Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[[ประวัติ+รูป]]แอปเปิ้ลแฟนฟลุกซีควิ้น ไฮโซจิงจัง ++แถมวิธีจัดระเบียบการใช้เงินของเธอด้วย++

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ไม่ชอบกดXด่วนๆๆๆ

(ซ้ำขออภัยค่ะ)



 



 ประวัติส่วนตัว
       
       ชื่อ Sisangian Sihalath
       ชื่อเล่น แอปเปิ้ล
       เชื้อสาย ลาว จากเวียงจัทน์
       เรียน คณะบริหารธุรกิจ เอกการตลาด มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ภาคอินเตอร์
       ผลงานที่ผ่านมา นักร้องนำในเกิร์ลกรุ๊ป ของลาว , ถ่ายแบบ,งานโฆษณา ฯลฯ
       งานพิธีกร รายการ double cheese
        และเร็วๆ นี้กับงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกกับค่าย ไฟว์สตาร์
คุณหนู สีสะเหงียน ไฮโซเมืองลาว


              ไฮโซ ไฮซ้อ เมืองไทยอาจต้องชิดซ้าย หลบให้เธอคนนี้ “Sisangien Sihalath” หรือ “แอปเปิ้ล” สาวไฮโซจากนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว บ้านหลังโตๆ มีพี่เลี้ยงคอยรับใช้ดั่งเจ้าหญิง ขับรถมินิคูเปอร์ มีเงินเหลือๆที่จะใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด พ่อแม่ตามใจ ไม่ต้องทำอะไรก็สบายไปตลอด... แต่ชีวิตคุณหนูก็ทำให้แอ๊ปเปิ้ลเรียนรู้อะไรได้หลายอย่าง เธอเปลี่ยนชีวิตตัวเองจากความหรูหรา ฟุ่มเฟือยมาสุ่ความมุ่งมั่นทั้งการเรียนและการงาน
                    
        M-Lite นัดหมายกับเธอในอาณาจักรแมตชิ่ง บนถนนสุโขทัยซอย 6 วันนี้เธอมาทำงานพิธีกรรับเชิญ ในรายการ Double Cheeze ซึ่งเป็นรายการแรกที่ทำให้เราสังเกตถึงใต้ตัวหนังสือในรายการแนะนำพิธีกรว่าเธอคนนี้ “From Lao” และนั่นยิ่งทำให้เริ่มสงสัยว่าเธอก้าวมาทำงานในวงการบันเทิงเมืองไทยได้อย่างไร
       
        “ผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว ผมสั้นตามสไตล์วัยรุ่นทั่วไป เธอปรากฏกายมาในชุดนักศึกษา พร้อมกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ ออกตัวทักทายทีมงานและคนอื่นๆ ในห้องแต่งตัว ด้วยสำเนียงไทยชัดเจน ก่อนจะขอตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า และออกมาด้วยเสื้อผ้าในแนวสตรีทแฟชั่นด้วย เสื้อยืดสีขาวสกรีนลาย กางเกงขาสั้นสีเขียวขับสีผิวให้ยิ่งแลดูขาวเปล่งประกาย แต่งหน้าปัดแก้มเล็กน้อย และพร้อมที่จะมาให้ ทุกคนได้รู้จักตัวตนของเธอไปพร้อมๆ กัน...
       
     
        ชีวิตคุณหนู ไฮโซ
       

       ธุรกิจของครอบครัวสีหะราชที่นครเวียงจันทน์ ประเทศลาว นอกจากคุณพ่อจะเปิดเกสต์เฮาส์ที่ชื่อ “สีสะหง่า” ซึ่งเป็นชื่อของคุณแม่แล้ว ยังมีธุรกิจดิสทริบิวเตอร์นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อดังรายใหญ่ของลาวอีกด้วย ซึ่งเป็นธุรกิจของคุณแม่ ทุกธุรกิจของครอบครัวจะใช้ชื่อว่า “สีสะหง่า” เพราะคุณพ่อให้เกียรติคุณแม่ ให้ธุรกิจเป็นชื่อคุณแม่ทุกแห่ง
       
       ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องสามใบเถาของบ้าน รักกันมาก แม้ว่าจะอายุห่างจากคนเล็กมากก็ตาม เธอบอกว่า ในตอนเด็กเคยคิดว่าตัวเองเป็นลูกคนเล็ก แต่อยู่ๆ ก็มีน้องขึ้นมา อยู่บ้านกับพี่สาวก็อาจจะมีทะเลาะกันบ้าง แต่เมื่อพี่สาวไปเรียนต่อต่างประเทศ ยิ่งทำให้เธอคิดถึงพี่สาวมากยิ่งขึ้น

       
        ชีวิตความเป็นอยู่ที่ประเทศลาวของเธอเรียกได้ว่าเกิดมาเพียบพร้อมและมีทุกอย่างรองรับ ไม่ว่าจะบ้าน รถ คนรับใช้ พี่เลี้ยงคอยดูแล มีคนคอยทำทุกอย่างให้จนกลายเป็นคุณหนู
       
       “อยู่ที่ลาวมีคนคอยทำทุกอย่างให้ ที่นู้นเค้าเรียกว่ามีแม่เลี้ยง (คนดูแล) ตื่นมาก็มีคนทำกับข้าวให้กิน ตื่นนอนมีคนทำทุกอย่างให้ อยู่ที่บ้านจะออกไปไหนก็ได้ ขับรถไปไหนก็ไป เอารถคันไหนออกไปก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อน อยากได้อะไรก็มีคนซื้อให้
       
       มีมินิคูเปอร์เป็นของตัวเอง อยู่ที่บ้านเหมือนคุณพ่อคุณแม่ตามใจทุกอย่าง ขอเงินเท่าไหร่ก็ให้ จนคุณพ่อบอกว่าขอบ่อย ก็เลยให้กุญแจตู้เซฟที่เก็บเงินของครอบครัวเอาไว้ให้ลูกๆ ทุกคน เป็นเซฟเงินประจำบ้าน เราสามารถหยิบเงินเท่าไหร่ก็ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็เหมือนหยิบเอาเลยลูกเท่าไหร่ก็ได้ พวก
       เราก็ไม่มีแบบการขโมย หรือการจะเอาเงินเยอะเกินไป เอาเท่าที่เราอยากได้ เมื่อก่อนเราอยากได้เราก็ขอพ่อ พ่อก็ให้ตลอด พ่อก็เลยเอากุญแจตู้เซฟให้เลย เราก็ไม่รู้วันหนึ่งเราใช้เงินไปเท่าไหร่ ”
        มองพฤติกรรมเหล่านี้ของแอ๊ปเปิ้ลก็ไม่ต่างจากคุณหนูที่มีคุณพ่อคุณแม่คอยตามใจตลอดเวลา เธอบอกว่า การที่พ่อแม่ทำแบบนี้ จนรู้สึกและสำนึกได้ด้วยตนเอง
       
       “จะเรียกว่าเปิ้ลเป็นคุณหนูก็ได้นะ เพราะเราไม่ต้องทำอะไรเอง มีคนคอยทำให้ทุกอย่าง มันสบายมาก เดือนหนึ่งเราใช้จ่ายเยอะมาก มันทำให้เราฟุ่มเฟือย เลี้ยงเพื่อนบ้าง อาทิตย์หนึ่งเปิ้ลจะได้เงินเป็นอาทิตย์ อาทิตย์ละ 5,000-7,000 บาท หรือไม่ก็แล้วแต่เราจะใช้ เพราะกุญแจตู้เงินอยู่ที่เรา”
       
        จัดระเบียบการใช้ “เงิน”
       

       การมาใช้ชีวิตในเมืองไทย ทำให้คุณหนูของบ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองจนทุกคนในครอบครัวตกใจ และประทับใจที่เธอเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก
       
       แอ๊ปเปิ้ลบอกว่า เมื่อตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองไทยก็ต้องทำเองทุกอย่าง ไม่มีคนตามใจ หรือว่าเอาใจ สิ่งแรกที่ต้องปรับตัวเลยก็คือ ต้องหัดทำงานบ้านเอง จัดระเบียบการใช้ชีวิตของตัวเองใหม่ทั้งหมด ต้องหัดช่วยเหลือตัวเองบ้าง ไม่มีใครมาคอยทำอะไรให้เหมือนอยู่ที่บ้าน
       
       นอกจากชีวิตที่ต้องปรับเปลี่ยนกันใหม่แล้วยังมีเรื่องของการใช้เงิน ที่ต้องทำให้ตัวเองมีระเบียบกับการใช้จ่ายให้มากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่ามาอยู่เมืองไทยพ่อและแม่จะโอนเงินมาให้ตลอด อย่างไรก็ตามก็ต้องหัดใช้เงินให้เป็นมากกว่าเดิม
       
       “อยู่บ้านเราสามารถหยิบเงินเท่าไหร่ก็ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็เหมือนหยิบเอาเลยลูกเท่าไหร่ก็ได้ พวกเราก็ไม่มีแบบการขโมยหรือหยิบเยอะเกินไป จนเราก็ไม่รู้วันหนึ่งเราใช้เงินไปเท่าไหร่ เมื่อเรามาอยู่เมืองไทย พ่อแม่โอนเงินมาทุกเดือนจ้า ในตู้เอทีเอ็ม แล้วเงินในเอทีเอ็มมันก็มีวันหมดอ่ะนะก็เลยต้องใช้มีระเบียบมากๆ ไปไหนซื้อของ เราไปซื้อของก็ซื้ออย่างสบายใจ แต่ตอนนี้เราก็ต้องกลับมาคิดให้มากขึ้นว่าเราอยากจะได้อะไรบ้าง ต้องมาปรับไลฟ์สไตล์ตัวเองทุกอย่าง มาอยู่นี่ต้องล้างจานเอง ตอนนั้นมีครั้งนึงที่เรากลับบ้านแล้วเราก็กินข้าวอยู่คนเดียว เราก็ขี้เกียจเรียกเขามาล้าง เราก็หยิบไปล้างเอง พ่อกับแม่ก็ตกใจ เราก็คิดว่านิดหน่อยเราก็ล้างเอง พ่อแม่ก็แฮปปี้มากที่เราเปลี่ยนไปแบบนี้ ”
       
       ถึงแม้จะดูว่าครอบครัวนี้จะเลี้ยงลูกแบบตามใจ แต่สิ่งหนึ่งที่แอ๊ปเปิ้ลบอกว่าคุณพ่อได้ปลูกฝังให้แก่พวกลูกๆ อย่างมากก็คือ “อย่าดูถูกคนอื่น”
       
       “พ่อจะบอกเสมอค่ะว่าพ่อไม่ได้เป็นคนมีเงินมาตั้งแต่เกิด พ่อเองเคยเปิดร้านไอศกรีมมาก่อน แล้วก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เราเองก็รู้ว่าพ่อเราไม่ได้รวยมาตั้งแต่แรก เราควรใช้ประหยัด คือ ทุกคนสามารถจนแล้วก็รวยได้นะ เราจะไม่กล้าดูถูกคนจนเลยนะ เพราะพ่อเราก็เคยจนมาก่อน วันหนึ่งพ่อเราเลี้ยงเรามาแบบดีทุกอย่าง เราจะไม่ดูถูกคนอื่น เพราะคนจนคนนั้นสักวันเขาจะเป็นคนรวยแล้วเขาจะมีทุกอย่าง เหมือนพ่อเราทุกวันนี้ หนูจะคิดตลอด เห็นคนจนแล้วเราก็คิดว่าสักวันเขาก็ต้องรวยแน่เลยเพราะเห็นเค้าตั้งใจทำงานมากเลย เหมือนพ่อเราทำงาน พ่อจะสอนมาแบบนี้ตลอดเลยค่ะ มีพ่อเป็นฮีโร่ เป็นซูเปอร์แมนเลย ค่ะ ”
       
      
        ไม่อายที่จะบอกว่าเป็น “คนลาว”
       
       การเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ ครั้งแรก ทำให้ต้องปรับตัวอย่างมากและมีปัญหากับเรื่องการเรียนอยู่ช่วงใหญ่ จนทำให้เธอต้องหยุดเอาไว้และหนีไปพักผ่อนที่แคนาดาและขอคำปรึกษาจากพี่สาวคนโต
        เธอเล่าว่า มาเรียนครั้งแรกก็มีปัญหา เพราะยังปรับตัวไม่ได้ มาเรียนที่นี่ต้องมีกฎ ไม่เหมือนที่ลาว เพราะอยู่ที่นู้นจะทำอะไรก็ได้ พ่อแม่รู้จักกับเจ้าของโรงเรียน เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก เราก็ชิล ทำอะไรก็ได้ มีคนรับ-ส่งไปโรงเรียน บางวันก็เอาเบาะไปนอนเล่นพื้นห้องบ้าง อาจารย์ก็จะปลุกตื่นมาเรียนก่อน อาจารย์ไม่ค่อยว่า พอมาเรียนที่เมืองไทย ยุ่งยากทุกอย่าง
       
       “ปีแรกเทอมแรกเราก็เรียน แต่ยังไงเราต้องปรับตัวใหม่ มันงงทุกอย่าง อยู่ที่โรงเรียนเราไม่ตั้งใจมากขนาดนี้เลยนะ อาจารย์ เพื่อนเริ่มต้นใหม่หมด เลยคิดว่า หยุดก่อน แล้วก็บินไปหาพี่สาวที่แคนาดา แต่ไม่บอกพ่อกับแม่เรื่องเรียน บอกแค่ว่าไปอยู่เป็นเพื่อนพี่สาว ได้คำปรึกษาจากพี่สาวเราก็อยู่นั่นสามเดือนแล้วก็บินกลับมาใหม่ แล้วเราก็ตั้งใจใหม่ มาเรียน ก็เลยมาเรียน พ่อก็ซื้อรถให้ ย้ายคอนโดฯ มาโมดิฟายตัวเองใหม่หมดเลย ย้ายมาอยู่แถวหัวหมาก ปรับตัวเอง คุยกับเพื่อนให้มากขึ้น อยู่ที่นู้นมีแต่คนอยากเข้ามาคุยกับเรา พอมาอยู่ที่นี่มันเหมือนเราต้องเข้าไปหาเข้าไปคุยกับเขาก่อน เรารู้เลยว่า คนเรามันต้องปรับตัว มันอยู่นิ่งไม่ได้ ก็เลยดีขึ้น ทุกอย่างตอนนี้แฮปปี้มากขึ้น”
       
       เพื่อนหลายคนไม่เชื่อว่าเธอมาจากประเทศลาว เพราะการพูดคุยสำเนียงไทยเธอพูดชัดยิ่งกว่าคนไทยในต่างจังหวัดเสียด้วยซ้ำ ใครไม่เชื่อเธอจะยื่นพาสปอร์ตให้ดู
       
       “เข้าหาเพื่อนเราก็ไม่ได้บอกเค้าก่อนนะว่าเรามาจากเรา เราเองก็พูดได้นะ เพราะเราไม่เคยอายว่าเรามาจากลาว แต่ถ้าอยู่ดีๆ มาบอกว่า เฮ้ย ! เราเป็นคนลาวนะ ส่วนใหญ่เพื่อนรู้มาก็ตอนทำงานกลุ่ม เพราะเพื่อนเข้ามาถามเอง บางทีมีเพื่อนต่างชาติเข้ามาถามเขาแนะนำตัวมาจากประเทศไหน เราก็บอกบ้างว่าเรามาจากประเทศลาวนะ แต่เพื่อนคนไทยก็ไม่ค่อยบอก เพราะเราบอกเพื่อนคนไทยว่า อาทิตย์นี้เราต้องกลับบ้านอ่ะ ขอทำงานกลุ่มเลิกเรียนไกล เขาก็งงว่าเราเป็นคนที่ไหนเหมือนไม่ใช่คนลาว อยู่ที่ห้องเรียนก็แนะนำตัว บางคนก็ไม่เชื่อ เค้าก็ขอดูพาสปอร์ตเพราะบางทีคงเพราะว่าเราพูดชัดเกินมั้งจนคนไทยที่เป็นต่างจังหวัดเองเขายังพูดภาษากลางไม่ชัดเท่าเราเลยนะ ”
       
        อย่าดูถูก “คนลาว”
       
       ในส่วนตัวเองเปิ้ลกระซิบว่า เธอได้รับวัฒนธรรมไทยเข้ามาใช้กับชีวิตประจำวันเป็นส่วนใหญ่ เพราะเธอเองก็คิดว่าคนลาวส่วนใหญ่ก็รับวัฒนธรรมไทยผ่านทางโทรทัศน์ช่องฟรีทีวี แต่ถึงแม้ว่าคนลาวจะรับมามาก แต่ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง และไม่ชอบให้คนไทยมาใช้คำว่า “ลาว” เพื่อจะเป็นศัพท์ที่ใช้ดูถูกคนอื่น
       
       “ถึงคนลาวจะรับมาเยอะ แต่ก็เหมือนกับว่าเขาเองก็มีขอเขตของเขา อย่างคนไทยชอบพูดคำว่า “ลาวว่ะ” เปิ้ลเองหรือคนลาวก็ไฟต์คำนี้นะ เราไม่ชอบกลุ่มที่ใช้คำแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้เกลียด เขาเองอาจจะพูดเพราะติดปากโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เปิ้ลว่าวันหลังอย่าพูดเลยดีกว่า
       
       เปิ้ลว่าคนไทยติดการใช้คำมากกว่าความหมายว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไร คุณเองก็เข้าใจไปแล้วว่าคำว่าลาวหมายถึงสิ่งไม่ดี พูดเหยียดคนอื่น เราได้ยินใครพูดแบบนี้มันไม่แฮปปี้นะ ถ้ากลับกันแล้วเรากลับพูดว่า “ไทยว่ะ” แล้วแสดงสีหน้าเหยียดๆ แบบนั้นบ้าง จะรู้สึกยังไง เราก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนเขาได้หรอกนะมันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล ไม่เปลี่ยนก็เรื่องของเขา หลายครั้งที่ได้ยินเพื่อนพูดเราก็พยายามอธิบายนะว่าเรารู้สึกยังไง เขาก็สามารถมองอีกมุมหนึ่งของลาวที่สวยงามและเปลี่ยนมุมมองไปเลย ”
       
      
       
        รัก 5 ปี กับหนุ่มไทย
       
       ความรักของสาวลาวน่ารักคนนี้ ถ้าไม่มีคนรักก็เห็นจะเป็นเรื่องแปลกแบบคาดไม่ถึง แต่เธอเองก็เปรยๆ ออกมาตอนต้นที่ได้พูดคุยกันว่า คนที่ชักชวนเข้าสู้วงการบันเทิงไทย ก็คือเพื่อนสนิทมาก ซึ่งหนุ่มคนนั้นคือ ฟลุก หนึ่งในศิลปินแห่งวง ซีควินซ์ ค่ายอาร์เอส ที่ตอนนี้ความรักของทั้งคู่ได้เริ่มเรียนรู้กันมากว่า 5 ปีแล้ว และเติมเต็มไปด้วยความเข้าใจและการดูแลซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี
        เปิ้ลเล่าว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นบนโลกออกนไลน์ ในขณะนั้น Hi5 ยังคงฮิต หนุ่มฟลุกเองเข้ามาติดต่อให้เธอไปถ่ายโปรไฟล์เพื่อชักชวนเข้าสู่โมเดลลิ่งที่ฝ่ายชายทำอยู่
       
       “ตอนนั้นพี่เขาทำโมเดลลิ่งอยู่ด้วย เขาก็มาติดต่อ เหมือนรูปสวยๆ เค้าก็มาคุย แล้วเราก็บอกว่า เราจะไปได้ยังไง เราไม่ได้อยู่เมืองไทยนะ เค้าก็ให้เราเค้ามาทำงาน เราก็อธิบายว่าเราเป็นคนลาวนะ จากนั้นก็จบ เขาเองก็เหมือนคนไทยทั่วไปที่อยากรู้ว่าเมืองลาวเป็นยังไงบ้าง สวยมั้ย ถามว่าคนลาวมีดั้งด้วยหรอ เค้าก็ค่อยๆ ถามเรามา เราเป็นคนลาวก็อยากเล่าให้คนไทยฟัง ผ่านมาสักพักเราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน
       
       เรามาเที่ยวเมืองไทย มาชอปปิ้ง เราไม่ได้นัด ไม่มีเบอร์ แล้ววันนั้นบังเอิญเจอที่สยาม เราก็เห็นเค้าแบบเฮ้ย หน้าคุ้นๆ นะ เพราะเราเองก็เคยเห็นแต่รูป สักพักเดินผ่านไป แล้วเค้าก็เค้ามาทักว่า นี่เปิ้ลเป็นคนลาวใช่มั้ย จากนั้นก็เริ่มคุยกัน เค้าก็เลยขอเอีเมล์ แต่เค้าก็ไม่อะไรบอกว่าวันหลังเราไปเที่ยวลาว เปิ้ลไม่ได้อะไร เพราะตอนนั้นเค้าไม่ได้เป็นนักร้อง ตอนนั้นเค้าเป็นแค่นักร้องฝึกหัดในอาร์เอส
       กลับมาลาวเราก็แชทกัน ก็มาเที่ยวไทยรอบสอง ก็พาน้องสาวมาเที่ยวด้วยค่ะ ก็พาน้องสาวมาเที่วดรีมเวิร์ล มีพี่สาว มีเพื่อน มา 4-5 คน เค้าน่ารักมาก เค้าดูเป็นคนรักเด็ก แล้วหนูรักครอบครัวอยู่แล้ว จากนั้นเราก็ตกลงคบกัน เปิ้ลมาเรียนเมืองไทย แต่ตอนมาไทยเราก็เหมือนมาดูมาเราจะเรียนประเทศไหนดี เราก็ตัดสินใจมาเมืองไทย ก็เลยมา มาเมืองไทยเค้าก็ไป-รับ-ส่ง แนะนำเรื่องเรียน”
        เรื่องความรักของเปิ้ลเองคุณพ่อเธอหวงมาก ถึงขั้นบอกให้เธอย้ายที่เรียน เพราะมาอยู่เมืองไทยคนเดียว และยิ่งมีเรื่องมีแฟนด้วยยิ่งไปกันใหญ่ แต่เปิ้ลเองก็อธิบายให้พ่อเข้าใจ และพาหนุ่มฟลุกไปแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก จนฟลุกกลายเป็นลูกชายอีกคนนึงของครอบครัวไปแล้ว
       
       “เราก็คุยให้พ่อฟังแล้วพ่อก็ค่อนข้างไว้ใจเรา แต่พ่อก็บอกว่า ไว้ใจเปิ้ลอ่ะใช่ แต่ผู้ชายเป็นใคร ไว้ใจได้หรอ ต้องชวนให้พี่ฟลุกไปเที่ยวลาว คุณพ่อก็ชอบ พี่ฟลุกเข้าหาครอบครัวได้ดี พ่อก็เลยโอเค แม่นี่ไปกันใหญ่ชอบมาก ครอบครัวเปิ้ลถือนะ ถ้าคุณจะจีบเราคุณต้องให้เกีรติครอบครัวเรา ให้เกียรติคนลาวด้วยนะ ถ้าคุณยังมาด่าว่าคนลาวๆๆๆ ไม่ให้เกียรติเราก็ไม่ได้นะ พี่เค้าไปก็ซื้ออะไรไปฝากครอบครัว บางทีรู้สึกว่าเค้าเป็นลูกชายของที่บ้านไปแล้ว ตอนที่เปิ้ลไปแคนาดา แล้วไม่อยู่เมืองไทย แม่เค้ามาหาหมอที่เมืองไทย ก็เรียกให้พี่เค้ามารับ เค้าก้เข้ากับครอบครัวเราได้ เขาดูแลดี เราก็ไม่รู้ว่าอีกหน่อยจะถึงไหนนะ เพราะในวงการบันเทิงไทยมีคนสวยๆ เยอะๆ นะ เราเองก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจกันไปอีกนานเท่าไหร่นะ เราก็มีหึงหวงกันบ้าง เขาจะชอบมีนางแบบมาขอพินบีบี แต่ก็ขึ้นอยู่กับพี่เค้าอยู่แล้วค่ะ ก็มีนิดหน่อยนะ เวลาเราคุยกับใครเค้าก็จะมีถามบ้าง ”
       
       ไม่ว่าอนาคตในวงการบันเทิงที่เมืองไทยของเธอจะเป็นอย่างไร เธอขอเพียงแค่อยู่ในวงการได้เรื่อยๆ ไม่ต้องมีชื่อเสียงมากนัก ไม่ว่าจะดังหรือจะดับ ก็ยังขอให้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก เหมือนที่เธอได้บอกกับคุณพ่อเอาไว้ “ถึงแม้มันจะดูไกลตัว แต่ก็จะขอเดินไปให้ไกลที่สุด”
       

 เม้นท์สุภาพนะคะ และอย่าลืมโหวตนะคะ            

    

แสดงความคิดเห็น

>

12 ความคิดเห็น

ringgle 18 ธ.ค. 54 เวลา 15:42 น. 2

แอปเปิ้ล เจ๋งงง ': ))))


PS.  รักฉันไหม? V.I.P คำตอบคือไม่...ไม่มีทางไม่รัก รักนายเจ้าชายตัวแสบ BIGBANG
0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีเนื้อหาไม่เหมาะสม

listen_boat 18 ธ.ค. 54 เวลา 16:52 น. 6

 น่ารักเราว่าถ้าเราช่วยให้ลาวเจริญมากขึ้นเราสามารถพึ่งพากันได้มากที่สุดเลยแหละเพราะพูดอะไรกันก็รู้เรื่องหมดอยากให้รวมปรเทศกันเลยอ่ะ 55+(เพ้อ)

0
Witch-fa 18 ธ.ค. 54 เวลา 17:11 น. 7

น่ารักดีค่ะ รูปแรกสวยมากๆเลย ><


PS.  ถ้าชีวิตไม่มีจุดมุ่งหมาย มันก็ไม่สนุกสิ!!
0
song-chayen 18 ธ.ค. 54 เวลา 18:43 น. 9

ไม่น่าเอาประวัติมาเลย- -"


PS.  โลกของเธอมันควรต้องเป็ของเธอ ใครไม่ยอมรับเธอ ชั่งเขาาา~
0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีเนื้อหาไม่เหมาะสม

Lady&#039;z Clorclear*68 27 ธ.ค. 54 เวลา 18:54 น. 12
เจอเธอตัวจริงแล้ว น่ารักมาก ขาวเวอร์ พี่เขามาที่โรงเรียนเราเมื่อวันพุธที่แล้ว
ดูไม่ออกเลยว่าเป็นเชื้อชาติลาว ( แต่ไทย-ลาวก็เชื้อชาติพี่น้องกันน่ะเนอะ ) 
ชอบมากเลย เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของพี่เขาแล้วเลยปลื้ม เจอตัวจริงยิ่งปลื้มมากอีก
เพอร์เฟ็กต์มากเลยเธอคนนี้ หน้าตาดี ฐานะสุดยอด ความรู้สูง ความคิดดี ตั้งใจเรียนอีกอย่างชอบมากรู้คุณค่าของเงิน
และเป็นตัวอย่างที่ดีที่วัยรุ่นควรเอาเป็นตัวอย่างมากๆ เราชอบเธอ น.ส.ศรีสเหงี่ยน ^_^

PS.  NO*RITz :: ,,รักผัวเมียคู่นี้ ไม่ชอบไม่ต้องบอก เก็บไว้ในอกคงไม่ตกนรกตายห่า !! อย่ามาลามปาม ไม่ใช่เพื่อนเล่น ใครมาว่าจิ้นไร้สาระ มันคือ "สิทธิของกู !" อย่าแซ่ม !!!
0