่หรือเปล่าค่ะ

2
faruk 22 ม.ค. 59 เวลา 08:31 น. 6-1

นบีอาดัม
นบีอิดรีส
นบีนั๊วฮ
นบีฮูด
นบีซอและฮ
นบีอิรอฮีม
นบีลูฏ
นบีอิสมาอีล
นบีอิสฮาก
นบียะกู๊บ
นบียูซุฟ
นบีอัยยูบ
นบีซุลกิบ
นบีมูซา
นบีฮารูน
นบีดาวูด
นบีสุลัยมาน
ชูอัยบ์
นบิอิลยาส
นบีอัลยะซะฮ
นบียูนุส
นบีซักรียา
นบียะฮยา
นบีอีซา
นบีมุฮัมหมัด

0
faruk 22 ม.ค. 59 เวลา 08:33 น. 6-2

ต้อง เปียนครับ ถ้าผู้ชายไม่เปียน ก็ไม่สามารถ แต่ง งานได้

0
karano 17 ต.ค. 54 เวลา 21:38 น. 7

         เลขสี่มีความหมายพิเศษในศาสนาอิสลามไหม ทำไมต้องจำกัดให้มีภรรยาแค่สี่?
ถ้าผู้หญิงเต็มใจจะมีห้า หก เจ็ดจะเป็นไรไป?  แล้วภรรยาคนที่สอง สาม สี่ กฎหมายไทยไม่รับรอง
มรดกจะทำไง สามีตายก็ไม่ได้แบ่งสมบัติสิ
   
         นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่ทะเลาะกับคริสต์บ่อยจัง  เกี่ยวกับเชื้อสาย ชาตินิยมหรือเปล่า

       


PS.  
1
Apisit 17 มิ.ย. 59 เวลา 06:28 น. 7-1

อิสลาม มีการสอนหลักการแบ่งมรดกอยู่คับ เรียกว่า วีชาฟารอแอด สามารถคำนวนแบ่งได้ทุกกรณี
4ไม่มีความหมายอะไรพิเศษคับ
แต่ที่เพราะ ถ้ามากกว่านั้น ฝ่ายชายอาจไม่ได้พักผ่อน และฝ่ายหญิงอาจไม่ได้รับความเท่าเทียม หรือ ต้องรอนานกว่าจะรอบตัวเอง (การมีเมีย4นั้นเมียทุกคนต้องได้รับความเท่าเทียมในทุกๆเรื่อง(เงินทองของใช้ และเซ็ก) และห้ามสวิงกิง (จัดได้ครั้งละคน))
และไม่ควรให้เมียยุบ้านเดียว ต่อให้เมียทุกคนยอมก็ยังไม่ควรให้ยุบ้านเดียวกัน
สู้สู้

0
Raylun 17 ต.ค. 54 เวลา 22:22 น. 9

เรามีเพื่อนคนนึง เป็นคนอิสลาม แต่ว่าเขาเริ่มงงๆว่า เขาจะนับถือศาสนาอะไรดี เพราะบ้านเขาเป็นอิสลามแล้วเขาเป็นผู้หญิงเลยถูกบังคับนู่นนี่ตลอด ทั้งเรื่องส่วนตัว การแต่งตัว และความรัก สุดทท้ายเพื่อนเราคนนี้หากต้องการเปลี่ยนศาสนา จะทำได้ไหมคะ

เพราะว่าเขาไม่เชื่ออะไรๆในอิสลามเลย ทั้งชอบที่จะไปกับเพื่อนที่เป็นชาวพุทธ และปฏิบัติตามเรื่องการทำบุญ ปล่อยปลาอะไรแบบนี้มากกว่า

ที่จะถามคือ ทางศาสนาอิสลาม มี บทลงโทษคนที่จะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นไหมคะ คือเราไม่กล้าถามเพื่อน แล้วกลัวเพื่อนจะทำอะไรไป ทำให้ทางบ้านเขาไม่พอใจหน่ะค่ะ

ปล.สงสารเพื่อนเรามาก


PS.  
1
faruk 22 ม.ค. 59 เวลา 08:37 น. 9-1

มีความผิด มาก ครับ ถ้าเข้าไป นับถือสิงอืน เข้าก้ตกจากศาสนาอิสลาม ที่ทางบ้านบังคับ เพราะมันเป็นคสังไชของคนทีเป็นอิสลาม ทุกคน ต้องกระทำ

0
เวอซ่า 17 ต.ค. 54 เวลา 23:23 น. 10
เพราะการตีความที่ผิด สื่อสารไม่เข้าใจ พอคนหนึ่งไม่เข้าใจ ก็บอกต่อๆ กันไป มันก็กลายเป็นความไม่ชอบ โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้เกลียดคนอิสลามทั้งหมด แต่เกลียด 'คนที่นับถืออิสลามบางคน' นิสัยเลวๆ มันเลยพาลให้ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ (ประมาณว่าปลาเน่าตัวเดียว เหม็นไปหมด พลอยทำให้คนดีเขาถูกเกลียดไปด้วย ) แต่นับถือคนอิสลามในการรักษากฎระเบียบอันเคร่งขัด ซึ่งเราไตร่ตรองแล้ว ไม่สามารถทำได้อย่างแน่ๆ

ทุกศาสนามีคนเลวอยู่ทั่วไป ขึ้นกับว่าจะหยิบยกศาสนาไหนขึ้นมาพูด อย่างชาวพุทธเรา ก็ต้องยอมรับว่ามีพวกมารศาสนาอาศัยอยู่ไม่น้อย มันเป็นความจริงที่ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่คนดี

จะศาสนาใดแต่ขอแค่เป็นคนไทย เราก็สามารถสามัคคีกันได้

คหสต.
0
LOVE SECRET 18 ต.ค. 54 เวลา 00:58 น. 11

ตอบ คห.1




ขอความสันติสุขจงมีแด่ท่าน


เหตุที่มุสลิมไม่ทานหมูข้าพเจ้าขอชี้แจงดังนี้...


เมื่อบุคคลใดเรียกตัวเองว่ามุสลิม ก็ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติ คำสั่งห้าม/ใช้ ตามคัมภีร์ อัล-กรุอาน ซึ่งเป็นวัจนะของพระเจ้า และคำสั่งสอนของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ.ล.) ผู้เป็นศาสนทูตคนสุดท้ายของอิสลาม


"พระองค์ทรงห้ามพวกเจ้านั้นเพียงแต่สัตว์ที่ตายเอง และเลือด และเนื้อสุกรและสัตว์ที่ถูกกล่าวนามอื่นนอกจากอัลลอฮฺ(เมื่อถูกเชือด) แต่ผู้ใดได้รับความคับขันโดย และมิใช่เจตนาขัดขืน และมิใช่เป็นผู้ละเมิดขอบเขตแล้วไซร้ ก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่เขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ" จากอัลกุรอาน บทที่ 2 อัล-บะเกาะเราะฮฺ : โองการ 173


"แท้จริง พระองค์เพียงแต่ทรงห้ามสูเจ้า (มิให้บริโภค) สัตว์ที่ตายเอง และเลือดและเนื้อของสุกร และที่ถูกเปล่งนามอื่นนอกจากอัลลอฮฺ (เมื่อเชือด) แต่ผู้ใดก็ดีที่อยู่ในภาวะคับขันไม่เจตนาดื้อดึง และมิใช่ละเมิด ฉะนั้นแท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ" จากอัลกุรอาน บทที่ 16 อันนะหฺลฺ : โองการ 115


จากคำสั่งนี้ มุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติโดยไม่มีเงื่อนไข

แต่ ในกุรอานมีตอนหนึ่งกล่าวว่า "แต่ผู้ใดอยู่ในภาวะคับขัน" เช่นอยู่ในภาวะอดอยากขาดแคลนจนไม่มีอะไรกินประทังชีวิต ก็อนุญาตให้รับทาน หรือถ้าหากมีใครเอาอาวุธ หรือถูกบังคับเพื่อให้ทานหมู และเขาไม่อาจต่อสู้ได้ ในกรณีนี้ก็สามารถทำได้ ถ้าหากว่ามุสลิมไม่เคารพตัวเองโดยตั้งใจที่จะกินหมู นั่นก็แสดงว่า เขาไม่เชื่อมั่นในหลักการ เป็นคนที่ไม่มีสำนึกในศาสนา และไม่มีความละอายต่อบาป


การไม่ทานหมูของอิสลามนั้นวางอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลเรื่องสุขอนามัยและความบริสุทธิ์สะอาดให้แก่ตัวมนุษย์


ในคำสอนของอิสลามนั้น การห้ามกินหมูเป็นเพียง ส่วนหนึ่งของคำสอนศาสนาอิสลาม และอิสลามยังมีข้อห้ามอย่างอื่นด้วยเช่นกัน มิใช่ห้ามแต่หมูเท่านั้น



"มนุษย์เอ๋ยจงบริโภคสิ่งที่อนุมัติและที่ดีจากที่มีอยู่ในแผ่นดิน และอย่าปฏิบัติตามรอยเท้าของมาร แท้จริง มันเป็นศัตรูที่เปิดเผยสำหรับสูเจ้า" จากอัลกุรอาน บทที่ 2 อัล-บะเกาะเราะฮฺ : โองการที่ 168


คำว่า อนุมัตินั้น ภาษาอาหรับเรียกว่า "ฮะลาล" ไม่เฉพาะกับสิ่งที่เรากินเท่านั้น ยังหมายถึง วิธีการได้มาซึ่งเงิน และสิ่งๆอื่นๆที่ต้องห้าม สิ่งใดที่ห้ามไม่อนุมัติ จะเรียกว่า "ฮะรอม" การคดโกงมาก็เรียกว่า ฮะรอม เช่นกัน


อิสลาม จะทานอาหารที่ศาสนาอนุมัติเท่านั้น


ความจริง อิสลามไม่ได้ห้ามทานหมูอย่างเดียว แต่มีอีกหลายอย่างที่ ห้ามทาน แต่คนที่ไม่เคร่งครัด,ละเลย หรือขาดความรู้ด้านศาสนา เขาก็จะจำแค่อย่างเดียวว่าไม่ทาน หมู หรือถ้ากินอยู่ ห้ามทัก!! (มีมากสำหรับคนที่ไม่รู้จักละอายต่อบาป) ทั้งที่การบริโภคสิ่งต้องห้ามอื่นๆ มีบาปมากกว่า



ศาสนายูดาย หรือ ยิวก็เช่นกัน ที่ไม่ทานหมู มีหลายศาสนาเลย ก็ไม่ทานหมู ทางยูดาย หรือ ยิว อาหารที่ อนุมัติเรียกว่า "โคเชอร์" (กินได้) ไม่อนุมัติให้กินนั้นเรียกว่า "เทรฟาห์" (สิ่งต้องห้าม)



ในคัมภีร์ไบเบิ้ลเก่า บทเลวิกิโต11.7-8 ".. หมูเพราะมันเป็นสัตว์แยกกีบและมีกีบผ่าแต่ไม่เคี้ยวเอื้อง จึงเป็นสัตว์มลทินแก่เจ้าอย่ารับประทานเนื้อของสัตว์เหล่านี้เลย และเจ้าอย่าแตะต้องซากของมันมันเป็นมลทินแก่เจ้า" ชาวยิวที่เคร่งครัดทั้งหลายก็ยังคงปฏิบัติเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด



สิ่งที่ศาสนาอิสลามห้ามทานคือ


1.) เนื้อหมู และผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่ทำมาจากตัวหมู เช่น เจลาตินหากทำมาจากหมู มุสลิมก็ถือว่าเป็นที่ฮะรอม (ต้องห้าม) แต่ยิวจะถือว่าเป็นโคเชอร์(กินได้)

2.) เลือด ไม่ว่าจะนำไปต้มหรือไปทำพาสเจอร์ไรส์หรือไปทำเป็นผลิตภัณฑ์อะไรก็แล้วแต่ถือเป็นที่ต้องห้ามตามหลักการอิสลาม

3.) เนื้อของสัตว์ที่ตายเองโดยธรรมชาติหรือตายโดยไม่รู้สาเหตุ

4.) เนื้อของสัตว์ที่ตกจากที่สูงตาย ถูกทุบ และถูกรัดคอ

5.) เนื้อของสัตว์ที่เชือดโดยไม่กล่าวนามของพระเจ้า เหตุผลก็เพราะสัตว์มีชีวิตและชีวิตของสัตว์ก็เป็นของพระเจ้า ถ้าจะกินเนื้อของมันก็ต้องขออนุญาตจากพระเจ้าเพื่อเอาชีวิตของมันเสียก่อน

6.) ของเซ่นไหว้ทุกชนิด

7.) สัตว์ที่ใช้กรงเล็บและเขี้ยวจับหรือฉีกเหยื่อกินเป็นอาหาร เช่น นกอินทรี งู เสือ หมี และอื่นๆ

8.) สิ่งมึนเมาทุกประเภท โดยเฉพาะสุรา


"ไก่" ก็เช่นกัน หลายคนหวังดี ซื้อไก่ทั้งหลาย มาฝากเพื่อนมุสลิม เพราะคิดว่าทานได้ ความจริงทานไม่ได้ !! เพราะไม่ได้รับการเชือดโดยการกล่ามนามของพระเจ้าโดยมุสลิม อีกทั้งขั้นตอนของการประกอบอาหาร 

ส่วนไก่ทอดตามห้างใหญ่ เช่น KFC ก็ทานไม่ได้ หลายคนอาจจะบอกว่า เป็นไก่จากโรงงานเชือดไก่ CP ที่ได้รับเครื่องหมาย "HALAL" แต่ขั้นตอนการปรุงการประกอบอาหารขึ้นมา... และตอนนี้เขาก้ไม่ได้ขอฮะลาลแล้ว


อาหารอิสลามจะแตกต่างตรงที่มาของส่วนประกอบอาหาร ต้องเป็นสิ่งที่อนุมัติ ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปก็ต้องมีเครื่องหมาย HALAL ที่ออกโดย สำนักงานมาตรฐานฮาลาลของไทย  หรือมีตรา HALAL ของต่างประเทศ  สัตว์ที่ใช้รับประทาน ต้องเชือดด้วยมุสลิมด้วยการกล่าวนามพระเจ้า และต้องปรุงด้วยมุสลิม แต่ถ้าเพื่อนๆมาช่วยกันทำอาหารที่บ้านที่พัก ด้วยส่วนประกอบที่อนุมัติ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าออกไปทานตามร้านค้าที่ไม่ใช่มุสลิมทำ ทางที่ดีก็หาอย่างอื่นทาน เนื่องจากว่าอาจจะมีส่วนประกอบที่ไม่ถูกต้องมาปรุงอาหาร และเครื่องใช้ต่างๆก็ปะปนกันไม่ได้ทำความสะอาด 



ส่วนคำถามที่ว่า ...ทำไมถึงต้องห้ามเลี้ยงสุนัข


สรุปสั้นๆง่ายๆ เพราะเป็นบทบัญญัติของศาสนาทั้งไม่ทานหมู และ เรื่องเลี้ยงสุนัข


อิสลามนั้น ไม่ได้ทำตามอำเภอใจ ไม่ใช่คิดว่าน่าเอาเอง
ถ้านับถือก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งใช้/และห้ามที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าค่ะ


เลี้ยงได้ มิใช่ห้ามเลี้ยง แต่เพราะต้องล้างน้ำถึง7 หน หากภาชนะทั้งหลายเปื้อนน้ำลายสุนัข อีกทั้งการเลี้ยงไว้ดูเล่น เป็นเพื่อนเล่น เกิดการเลี้ยงเพื่ออำนาจบารมี ประกวดประชัน....ไม่ได้เอาไว้เลี้ยงหรือเฝ้าสัตว์ เขาก็ถูกตัดผลบุญไปก็เท่านั้นเอง


ส่วนหลักฐานทางศาสนาในข้อนี้คือ หะดีษ (คำพูดและการกระทำของท่านร่อซูลลุ้ลลอฮฺ ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "บุคคลใดที่เลี้ยงสุนัข โดยไม่ใช่สุนัข (เลี้ยงไว้เพื่อ) เฝ้าปศุสัตว์, สุนัขล่าสัตว์ หรือสุนัขเฝ้าสวน เช่นนั้นผลบุญของเขาจะถูกบั่นทอนลงทุกวันๆ ละหนึ่งกีรอน" บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษที่ 3077, มุสลิม หะดีษที่ 2948 และติรมิซีย์ หะดีษที่ 1409


"บ้าน (มุสลิม) ใดที่ผูกสุนัขไว้ในบ้านของพวกเขา แน่นอนยิ่งการงาน (อะมัล) ของพวกเขาจะถูกบั่นทอนลงทุกวันๆ ละหนึ่งกีรอน ยกเว้น (มุสลิมที่เลี้ยงสุนัขไว้นอกบ้านเพื่อ) ล่าสัตว์, สุนัขเฝ้าสวน หรือสุนัขเฝ้าแกะ(แพะ)" บันทึกโดยติรมิซีย์ หะดีษที่ 1410, นะสาอีย์ หะดีษที่ 4206



สรุปว่า


1. ไม่เลี้ยงเพราะไม่สะดวกที่จะทำความสะอาดภาชนะหากถูกน้ำลายสุนัขนั่นเอง น้ำดิน 1น้ำ น้ำสะอาด 6 น้ำ ถูกแล้วก็ทำความสะอาดไป แต่ทำความสะอาดบ่อยๆคงไม่สะดวก ถ้ายิ่งอยู่บ้านเป็นในเมืองกรุงเมืองคอนกรีตเช่นนี้ น้ำดินจะหาที่ไหนล่ะคะ มาทำความสะอาด

2. เพราะกลัวถูกตัดผลบุญ เลยไม่เลี้ยงจะดีกว่า ถ้าไม่เกียวกับเลี้ยงเพื่อปศุสัตว์ ^^




เครดิต : annisaa






แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 ตุลาคม 2554 / 01:10

PS.  เค็มแล้วนิยายตู
0
LOVE SECRET 18 ต.ค. 54 เวลา 01:15 น. 12
ตอบ คห.4


ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจเหตุผลของการขัดแย้งนั้นหรอกคะ บางทีก็ต่างศาสนิกที่หาเรื่องอิสลาม กลับกัน...บางครั้งอิสลามก็หาเรื่องต่างศาสนิก แต่นั้นก็แล้วแต่เหตุผลส่วนบุคคลของคนที่ก่อกวน ข้าพเจ้ามิบังอาจสรุปความในใจของใครได้

PS.  เค็มแล้วนิยายตู
0
LOVE SECRET 18 ต.ค. 54 เวลา 02:18 น. 13
ตอบ คห.5


ไม่มีการบังคับในเรื่องการนับถือศาสนา ดั่งที่อัลลอฮตรัสว่า...


"ไม่มีการบังคับใด (ให้นับถือ) ในศาสนา อิสลาม แน่นอน ความถูกต้องนั้นได้เป็นที่กระจ่างแจ้งแล้วจากความผิด  ดังนั้นผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่อ อัฎ-ฎอฆูต (ซัยตอน) และศรัทธาต่ออัลลอฮ์แล้ว แน่นอนเขาได้ยึดห่วงอันมั่นคงไว้แล้ว   โดยไม่มีการขาดใดๆ เกิดขึ้นแก่มัน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้"   (กุรอาน 2:256)


จบประเด็นแรกแล้วนะคะ ...จากเดิมที อิสลาม เปลี่ยนเป็น พุทธ คริส ไม่ว่า ไม่บังคับคะ แล้วแต่ว่าใครจะศรัทธาอะไร

ประเด็นต่อมา เปลี่ยนแล้วบาปไหม?

บาปคะ (สำหรับผู้ศรัทธา)
แต่สำหรับคนที่เปลี่ยน...คงจะไม่บาปแล้วมั่งคะ เพราะเมื่อบุคคลนั้นเปลี่ยน ก็หมายถึง ไม่เชื่อในพระเจ้าแล้ว ไม่เชื่อแล้วว่าบาป


ทีนี้...ท่านถามว่า ทำไมถึงห้ามเปลี่ยน (สำหรับผู้ศรัทธา)?

"และ ผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลามแล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด และในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน" (กุรอาน 3:85)


"...และ ผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกไปจากศาสนาของเขา แล้วเขาตายลง ขณะที่เขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้แหละบรรดาการงานของพวกเขาไร้ผล ทั้งในโลกนี้และปรโลก และชนเหล่านี้แหละคือชาวนรก ซึ่งพวกเขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล" (อัลบะเกาะเราะห์ 2 : 217)

"ผู้ ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮ์หลังจากที่เขาได้รับศรัทธาแล้ว(เขาจะได้รับความ กริ้วจากอัลลอฮ์) เว้นแต่ผู้ที่ถูกบังคับทั้งๆ ที่หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยศรัทธา แต่ผู้ใดเปิดหัวอกของเขาด้วยการปฏิเสธศรัทธา พวกเขาก็จะได้รับความกริ้วจากอัลลอฮ์และสำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่าง มหันต์" (กุรอาน 6:106)


เพราะศรัทธาในอัลลอฮฺ ศรัทธาในคัมภีร์อัล-กุรอาน มุสลิมจึงเชื่อ/ศรัทธาว่าหากเปลี่ยนศาสนาแล้ว นั้นหมายถึงพวกเขาหลงจากทางนำ และผลตอบแทนของอัลลอฮฺในวันตัดสินนั้นสาหัสยิ่งนัก

มุสลิมที่ศรัทธาในอัลลอฮุ์และเชื่อในอิสลามอย่างแท้จริงจะให้ความสำคัญกับโลกหน้า (อาคีเราะห์ มากกว่าโลกนี้  (ดุนยา) เพราะเป็นโลกแห่งการตอบแทน  เป็นโลกที่จีรัง  ยั่งยืน



มันเป็นเพราะอะไร (ไม่อยากได้คำตอบแบบว่า "พระเจ้า/ท่านนบีฯ บัญญัติบัญญัติมาแบบนี้") อยากได้เหตุผลที่มันเป็นเหตุผลจริงๆ เพราะทุกอย่างมันย่อมมีที่มาจริงมั้ย


แต่จากคำถามของท่าน ข้าพเจ้าไม่แน่ใจเลยว่าตอบได้ตรงประเด็นหรือเปล่า เอาแต่เป็นว่า...ถ้าท่านยังค้างในประเด็นนี้อยู่ ก็แวะมาถามใหม่ได้ หรือถ้าคิดว่าเป็นการปั่นกระทู้ก็เชิญหลังไมค์ได้ตลอดเวลาเลยนะคะ ข้าพเจ้ายินดีตอบใหม่ จะได้อาศัยช่วงนี้แว๊บไปหาข้อมูลเพิ่มด้วย



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 ตุลาคม 2554 / 02:19

PS.  เค็มแล้วนิยายตู
0
LOVE SECRET 18 ต.ค. 54 เวลา 02:38 น. 14
ตอบ คห.6 คะ




รอซูล (ศาสดา) คือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนบี และอัลเลาะห์ได้ทรงเลือกเฟ้นเลื่อนขึ้นให้รับตำแหน่งเป็นรอซูล เป็นผู้แทนของอัลเลาะห์ ได้รับ วาฮยู (โองการจากอัลเลาะห์) มาสู่เขา โดยให้เผยแผ่ประกาศศาสนาแก่มวลมนุษย์ทั้งหลาย มีหน้าที่แนะนำสั่งสอนมนุษย์ ให้ประกอบแต่ความดี และละเว้นความชั่ว และรอซูลจะแจ้งให้มนุษย์รู้ถึงผลตอบแทนที่จะได้รับจากการทำความดี และผลสนองที่จะลงโทษแก่ผู้กระทำความชั่ว เฉพาะที่ถูกใช้ให้นำออกไปเผยแผ่มีจำนวน ประมาณ 300 กว่าท่าน แต่ที่ มุสลิมทุกคนต้องรู้จัก ศึกษาประวัติของท่าน มี 25 ท่าน ด้วยกันค่ะ เรียงลำดับตามช่วงเวลา ดังนี้

1. อาดัม(อ.ล.)
2. อิดริส
3. นุฮ์
4. ฮูด
5. ศอและฮ์
6. อิบรอฮีม
7. อิสมาอีล
8. ลูฏ
9. อิสฮัก
10. ยะโกบ
11.ยุโสบ
12.อัยโยบ
13.ซุอีบ
14.มูซา
15.ฮารูน
16.ซุลกิบลี่
17.ดาวูด
18.สุไลมาน
19.อิลยาส
20.อัลยาชะอ์
21.ยูนุส
22.ซะการียา
23.ยะฮ์ยา
24.อีซา
25.มูฮัมมัด(ซ.ล.)


ลักษณะที่สำคัญของ รอซูล มี 4 ประการ คือ
1. ศิดกุน คือ วาจาสัตย์ ไม่พูดเท็จ
2. อะมานะฮ์ คือ ไว้วางใจได้ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำความชั่ว ฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลเลาะห์
3. ตั๊บลีฆ คือ นำศาสนา ออกเผยแพร่ โดยทั่วถึง และไม่ปิดบังอำพราง
4. ฟาตอนะฮ์ คือ เฉลียวฉลาด ทันคน ไม่โง่เขลา

สำหรับ ในบรรดา รอซูล ทั้ง 25 ท่านนั้น ก็ มี 5 ท่านได้รับการขนานนาม ว่า "อูลุ้ลอัสมิ" หมายถึง "ผู้มีความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว" เรียงตามลำดับความสำคัญคือ
1. ท่านนบีมูฮัมหมัด ซ็อลลัลลอฮ์ฮูอะฮิสลาม (ขออัลลอฮฺทรงประสาทพรแด่ท่านและวงศ์วานของท่าน)
2. ท่านนบีอิบรอฮีม อะลัยอิสลาม
3. ท่านนบีมูซา อะลัยอิสลาม
4. ท่านนบีอีซา อะลัยอิสลาม
5. ท่านนบีนูฮ์ อะลัยอิสลาม


หลังจากนบีมุฮัมมัด(ศ) วะฟาต (เสียชีวิต) ก็มีคอลีฟะฮ์ 4 คนที่สืบทอดต่อๆกันมาคือ

1. ท่านอบูบักร
2. ท่านอุมัร
3. ท่านอุษมาน
4. ท่านอะลี





แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 ตุลาคม 2554 / 02:38
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 18 ตุลาคม 2554 / 02:40

PS.  เค็มแล้วนิยายตู
0
LOVE SECRET 18 ต.ค. 54 เวลา 02:48 น. 15
ส่วนคำถามอื่นๆ ข้าพเจ้าขออนุญาติตอบพรุ่งนี้นะคะ

คืนนี้จึงขอลาด้วยบทกลอนน่ารักๆ ...

"ผู้หญิง" ถูกสร้างมาจากซี่โครงของผู้ชาย
ไม่ใช่ศรีษะของเขา...เพื่อที่จะ
เหนือกว่า
ไม่ใช่เท้าของเขา...เพื่อจะถูกเ
หยียบย่ำ
แต่มาจากด้านข้างของเขา...เพื่อ
ที่จะเท่าเทียม
ไกล้แขนของเขา...เพื่อจะถูกปกป้
อง
... และชิดใจของเขา...เพื่อที่จะถูก
รัก ..^__^


และหากสังเกตกันดีๆ บทกลอนข้างต้นได้ตอบข้อสงสัยว่ามนุษย์มาจากไหน ถูกสร้างมาจากอะไร และจงไตรตรองก่อนการขีดเขียนทุกอย่าง เพราะแท้จริง แม้แต่ผงธุลีก็ยังถูกสอบสวน (ประโยคหลังไว้เตือนตัวเอง แฮะๆ)


คืนนี้ฝันดี ราตรีสวัสดิ์กันนะทุกคน (May Allah bless you :)...)





PS.  เค็มแล้วนิยายตู
0
โอโฮะ 18 ต.ค. 54 เวลา 11:47 น. 16

อิสลามนี่โหดจริงๆ นะ เคยเข้าไปดูเว็บนึง ตัดมือ ตัดแขน โอ้ พระเจ้า ทำไมโหดขนาดนี้
แถมมีปาหินผู้หญิงจนตาย น่าสงสาร ห้ามเอาศาสนาอื่นไปเผยแพร่ด้วย ไม่งั้นตาย แล้วถ้าเป็นเกย์จะมีคนกำจัด แล้วก็แขวนคอ ดูแล้วโหดมาก

อันนี้คือเราเห็นจากเว็บนึงที่เขารวบรวมมานะ

เราว่าถึงใครจะรุกราน เราก็ควรมีเมตตาต่อเขา เพราะถึงเขารุกรานแล้วเค้าจะทำอะไรเราได้

เรามีเพื่อนอิสลามผู้ชายเหมือนกันนิสัยดี แต่ผู้หญิงนี่เค้าจะทำตัวแปลกแยกออกมาหน่อย นั่งแยกออกมา บางทีก็ไม่กล้าคุยเทาไร กลัวอ่ะ

คือลึกๆ แล้วรู้สึกว่าน่ากลัว แต่อาหารอิสลามอร่อย สะอาดด้วย อันนี้ขอบอก แต่เคยเห็นเค้าฆ่าแพะ บังเอิญดันขับรถเข้าไปเห็น เวรกรรม น่าสงสาร ติดตามาก แทบอยากจะเข้าไปซื้อไปปล่อย

1
จักรี บุญยพิมพะ 19 พ.ค. 60 เวลา 22:00 น. 16-1

คุณกินไก่ย่างไม้นึง คุณแน่ใจใช่มั้ยว่าในนั้นมีไก่ชีวิตเดียว

ถ้าการป้องกันการรุกรานคือผิด ประเทศพุทธมีทหารไปรบเพื่อให้ตายกันทำไม ใช้เป่ายิ้งฉุบดีมั้ย


เค้าลงโทษเฉพาะคนชั่วครับ

0
LOVE SECRET 18 ต.ค. 54 เวลา 14:25 น. 17

แวะมาตอบ คห.16 ก่อน

 

 

 

 

เพราะทศันคติของท่าที่มีต่ออิสลาม มันทำให้ข้าพเจ้าเศร้าใจ...

 

 

...ประเด็นแรก

 

ตัดมือ คือ บทลงโทษว่าด้วยเรื่องขโมย อิสลามไม่ตัดมือใครเพรียวๆ เพราะความสนุก หรือ ความสะใจแต่ประการใด ทุกการกระทำ ย่อมมีเหตุมีผลเสมอ

 

 

การขโมยในอิสลามถือเป็นบาปใหญ่ ดั่งที่อัลกุรอานระบุไว้

 

"ขโมยผู้ชายและขโมยผู้หญิงจงตัดมือของเขาทั้งสองคนเพื่อเป็นการตอบแทนในสิ่งที่ทั้งสองนั้นได้แสวงหาไว้ เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างในการลงโทษจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพทรงปรีชาญาณ แล้วผู้ใดสารภาพผิดหลังจากการอธรรมของเขาและได้ปรับปรุงแก้ไขแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ" (อัล-มาอิดะฮฺ / 38 - 39)

 

ตีความ... เมื่อมีคนขโมย ทำไมอัลลอฮจึงสั่งให้ "ตัดมือ"

เพราะอัลลอฮฺทรงคุ้มครองและรักษาทรัพย์สมบัติของปวงมนุษย์โดยการบัญญัติให้ตัดมือผู้ที่ลักขโมย เพราะแท้จริงมือที่ทรยศเปรียบเสมือนอวัยวะที่เป็นโรค ซึ่งจำเป็นจะต้องตัดทิ้งเพื่อให้อวัยวะส่วนอื่นที่เหลือในร่างกายปลอดภัย และในการตัดมือเป็นข้อเตือนใจแก่ผู้ที่คิดจะลักขโมยทรัพย์สินของบุคคลอื่น และเป็นการซักฟอกผู้ที่ลักขโมยจากบาป และยังเป็นรากฐานอันสำคัญยิ่งที่นำไปสู่ความปลอดภัยและความสันติสุขขึ้นในสังคมและเป็นการปกปักษ์รักษาทรัพย์สมบัติของมวลประชาชาติ


และกว่าขโมยคนหนึ่งจะถูกตัดมือ ต้องเงื่อนไขดังนี้...

 

1. ผู้ลักขโมยจะต้องบรรลุศาสนภาวะ  สมัครใจ  เป็นมุสลิม  หรือเป็นอิสลาม 
  

2. จะต้องเป็นทรัพย์สินที่มีค่าของผู้ที่ถูกลักขโมย  ดังนั้นจึงไม่มีการตัดมือในกรณีสิ่งที่ถูกขโมยเป็นของละเล่นหรือสุราอย่างนี้เป็นต้น

 

3. ทรัพย์สินของที่ถูกผู้ลักขโมยจะต้องครบพิกัดตามที่ศาสนากำหนด  หากเป็นทองคำต้องมีน้ำหนัก ¼ ดีนารขึ้นไป  หรือทรัพย์สินก็ต้องมีมูลค่าของมัน ¼ ดีนารขึ้นไป 

 

4. การเอาทรัพย์สินนั้นไปโดยวิธีการแบบลับ  หากไม่ใช่กรณีเช่นนั้นก็ไม่ต้องตัดมือ  เช่น  การกรรโชกทรัพย์  การข่มขู่บังคับ  และการปล้นสะดม  ฯลฯ  ในกรณีนี้ให้ใช้วิธีตักเตือนลงโทษ

 

5. ขโมยทรัพย์สินจากที่ๆ เจ้าของเก็บรักษาไว้อย่างมิดชิด…

การเก็บรักษา (อัล-หัรซฺ)  หมายถึง  การเก็บรักษาทรัพย์สินเอาไว้ด้วยกับวิธีการที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเพณีและธรรมเนียมปฏิบัติ  การเก็บรักษาเงินทองโดยการจัดเก็บไว้ในบ้าน  ธนาคาร  ร้านค้าสหกรณ์  และสำหรับแพะจัดให้อยู่ในคอกหรือฟาร์ม  ลักษณะนี้เป็นต้น

 

6. ปราศจากข้อคลุมเครือจากผู้ขโมย  ดังนั้นจึงไม่ตัดมือของผู้ขโมยในกรณีที่เขาขโมยทรัพย์ของพ่อหรือบรรพบุรุษที่สูงขึ้นไป  ผู้ที่ขโมยทรัพย์ของลูกหรือผู้สืบสันดานลงมา  และไม่ตัดมือกรณีขโมยทรัพย์กันนระหว่างสามีกับภรรยา  และทำนองเดียวกันการขโมยเนื่องจากความอดอยากหิวโหย

 

7. ผู้ที่ถูกขโมยเรียกร้องทรัพย์สินของเขาคืน

 

8. มีหลักฐานยืนยันถึงการลักขโมย  ด้วยกับประการหนึ่งประการใดจากสองประการต่อไปนี้

 

 -การรับสารภาพว่าเป็นผู้ขโมยด้วยตัวเขาเองสองครั้ง

 -มีพยานผู้ชายที่มีความเที่ยงธรรมสองคนมายืนยันว่าเขาเป็นผู้ขโมย

 

ดังนั้นสรุปได้ว่า...อิสลามไม่ได้โหด... เพียงแต่นั้นเป็นบัญญัติว่าด้วยการลงโทษผู้ทำผิด อาจจะดูร้ายแรงและรับไม่ได้สำหรับต่างศาสนิก แต่ก็ต้องยอมรับ...ว่าบทบัญญัติเหล่านั้นทำให้มุสลิม (ผู้ศรัทธา) กลัว และ ไม่กล้าฝ่าฝืน เป็นเหตุให้เกิดอาชญากรรมน้อยลง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...สำหรับมุสลิมที่ได้กระทำผิดไปแล้ว เมื่อเขาสำนึกและวิงวอนขออภัยโทษจากอัลลอฮ เขาก็จะพ้นจากบทลงโทษในปรโลก แท้จริง "อัลลอฮทรงกรุณาปราณี และทรงเมตตาเสมอ"


ลองอ่านฮาดีษบทนี้ดู...


ชายคนหนึ่งเข้าไปหาท่านรอซู 

ท่านรอซูลตอบว่า "มันจะถูกบันทึก"
ชายผู้นั้นกล่าวตอบว่า "แล้วถ้าฉันกลับเนื้อกลับตัว"
ท่านรอซูลตอบว่า "มันจะถูกลบออกไป"
ชายผู้นั้นกล่าวอีกว่า "แล้วถ้าฉันกลับไปทำมันอีก"
ท่านรอซูลก็ตอบว่า "มันจะถูกบันทึก"
ชายผู้นั้นกล่าวอีกว่า "แล้วถ้าหากฉันกลับเนื้อกลับตัว"
ท่านรอซูลตอบว่า "มันจะถูกลบออกไป"
ชายผู้นั้นกล่าวถามอีกว่า "แล้วถ้าฉันกลับไปทำมันอีก"
ท่านรอซูลตอบว่า "มันจะถูกบันทึก"
ชายผู้นั้นกล่าวถามว่า "แล้วถ้าหากฉันกลับเนื้อกลับตัว"
ท่านรอซููลก็ยังคงตอบว่า "มันจะถูกลบออกไป"
ชายอาหรับชนบทจึงถามว่า "จนถึงเมื่อไหร่ที่มันยังจะถูกลบ"
ท่านรอซูลจึงกล่าวว่า "แท้จริงอัลลอฮฺ ไม่เบื่อที่จะให้อภัยบ่าวของพระองค์ จนกว่าเขาจะเบื่อการขออภัยโทษจากอัลลอฮ"

รายงานความหมายโดย อัลบัยฮะกีย์


          ทุกความผิด จะได้รับการอภัย หากคนทำผิดสำนึกและขออภัยต่อพระเจ้า...การฆ่าคนยังถูกอภัย นับประสาอะไรกับคดีลักขโมย (คำอธิบายข้างต้น คงพิสูจน์ได้แล้วว่าอิสลามไม่ได้โหดแต่ประการใด)

 

ประเด็นต่อมา ตัดแขนนี้... ไม่ปรากฎนะคะ บทลงโทษในอิสลามไม่มีตัดแขน นอกจากตัดข้อมือ คงจะเป็นความเข้าใจผิด



อีกประเด็น ปาหินผู้หญิงจนตาย ...เป็นบทลงโทษคดีผิดประเวณีของหญิงม่ายหรือหญิงที่มีสามีแต่ลักลอบมีชู้


การผิดประเวณีถือว่าเป็นอาชญากรรมต่อสังคมอย่างหนึ่ง ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง  และขัดต่อระบบที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ให้มาใช้ชีวิตในโลกนี้  ตามวิถีทางที่พระองค์ต้องการ  ดังนั้นการห้ามมิให้ผิดประเวณี (ซีนา)  นั้นมีเหตุผลมากมาย  ดังเช่น  เพื่อเป็นการรักษาสายเลือดสกุลของมนุษย์  ถ้ามนุษย์มั่วสุมกันในในเรื่องเพศ  ใครจะไปร่วมหลับนอนกับใครก็ได้ จะทำให้สังคมเสื่อมโทรม  ทำลายระบบของครอบครัว ทำลายคู่สามีภรรยา และ บรรดาลูก ๆ  จึงนำไปสู่การทำให้สังคมทั่วไปในโลกต้องพบความหายนะเหมือนดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน


การผิดประเวณี เรียกในภาษาอาหรับว่า อัซ-ซินา หมายถึง การสมสู่ระหว่างชายหญิงที่มิใช่คู่สมรสของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทางทวารหน้าหรือทวารหลังก็ตาม 

การผิดประเวณีถือเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาบาปใหญ่ (กะบาอิรฺ) รองจากการตกศาสนา (กุฟฺร์) การตั้งภาคีและการฆาตกรรม พระองค์อัลลอฮฺ ทรงบัญญัติห้ามการผิดประเวณีเอาไว้ใน อัลกุรฺอานว่า

"และสูเจ้าทั้งหลายอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี แท้จริงการผิดประเวณีคือความอนาจารและเป็นหนทางอันชั่วช้าเลวทราม"  (สูเราะฮฺ อัล-อิสรออฺ อายะฮฺที่ 32)


ส่วนหนึ่งจากวิทยปัญญาในการบัญญัติห้ามการผิดประเวณี คือการดำรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของสังคมมนุษย์, เป็นการรักษาเกียรติยศของผู้ศรัทธา และพิทักษ์ไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของเชื้อสายโลหิตตลอดจนเป็นการป้องกันผู้ศรัทธาให้ห่างไกลจากความสำส่อนทางเพศอันเป็นสาเหตุของโรคร้ายที่รุนแรงเช่น เอดส์ เป็นต้น

ผู้กระทำผิดในคดีลักษณะอาญาว่าด้วยการผิดประเวณีมี 2 ลักษณะคือ

1.ผู้ที่เป็นมุฮฺซอน ซึ่งมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

-บรรลุศาสนภาวะและมีสติสัมปชัญญะ

-เป็นเสรีชน

มีการกระทำผิดโดยสมัครใจ มิได้ถูกบังคับ

ผ่านการสมรสที่ถูกต้องและมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นจากการสมรสนั้น

2. ผู้ที่มิใช่มุฮฺซอน คือผู้ที่ยังไม่เคยสมรสมาก่อน

บทลงโทษในคดีลักษณะอาญาว่าด้วยการผิดประเวณี

- หากผู้กระทำผิดเป็นผู้ที่มิใช่มุฮฺซอน คือผู้ที่ยังไม่เคยสมรสมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง จะต้องถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยน (โบย) 100 ที และเนรเทศเป็นเวลา 1 ปี

- หากผู้กระทำผิดเป็นมุฮฺซอน คือผ่านการสมรสที่ถูกต้องมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง จะต้องถูกลงโทษด้วยการขว้างด้วยก้อนหินจนตาย

หลักฐานว่าด้วยการเฆี่ยน (โบย) 100 ที สำหรับผู้กระทำผิดประเวณีที่ของหญิงที่ยังไม่สมรสคือ อัลกุรฺอานที่ระบุว่า

(ซูเราะห์อันนูร อายะที่ 2)

 

หลักฐานว่าด้วยการขว้างก้อนหินจนตายในกรณีของผู้กระทำผิดที่เป็นมุฮฺซอนคือ การกระทำที่มีรายงานมาจากท่านนบี และอายะฮฺอัลกุรฺอานที่ถูกยกเลิกการอ่าน แต่ยังคงใช้ข้อตัดสินจากอายะฮฺนั้น คืออายะฮฺที่ว่า

"ชายที่แต่งงานแล้วและหญิงที่แต่งงานแล้ว เมื่อทั้งสองได้กระทำผิดประเวณี พวกท่านจงขว้างบุคคลทั้งสองโดยเด็ดขาด (ถึงตาย) อันเป็นการลงทัณฑ์จากพระองค์อัลลอฮฺ และพระองค์อัลลอฮฺทรงเกียรติยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง"


อธิบายเพิ่ม... อิสลามให้ความสำคัญในเรื่องครอบครัวเป็นอย่างมาก เรื่องผิดเพศจึงถือเป็นบาปใหญ่และการลงโทษนั้นหนักหนา (ในปรโลก/วันพิพากษา) เมื่อมีเกิดการผิดประเวณีขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของพ่อ/ผู้ปกครองตลอดจนผู้นำทางศาสนาที่จะต้องลงโทษผู้กระทำผิด ทั้งนี้ก็เพื่อผู้กระทำผิดเอง ที่จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากไฟนรกในวันพิพากษา (เมื่อทำผิด
>> ลงโทษ (บนโลก) >> บริสุทธิ์เหมือนเดิม (เพราะถูกชะล้างแล้ว) >> สวนสวรรค์)



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 ตุลาคม 2554 / 15:23

PS.  เค็มแล้วนิยายตู
0
can u see la 18 ต.ค. 54 เวลา 15:34 น. 18

อยากให้ จขกท เเสดงความเห็น เกี่ยวกับความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้หน่อยได้มั้ยครับ
ขอบคุณครับ

0
LOVE SECRET 18 ต.ค. 54 เวลา 16:05 น. 19
ต่อ...



ห้ามเอาศาสนาอื่นไปเผยแพร่ด้วย ไม่งั้นตาย...


ถึงเอาไปเผยแพร่ก็ไม่ตายหรอกคะ แต่โดยปกติ...คงไม่มีชาวพุทธเผยแพร่ศาสนาอิสลาม คริสเผยแพร่พุทธ แล้วอิสลามไปเผยแพร่คริสหรอก ใช่ไหม?

ให้คนต่างศาสนิกไปเผยแพร่อิสลาม ข้อมูลก็ไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เหมือนกับที่อิสลามไปเผยแพร่พุทธ หรือถ้าทำกันจริงก็คงเผยแพร่แบบถูกๆ ผิดๆ ทีนี้ศาสนาเสียหายหมด ...เพราะความคิดอุตริแท้ๆ


แต่ที่สำคัญอย่างหนึ่ง...หากมีบุคคลหนึ่งคิดเผยแพร่ศาสนา ย่อมหมายความว่า เขาศรัทธาต่อสิ่งที่เขาจะเผยแพร่

แล้วถ้ามุสลิมคิดไปเผยแพร่พุทธ นั้นหมายถึง มุสลิมคนนั้นมีความเชื่อเรื่องศาสนาพุทธ แต่อิสลามห้ามเชื่อ เคารพ สิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮ เพราะจะกลายเป็นตกศาสนา (ข้าพเจ้าว่าท่านคงเข้าใจสลับกับประเด็นตรงนี้ละมั่ง)



ประเด็นสุดท้าย ...เกย์

อืม...ประเด็นนี้น่าสนใจ เป็นเกย์ทำไมผิด และอิสลามห้าม?

อันที่จริง...ไม่ว่าจะอิสลามหรือพุทธ คริส ฮินดู การเป็นเกย์ก็ถือเป็นการผิดเพศกันทั้งหมด แต่อิสลามบทลงโทษจะร้ายแรงกว่า ...ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?


เพราะจุดประสงค์ในการสร้างมนุษย์ ก็เพื่อสร้างสังคมมุตตากีน เพื่อสืบเชื่อสายซอและฮฺ/ซอลีฮะฮฺ โดยอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้สร้างมนุษย์คนแรก (อดัม) จากดิน และได้สร้างฮาวาจากซี่โครงนบีอดัม (ตอบคำถาม...ทำไมชายคู่กับหญิง) เพื่อให้ทั้งสองสมรสและผลิตทายาทเพื่อสร้างครอบครัวที่ดี จนขยายกลายเป็นสังคมที่น่าอยู่

ดังนั้น...เกย์ จึงเป็นการประท้วงสิ่งที่อัลลอฮฺสร้าง ไม่พอใจในสิ่งที่อัลลอฮฺให้ และชายรักชายก็ขัดกับพระประสงค์ของพระองค์ที่ต้องการให้คู่รัก/สมรสผลิตทายาท จึงถือว่าผิด


แต่ในอิสลามไม่ปรากฏบทลงโทษเกย์อย่างชัดเจน แต่เกย์ก็เปรียบเสมือนคนที่ตายไปแล้วเนื่องจากพวกเขาหลงผิด และ...พระองค์ก็ได้สาปแช่งพวกเขา ในปรโลก...พวกเขาจะอยู่ในนรกตลอดกาล



ส่งท้ายด้วย...เราว่าถึงใครจะรุกราน เราก็ควรมีเมตตาต่อเขา เพราะถึงเขารุกรานแล้วเค้าจะทำอะไรเราได้


ต่างศาสนาก็ต่างคำสอน และอิสลามไม่สอนให้นิ่งดูดาย หากถูกรุกราน ก็จงลุกขึ้นต่อสู้ โดยเฉพาะถูกรุกรานทางศาสนา


สาวอิสลามไม่ได้ไม่น่าคบ ลองท่านเปิดใจให้กว้าง และเรียนรู้ด้วยใจที่เป็นกลาง แล้วท่านจะรู้จักกับมิตรภาพที่แสนบริสุทธิ์ เพราะมุสลิมส่วนใหญ่นั้น "จริงใจ" เพราะเรายึดมั่นต่อคำสอน และศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และพระองค์ก็สอนให้เป็นมิตรกับทุกคน (ไม่แบ่งแยก/ฐานันดร/เชื่อชาติ/สีผิว/ศาสนา) เพราะการเป็นมิตร คือ อีบาดัตอย่างหนึ่ง




PS.  เค็มแล้วนิยายตู
0
LOVE SECRET 18 ต.ค. 54 เวลา 16:14 น. 20
ขอบคุณ คห.18 ที่เปิดประเด็นนี้


แต่สงคราม (หย่อมๆ) ในสามจังหวัดภาคใต้ การแบ่งแยกดินแดนเพื่อกอบกู้รัฐอิสลามคืน เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ประเด็นหลักจริงๆ ก็ "การเมืองเน่าๆ" ของพรรคไม่กินเส้นกันนั้นแหละ แต่อย่าให้พูด เดี่ยวกระทู้จะถูกลบ WM ส่องอยู่นะท่านนะ


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 ตุลาคม 2554 / 16:55

PS.  เค็มแล้วนิยายตู
0