ใครใจดีช่วยแปล อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหิงหน่อยได้ไหมค่ะ
ตั้งกระทู้ใหม่
บัดนั้น จึงมหาเสนาตำมะหงง
รับราชบัญชาพระโฉมยง ให้หยุดธงสำคัญสัญญา
แล้วรีบรัดจัดพลรณยุทธ์ ตั้งที่นามครุฑปักษา
วางกองเยื้องกันเป็นฟันปลา ให้โยธาคอยยิงชิงชัย
ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่
เห็นทัพมาตั้งมั่นกันเมืองไว้ พลไกรเพียบพื้นปัถพี
จึงตรัสเรียกโอรสยศยง กับองค์อนุชาทั้งสองศรี
แล้วมีสีหนาทโองการ ประกาศสั่งทวยหาญกองหน้า
จงเร่งเข้าตีทัพให้อัปรา หักเอาดาหาในวันนี้
ฯ ๖ คำ ฯ
บัดนั้น ตะหมังรับสั่งใส่เกศี
ก็เร่งพลเร่งพวกพาชี เข้าตีต่อหักโหมโจมทัพ
บ้างเป่าชุดจุดยิงปืนใหญ่ ฉัตรชัยมณฑกนกสับ
นายกองแกว่งดาบวาบวับ ตางขับพลวิ่งเข้าชิงชัย
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
บัดนั้น นายทหารกุเรปันไม่หวั่นไหว
ให้ระดมปืนตับรับไว้ แล้วไล่โยธีตีประจัญ
ต่างมีฝีมืออื้ออึง วางวิ่งเข้าถึงอาวุธสั้น
ดาบสองมือโถมทะลวงฟัน เหล่ากริชติดพันประจัญรบ
ทหารหอกกลอกกลับสัประยุทธ์ ป้องปัดอาวุธไม่หลีกหลบ
พวกพลพาชีตีกระทบ รำทวนสวนประจบโถมแทง
บ้างสกัดซัดพุ่งหอกคู่ เกาทัณฑ์ธนูน้าวแผลง
ตะลุมบอนฟอนฟันกันกลางแปลง ต่อแย้งยุทธยิงชิงชัย
ตายระดับทับกันดังฟอนฟาง เลือดนองท้องช้างเหลวไหล
กองหลังประดังหนุนขึ้นไป ตัวนายไล่ไพร่เข้าบุกบัน
นักเรียนม.4
30 มิ.ย. 55 เวลา 20:01 น.
4,608
views
20 ความคิดเห็น
งงเนอะ! แบบว่าน้องจัดหน้าได้อ่านยากมว๊าก 555 พยายามแปล ถ้าผิดเยี่ยงไรก็ขออภัยนะเจ้าคะ
อันแรกเนาะ
มหาเสนาตำมะหงง ได้รับคำสั่งจากองค์อิเหนาให้หยุดพลไกรและกองทัพแล้วจัดทัพ(นามครุฑเป็นการจัดทัพแบบนึงอ่ะจ๊ะ เพราะบริเวณที่อิเหนาตั้งค่ายเป็นเนินทราย ทำให้ต้องวางทหารแบบสลับถึงจะตั้งค่ายได้จ๊ะ) ให้ทหารเตรียมการพร้อมรบ
อันที่สอง
ท้าวกะหมังกุหนิงทรงทอดพระเนตรเห็นอิเหนายกทัพมาตั้งมั่นใว้ พวกพลเพียบพร้อมจึงทรงตรัสเรียกพระโอรสและพระอนุชาทั้งสองพระองค์ ขึ้นขี่ม้ามาประจำหน้าที่ในกองทัพ แล้วทรงมีรับสั่งให้กองทัพหน้ารีบตีทัพอิเหนาให้แตก เข้ายึดดาหาให้ได้ในวันนี้
อันที่สาม
ดะหมังฟังรับสั่งแล้วก็นำพวกพลทัพเข้าตีกับทัพของอิเหนา (บทบรรยาย-ทหารบางนายยิงปืนใหญ่ นายหมู่นายกองตวัดดาบ ทั้งสองทัพต่างวิ่งเข้าตะลุมบอนกัน)
อันที่สี่
นายทหารกุเรปันเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ตกใจกลัวหรือเสียขวัญให้ระดมยิงปืนต้านรับไว้ แล้วให้ทหารเข้าประจันกับทัพของท้าวกะหมังกุหนิง ทหารของทั้งสองทัพต่างก็มีฝีมือวิ่งเข้าตะลุมบอนกัน อาวุธประชิดดาบสองมือและกริช ทหารที่ใช้หอกก็เข้าต่อสู้กันไม่ถอย ทหารพวกที่ขี่ม้าก็รำเพลงทวนเข้าต่อสู้กัน บางคนก็พุ่งหอกคู่ใส่กัน พลธนูก็ง้างสายยิงไม่ขาด ตะลุมบอนกันกลางแจ้ง ตายกันเกลื่อนกลาดจนเลือดท่วมถึงท้องช้างที่ยืนอยู่ ทัพหลังก็เสริมหนุน นายทัพนายกองต่างก็สั่งทหารของตนเข้าโจมตี
ได้แค่นี้นะจ๊ะ ไม่รู้ถูกมะ 555 >O<
PS.
ช่วยเเปลให้หนู ค่ะ
58-59
ขอบคุณมากค่ะ
รบกวนพี่ๆๆ ผู้ใจดีช่วยแปร กลอนบทละคร...อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง ให้หน่อยคะ จะส้งแล้วหนูยังไม่เสร็จเลย ช่วยหน่อยนะ
เมื่อนั้น                                  พระผู้พงศ์เทวาในราศี
ได้ฟังพระพี่เลี้ยงทูลคดี              จึงมีพระบัญชาการ
ตำมะหงงจงเร่งไปตรวจตรา          เกณฑ์พลโยธาทวยหาญ
เราจะออกหักโหมโรมราญ            รีบรัดจักการให้พร้อมไว้ 
                          ..............................
บัดนั้น                                    ตำมะหงงกุเรปันเมืองใหญ่
รับสั่งบังคมลาคลาไคล              ออกไปจัดทัพฉับพลัน
                                  ............................
เมื่อนั้น                                  พระผู้พงศ์เทวากระยาหงัน       
ครั้นฤกษ์ดีแจ่มดวงสุริยัน            ทรงธรรมม์ชวนกะหรัดตะปาตี
ทั้งสุหรานากงอนุชา                  สังคามาระตาเรืองศรี
กับระเด่นดาหยนผู้ภักดี                มาเข้าที่สรงน้ำทิพมนต์
                        ...............................
ห้าองค์ชำระสระสนาน                          กิดาหยันถวายพานเครื่องต้น
บรรจงทรงทานพระสุคนธ์                          ปรุงปนเกสรสุมาลี
สอดใส่สนับเพลาภูษาทรง                      ฉลององค์โหมดตาดต่าสี
เจียระบาดคาดรัดรูจี                              ปั้นเหน่งเพชรพลอยมณีหนุดทรัพย์
ทรงมหาสังวารพิชัยยุทธ์                        ชมพูนุทเฟื่องห้อยพลอยประดับ
ทองกองแก้วพุกามวามวับ                      ธำมรงค์รุ้งระยับจับตา
ทรงมงกุฎกุณฑลทัดตรัสเตร็จ                อุบะเพชรแพร้วพรายพระเวหา 
เหน็บกริชฤทธิไกรแล้วไคลคลา              เสด็จมายังเกยแก้วมณี
                                      ...........................
ต่างองค์ขึ้นทรงม้าต้น                              พร้อมพลจตุรงค์ทั้งสี่
กิดาหยังพี่เลี้ยงเคียงพาชี                          ถวายกรดโหมดสีต่างกัน
ให้เดินทัพโยธาห้ากอง                              เสียงกลองเสียงปืนครื้นครั่น
ผงคลีมืดคลุ้มชอุมควัน                              รีบร้นพลขันธ์คลาไคล
                                        .............................
ครั้นมาใกล้กองทัพไพรี                              เห็นโยธีธงทิงปลิวไสว
ช้างม้าดาทุ่งเป็นเเถวไป                              พระสั่งไห้หยุดพลจตุรงค์
                                          ......................
๏ บัดนั้น  ประสันตาแสนกลคนขยัน 
ทำตกใจทูลองค์พระทรงธรรม์  ข้าสำคัญมั่นคงอยู่ดงนี้ 
ด้วยช้างบาทย่างทีสะเทิน  เดินเกินตำบลมาพ้นที่ 
เขาว่าดงหน้าก็ยังมี  จึงจะชี้ทูลเชิญให้ทัศนา 
๏ เมื่อนั้น  พระโฉมยงวงศ์อสัญแดหวา 
ยิ้มพลางทางตอบวาจา  ปดเล่นต่อหน้าไม่อายใจ 
ครั้นซักไซ้ไล่หาความจริง  ยังกลอกกลิ้งกลับลวงไปใหม่ 
ชอบผลักให้พลัดตกลงไป  คนอะไรเช่นนี้ก็ยังมี 
๏ แรมร้อนผ่อนพักมาหลายวัน  ถึงทางร่วมกุเรปันกรุงศรี 
พบทัพกะหรัดติปาตี  ภูมีให้หยุดโยธา 
ช่วยแปลหน่อยค่ะหมดความสามารถแล้วT^T
รบกวนช่วยแปลบทนี้ให้ผมหน่อยนะคับ
  เมื่อนั้น                              ฝ่ายวิหยาสะกำเรืองศรี
ครั้นหักศึกมีชัยได้บุรี                ให้ตรวจเตรียมโยธีทุกกระทรวง
แล้วยดพลนิกายกองหน้า          ยาตราดำเนินนำทัพหลวง
ตีเมืองรายทางทั้งปวง              เลยล่วงไปตามมรคา
  สิบวันดั้นเดินในไพรพง          ก็สิ้นดงตกทุ่งกรุงดาหา
แลไปเห็นกำแพงพารา              ทั้งมหาปราสาทเรียงรัน
จับยับยั้งฟังองค์พระทรงยศ        จะกำหนดให้ตั้งค่ายมั่น
กองทัพนับแสนแน่นนันต์            พร้อมกันหยุดอยู่ที่ชายไพร
เราก็ต้องแปลบททนี้เหมือนกัน
ไครรู้มั่งบอกที
๏เมื่อนั้น                                  พระผู้พงศ์เทวาในราศี
ได้ฟังพระพี่เลี้ยงทูลคดี              จึงมีพระบัญชาการ
ตำมะหงงจงเร่งไปตรวจตรา          เกณฑ์พลโยธาทวยหาญ
เราจะออกหักโหมโรมราญ            รีบรัดจักการให้พร้อมไว้ 
แปล - อิเหนา ได้ฟังพี่เลี้ยงเล่าเรื่องราวให้ฟังจึงสั่งตำมะหงงให้เร่งจัดทั พ  ตำมะหงงรับคำสั่งแล้วรีบออกไป
จัดทัพทันที 
๏บัดนั้น                          ตำมะหงงกุเรปันกรุงใหญ่
รับสั่งบังคมลาคลาไคล  ออกไปจัดทัพฉับพลัน
แปล - ตำมะหงงเมื่อรับคำสั่งแล้วจึงทูลลา รีบไปจัดทัพทันที
๏เมื่อนั้น                            พระผู้พงศ์เทวากระยาหงัน
ครั้นฤกษ์ดีแจ่มดวงสุริยัน    ทรงธรรม์ชวนกะหรัดตะปาตี
ทั้งสุหรานากงอนุชา                สังคามาระตาเรื่องศรี
กับระเด่นดาหยนผู้ภักดี          มาเข้าที่สรงน้ำทิพมนตร์
แปล - อิเหนาเห็นว่าเป็นเวลายามดีแล้ว จึงชวนกะหรัดตะปาตี สุหรานากง
สังคามาระตาระเด่นดาหยัน มาอาบน้ำทิพย์(น้ำศักสิทธิ์)
๏ห้าองค์ชำระสระสนาน            กิดาหยันถวายพานเครื่องต้น
บรรจงทรงทาพระสุคนธ์          ปรุงปนเกสรสุมาลี
สอดใส่สนับเพลาภูษาทรง        ฉลององค์โหมดตาดต่างสี
เจียระบาดคาดรัดรูจี                ปั้นเหน่งเพชรพลอยมณีหนุนซับ
ทรงมหาสังวาลพิชัยยุทธ์            ชมพูนุทเฟื่องห้อยพลอยประดับ
ทองกรแก้วพุกามวามวับ            ธำมรงค์รุ้งระยับจับ
ทรงมงกุฎกุณฑลทัดตรัสเตร็จ    อุบะเพชรแพร้วพรายพระเวหา
เหน็บกริชฤทธิไกลแล้วไคลคลา  เสด็จมายังเกยแก้วมณี
แปล - เมื่อทั้งห้าองค์อาบน้ำเสร็จ พี่เลี้ยงก็นำเครื่องแต่งกายมาถวาย ทั้งห้าองค์ทาน้ำหอมที่มีกลิ่นดอกไม้ สวมกางเกง ใส่เสื้อ คาดผ้ารัดเอว รัดเข็มขัดที่ประดับด้วยเพชรพลอย ใส่สร้อยสังวาลย์ กำไล แหวน มงกุฎ ตุ้มหู เหน็บกริช แล้วเสด็จไปที่พาหนะ
๏ต่างองค์ขึ้นทรงมาต้น                พร้อมพลจตุรงค์ทั้งสี่
กิดาหยันพี่เลี้ยงเคียงพาชี              ถวายกลดโหมดสีต่างกัน
ให้เดินทัพโยธาห้ากอง                เสียงกลองเสียงปืนครื้นครั่น
ผงคลีมืดคลึ้มชอุ่มควัน              รีบร้นพลขันธ์คลาไคล
แปล - อิเหนาขึ้นทรงม้า พร้อมทั้งพลมหารอีกสี่เหล่า( กระหรัดตะปาตี สุหรานากง สังคามาระตา ตำมะหงง ไปอาบน้ำ) มีพี่เลี้ยงถวายกรดให้แต่ละพระองค์ แล้วให้เคลื่อนทัพทั้งห้ากอง มีเสียงกลองเสียงปืนดังสนั่น ทั้งฝุ่นทั้งควันมืดมิดไปหมด แล้วรีบเร่งไพร่พลให้เคลื่อนไป
๏ครั้นมาใกล้กองทัพไพรี          เห็นโยธีธงทิวปลิวไสว
ช้างม้าดาทุ่งเป็นแถวไป          พระสั่งให้หยุดพลจตุรงค์
แปล - ครั้นมาใกล้กองทัพข้าศึก เห็นไพร่พล ธงทิว ช้างม้าของข้าศึกเรียงแถวอยู่เต็มทุ่ง จึงสั่งให้พลทหารทั้งห้ากอง หยุดทัพ
*ไม่เเน่ใจว่าถูกรึเปล่านะ*
บัดนั้น ตำมะหงงดะหมังยาสา
ครั้นถึงวันแขกเมืองจะเข้ามา ก็ตรวจตราตามเคยเหมือนทุกครั้ง
ให้ผูกเครื่องม้าช้างนางพระยา เอาพานทองรองหญ้าเข้ามาตั้ง
บรรดาโรงปืนใหญ่ที่ในวัง เกณฑ์ฝรั่งอยู่ประจำรายไป
เหล่านางกลาบาตรนั้นจัดแจง เอาเสื้อแดงหมวกแดงมาให้ใส่
ราชวัติรายคั่นกันไว้ พนักงานของใครก็ตรวจดู
บ้างตกแต่งปราสาทราชฐาน เพดานระย้าย้อยห้อยพู่
พรมเจียมสะอาดลาดปู แท่นที่นั่งตั้งอยู่ท่ามกลาง
เครื่องอานพานพระศรีแลพระแสง จัดแจงแต่งตั้งตามยศอย่าง
ผูกม่านสุวรรณกั้นกาง พวกขุนนางนั่งเฝ้าเป็นเหล่ามา
...อ้างอิง http://sz4m.com/b3769278 ช่วยแปลให้หน่อยสิคะ
เมื่อนั้น ฝ่ายวิทยาสะกำเรืองศรี ครั้นหักศึกมีชัยได้บุรี ให้ตรวจเตรียมโยธีทุกกระทรวง แล้วยกพลนิกายกองหน้า ยาตารดำเนินนำทัพหลวง ตีเมืองรายทางทั้งปวง เลยล่วงไปตามมรคา ฯ
รบกวนช่วยแปลหน่อยงับ;3;
กำลังหาอยู่พอดีเลยยยยยยยยยยยย >< ขอบคุณ คห 1 มากเลยน้าา แล้วก็คนตั้งกระทู้ด้วยยย
ขอบคุณมากๆ น่ะคร้าาา
ขอบคุณมากนะค้าา T^T ♥
ขอบคุณมากค่ะ แปลเองแล้วไม่ได้ใจความเลย
แปลให้หน่อยค่าบ
บัดนั้น.
กองร้อยคอยเหตุข้างดาหา
ออกสอดแนมอยู่นอกพารา
เห็นไพรียกมาถึงชายไพร
กระบวนทัพหน้าหลังมาตั้งลง
ทิงธงซ้อนซับไม่นับได้
เสียงคนอึงอัดตัดไม้
ราบไปทั้งป่าพนาลี
ต่างคนต่างเผ่นขึ้นหลังม้า
พลางประมาณหมายตาดูถ้วนถี่
แล้วอ้อมออกนอกทุ่งทันที
ขับควบพาชีเข้าเวียงชัย
ครั้นถึงจึงไปแจ้งกิจจา
แก่ปาเตะเสนาผู้ใหญ่
เล่าความแต่ต้นยนปลายไป
โดยได้เห็นสิ้นทุกสิ่งอัน
บัดนั้น
ปาเตะตกใจไหวหวั่น
ให้จดเอาถ้อยคำสำคัญ
แล้วผายผันเข้าพระโรงรจนา
จึงก้มเกล้าประณตบทบงสุ์
ทูลพระองค์ทรงพิภพดาหา
ว่าไพรีตีเมืองล่วงมา
รี้พลโยธามากมาย
ม้ารถคชกรรม์ครั่นครื้น
ดังเสียงคลื่นในสมุทรไม่ขาดสาย
บัดนี้มาตั้งอยู่เนินทราย
ที่ชายทุ่งกับป่าต่อกัน
เมื่อนั้น
องค์ศรีปัตหรารังสรรค์
ได้ฟังปาเตะทูลพลัน
พระทรงธรรม์ตริตรึกนึกใน
อันศึกครั้งนี้ซึ่งมีมา
เพราะเขาขอบุษบาเราไม่ให้
จึงเป็นเสี้ยนศัตรูหมู่ภัย
น้อยใจด้วยอิเหนานัดดา
แกล้งจะให้เกิดการโกลาหล
ร้อนรนไปทั่วทุกเส้นหญ้า
เสื่อมเดชเพศพงศ์เทวา
ศึกมาถึงราชธานี
คิดพลางทางสั่นเสนาใน
เร่งให้เกณฑ์คนขึ้นหน้าที่
รักษามั่นไว้ในบุรี
จะดูทีข้าศึกซึ่งยกมา
อนึ่งจะคอยท่าม้าใช้
ที่ให้ไปแจ้งเหตุพระเชษฐา
กับสองศรีราชอนุชา
ยังจะมาช่วยหรือประการใด
พระเวหา แปลว่าอะไรคะ
๏ เกณฑ์กระบวนทัพหน้าห้าหมื่นแต่พื้นพวกปักมาหงันจัดลำลองกองร้อยกองพันทั้งกองกันกองแล่นล้วนตัวดีปีกซ้ายนายไพร่พร้อมหน้าล้วนโยธาสิงหัดส่าหรีปีกขวากองกะหรัดตะปาตีจัดพลโยธีให้เท่ากันพวกอาสาพาชีช้างเขนเกณฑ์เป็นกองแซงแข็งขันทัพหลวงล้วนทหารกุเรปันสิบหมื่นพื้นฉกรรจ์สรรมากองหลังรั้งท้ายทั้งนายไพร่พื้นพวกพิชัยหมันหยาเกณฑ์ถ้วยกระบวนเบญจเสนาพายหมวดตรวจตราทั้งห้าทัพแล้วให้ผูกพาชีที่นั่งทรงเครื่องกุดั่นบรรจงดาวประดับจัตุรงค์พร้อมพรั่งคั่งคับเตรียมทัพรับเสด็จจรจรัล
ช่วยแปลให้หน่อยค่ะะ
แปลได้ยัง
ใช่หายากมาก ไม่เห็นที่เขาแปลเลย -เราก็ไม่รุ้จะแปลยังไง ครูก็เกินไป หนูไม่ใช่คนเขียนนะที่จะรุ้ความหมายมันอะ ยากก็ยาก เห้อ
ครั้นถึงจึงไปแจ้งกิจจา แก่ปาเตะเสนาผู้ใหญ่
เล่าความแต่ต้นจนปรายไป โดยได้เห็นสิ้นทุกสิ่งอัน
ฯ๒คำฯเจรจา
บัดนั้น ปาเตะตกใจไหวหวั่น
ได้จดเอาถ้อยคำสำคัญ แล้วผายผันเข้าพระโรงรจนา
ฯ๒คำฯเสมอ
จึงก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ ทูลพระองค์ทรงพิภพดาหา
ว่าไพรีตีเมืองร่วงมา รี้พลโยธามากมาย
ม้ารถคชกรรม์ครั่นครื้น ดังเสียงคลื่นในสมุทรไม่ขาดสาย
บัดนี้มาตั้งอยู่เนินทราย ที่ชายทุ่งกับป่าต่อกัน
บัดนั้น กองร้อยคอยเหตุข้างดาหา
ออกสอดแนมอยู่นอกพารา เห็นไพรียกมาถึงชายไพร
กระบวนทัพหน้าหลังมาตั้งลง ทิวธงซ้อนซับไม่นับได้
เสียงคนอึงอัดตัดไม้ ราบไปทั้งป่าพนาลี
ต่างคนต่างเผ่นขึ้นหลังม้า พลางประมาณหมายตาดูถ้วนถี่
แล้วอ้อมออกนอกทุ่งทันที ขับควบพาชีเข้าเวียงชัย
ฯ ๖ คำ ฯ เชิด
๏ ครั้นถึงจึงไปแจ้งกิจจา แก่ปาเตะเสนาผู้ใหญ่
เล่าความแต่ต้นจนปลายไป โดยได้เห็นสิ้นทุกสิ่งอัน
ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา
๏ บัดนั้น ปาเตะตกใจไหวหวั่น
ให้จดเอาถ้อยคำคำสำคัญ แล้วผายผันเข้าพระโรงรจนา
ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ
๏ จึงก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ ทูลพระองค์ทรงพิภพดาหา
ว่าไพรีตีเมืองล่วงมา รี้พลโยธามากมาย
ม้ารถคชกรรม์ครั่นครื้น ดังเสียงคลื่นในสมุทรไม่ขาดสาย
บัดนี้มาตั้งอยู่เนินทราย ที่ชายทุ่งกับป่าต่อกัน
ฯ ๔ คำ ฯ
๏ เมื่อนั้น องค์ศรีปัตหรารังสรรค์
ได้ฟังปาเตะทูลพลัน พระทรงธรรม์ตริตรึกนึกใน
อันศึกครั้งนี้ซึ่งมีมา เพราะเขาขอบุษบาเราไม่ให้
จึงเป็นเสี้ยนศัตรูหมู่ภัย น้อยใจด้วยอิเหนานัดดา
แกล้งจะให้เกิดการโกลาหล ร้อนรนไปทั่งทุกเส้นหญ้า
เสื่อมเดชเพศพงศ์เทวา ศึกมาถึงราชธานี
คิดพลางทางสั่งเสนาใน เร่งให้เกณฑ์คนขึ้นหน้าที่
รักษามั่นไว้ในบุรี จะดูทีข้าศึกซึ่งยกมา
อนึ่งจะคอยท่าม้าใช้ ที่ให้ไปแจ้งเหตูพระเชษฐา
กับสองศรีราชอนุชา ยังจะมาช่วยหรือประการใด
แม้นจะเคืองขัดตัดรอน ทั้งสามพระนครหาช่วยไม่
แต่ผู้เดียวจะเคี่ยวสงครามไป จะยากเย็นเป็นอะไรก็ตามที
แปลบทนี้ให้หน่อยครับ
๐ บัดนั้น พวกทหารชาญชัยใจกล้า
พูนสนามเพลาะตั้งเข้ามา วัดวาหน้าที่ทำการ
บ้างลงหลักปักเรือออกไป ผ่าไม้ตีตะล่อมมอลหม่าน
ขนศิลาใส่เป็นเสาตะพาน ตะม่อค้ำซ้ำกรานขาทราย
บนหลังรอดทอดตงเรียงชิด ผูกบิดลูกชะเนาะเปลาะหวาย
ที่น้ำลึกเป็นห้วงพ่วงแพราย ทอดสายทุ่นถ่วงหน่วงรั้ง
บ้างตีเรือกรัดขัดลายสาม ปูพื้นตะพานข้ามไปถึงฝั่ง
แล้วฉายที่ตลิ่งชันกันพัง ประชิดตั้งค่ายตับขึ้นฉับพลัน
ถอดให้หน่อยค่ะ
พาไปสู่ศาลาที่อาศัย ทั้งนายไพร่เป็นสุขเกษมศรี
จ่ายเสบียงเลี้ยงเหล่าโยธี มิให้มีเดือดร้อนวิญญาณ์
บัดนั้น ตำมะหงงดะหมังยาสา
ครั้นถึงวันแขกเมืองจะเข้ามา ก็ตรวจตราตามเคยเหมือนทุกครั้ง
ให้ผูกเครื่องม้าช้างนางพระยา เอาพานทองรองหญ้าเข้ามาตั้ง
บรรดาโรงปืนใหญ่ที่ในวัง เกณฑ์ฝรั่งอยู่ประจำรายไป
เหล่านางกลาบาตรนั้นจัดแจง เอาเสื้อแดงหมวกแดงมาให้ใส่
ราชวัติรายคั่นกันไว้ พนักงานของใครก็ตรวจดู
บ้างตกแต่งปราสาทราชฐาน เพดานระย้าย้อยห้อยพู่
พรมเจียมสะอาดลาดปู แท่นที่นั่งตั้งอยู่ท่ามกลาง
เครื่องอานพานพระศรีแลพระแสง จัดแจงแต่งตั้งตามยศอย่าง
ผูกม่านสุวรรณกั้นกาง พวกขุนนางนั่งเฝ้าเป็นเหล่ามา
ต้องการคำแปลค่ะ
“ตายระดับทับกันดังฟอนฟาง เลือดนองท้องช้างเหลวไหล กองหลังประดังหนุนขึ้นไป ตัวนายไล่ไพร่เข้าบุกบัน
บัดนั้น
พูนสนามเพลาะตั้งบังเข้ามา บ้างลงหลักปักเรือกออกไป ขนศิลาใส่เป็นเสาตะพาน บนหลังรอดทอดตงเรียงชิด ที่น่าลึกเป็นห้วงพ่วงแพราย บ้างตีเรือกรัดขัดลายสาม แล้วฉายทีตลิ่งชันกันฟัง
。 บัดนั้น
จัดแจงแบ่งคนได้สามพัน ทหารปืนยืนยิงกลางแปลง หักด้านตะพานเรือกริมวารี
• บัดนั้น
แย้งยิงปืนระดมสมทบ เหล่าพวกล้าลองกองแซง แยกปืนหลีกเลยลงมา
。 บัดนั้น คนน้อยถอยล่อต่อแย้ง ผลัดกันรั้งหลังระวังทาง ตีฆ้องสำคัญสัญญาทัพ
๑ บัดนั้น
ชุดดินค่ายตับขยับเยื้อง หาหอรบเสร็จสรรพ์วิหลั่นยัง เกณฑ์คนขึ้นคอยประจำไว้
พวกทหารชาญชัยใจกล้า วัดวาหน้าที่ทําการ ผูกบิดลูกซะเนาะเปลาะหวาย ทอดสายท่นถ่วงหน่วงรั้ง ปูพื้นตะพานข้ามไปถึงฝั่ง ประชิดตั้งค่ายตับขึ้นฉับพลัน
ผ่าไม้ตีตะล่อมอลหม่าน ตะม่อ ซ้ำกรานขาทราย
ฯ ๘ ค่า ฯ
กรมการตัวนายในค่ายมั่น ยกออกทะลวงฟันทันที บ้างวิ่งเข้าโถมแทงจนถึงที่ ต่อตีตะลุมบอนรอนรบ
ฯ ๔ คำ ฯ
พวกกองทัพรับไว้ไม่หลีกหลบ รุกรบไพรีที่ประดา ขับมาทวนแทงแข่งหน้า กระหนาบข้างซ้ายขวาฝ่าแทง
ฯ ๔ ค่า ฯ เชิด
ชาวเมืองบุหราหงันขันแข็ง แอบแฝงไม้ยิงหยุดรับ หนีพลางวางปืนปล่อยติม ม้วนธงถอยกลับเข้าในเมือง
ฯ ๔ คำ ฯ เชิด
พวกทัพหน้าทัพหลังหนุนแน่นเนื่อง ถึงมุมเมืองคูคั่นชั้นใน ยกตั้งประชิดเข้าไปใกล้
ปืนใหญ่ยิงตอบกันไปมา
ฯ ๔ ค่า
mb
วรรณคดีและวรรณกรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?