[ระบาย] อยากเรียนสายศิลป์-ภาษา พ่อแม่ไม่สนับสนุน
ตั้งกระทู้ใหม่
เรื่องของเรื่องก็คือพ่อกับแม่ของเราอยากให้เราเรียนแพทย์ไม่ก็เภสัชกร เลยให้เราเลือกสายวิทย์-คณิต
แต่ตัวเราเองอยากเรียนอักษรไม่ก็มนุษศาสตร์มากกว่า เราเลยอยากเรียนศิลป์-ภาษา
เรารู้ตัวเองดีนะว่าหัวเราน่ะ คณิตกับวิทย์เรียนไม่ได้เลย โดยเฉพาะคณิต สอบสิบรอบตกเก้ารอบเลย
แต่พอย้อนมองมาที่โรงเรียนที่เราจะเรียนก็เห็นว่าสายศิลป์-ภาษาของโรงเรียนนี้ถูกมองเป็นสายที่มีแต่เด็กไม่เอาไหน
เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เด็กศิลป์ต้องโง่เหรอ?  มันไม่จำเป็นนี่ เด็กที่อยากเรียนจริงๆก็มีถมไป เด็กสายศิลป์ได้ดีก็มีล้นโลก
แต่ก็นั่นล่ะเถียงไปก็ไม่มีใครฟัง เนื่องด้วยเด็กสายศิลป์-ภาษาโรงเรียนเราถูกมองเป็นเด็กไม่เอาไหน
ทางโรงเรียนเลยไม่ได้จัดการเรียนการสอนที่ดีให้เท่าที่ควรจะเป็น วิชาภาษาฝรั่งเศสก็ให้ครูไทยที่ไม่ได้จบอังกฤษสอน
(เราถามรุ่นพี่มาน่ะ) และอีกมากมายสารพัด เพราะแบบนี้เองพอเราบอกว่าจะเข้าสายศิลป์-ภาษาพ่อกับแม่ก็ค้านทันที
เราก็เลยบอกงั้นก็เปลี่ยนโรงเรียนสิ พ่อกับแม่ก็ค้านอีก พ่อกับแม่บอกเราว่าสายวิทย์-คณิตตอนเลือกคณะ
จะเลือกได้เยอะ คณะสายศิลป์ก็เลือกได้ คณะสายวิทย์ก็เลือกได้
แต่เรารู้ตัวเองแล้วว่าไม่มีวันจะเลือกคณิสายวิทย์เด็ดขาด บอกก็บอกไปแล้ว
แต่พ่อกับแม่ก็ยังให้เราเรียนสายนี้สุดท้ายเราเลยต้องสอบเข้าสายวิทย์-คณิต
ในใจก็ภาวนาให้มันไม่ติดจะได้หาเรื่องไปสอบสายศิลป์-ภาษาโรงเรียนอื่นดังหวังไว้ แต่มันก็ดันติด
สุดท้ายเราเลยต้องเรียนสายวิทย์-คณิตอย่างที่พ่อกับแม่หวัง เราเคยตั้งใจไว้นะว่าถ้าได้เกรดดีๆ
เราจะลองไปสอบชิงทุนดู แต่ตอนนี้คงหมดหวังแล้วล่ะ เพราะใครๆก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
สายวิทย์-คณิตได้เกรดสูงมันยาก ยิ่งเราหัวไม่ไปทางนี้อีก เราอยากเปลี่ยนสายแต่เราก็ทำไม่ได้
ตอนนี้โรงเรียนทุกโรงเรียนเขาก็ปิดรับสมัครกันหมดแล้ว เราเสียใจมากจริงๆ แต่ก็รู้ตัวว่าเถียงไปก็เท่านั้น
พอนึกถึงหลักสูตรที่ต้องเรียนก็ยิ่งเครียด วิทย์ม.ต้นเรายังเรียนไม่ค่อยได้แล้วนับประสาอะไรกับวิทย์ที่แยกเป็นแขนงๆล่ะ
เราว่าเรื่องสอบชิงทุนก็คงต้องเลิกหวังแล้วล่ะ เราคงไม่สามารถทำเกรดสูงๆในสายวิชาวิทย์-คณิตได้หรอก
คิดแล้วเศร้า ทำไมต้องมองสายศิลป์-ภาษาแย่ด้วยล่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ แต่เรื่องเลือกคณะเราก็เข้าใจนะ
เด็กที่ไม่เคยเรียนชีวะอย่างเข้มข้นมาเลยจู่ๆจะมาให้เรียนเป็นหมอก็คงยาก
เขาเลยต้องจำกัดว่าเด็กสายศิลป์เลือกคณะนี้ไม่ได้ เด็กสายวิทย์เลือกคณะนี้ได้ ตรงนี้เราเข้าใจ แต่ก็ยังเศร้าไม่หายจริงๆ
ขอจบการระบายแค่นี้ ถ้าทำให้บอร์ดรกขออภัยจริงๆนะคะ
9 ความคิดเห็น
เตรียมอุดม
แล้วเขาจะรู้ว่า สายศิลป์เก่งแค่ไหน
แด่ ฟรองเซ่
ป.ล. ซิ่วปีหน้าครับ
พ่อแม่ของเราก็เป็นแบบนั้น
แต่ตอนนี้แม่เปลี่ยนใจแล้ว
เพราะ เด็กส่วนใหญ่เค้าก็เรียนสายศิลป์กันทั้งนั้น
สงสารคุณนิดนึงนะ
ที่ไม่ได้ทำตามที่ใจตัวเองต้องการ
ถึงจะเอาทุนไม่ได้
ถึงจะไม่ชอบ
ถ้าคุณเลือกแล้ว คุณจงพยายามต่อไปเถอะค่ะ
ในเมื่อมาทางนี้แล้ว ก็จงทำให้มันดีที่สุดเถอะ
ไม่ไหวจริงๆ ก็ขอพ่อแม่ซิ่วเลย
เพราะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดและชอบ มันได้ผลดีมากกว่านะ -^_^-
บิลล์เกตต์ ผู้ผลิตไมโครซอฟ และรวยที่สุดในโลก (มั้ง)
พ่อแม่ให้เขาเรียนทนาย
แต่เขาไม่ชอบ เขาก็พยายามทำคอมเขาให้ดีที่สุดแหละ
สุดท้ายก็ต้องออกจากการเรียนทนาย มาทำงานคอม
บิลล์เกตต์ไม่จบมหาลับด้วยซ้ำ แต่รวยล้นโลกเลยละ
น่าอิจฉาเนอะ = =
PS. เธอจะอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอ...❤
งั้นก็เลือกศิลป์-คำนวณสิ เพราะอย่างน้อยก็มีทั้งความเป็นเด็กวิทย์และเด็กศิลป์อยู่อย่างละครึ่ง ถือว่าพบกันครึ่งทาง
ปล. เราใช้วิธีนี้แหละ
เรานี่ต่างจากเธอราวฟ้ากับเหวเลยอ่ะ เราอยากเรียนวิทย์ แต่พ่อกะแม่รู้ว่าเราอยากเป็นนักเขียน ก้เลยบังคับให้เอาสายศิลป์-จีนท่าเดียว แล้วเราก้เรียนจีนมาตั้งแต่อนุบาลด้วยอ่ะ มันอยากเปลี่ยนบ้างอะไรบ้าง สรุป ได้เรียนศิลป์-จีนตามที่แม่ต้องการ
PS. I Love Madam Red in Black Butler
ชอบอะไรก็เรียนไปเถอะ มีความสุขกับมัน  เรียนที่ชอบยังไงก็ต้องทำได้ดีกว่าที่ฝืน ถ้าพ่อแม่หวังดีกับลูกจริงๆ ต้องให้ลูกเลือกในสิ่งที่รักสิ  จะให้เรียนกับสิ่งที่ไม่ชอบตลอดเลยเหรอ 
  คิดดูดีๆนะ จะต้องทนเรียนสายที่ไม่ถนัดไปกี่ปี คิดว่ามันคุ้มกับเวลาเหรอ 
ถ้าน้องไม่ถนัดแล้วต้องไปเป็นแกะดำของเพื่อนๆ ที่เขาถนัดวิทย์ละ สังคมในห้องเรียนจะกดดันน้องกว่านี้อีก  ไปบอกพ่อแม่เถอะ  จะเรียกว่าต่อต้านเลยก็ได้ แต่ไม่ได้ให้ไปก้าวร้าวกับท่านนะ 
ความสุขของลูกนะเนี่ย
เราก็เหมือนกัน  เท่าที่เราจำได้แม่เราชอบด่าสายศิลป์  แม่เราหัวโบราณอ่ะ
แล้วก็ชอบพูดประมาณแม่ชอบภาษานะ  แต่ก็มาอยู่สายวิทย์  เพราะเด็กศิลป์นู่นนี่นั่น  ที่หนึ่งของศิลป์ยังได้คะแนนวิชาภาษาน้อยกว่าแม่   แล้วตอนเด้กๆอ่ะ  แม่เราพูดเรื่องนี้บ่อยมากวิทย์ศิลป์ๆๆๆๆๆๆๆ  เนี่ย  แล้วเราก็ชอบถามว่าสายศิลป์ไม่ดีตรงไหน ตั้งแต่เด็กๆแล้วอ่ะ  ทั้งๆที่ยังไม่รู้อะไรอ่ะนะ  แล้วตอนประถมอ่ะ  แม่เราก็เทรนพวกวิทย์คณิตให้เราอ่ะ เราก็ได้วิทย์นะ แต่เลขแบบ ดีแต่ในโรงเรียนอ่ะ ถ้าสอบแข่งปุ๊บ  ตกรอบแรกเลย  ทีนี้เราก็สอบได้โรงเรียนนึง ถ้าทุกคนได้ยินชื่อต้องเก็ตแน่นอน ติดท็อปไฟต์อ่ะ ไทยกับสังคมช่วยเราไว้มากๆ  เราก็เรียนๆไป ด้วยความที่เราไม่ชอบด้วยไง ขี้เกียจผสม แล้วก้แบบวิทย์มันก็เริ่มมีคำนวณนู่นนี่ โรงเรียนเราก็มีแต่คนเก่งๆ แล้วก็มีพวกที่เพิ่มเข้ามาอีกส่วนนึง(คงเข้าใจนะ) เราเลยกลายเป็นคนโง่ๆในโรงเรียนเลยอ่ะ ประมาณ ม สองปลายๆนั่นแหละ  เริ่มแย่บรม
แล้วโรงเรียนเราก็ชอบสอนที่ รร อื่นเค้าไม่สอนกัน เน้นวิทย์คณิตมากๆ  มันแบบ แย่อ่ะ ยาก 
  แล้วทีนี่  พ่อกับแม่เราอยากให้เราเป็นหมอไง  ก็เลยให้เราเรียนสายวิทย์  ถามว่าเกรดถึงไหม  ก็ถึงแบบเฉียดฉิวนะ เท่าที่เราคำนวณเอง  คือจริงๆแล้ว พ่อกับแม่เราอยากให้เราสอบเตรียมด้วยอ่ะ  แต่คะแนนเราแย่ พ่อกับแม่ก็เลยบอกว่า  อยู่โรงเรียนเดิมก็ได้  แต่ตัวเราอ่ะ  อยากเรียนศิลป์ภาษาอ่ะ  แล้วก็พูดกลายๆกับแม่มาตั้งแต่ม สอง ตั้งหลายรอบ  แม่ก็ว่าเราทุกรอบตลอด เราเลยเงียบๆไป ตอนนี้ม สามแล้วอ่ะ เราเลยคิดจะไปสอบเตรียม หรือ ไม่ก็มาแตร์ เพราะศิลป์ที่สองโรงเรียนนี้เค้าดัง เราก็อ่านอังกฤษ  ไทย สังคม  แม่ก็มาพูดว่าทำไมอ่านแต่วิชาศิลป์  วิทย์กับคณิตเป็นคะแนนหลักไม่ใช่หรอ  เราก็ไม่ตอบไร เลี่ยงๆไป  หวังว่าแม่คงจะเก็ทเอง แต่แม่ก็พูดถึงวิทย์อยู่นั่นแหละ    เราเซ็งมาก ทีนี้ญาติเราจะมีสองฝ่าย ฝ่ายนึงจะแบบเรียนที่ตัวเองชอบเถอะ ไรงี้ คือฝ่ายนั้นก็มีคนเรียนสายศิลป์แล้วก็ประสบความสำเร็จอ่ะ   แต่อีกฝ่ายนึงจะแบบเรียนวิทย์เถอะ ทุกคนฝ่ายนู่นเรียนสายวิทย์หมดไง  แต่เอาจริงๆคนที่จะไปเรียนสายศิลป์ในหมู่ญาติๆเราก็มีแค่เราแล้วก็พี่คนนึงที่เรียนจบแล้วก็ประสบความสำเร็จ คนเดียวกับข้างบนแหละ   แล้วเวลาไปเที่ยวกันหรือไปทานข้าวทุกคนก็จะถามเราเรื่องสอบเข้าอ่ะ  แม่เราก็ตอบแทนหมด  แบบ ไรอ่ะ  เราไม่เคยคิดแบบที่แม่พูด ซึ่งญาติๆเราเค้าก็พอรู้มาบ้าง  เราก็ถูกกดดันอ่ะ  ช่วงนี้ร้องไห้บ่อยมาก    มันแย่จริงๆนะ  แต่เราก็ตั้งใจไว้แล้วแหละ  ว่าเราจะลุยทำในสิ่งที่เราชอบ จะตั้งใจให้มากที่สุด แต่ที่เรากลัวคือเอฟเฟกหลังจากที่เราตัดสินใจ  เราคงโดนกดดันมากกว่าเดิมแน่ๆ   อีกอย่างคนในครอบครัวหรือญาติๆก็ชอบบอกให้เราเป็นหมอๆๆๆๆๆๆๆๆ  เรียนสายศิลป์จะไปทำไรกิน หางานก็ยาก  วางแผนอนาคตก้ไม่วาง  ชอบว่าเราประมาณนี้ตลอด  แต่เค้าก็ไม่ได้พุดแรงนะ  พูดอ้อมๆเอา แต่พอสรุปมาก็ได้แบบนี้แหละ  แต่จริงๆแล้วเราวางแผนชีวิตทุกอย่างแล้วนะ เมื่อกี้เราก็เพิ่งโดนญาติที่มาหาที่บ้านถาม แม่เราก็ตอบไปเอง ญาติเราก็บอกว่าเรียนที่ชอบดีกว่านะไรงี้  แม่เราบอกว่าเค้าไม่ชอบวิชาไรเลย แบบแรงมาก เรางี้อึ้งมาก ช็อกสุดๆ
ญาติคนนั้นก็บอกว่างั้นลาออกก็ได้น่ะหน่ะ มาช่วยบริษัทป้า  คือเค้าไม่ชอบคนไม่ตั้งใจเรียนไรงี้  เราก็ได้แต่ยิ้มๆอ่ะ  พอกินข้าวเสร็จแล้วก็ขอตัวเลย  มันแย่มากๆๆๆๆๆ  ร้องไห้จนตาบวม   ช่วงนี้เราอุตส่าหือ่านหนังสือตลอด  ตั้งใจมากๆ  แต่พอแม่มาพุดงี้เราหมดกำลังใจจริงๆ  แย่มากๆ  แม่คงรู้สึกแย่กับเราที่แบบทำไมต้องจะไปศิลป์   เราก็เข้าใจนะว่าแม่เป็นห่วง แต่เราไม่ชอบจริงๆแล้วก็อยากเรียนภาษามากด้วย  ตอนนี้ก็จะเตรียมตัวเข้า ตอ.  ชีวิตศิลป์ภาษาในโรงเรียนนั้นคงมีความสุขน่าดู พอได้ระบายเราสบายใจขึ้นแล้ว ยังไงก็ขอให้คนนี้โดนกดดันแบบเรา สู้ๆนะ    โชคดีทุกคน
เหมือนกันเลยค่ะพ่อเราบอกว่าในเมื่อเลือกเรียนสายสามัญไปเเล้วก็เลือกสายวิทยคณิตสิจะไปเลือกทำไมสายตลาดล่างอย่างสายศิลป์ภาษาอะจบมาจะไปทำไรกินทนเรียนสายวิทย์คณิตเเค่3ปีมันจะไปยากอะไรซึ่งเราเป็นคนที่ไม่ชอบเรียนคณิตมากๆเรียนเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องเเต่ส่วนตัวเราชอบเรียนภาษาอังกฤษมากนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากเรียนสายภาษาอีกอย่างเราอยากให้ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญกับเเต่ละสายเท่าๆกันทุกสายมีความสำคัญหมดสายศิลป์ภาษาก็ไม่ได้เเย่เรียนจบมาก็มีงานทำได้เหมือนสายวิทย์คณิตเลยเราอยากให้ผู้ใหญ่เปิดใจรับฟังให้มากกว่านี้ค่ะไม่ใช่ยึดติดว่าต้องเรียนสายวิทยคณิตถึงจะฉลาดเรียนสายศิลป์ถึงโง่เด็กที่เรียนสายศิลป์ประสบความสำเร็จเยอะเเยะไปค่ะอยากให้ผู้ใหญ่รับฟังตรงนี้ให้มากขึ้นค่ะ
ตอนนี้เราประสบปัญหานี้เลย กระทู้นี้ก็หลายปีแล้ว แต่เราขอระบายบ้าง เราเป็นคนที่หัวดีเลยหล่ะ แม่เลยอยากให้เรียนวิทคณิต แต่เราชอบศิลป์ภาษา หลายๆคนอยากให้เราเรียนวิทคณิต ทุกคนฝากความหวังไว้กับเราเพราะคำว่าพี่คนโต เราเครียดมาก แต่เรายืนยันว่าเราจะเรียนศิลป์ภาษานั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะเป็นไงต่อไป ทุกคนเอาใจช่วยเราด้วยนะ
ใช่เลย คือก็ไม่เข้าใจผู้ใหญ่อ่ะว่าสายศิลป์ไม่ดียังไง ของเรากว่าจะกล่อมแม่ให้ยอมให้เรียนศิลป์ได้ก็เกือบตาย แต่ญาติๆเรา(ชอบทำตัวเป็นป้าข้างบ้าน)ก็มากล่อมว่าสายวิทย์ เป็นหมอสิๆ แล้วอาเราก็สปอยญาติคนนั้นมาก ก็เข้าใจแหละว่าญาติคนนั้นเป็นเจ้าหนี้บ้านเรา อาเลยต้องสปอยหนักหน่อย แล้ววันที่เค้ามากล่อมเราอ่ะ คือเราชักสีหน้าใส่เลยนะว่า “ไม่เรียนค่ะ ยังไงก็ไม่เรียน” อาเราก็รีบมากระซิบว่า เป็นหมอหรือไม่ก็วิศวะนะ ทำหน้าดีๆหน่อย คือ เราเฟลมากตอนนั้นจะให้เราปั้นหน้ายิ้มหรอ ตลก แล้วญาติคนนั้นยังบอกอีกว่า ถ้าติดหมอจะให้เรา2แสน ตอนนั้นในใจคืออยากตะโกนใส่หน้ามากว่า “เอาเงินซื้อชีวิตคนอื่นสนุกมากหรอ” เพราะนางก็ทำแบบนั้นกับลูกหลานนางทุกคน ญาติฝั่งนั้นเลยหมอทั้งหมด นี่แหละค่ะ ผู้ใหญ่สมัยนี้ชอบใช้เงินซื้อชีวิตเด็กคนนึง เราชอบภาษาจีนมาก วางแผนว่าอนาคตจะเป็นนักการทูตระหว่างบริษัทไทย-จีน อยากเรียนศิลป์จีน เราเลยตั้งใจเรียนจีนมาก แต่วิชาอื่นๆเราก็ไม่ทิ้งนะ แค่ทุ่มจีนมากกว่าวิชาอื่นๆ เราเรียนจีนอยู่ที่นึงตั้งแต่ป.1ตอนนี้ม.3 คือผูกพันมาก ที่นั่นเหมือนเซฟโซนเราอ่ะ เรากล้าพูดเลยว่าเหล่าซือคนนั้นรู้จักเรามากกว่าพ่อแม่เราอีก คือเค้าดูออกอ่ะว่าวันไหนเราไม่สบายใจอะไรก็รับฟังเราตลอด เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่นั่นก็ดีกับเรามาก รู้สึกเหมือนครอบครัวใหญ่อ่ะ ใครมีอะไรไม่สบายใจก็ระบายให้ทุกคนฟังทุกคนก็รับฟังปลอบๆกัน แต่ล่าสุดอาเราจะให้เรียนวิทย์-คณิตเลยจะไม่ให้เรียนจีนต่อ ช็อก บอกเลย เรียนมานานมากผูกพันมาก เรียนที่ไหนก็ไม่แฮปปี้เท่าที่นี่ เครียดมากเลย นี่เป็นเรื่องเดียวที่เราไม่กล้าบอกเหล่าซือ แล้วนี้ยิ่งเราม3แล้วอ่ะ ใกล้ต้องเลือกสายขึ้นแล้ว อาเรายิ่งกดดันเราหนักขึ้นเรื่อยๆ เครียดมากๆ เห็นรุ่นพี่ที่เรียนจีนที่เดียวกันได้เรียนได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ เราอิจฉาพี่คนนั้นมาก พี่เค้ามีชีวิตแบบที่เราจินตนาการไว้ทุกอย่างอ่ะ เราชอบมโนมากว่าชีวิตเราสดใสได้เรียนได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบทุกอย่าง พ่อแม่พร้อมซัพพอร์ต เห้อ บางครั้งก็อยากให้มันเป็นความจริงจัง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?