Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ซิ่ว แพทย์แผนไทยประยุกต์ VS กายภาพบำบัด

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
จะเลือกอันไหนดี ลังเล แต่เอนเอียงไปแผนไทย ..
พยายามหาข้อมูลเยอะมาก เพื่อ่วยในการตัดสินใจ
และชี้แจงข้อมูลให้กับพ่อแม่ได้อย่างชัดเจน

ช่วยกันหน่อยยนะ ;)

ปล. เราอยากเรียนแพทย์แผนจีนด้วยแหละ เฮ้อ คิดจนปวดหัวหมดแล้ว T^T

แสดงความคิดเห็น

>

15 ความคิดเห็น

Zephyrus. 21 ต.ค. 54 เวลา 01:35 น. 3

แพทย์แผนไทย/จีน  ก็เหมือนหมอนั่นล่ะ หมายถึงเรียนลึก และเรียนหนัก
ว่ากันว่าจบมาไม่ตกงานแน่นอนนะ
ส่วนกายภาพอันนี้ทำงานได้หลากหลายกว่าเท่านั้นเอง

ดีทั้งคู่นั่นล่ะ อยู่ที่ว่าชอบแบบไหน วางแผนยังไงไว้


PS.  Always keep the faith.
0
SMILE 22 ต.ค. 54 เวลา 10:06 น. 5

แพทย์แผนไทยประยุกต์งานไม่หลากหลายหรอคะ? ทำไมกายภาพถึงดีกว่า? ขอบคุณทุก คห. นะคะ ^^

0
ิbell 26 ต.ค. 54 เวลา 13:23 น. 6

ตอนนั้น ที่แอดมิดชั่น&nbsp ลังเลเหมือนกันเลยระหว่าง แพทย์แผนไทย กับ กายภาพบำบัด&nbsp 

แต่ สุดท้ายก็เลือกเรียน&nbsp  กายภาพบำบัด
พอเข้ามาเรียนแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆๆนะ&nbsp 
และทำงานได้หลายด้านด้วย

ถ้าสนใจก็ลองเลือกดูจ้า&nbsp >_<

0
น้องแป๊ก 8 ธ.ค. 54 เวลา 15:59 น. 7

พยาบาลดีกว่ามั้ย กว้างดี หางานง่าย (งานหนัก) เงินเย้อ แล้วก็วิชาที่เรียนได้เรียนทั้งกายภาพบำบัดและสมุนไพรบำบัดด้วย (ไม่ชอบแต่ก็ไหว)

1
YaChu_do 5 ก.ค. 63 เวลา 21:18 น. 7-1

พยาบาลทำกายภาพได้หรอครับ ได้รับอณุญาติถูกตามกฏหมายรึป่าวครับ

0
Minney 16 ก.พ. 55 เวลา 22:01 น. 8

ต้องการ เทียบโอนแพทย์แผนไทย ไปกายภาพบำบัดได้ไหมค่ะ
อยู่ปี2 ค่ะแล้วต้องทำไง บ้าง ค่ะ

0
MORSEE 11 มี.ค. 55 เวลา 22:55 น. 9

เหมือนเราเลยค่ะ ตอนแรกก็ลังเลเหมือนกัน แต่ตอนนี้เลือกแพทย์แผนไทยประยุกต์ไปแล้วจ่ะ 

ในความคิดของเรา เราคิดว่า แพทย์แผนไทยประยุกต์เรียนหลากหลายมากกว่ากายภาพบำบัดนะ เพราะได้เรียนเกี่ยวกับการนวดที่กายภาพบำบัดเรียน แล้วก็ยังได้เรียนเรื่องยาสมุนไพรสามารถรักษาคนให้หายจากโรคได้ด้วยคล้ายๆหมอเลยแต่ใช่สมุนไพรแทน แล้วอีกอย่าง แพทย์แผนไทยประยุกต์ก็สามารถทำคลอดแบบธรรมชาติได้อีกด้วยนะ น่าสนใจดี ส่วนแพทย์แผนจีนเราก็สนใจเหมือนกัน แต่ที่ม.หัวเฉียวรู้สึกว่าต้องไปเรียนถึงประเทศจีนเราก็เลยไม่เลือกอ่ะจ่ะ ^^

0
yay 13 มี.ค. 55 เวลา 23:44 น. 10

เรียนกายภาพบำบัด จบแล้ว ทำงานแล้ว ยังนวดไม่เป็นเลย เอามาจากไหนกันว่ากายภาพบำบัด เรียนนวด ได้เรียนแค่พื้นฐานแบบบรรยาย 2ชั่วโมงเอง อีกอย่างกายภาพบำบัด หลักๆเลยคือ ป้องกัน รักษา ฟื้นฟู ด้วยเครื่องมือทางกายภาพบำบัด รักษาด้วยไฟฟ้า ความร้อน เย็น Exercise

ลองศึกษาดีๆนะคะ

0
นศก. 20 พ.ย. 55 เวลา 20:44 น. 11

ทั้งสองสาขา มีความแตกต่างในตัวของมันเองและ "มีความเฉพาะเจาะจง" ในตัวของมันเองซึ่งไม่มีใครสามารถ "ทำแทนกันไม่ได้" ครับ กายภาพบำบัดเป็นวิชาชีพหนึ่งที่สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายได้ โดยไม่ใช้ยาในการรักษา โดยวิธีการรักษาอาจใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดมาร่วมในการรักษา เช่นเคื่องกระตุ้นไฟฟ้าผ่านทางผิวหนัง เครื่องกำเนิดความร้อนเป็นต้น&nbsp หลักในการเรียนกายภาพ ปี 1 ก็จะเรียนพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ เมื่อเข้าปี 2 ก็จะมีการเรียนในรายวิชา มหกายวิภาคศาสตร์ซึ่งการเรียนจะเรียนกับอาจารย์ใหญ่ และสรีรวิทยา บางคนถามว่าทำไมกายภาพบำบัดต้องผ่าอาจารย์ใหญ่ด้วย ก็แค่ทำงานบีบๆๆ นวดๆ นั้นเป็นความคิดที่ผิดครับ ที่กายภาพต้องเรียนกายวิภาคศาสตร์นั้นมันเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ขอยกตัวอย่างน่ะครับ เมื่อมีคนไข้คนนึงเดินมาหานักกายภาพบำบัด ท่าทางการเดินนั้นสามารถบอกอะไรกับเราได้หลายอย่าง ซึ่งเราจะมีวิชาที่เรียนเกี่ยวกับการวิเคราห์การเคลื่ออนไหว ว่าคนไข้ทำไมถึงเดินแบบนี้ เดินแบบนี้คนไข้หน้าจะมีปัณหาที่ไหนน่ะ หรือคนไข้มีปัญหาของการอ่อนแรงจากกล้ามเนื้อมัดไหน หรือมัดไหนตึงตัวเกินไปเลยทำให้การเดินไม่ปกติ เพราะเหตุผลนี้เราจึงต้องเรียน กายวิภาคศาสตร์ เพราะเพื่อที่จะได้รู้ว่ากล้ามเนื้อมัดนี้มันอยู่ตรงไหน สัมพันธ์กับโครงสร้างใด้ ถูกเลี้ยงด้วยเส้นประสาทอะไร ทำหน้าที่อะไร ถึงจะได้ทำการรักษาได้อย่างถูกวิธี&nbsp  คำจำกัดความง่ายๆๆที่พอจะให้เข้าใจว่ากายภาพบำบัดคืออะไร นักกายภาพบำบัด คือ ผู้เชี่ยญชาญด้านการเคลื่อนไหว ครับ

ส่วนในปี 3 4 เราก็จะมีเรียนวิชาเฉพาะของการรักษาและการตรวจร่างกายเฉพาะของกายภาพบำบัดครับเช่น ทางด้าน ระบบหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด ระบบประศาสตร์ ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ผู้สูงอายุ เด็ก กีฬา สปา เป้นต้นครับ

0
นศก. 20 พ.ย. 55 เวลา 20:47 น. 12

ขอแก้น่ะครับ ความคิดเห็นที่ 12
ทั้งสองสาขา มีความแตกต่างในตัวของมันเองและ "มีความเฉพาะเจาะจง" ในตัวของมันเองซึ่ง "ไม่มีใครสามารถทำแทนกันไม่ได้"

0
กาย 10 เม.ย. 56 เวลา 12:30 น. 13

ข้อแตกต่าง ระหว่าง กายภาพบำบัด กับแพทย์แผนไทยประยุกต์

นอกจากเรื่องการทำงานด้าน ยาสมุนไพร และการทำคลอดแล้ว&nbsp ที่เหลือ กายภาพบำบัดจะมีขอบเขตการเรียนการสอนความรู้ด้านอื่น ที่กว้างกว่า

หลายคนมักเข้าใจผิด ว่า กายภาพบำบัด ก็มีเพียงแค่ คนพิการ ธรรมชาติบำบัด อายุรเวท วิทยาศาสตร์การกีฬา แพทย์ทางเลือกด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โยคะ แพทย์แผนจีน ชีวจิต ตลอดจน การบูรณาการด้านการรักษาโดยมองแบบองค์รวม และอื่นๆ ซึ่งความจริงมีมากกว่านั้น&nbsp ที่เป็นความรู้เฉพาะด้านที่ได้ศึกษาค้นคว้า วิจัย มาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยบูรณาการความรู้ทั่วโลกให้มีความเป็นสากล และใช้ให้เห็นผลจริง&nbsp มีความเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งแพทย์แผนไทยจะไม่มีการเรียนการสอนกันเองได้ เพื่อเป็นการควบคุม การประกอบโรคศิลป์ ให้สามารถนำไปใช้ได้เฉพาะวิชาชีพ และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ของผู้ป่วยหรือผู้บริโภค ในด้านการบริการทางการแพทย์ ที่อาจจะมีการเข้าใจผิดกันหลายอย่าง และไม่เกิดผลดีต่อการรักษาต่อผู้ป่วยตามมา

..และเด็กๆหลายคน มีอาชีพในอุดมคติ หรือ ในฝัน ที่อยากจะทำงานด้านการรักษาคน แต่ทว่าการจะเป็นหมอแผนปัจจุบัน นั้น ยากมาก เนื่องจากด้วยระบบที่ปลูกฝังมาตั้งแต่โบราณ และสืบทอดกันมา ว่า คนที่จะเป็นหมอ ต้องมีมันสมองดี IQ สูง ร่วมกับมีคุณธรรม จึงจะสามารถอ่านตำราทางการแพทย์ที่มากมายและจดจำได้ดี และสามารถทำหัตถการที่ก้ำกึ่งกันระหว่างการรอดและการเสียชีวิต นั่นก็คือ การกู้ชีพแบบแพทย์แผนตะวันตก ที่แพทย์แผนโบราณทำไม่ได้ เนื่องจากเสี่ยงเกินไป&nbsp  จึงทำให้เด็กๆหลายคนที่ชอบอยากเป็นหมอ ไม่อาจจะสอบเข้าเป็นหมอได้ เนื่องจาก ถูกจำกัดด้วย จำนวนโควต้าที่รับนักศึกษาแพทย์ได้ไม่กี่คนต่อปี&nbsp มีการแข่งขันกันสูง คัดเลือกเฉพาะหัวกะทิเท่านั้น

ดังนั้น จึงเกิดทางเลือกอื่นที่จะได้อยู่วงการแพทย์ ก็ได้แก่ วิชาชีพรองอื่นๆ ซึ่งสองในนั้น คือ กายภาพบำบัด และแพทย์แผนไทย ที่พอจะช่วยเหลือฟื้นฟู หลังจากการกู้ชีพเสร็จแล้ว....แต่ด้วยระบบการกู้ชีพเป็นของตะวันตก จะต้องมีการฟื้นฟูรองรับ จึงได้เกิดกายภาพบำบัดขึ้นมา ไม่ใช่แพทย์แผนไทย เนื่องจากเรียนมาคนละหลักสูตร แต่ทว่ามันมีบางวิชาที่มันคล้ายๆกัน ประเทศไทยเราก็กลัวว่า แพทย์แผนไทยจะสูญหาย จึงคิดหลักสูตรแพทย์แผนไทยประยุกต์ขึ้นมา เพื่อเป็นทางเลือกและพยายามจะเป็นทางหลักในการฟื้นฟูหลังการกู้ชีพ ร่วมกับกายภาพบำบัด แต่ทว่าวิชาของแผนไทยนั้นกายภาพบำบัดก็ได้เรียนมา จึงเกิดคำถามว่า จะเลือกอะไรดี

ผมก็เลยอยากจะบอกว่า กายภาพบำบัด ก็ดี แพทย์แผนไทยประยุกต์ ก็ดี ไม่มีใครเลียนแบบใคร เพราะวิชาความรู้มันเป็น พลวัฒน์ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้นตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง ของเก่าบางอย่าง อาจจะไม่สามารถใช้ได้ทุกกรณี มันต้องมีการประยุกต์ ซึ่งกายภาพบำบัด ได้ทำการมาประยุกต์มาเนิ่นนานแล้ว&nbsp และมีการค้นคว้าพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เช่นดียวกับแพทย์แผนไทยประยุกต์
ที่ได้พัฒนาขึ้นมาในภายหลังเรื่อยๆ

แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการให้บริการ และให้เด็กๆ ของประเทศไทย เลือกสิ่งที่ดีที่ชอบและไม่สับสน&nbsp ก็อยากบอกว่า การนวด ด้วยแผนต่างๆ&nbsp ไม่ใช่การรักษาได้ทุกโรค ทุกอาการยังกับในหนังแค่สัมผัส แล้วโรคหาย&nbsp และกายภาพบำบัด ก็ไม่ใช่หมอนวด อย่างที่หลายคนเข้าใจ มันมีบางอย่างที่แพทย์แผนไทยไม่มี
ตอนนี้แพทย์แผนไทยใน โรงพยาบาล ถูกตีกรอบไว้ ให้เป็นหมอนวด คล้ายเอกชน ถ้าใครอยากเรียนแพทย์แผนไทย ก็ต้องพร้อมที่จะเป็นผู้ให้บริการนวด เพราะยังไม่สามารถตรวจและจ่ายยาได้เองทั้งหมด&nbsp 
ก็อยากให้น้องๆ คิดดีๆ ว่าอยากเป็นหมอนวดจริงๆหรือเปล่า มันไม่เหมือนสมัยก่อน ที่การนวดเป็นแบบเชลยศักดิ์ ใช้กับคนทั่วไป เอาเท้าเหยียบได้ ผู้นวด ถือว่าเป็นหมอเป็นครูบาอาจารย์&nbsp แต่เดี่ยวนี้ ต้องนวดแบบราชสำนัก และลูกค้ามานวดผ่อนคลายพักผ่อน มากกว่ารักษาเป็นส่วนใหญ่&nbsp ออกแนวสำหรับหารายได้เป็นธุรกิจ ถ้าเปิดคลีนิคเองและสอนผู้ช่วยดีๆ ผู้ช่วยก็สามารถนวดผ่อนคลายได้ ส่วนตัวเองที่เป็นแพทย์แผนไทยก็ คอยทำเคสรักษายากๆ ประมาณนี้

...

0
ทิวลิป 23 ก.ค. 58 เวลา 03:57 น. 15

เรียนที่เหมาะสมกับตัวเอง และชอบก็พอค่ะ อย่าดูถูกอาชีพตัวเองและอาชีพคนอื่น เพราะแต่ละอาชีพก็มีความสำคัญในส่วนนั้นๆซึ่งเราทำแทนกันไม่ได้ค่ะ ส่วนตัวเคยผ่านประสบการณ์การเรียนแพทย์แผนไทยประยุกต์มา เรียนหนักเหมือนกัน มีแต่สมุนไพร ชื่อโรคภาษาบาลีสันสกฤต ออกแนวอิงธาตุทั้ง4ในการรักษา ตอนแรกไม่รู้อะไรเลยเข้าไปเรียน พอเริ่มเข้าวิชาภาค คิดว่าไม่ใช่เราไม่ถนัด ก็ออกมาซิ่วใหม่ ถึงได้บอกว่า เรียนในสิ่งที่ชอบและเหมาะสมกับเราด้วยนะ ค้นหาตัวเองให้เจอนะ สู้ๆ^^

0