(รีวิวมังหงะใหม่) หนุ่มแอบหวานกับสาวแอ๊บแมน และ บันไดเสียงเพี้ยนรัก
สัปดาห์นี้มีการ์ตูนดี ๆ ออกใหม่หลายเรื่องเลย วันนี้ผมเลยอยากมาแนะนำมังหงะดี ๆ ที่น่าสนใจสักสองเรื่องนะครับ ส่วนรีวิวเก่า ๆ ลองไปอ่านในบทความของผมได้ที่นี่เลย
เรื่อง หนุ่มแอบหวานกับสาวแอ๊บแมน Hourou Musuko (ภาษาอังกฤษชื่อ Wandering Son) เขียนโดย Takako Shimura จัดพิมพ์โดย Zenshu Comic เพิ่งออกเล่มแรก
แนว: ดราม่า Slice of Life, comming of age
เรื่องย่อ
นิโทริ ชูอิจิ เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 5 เป็นเด็กผู้ชายที่ชอบทำขนม แต่ด้วยหน้าตาที่ละม้ายคล้ายเด็กผู้หญิงจึงถูกเข้าใจผิดว่าเป็นมาโฮะพี่สาวที่เรียนชั้นประถม 6 ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายโรงเรียนมาเลยทีเดียว เพื่อนนักเรียนที่ชูอิจิได้นั่งเรียนด้วยมีชื่อว่า ทากาสึกิ โยชิโนะ ที่เพื่อน ๆ นักเรียนหญิงพากันเรียกว่า "โยชิโนะคุง" เพราะเธอตัวสูงและมีหน้าตาคมหล่อเหมือนเด็กผู้ชาย แต่ทั้งเขาและเธอต่างก็มี "ความลับ" ที่ไม่อาจบอกใครได้ เมื่อทั้ง 2 ที่ต่างคนต่างขั้วได้พบกัน เรื่องที่แสนจะลงตัวก็ได้เริ่มขึ้น และได้กลายมาเป็นอนิเมชั่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเมื่อปี 2011
ที่มา: http://www.zenshu.co.th/product/view/203
ความเห็น
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมรอคอยว่าเมื่อไหร่จะมีลิขสิทธิ์ในไทยเสียที พอรู้ว่ามีลิขสิทธิ์ในไทยแล้วผมก็ไม่รีรอที่จะซื้อมาเก็บไว้ชาบู ๆ เลย (เพราะแบบลิขสิทธิ์อังกฤษมันเป็นแบบปกแข็ง แพงโคตร)
ส่วนความรู้สึกแรกตอนที่ซื้อเรื่องนี้นะหรือ... ผมรู้สึกปวดตับกับชื่อเรื่องมากเลยล่ะ คือความหมายมันก็ตรงกับเรื่องดีอยู่หรอกนะ แต่ความรู้สึกมันไม่ใช่น่ะกิ๊บ มันไม่ใช่แนวนี้น่ะ ทำไมมันกลายเป็นชื่อแนวเกาหลีไปได้ล่ะ !
อย่างที่สองคือการใช้คำว่า "โอเน่จัง" แทนคำว่า "พี่สาว" นี่คงเป็นการ์ตูนไทยถูกลิขสิทธิ์เรื่องแรกเลยล่ะมั้งที่ผมเห็นใช้คำว่าโอเน่จังแทนพี่สาว ถ้าเป็นแบบแสกนอิงมันคงไม่แปลก เพราะฝรั่งมันไม่มีคำแบ่งระหว่าง พี่สาว กับ น้องสาว และปรกติในวัฒนธรรมเขาก็ไม่เรียกว่า Sister กันเสียเท่าไหร่ (อาจจะเรียกว่า big sis บ้าง แต่ยังไงมันก็แปลกอยู่ดี) ดังนั้นถ้าแสกนอังกฤษจะแปลเป็น Onee-Chan มันก็ไม่แปลก แต่ภาษาไทยมันมีคำแปลไทยแทนที่ตรงความหมายอยู่แล้ว ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะทับศัพท์ไปทำไม ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ทับศัพท์คำว่า "แม่" "พ่อ" "ลุง" "ยาย" ไปด้วยเลย ผมอาจจะยังไม่ชินล่ะมั้ง แต่ความรู้สึกในตอนนี้คิดว่าภาษาไทยไม่จำเป็นต้องทับศัพท์ "โอเน่จัง" ก็ได้ (มีคนในพันดริฟต์บ่นเหมือนกันแฮะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12244153/A12244153.html)
แต่นอกจากสองเรื่องที่ว่ามาแล้วเล่มนี้ทำได้ดีเลยทีเดียว ด้วยราคา 55 บาททำให้ได้กระดาษเนื้อดี มีหน้าสี และแปลได้เข้าใจง่าย ต้องขอชม Zenshu เลยว่ากล้าที่จะเอาเรื่องที่ประเด็นค่อนข้างละเอียดอ่อนและดูว่าจะขายได้ยากเข้ามา
หากพูดสั้น ๆ แล้วเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับเด็กที่แต่ง cross dress นั่นล่ะ เล่นประเด็นเพศภาวะของเด็กวัยกำลังเจริญเติบโต ทั้งสองเป็นเด็กประถมที่กำลังเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงของทั้งสภาพร่างกาย โฮโมนที่กำลังเริ่มทำงาน เผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาต้องกลายเป็น ผู้หญิง และผู้ชาย และความคาดหวังของสังคมที่มีต่อเพศภาวะที่ทั้งสองควรจะเป็น...
ผู้หญิงต้องแต่งชุดผู้หญิง ผู้ชายต้องแต่งชุดผู้ชาย แต่หากว่าเด็กผู้ชายอยากแต่งชุดน่ารัก ๆ แบบผู้หญิง หรือเด็กผู้หญิงที่อยากทำตัวอิสระแบบเด็กผู้ชาย นั่นคือทางเลือกที่ตัวเอกทั้งสองในเรื่องกำลังเผชิญหน้า ชูอยากแต่งชุดผู้หญิง และทาคาสึกิที่อยากแต่งชุดเป็นผู้ชาย แต่สังคมจะยอมรับเรื่องอย่างนี้ได้หรือ ? คนอื่นจะมองอย่างไร ? และพวกเขาจะรับมือกับสายตาของสังคมรอบข้างที่มีต่อรสนิยมที่ "ผิดแผก" ของพวกเขาหรือไม่ ?
ประเด็นที่ผมอ่านเรื่องนี้แล้วถามตัวเองอยู่ตลอดเลย (ผมอ่านแสกนอิงมาก่อนแล้ว) คือทั้งสองแค่อยากแต่งชุดของอีกเพศ หรืออยากเป็นอีกเพศเลย ? ในกรณีของชูที่น่าตาน่ารักเหมือนกับเด็กผู้หญิงนั้น ที่เขาอยากแต่งชุดหญิงเป็นเพราะเขารู้สึกดีที่มีคนชมว่าน่ารัก ? หรือเพราะอยากเป็นผู้หญิง ? ในตอนเด็กเขายังอาจแต่งชุดผู้หญิงดูขึ้น แต่หากโตไปตอนที่ร่างกายแสดงความเป็นชายอย่างเด่นชัดแล้ว และในตอนที่ชุดผู้หญิงดูไม่น่ารักบนตัวเขาอีกต่อไป ชูยังจะอยากแต่งชุดผู้หญิงอยู่อีกหรือไม่ ? ในขณะที่ทาคาสึกิเองก็เป็นผู้หญิงที่ตัวสูงและชอบทำตัวแบบผู้ชาย แต่ในขณะเดียวกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายก็ไวเกินคาด ทั้งประจำเดือน ทั้งรูปร่างที่สมหญิง
อ่านเรื่องนี้แล้วมีประเด็นให้คิดอีกเยอะมาก ทั้งในเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร จุดแข็งของเรื่องนี้คือเราจะได้เห็นการเจริญเติบโตของตัวละครที่ชัดเจน และสมจริงมาก ทั้งชู ทาคาสึกิ เพื่อนรอบข้างเช่น จิบะ จีจัง พี่สาวมาโฮะ หรือแม้แต่อันนา (สาวคนโปรดของผมในเรื่อง) การพัฒนาของตัวละครเหมือนจะดูเอื่อย ๆ แต่ทำได้แยบคาย และสามารถเล่นกับประเด็นละเอียดอ่อนได้อย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวง (มากนัก) ตัวละครมีมิติที่เราสามารถจะพยายามเข้าใจกับความรู้สึกของพวกเขาเหล่านั้นได้
ส่วนที่ทำให้เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่การ์ตูนของหลาย ๆ คนนักนอกเหนือจากเนื้อเรื่องที่ละเอียดอ่อนแล้วคือเนื้อเรื่องบางทีเล่าด้วยภาพมากกว่าคำพูด และต้องตีความกันเองในบางจุด ในบางเวลาตัดฉากพี่แกก็ตัดฉากเสียดื้อ ๆ จนยังงงอยู่เลยว่ามันตัดฉากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเดินอย่างเอื่อย ๆ เล่นประเด็นที่ดูธรรมดาไม่หวือหวา แต่นั่นล่ะคือเสน่ห์ของคนเขียนท่านนี้ที่จะทำให้เราอินไปกับเรื่องเอื่อย ๆ ที่ว่า (อีกเรื่องที่ผมชอบของคนเขียนคนนี้คือ Aoi Hana การ์ตูนยูริชั้นครูอีกเรื่อง)
โดยสรุปแล้วเรื่องนี้เป็นการ์ตูนดี ๆ อีกเรื่องที่สามารถบอกได้เต็มปากเต็มคำว่า การ์ตูนเองก็ไม่ใช่สำหรับเด็กเพียงอย่างเดียว แม้เรื่องนี้จะไม่มีฉากเรทหรือคำหยาบ แต่เนื้อหานั้นเล่นกับประเด็นที่ปรกติคนไม่ค่อยพูดออกมานักที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจเลย เป็นการ์ตูนแนว Comming of Age ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่ผมเคยอ่านมาเลยก็ว่าได้
หากใครเคยดู Anime เรื่องนี้แล้วไม่ควรพลาดจะหามังหงะมาชาบู ๆ เพราแบบอนิเมมันตัดช่วงวัยเด็กประถมไปซะเกลี้ยง ดูไปอาจจะไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ของตัวละคร หากอ่านแบบมังหงะแล้วจะเข้าใจได้ง่ายกว่ามาก
อันนาจัง
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 มิถุนายน 2555 / 12:53
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 16 มิถุนายน 2555 / 13:00
PS. He is the Unspeakable One, Him Who Is Not to be Named, the King in Yellow - yet he's so unspeakably CUTE !!!! Let's GATTAI like there's no tomorrow!
10 ความคิดเห็น
เรื่อง บันไดเสียงเพี้ยนรัก Octave เขียนโดย Haru Akiyama จัดพิมพ์โดย Siam Inter Commicsเพิ่งออกมาเล่มแรก
แนว: ดราม่า ยูริ Seinen
มิยาชิตะ ยูคิโนะ ลาจากชีวิตนักเรียนมัธยมปลายเนื่องจากถูกนินทาว่าร้ายและถูกมองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นจากเรื่องในอดีตที่ว่าเป็น "ไอด้อลที่ขายไม่ออก" อยากให้มองในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อยากให้ใครสักคนยอมรับ... ในขณะที่ภาวนาอยากให้เป็นเช่นนั้น คนที่ปรกฏตัวต่อหน้าเธอที่ใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างโดดเดี่ยวก็คืออิวาอิ เซ็ทสึโกะ หยังที่เคยดำเนินชีวิตในฐานะนักดนตรีมาก่อน และแล้วทั้งสองคนก็มีระยะห่างที่แคบเข้า ก็ได้สัมผัสกันและกัน และตกหลุมรักกัน
ที่มา: เรื่องย่อบนปกหลังหนังสือ
ความเห็น
บอกไว้ก่อนว่าเรื่องนี้แนวยูริแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่มีกั๊ก เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน
หากใครพอจะจับสังเกตได้น่าจะมองออกถึงจุดเชื่อมโยงระหว่างเรื่องนี้กับเรื่อง Hourou Musuko ที่รีวิวไปในตอนแรก ธีมของการ์ตูนที่ผมเอามารีวิวก็คือ "แหวกม่านประเพณี" นั่นเอง ทั้งสองเรื่องเล่นประเด็นที่เป็นส่วนตัวและไม่ค่อยจะพูดถึงกันนัก (อย่างน้อยในการ์ตูน) ในขณะที่ Hourou Musuko เล่นประเด็นเรื่องเพศภาวะอย่างแนบเนียนโดยที่ผู้อ่านอาจต้องตีความกันเอง เรื่อง Octave เลือกอีกแนวทางคือแสดงออกมาตรง ๆ เลยก็ว่าได้
เรื่องนี้สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งเชียวล่ะ แม้จะแสดงออกมาอย่างค่อนข้าง "ดิบ" เช่น ถ่ายทอดประเด็นเรื่องอยากรู้อยากเห็นและความต้องการทางเพศออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ยูคิโนะเคยเป็นอดีตสมาชิกวงไอดอลที่ขายไม่ออก รู้สึกหลงทางในชีวิตที่ลาออกมาจากโรงเรียนกลางคัน ถูกหลอกหลอนโดยสายตาของคนที่มองเธออย่างผู้พ่ายแพ้ มองเธอเป็นวัตถุที่มีค่าเป็นเรื่องไว้นินทาหรือสำเร็จความใคร่ เธอรู้สึกไร้ค่า ไม่มีอนาคต ความฝันดับสลาย ในขณะที่เพื่อนสนิทร่วมวงอีกคนดันมาดังเป็นพลุแตก ความรู้สึกโหยหาคนที่จะมาอยู่เคียงข้าง คนที่จะทำให้เธอไม่เดียวดาย คนที่เธออยากจะสัมผัส ยูคิโนะเป็นตัวละครที่อยู่อีกด้านของความฝันอันเจิดจรัสของไอดอลที่เป็นดั่งแสงสว่างนำทางแฟน ๆ หากเรื่อง Idol M@ster , AKB0048, หรือแม้กระทั่งมาครอสคือการ Glorify หรือยกย่องความฝันของการเป็นไอดอลแล้ว เรื่อง Octave เองก็เป็นเหมือนเงาของแสงสว่างที่แสนจะโหดร้ายของผู้ที่ไม่อาจประสบความสำเร็จในความฝันได้
ส่วนเซ็ทสึโกะนั้น.... ไปอ่านเองเอาก็แล้วกันนะ
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ล้ำลึกระหว่างผู้หญิงสองคน ท่ามกลางโลกที่กำหนดว่าหญิงต้องคู่กับชาย เป็นความสัมพันธ์ที่คุณคงไม่กล้าไปบอกพ่อแม่ของคุณแน่ และไม่ต้องพูดถึงสายตาของคนภายนอกที่จะคิดอย่างไรเวลามองผู้หญิงทั้งสองเดินอยู่ด้วยกัน อีกทั้งยังกล่าวถึงความไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์นี้จะเป็นของจริง หรือเป็นแค่เครื่องคลายเหงาตอนที่ยูคิโนะสับสนเท่านั้น
สรุปแล้วเรื่องนี้เป็นการ์ตูนยูริที่อ่านแล้วรู้สึกจัดจ้านแต่นุ่มลิ้นมาก ภาพเองก็สามาถถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ถึงจะมีฉากที่ไม่เหมาะกับเยาวชนสักเท่าไหร่ แต่อ่านแล้วก็รู้สึกถึงอารมณ์ของทั้งสองมากกว่าความหื่น (แต่ตอนแรกที่ผมอ่านเพราะฉากอย่างว่านี่ล่ะ ฮา) ผมเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนกล้าเอาเรื่องนี้มาตีพิมพ์ในไทยด้วยซ้ำ
ปล.
อ็อกเทฟ (octave) หรือ ขั้นคู่แปดเพอร์เฟกต์ (perfect eighth) มักเขียนย่อเป็น 8ve หรือ P8 คือขั้นคู่เสียง (interval) ที่เทียบจากโน้ตดนตรีตัวหนึ่งไปสู่โน้ตตัวหนึ่งในระดับเสียงที่ต่างกัน ซึ่งโน้ตตัวนั้นมีความถี่เป็นครึ่งหนึ่งหรือเป็นสองเท่าจากโน้ตตัวเดิม และเหตุที่เรียกว่าขั้นคู่แปด เนื่องจากตัวโน้ตสองตัวที่อยู่ห่างกัน 8 ขั้นบนบันไดเสียง (หรือ 12 ครึ่งเสียง) จะเกิดสมบัติดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นบันไดเสียงเมเจอร์หรือบันไดเสียงไมเนอร์
credit: Wikipedia
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 มิถุนายน 2555 / 12:28
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 16 มิถุนายน 2555 / 12:34
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 16 มิถุนายน 2555 / 12:40
แก้ไขครั้งที่ 4 เมื่อ 16 มิถุนายน 2555 / 13:01
PS. He is the Unspeakable One, Him Who Is Not to be Named, the King in Yellow - yet he's so unspeakably CUTE !!!! Let's GATTAI like there's no tomorrow!
ไปดูรายชื่อหนังสือที่สั่ง ปรากฏว่าไม่มีรายชื่อหนังสือที่ท่านแนะนำสักเล่ม -_- สัปดาห์นี้ผมอยากอ่าน เอ็มม่าตอนจบ (คงตัดจบล่ะมั้ง) กับ Chaos;Head Love Chu Chu! แหละ
PS. ไม่ฮาเร็มอย่ามาคุยกับกรู
# 2 เอ็มม่านี่สนุกหรือเปล่าเอ่ย ?
ความจริงอยากรีวิวอีกสองเรื่องด้วย เรื่อง Bushido 16 กับสาววรรณกรรม แต่เหนื่อยล่ะ ไม่ไหว โดยเฉพาะสาววรรณกรรมนี่ลึกเกิน (แต่ Bushido 16 นางเอกเกรียนดี)
ปล. เพิ่งซื้อ Spice and Wolf เล่มล่าสุดมาอ่าน อยากกรี๊ดสลบกับประโยคที่โฮโรพูดกับนอร่าจังที่บอกว่า โฮโรรู้จักหมาป่าดีเพราะโฮโรเป็นกระต่ายแสนน่ารัก และก็ถูกหมาป่ากินอยู่ทุกคืน จะไม่รู้จักหมาป่าดีได้ยังไง แถมนอร่าหน้าแดงได้แบบน่าร๊ากกกกก อีกต่างหาก
PS. He is the Unspeakable One, Him Who Is Not to be Named, the King in Yellow - yet he's so unspeakably CUTE !!!! Let's GATTAI like there's no tomorrow!
เอ็มม่านี้ใครชอบอะไรที่ชิบหายวายวอด ซาบซึ้ง และความหวังใหม่ ก็แนะนำให้อ่าน แต่ไม่รู้ว่าเล่มสุดท้ายจะจบดีหรือเปล่า
เออ...สาววรรณกรรมนี้ชอบเหมือนกัน ว่าจะดูอนิเมะว่าเป็นยังไง
Bushido 16 ไม่ถูกเคนโต้
PS. ไม่ฮาเร็มอย่ามาคุยกับกรู
# 4 เอ็มม่าลายเส้นไม่ค่อยโดนใจอ่ะ ส่วนสาววรรณกรรมรอแบบนิยายด้วย เห็นว่าได้มาแล้วนี่
ส่วน Bushido 16 นี่ถ้าท่านแคมมี่ไม่ชอบ ก็คงไม่ชอบเรื่อง สู้เขาน้องแว่น ด้วยล่ะมั้ง คล้ายเคนโด้ แต่เป็นใช้ทวน (เรียกว่าอะไรหว่า) แทน ที่ซื้อเพราะชื่อไทยล้วน ๆ เลยนะเนี่ย
ซิลเวอร์สปูนเองก็สนุกกว่าที่คิด ไม่น่าเชื่อว่าการ์ตูนปลูกผัก เลี้ยงวัว จะน่าสนใจได้ขนาดนี้
PS. He is the Unspeakable One, Him Who Is Not to be Named, the King in Yellow - yet he's so unspeakably CUTE !!!! Let's GATTAI like there's no tomorrow!
ซิลเวอร์สปูน นี้ ใครที่เรียนคณะเกษตรจะเข้าใจถ่องแท้แลย แถมคนที่รู้สึกแบบเดียวกับพระเอก ว่า เรียนไปงั้นๆ ตรูไม่มีความฝันอะไรนี้หว่า นี้โดนใจโครต ซึ่งพอดีผมเป็นแบบพระเอกซะด้วยสิ ((ฮ่า))
PS. ไม่ฮาเร็มอย่ามาคุยกับกรู
=_=
ลายเส้นมันไม่ค่อยเลยแฮะ
PS. Do you know what "War" and "Law" have in common? It's not about who's right. It's about who's the winner.
# 6 ฮา... ผมก็แอบคิดอย่างนั้นเหมือนกันเลยนะ
# 7 เส้นมันไม่ค่อยอะไรง่ะ ?
PS. He is the Unspeakable One, Him Who Is Not to be Named, the King in Yellow - yet he's so unspeakably CUTE !!!! Let's GATTAI like there's no tomorrow!
#2
เอ็มม่า...!!!
ม่ายยยยยยยยยยยยยยย จบแล้วเร้ออออ...!!!
PS. อลิซาเบธเฟ้ย ไม่ใช่ อลิซาเบะ...
เพิ่งรู้ว่าญี่ปุ่นมีเรียกสรรพนามพี่น้องด้วยเรอะ
PS. เป็นแฟนพันธุ์แท้เรา...ต้องอดทน!!!
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?