Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[help me plz.] ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ช่วยถอดคำประพันธ์ให้หน่อยนะ พลีสส  
จาก...มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
---------
          พระนางจึ่งปลงหาบคอนลงวอนไหว้แล้วอภิวาทน์ ข้าแต่พญาพาฬมฤคราชอันเรืองเดช ท่านก็เป็นพญาสัตว์ในหิมเวศวนาสณฑ์ จงผินพักตร์ปริมณฑลทั้งสามรา มารับวันทนาน้อมไปด้วยทศนัขเบญจางค์ เม เมาะ มยา แห่งน้องนางนามชื่อว่ามัทรี ราชปุตฺตี น้องก็เป็นกัลยาณีหน่อกษัตริย์มัททราชสุริยวงศ์ อนึ่งน้องเป็นเอกองค์อัครบริจาริกากรแห่งพระเวสสันดรราชฤาษีอันจำจากพระบุรีมาอยู่ไพร น้องนี้ก็ตั้งใจสุจริตติดตามมาด้วยกตเวที อนึ่งพระสุริยศรีก็ย่ำสนธยาสายัณห์แล้ว เป็นเวลาพระลูกแก้วจะอยากนมกำหนดเสวย พระพี่เจ้าของน้องเอ๋ยทั้งสามรา ขอเชิญกลับไปยังรัตนคูหาห้องแก้วแล้วจะได้เชยชมซึ่งลูกรักและเมียขวัญ อนึ่งน้องนี้จะแบ่งปันผลไม้ให้สักกึ่ง ครึ่งหนึ่งนั้นน้องจะขอไปฝากหลานๆน้อยทั้งสองรา มคฺคํ เม เทถ ยาจิตา พระพี่เจ้าทั้งสามของน้องเอ่ย จงมีจิตคิดกรุณาสังเวชบ้าง ขอเชิญล่วงครรไลให้หนทางพนาวันอันสัญจรแก่น้องที่วิงวรอยู่นี้เถิด

                                  ฯลฯ

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

MARION (ROMA) 8 ก.ค. 55 เวลา 19:10 น. 1

นางมัทรีปลดหาบคอนลงจากบ่า ก้มลงกราบพญาสัตว์ทั้งสาม แล้วกล่าววิงวอนว่า "ขอให้ท่านทั้งสามผินหน้ามาทางนี้ ข้าพเจ้ามีนามว่า มัทรี พระธิดาในท้าวมัททราช และบาทบริจาริกาในพระเวสสันดรผู้สละราชบัลลังก์มาบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าแห่งนี้ และตัวข้าพเจ้าได้ติดตามมาด้วยความจงรักภักดี บัดนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องเร่งรีบกลับไปอุปภัมภ์ดูแลบุตรทั้งสองแห่งข้าพเจ้า ขอให้ท่านทั้งสามจงกลับไปยังสถานที่ของท่านเสียเถิด ข้าพเจ้าจะปันผลไม้ที่ข้าพเ้จ้าหามานี้ให้กึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่งจะขอเก็บเอาไว้ให้บุตรทั้งสอง  ขอท่านทั้งสามเมตตาข้าพเจ้าด้วย"


PS.  Damit das Moegliche entsteht,muss immer wieder das Unmoegliche versucht werden. :)
0
แทมนะครับ 1 มิ.ย. 57 เวลา 15:58 น. 3

แปลให้หน่อยครับ
( ตโย เทวปุตฺตา ) ส่วนเทพเจ้าทั้งสามองค์ได้ทรงฟังพระเสาวนีย์ พระมัทรีเธอไหว้วอนขอหนทาง พระพักตร์นางนองด้วยน้ำพระเนตร เทพพระเจ้าก็สังเวชในวิญญาณ ก็พากันอุฏฐาการคลาไคลให้มรคาแก่นางพระยามัทรี พอแจ่มแจ้งแสงศศิธร นางก็ยกหาบคอนขึ้นใส่บ่า เปลื้องเอาพระภูษามาคาดพระถันให้มั่นคง วิ่งพลางนางทรงกันแสงพลาง ยะเหยาะเหย่าทุกฝีย่างไม่หย่อนหยุด พักหนึ่งก็ถึงที่สุดบริเวณพระอาวาสที่พระลูกเจ้าเคยประพาสแล่นเล่น ประหลาดแล้วแลไม่เห็นก็ใจหาย ดั่งว่าชีวิตนางจะวางวายลงทันที จึ่งตรัสเรียนว่าแก้วกัณหาพ่อชาลีของแม่เอ่ย แม่มาถึงแล้ว เหตุไฉนพระลูกแก้วจึ่งมิมาเล่าหลากแก่ใจ แต่ก่อนแต่ไรซิพร้อมเพรียง เจ้าเคยวิ่งระรี่เรียงเคียงแข่งกันมาคอยรับพระมารดา ทรงพระสรวลสำรวลร่าระรื่นเริงรีบเอาขอคานแล้วก็พากันกราบกรานพระชนนี พ่อชาลีเจ้าเลือกเอาผลไม้ แม่กัณหาฉะอ้อนวอนไห้ว่าจะเสวยนม ผทมเหนือพระเพลาพลางฉอเลาะแม่นี้ต่างๆ ตามประสาทารกเจริญใจ ( วจฺฉา พาลาว มาตรํ ) มีอุปไมยเสมือนหนึ่งลูกทรายทรามคะนอง ปองที่ว่าจะชมแม่เมื่อสายัณห์ โอพระจอมขวัญของแม่เอ่ย เจ้ามิเคยได้ยากย่างเท้าลงเหยียบดิน รินก็มิได้ไต่ไรก็มิได้ตอม เจ้าเคยฟังแต่เสียงพี่เลี้ยงเขาขับกล่อมบำเรอด้วยดุริยางค์ ยามบรรทมธุลีลมก็มิได้พัดมาแผ้วพาน แม่สู้พยาบาลบำรุงเจ้าแต่เยาว์มา เจ้ามิได้ห่างพระมารดาสักหายใจ โอความเข็ญใจครั้งนี้นี่เหลือขาด สิ้นสมบัติพลัดญาติยังแต่ตัวต้องไปหามาเลี้ยงลูกเลี้ยงผัวทุกเวลา แม่มาสละเจ้าไว้เป็นกำพร้าทั้งสององค์ ( หํสาว ) เสมือนหนึ่งลูกหงส์เหมราชปักษิน ปราศจากมุจลินท์ไปตกคลุกในโคลนหนอง สิ้นสีทองอันผ่องแผ้ว แม่กลับมาถึงแล้วได้เชยชมชื่นสบาย ที่เหนื่อยยากก็เสื่อมหายคลายทุกข์ทุเลาลง ลืมสมบัติทั้งวงศาในวังเวียง โอ แต่ก่อนเอยแม่เคยได้ยินแต่เสียงเจ้าเจรจาแจ้ว ๆ อยู่ตรงนี้ ( อิทํ ปทวลญฺชํ ) นั่นก็รอยเท้าพ่อชาลี นี่ก็บทศรีแม่กัณหาพระมารดายังแลเห็น โน่นก็กรวดทรายเจ้ายังรายเล่นเป็นกอง ๆ สิ่งของทั้งหลายเป็นเครื่องเล่นยังเห็นอยู่ ( น ทิสฺสเร ) แต่ลูกรักทั้งคู่ไปอยู่ไหนไม่เห็นเลย ( อยํ โส อสฺสโม ) โอ พระอาศรมเจ้าเอ๋ยน่าอัศจรรย์ใจ แต่ก่อนนี่ดูสดใสด้วยสีทอง เสียงเนื้อนกนี่ร่ำร้องสำราญรังเรียกคู่คูขยับขัน ทั้งจักจั่นพรรณลองไน เรไรร้องอยู่หริ่ง ๆ ระเรื่อยโรย โหยสำเนียงดั่งเสียงสังคีตขับกระโคมไพร โอ เหตุไฉนเหงาเงียบเมื่อยามนี้ ทั้งอาศรมก็หมองศรีเสมือนหนึ่งว่าจะโศกเศร้า เออ ชะรอยว่าพระเจ้าลูกจะวอโยกพลัดพรากไปจากอกพระมารดาเสียจริงแล้วกระมังในครั้งนี้ นางก็กลับเข้าไปทูลพระราชสามีด้วยสงสัยว่า พระพุทธเจ้าข้า ประหลาดใจกระหม่อนฉัน อันสองกุมารไปอยู่ไหนไม่แจ้งเหตุ หรือพากันไปเที่ยวลับพระเนตรนอกตำแหน่ง สิงห์สัตว์ที่ร้ายแรงคะนองฤทธิ์ มาพานพบขบกัดตัดชีวิตพระลูกข้าพาไปกินเป็นอาหาร ถึงกระนั้นก็จะพบพานซึ่งกเลวระร่าง มิเลือดก็เนื้อจะเหลืออยู่บ้างสักสิ่งอัน แต่พอแม่ได้รู้สำคัญว่าเป็นหรือตาย สุดที่แม่จะมุ่งหมายสุดประมาณแล้ว จึ่งตรัสว่าโอ้เจ้าแว่นแก้วสุดสว่างอกของแม่เอ่ย แม่เคยได้รับขวัญเจ้าทุกเวลา เป็นไรเล่าเจ้าจึ่งไม่มาเหมือนทุกวัน ( มตา ) หรือว่าพระลูกเจ้าอาสัญสูญสิ้นพระชนมาน อยู่ในป่าพระหิมพานต์นี้แล้วแลรักเลย

0
tanapholphotipad 13 พ.ย. 59 เวลา 07:02 น. 4

ช่วยถอดคำประพันธ์หน่อยคับ
จาก กัณฑ์มัทรี



(1) เดิน ยํ โกลาหลํ อันว่าโกลาหลอันใดอันเป็นวิสัยแสนกัมปนาท รญฺญา เมาะ เวสฺสนฺตเรน อันพระมหาบุรุษราชชาติอาชาไนยเชื้อชินวงศ์ ทรงบำเพ็ญเพิ่มโพธิสมภาร ด้วยเดชะอำนาจทานโพธิสัตว์ เป็นปัจฉิมปรมัตถบารมีอันหมายมั่น ตํ โกลาหลํ ก็บังเกิดมหัศจรรย์ในไตรภพจบจนพรหมเมศร์ ทินฺเนสุ ปางเมื่อท้าวเธอยกสองดรุณนเรศผู้ยอดรัก ราวกะว่าจะแขวะควักซึ่งดวงเนตรทั้งสองข้างวางไว้ในมือพราหมณ์ เฒ่าก็พาสองพะงางามไปในทางกันดาร ควรจะสงสารแสนอนาถา ด้วยพระลูกเจ้าเป็นกำพร้าพรากพระชนนีแต่น้อยๆ ยังมิวายนม พราหมณ์ขู่ข่มเข่นเขี้ยวคำรามตีต้อนให้ด่วนเดิน ตามป่ารกระหกระเหินหอบหิวและไห้โหย มีแต่เสียงเธอโอดโอยสะอื้นร้องรำพันสั่งทุกเส้นหญ้า ก็หวั่นๆ วังเวงวิเวกป่าพระหิมพานต์ เตสํ ลาลปฺปิตํ สุตฺวา ฝ่ายฝูงเทพยทุกสถานพิมานไม้ไศลเกริ่นเนินแนวพนาวาส ได้สดับคำประกาศสองกุมาร ทรงสั่งสาส์นจนสุดเสียง ดังทิพยาพิมานจะเอนเอียงอ่อนลงช้อยชด เทพยเจ้าก็เศร้าสลดพิลาปเหลียวมาดูดูมิได้ ภิชฺชิตหทยา วิย ปิ้มประหนึ่งว่าดวงหทัยจะปะทุทะลุลั่นละเอียดออกทุกอกองค์ ด้วยทรงพระอาลัยนั้นใหญ่หลวง ก็พากันข้อนทรวงทรงกรรแสงโศกอยู่ซบเซา จึงปรารภว่าชาวเราเอ๋ยจะคิดไฉนดี ถ้าแม้นสมเด็จพระมัทรีเธอกลับเข้ามาแต่กาลยังวันมิทันเย็น อทิสฺวา เมื่อท้าวเธอมิได้เห็นพระเจ้าลูกก็จะทูลถาม ครั้นแจ้งว่าพราหมณ์มันพาไป นางก็จะอาลัยโลดแล่นไปตามติดไม่คิดตาย มหนฺตํ ทุกฺขํ คิดไปแล้วใจหายเห็นน่าน้ำตาตก โอ้อกมัทรีเอ่ย จะเสวยพระทุกข์แทบชีวิตจะปลิดปลง ด้วยพระลูกรักทั้งสององค์นี้แล้วแล
ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
เตสํ ลาลปิตํ สุตฺวา ฯลฯ มคฺคํ เม เทถ ยาจิตาติ
(2) เดิน ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรญาณ เทวสงฺฆาโย ฝ่ายฝูงเทพยทุกสถานพิมานไม้ไพรพนม มีอารมณ์อันร้อนเร่า ส่วนเทพยเจ้าจอมสากลจึงมีเทวยุบลบังคับ แก่เทพอันดับทั้งสามองค์ อันทรงมหิทธิฤทธิศักดาว่า ท่านจงพากันนฤมิตบิดเบือนกายกลายอินทรีย์ เป็นพระยาราชสีห์สองเสือสามสัตว์ สกัดหน้านางพระยามัทรีไว้ ต่อทิพากรคลาไคลคล้อยเย็น เห็นดวงพระจันทร์ขึ้นมาอยู่รางๆ ท่านจึงลุกหลีกหนทางให้แก่นางงาม ตโย เทวปุตฺตา ส่วนเทพยเจ้าทั้งสามก็อำลาลีลาศ ผาดแผลงจำแลงเป็นพระยาไกรสรราชผาดแผดเสียงสนั่น ดังสายอัสนีลั่นตลอดป่า องค์หนึ่งเป็นพยัคฆ์พระยาเสือโคร่งคำรนร้อง อีกองค์หนึ่งเป็นเสือเหลืองเนื่องคะนองย่องหยัดสะบัดบาท ต่างองค์กระทำสีหนาทน่าแสยงขน พากันจรดลไปนอนคอยที่ช่องแคบขวางมรรคา ที่พระนางเธอจะเสด็จสู่พระบรรณศาลานั้นแล

เศร้าจัง

2
กัลยา 3 ส.ค. 65 เวลา 13:00 น. 5

พอเเจ่มเเจ้งเเสงสีศศิธรนางก็ยกหาบคอนขึ้นใส่บ่า เปลื้องเอาพระภูษามาคาดพระถันให้มั่นคง วิ่งพลางนางทรงกันเเสงพลาง ยะเหยาะเหย่าทุกฝีย่างไม่หย่อนหยุดพักหนึ่งก็ถึงที่สุดบริเวณพระอาวาสที่พระลูกเจ้าเคยประพาสแล่นเล่น ประหลาดแล้วเเลไม่เห็นก็ใจหาย ดั่งว่าชีวิตนางจะวางวายลวทันที จึ่งตรัสเรียกว่าแก้วกัณหาพ่อชาล็ของแม่เอ่ย แม่มาถึงแล้วเหตุไฉนไยพระลูกแก้วจึ่งมิมาเล่าหลากแก่ใจ แต่ก่อนแต่ไรสิพร้อมเพรียงเจ้าเคยวิ่งระรี่เรียงเคียงแข่งกันมาคอยรับพระมารดา ทรงพระสรวลสำราญร่าระรื่นเริ่งรีบรับเอาขอคาน แล้วก็พากันกราบกรานพระชนนี พ่อชาลีเจ้าเลือกเอาผลไม้ แม่กัณหาฉะอ้อนวอนไหว้ว่าจะเสวยนมผฑมเหนือพระเพลาพลางฉอเลาะแม่นี้ต่างๆ ตามประสาทรกเจริญใจ

1