Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รักเพื่อนสนิท...ผิดตั้งแต่เริ่ม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขออนุญาตเอาเรื่องราวของตัวเองตอนนี้มาระบายให้ฟังแล้วกันนะคะ

เรารู้จักกับเขาจริงๆ คือตอน ม.5 เขาเป็นนักเรียนที่ย้ายเข้ามาห้องเราใหม่ๆ เลยล่ะ เป็นคนที่ผู้หญิงเกือบทั้งห้องทุ่มความสนใจไปที่เขา สำหรับเราก็เฉยๆ นะทีแรก อาจเพราะว่าไม่ชอบท่าทางหยิ่งๆ ปนกับตัวเองเป็นคนขี้ระแวงมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วด้วย ตอนนั้นเลยพยายามเลี่ยงจะอยู่ห่างๆ ให้ได้มากที่สุดมากกว่า

เราเป็นนักเรียนหน้าห้อง เขาจะนั่งแถวเดียวกับเราแต่เป็นหลังห้อง ได้คุยกันจริงๆ คงเป็นตอนที่ทำความสะอาดโรงยิมแล้วเพื่อนในห้องที่เป็นผู้ชายนั่น่ะมาแหย่ให้เราหงุดหงิด  เป็นที่รู้กันดีกว่าถ้าเราหงุดหงิดขึ้นมาถ้าไม่เงียบแล้วเดินหนี ก็จะด่าไปตรงๆ แต่ไม่ได้หยาบหรอกนะ  ตอนนั้นไม่ได้มองด้วยล่ะ นึกว่าเพื่อนเรายังแหย่ไม่เลิก หันไปด่าขวับ ยกผ้าในมือเตรียมเขวี้ยงใส่หน้าอีกฝ่าย แต่ที่ไหนได้ดันเป็นเขาเสียอย่างนั้น  แต่อารมณ์นันคือไม่ได้คิดอะไร มันร้อน เหนื่อย หงุดหงิด สุดท้ายเลยเดินเลี่ยงไป  หลังจากนั้นกลายเป็นว่าก็โดนแหย่เรื่อยๆ ไม่รู้มันจะสนุกอะไรกันนักกันหนา โดนว่า เตี้ยบ้างล่ะ กลมบ้างล่ะ นู่นนี่ไปตามเรื่อง  หลังๆ เขาเองก็มีปัญหากับเพื่อนผู้หญิงกลายคนในห้อง เพราะความปากสุนัขไม่รับประทานที่เจ้าตัวอุตส่าห์เงียบเก็บไว้นั่นล่ะ  เกิดหลุดออกมาเพราะถูกตามตื๊อมากๆ เข้า  กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาได้อย่างไรก็ไม่แน่ใจ  ปรากฎว่าต้องทำงานกลุ่มเดียวกันกับเขา ก็ตามปรกติตอนนั้นคงไม่พ้น MSN ติดต่องานไม่มีอะไร  ทำให้รู้ว่าตัวจริง กับสิ่งที่แสดงออกให้คนอื่นได้เห็นบางทีก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  เราเองถูกเข้าใจผิดบ่อยๆ ว่าหยิ่ง ทั้งที่จริงๆ เพื่อนที่รู้จักกันดีๆ จะรู้ว่าเรารั่วๆ เอ๋อๆ บางทีแค่ทำอะไรจดจ่อ เขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายอะไรกับชีวิตเขา เราคิดว่คงนิสัยผู้ชายทั่วไปนั่นล่ะ พอแบบนั้นก็สนิทกันขึ้นเรื่อยๆ กัดกัน ทะเลาะกันบ้างตามอารมณ์
วันหนึงเพื่อนในห้องกลับเดินมาเตือนเราว่าอย่ายุ่งกับเขามาก ตอนนั้นคือไม่เข้าใจ แต่เพื่อนคนนั้นบอกว่าเตือนเพราะหวังดีหรอกนะ  แน่นอนว่าเราไม่ทำตาม ก็เพื่อนกันจะอะไรกันนักหนา  อีกอย่างเขาเองก็ช่วยงานกลุ่มดีมากถึงมากที่สุดด้วยซ้ำ  เราที่ไม่ถนัดวิชาฟิสิกส์ก็ได้เขานี่ล่ะช่วยสอน  เขาเองก็จะถามพวกภาษาจากเรา เรียกว่าเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากกว่า  มีอะไรก็ไประบายใส่กันใน MSN จนเหมือนเรื่องปกติของชีวิต
มันเกิดความเปลี่ยนแปลงจริงๆ คงช่วง ม.6 เขาเดินมาบอกเราว่าชอบพี่คนหนึ่งที่เต้นลีลาศกับเรา คือวันนั้นเพื่อนที่เป็นผู้หญิงคู่ของเราไม่มา  อาจารย์เลยให้รุ่นพี่ที่แวะมาเยี่ยมโรงเรียนเต้นคู่กับเรา ตอนนั้นถึงได้รู้ว่าเจ็บจริงๆ และรู้ว่าเราเผลอชอบเขาไปตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน  ก่อนหน้านี้เพื่อนถามยังไงก็บอกเพื่อนกันตลอด ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะยืนฟังอยู่หรือเปล่า  เพราะสำหรับเรา เราซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองเสมอ  กลายเป็นที่ปรึกษาให้อย่างไร้ทางปฏิเสธ  ทำให้แค่มองและให้กำลังใจอยู่อย่างนั้น  คิดนะ...ว่าควรเลิกแล้วตัดใจซะ แต่มันก็ทำไม่ได้ เลยปล่อยเลยตามเลยเป็นอย่างนั้นไปเรื่อยๆ  หลายต่อหลายครั้งที่เขามีอาการแปลกๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นคนแรกๆ ที่เข้าไปถาม  พยายามจะถอยห่างไม่ให้รู้ตัว แต่ก็เหมือนว่าความสนิทกันทำให้ทำแบบนั้นไม่ได้ แค่เห็นว่ามไข้ก็เดินไปาห เพียงแค่พูดประโยคหวานๆ ดีๆ ไม่เป็นอย่างคนอื่นเขาเท่านั้น  ได้ก็แค่ "ทำไมไม่ไปกินยา" แล้วก็เดินออกมา  ไม่มีการแตะตัววัดไข้เหมือนกับ "เธอ" คนนั้นทำให้เขา
"เธอ" คือคนที่เตือนให้เราเลิกยุ่งกับเขา ที่สำคัญเธอมีแฟนแล้วเป็นเพื่อนเราตั้งแต่สมัยประถม  เราไม่ได้คิดอะไร แค่ไม่เข้าใจว่าเธอจะเสแสร้งต่อหน้าเขาทำไม  ในเมื่อลับหลังด่าเขาสาดเสียเทเสีย  แต่ความเป็นเพื่อนทำให้เราพูดอะไรออกไปไม่ได้สักคำเดียว  สุดท้ายเขาก็เลิกชอบพี่ผู้หญิงคนนั้น  หันมาตั้งหน้าตั้งตากับการเรียนเหมือนเดิม  มีบ้างที่เรากับเขาทะเลาะกันเพราะเรื่องงาน เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ทะเลาะกันแบบรุนแรงชนิดว่าไม่คุยกันเป็นเดือนๆ  เราทั้งคู่เอาจริงเอาจังกับการเรียนและงานมาก เรื่องอื่นเป็นรองเสมอ  เราไม่เคยรู้เลยว่าเราควรทำตัวยังไง เราพยายามถามความรู้สึกตัวเองหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เคยได้รับคำตอบว่าเราเลิกรักเขาได้แล้ว มันเหมือนกับยาวนานมากจนกระทั่งจบ ม.6 ทั้งที่ตั้งใจกับเขาไว้แต่แรกว่าจะเรียนหมอด้วยกัน  พอถึงวินาทีสุดท้ายของการสมัครสอบเรากลับไม่ยอมลงสมัคร  เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางของเรา  เราอยากทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่ทางที่ครอบครัวอยากให้เราเดิน อยากออกนอกกรอย อยากมีชีวิตที่เกิดจากการตัดสินใจของตัวเองดูสักครั้ง  ตอนนั้นเราไม่แน่ใจนักว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่ ที่รู้ชัดเจนคือเขาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก  แต่พอผ่านไปกลายเป็นว่าเขากลับสอบได้มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเรา  ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าตกใจ ปนกับดีใจมาก แต่สำหรับตอนนี้เราคิดว่าการไม่เจอกันเลยอาจจะง่ายกว่านี้ก็ได้
เราเข้ามหาวิทยาลัยมาก็พักหอใน เขาเองก็ด้วย ได้ไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนของเขา กับรูมเมทของเราตอนนั้น  เพื่อนเขาถามว่านี่หรือเปล่าเพื่อนที่เล่าให้ฟัง เขาก็พยักหน้าแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าว ไม่วายหันมาชวนเราคุย แต่บรรยากาศก็ดูอึดอัด จนกระทั่งเพื่อนเขาลุกไปเอาน้ำมาให้ แล้วเกือบราดลงตัวเรา ด้วยความที่เป็นคนระวังตัวเลยลุกทันไม่โดนน้ำเย็นราดเข้า แต่กลายเป็นว่าบรรยากาศดูจะตึงๆ ชอบกล  สุดท้ายก็แยกย้ายกันไม่ได้อะไรต่อ นานๆ ครั้งที่คุยกัน
พักหลังเราเองมีแต่เรียน กับงานที่ต้องทำ การปรับตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในตอนนั้น  จากนักเรียนสายวิทย์คณิต ที่ต้องมาเรียนภาคนานาชาติไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ภาษาเป็นอะไรที่สำคัญมากกับชีวิตตอนนั้น  เราต้องใช้ความพยายามมากในการทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ช่วงนั้นก็มีคนเข้ามา แต่สุดท้ายเราก็ยังมองได้แค่เขาคนเดียวต่อให้ไม่ได้คุยกัน  เหตุการณ์มันเริ่มจาการที่เจอหน้ากันแล้วเขาเมินใส่เรา หลายต่อหลายครั้ง ไม่ทัก ไม่ยิ้ม ไม่ชวนคุย ไม่ชวนเล่น  ทีแรกคิดว่าคงไม่เห็น แต่พอวันที่เพื่อนๆ นัดรวมกลุ่มกันไปทานข้าว เราถึงรู้ว่าเขาจงใจทำแบบนันใส่เรา  ไม่มองหน้า มองก็เลยผ่านไป เหมือนเราเป็นอากาศ ไร้ตัวตน ทั้งที่เมื่อก่อนสนิทกัน  ตอนนั้นเราทำหน้าไม่ถูก เพื่อนก็มองกันแบบว่าเกิดอะไรขึ้น  พอเจอหน้าที่มหาวิทยาลัย เขาทัก "เธอ" คุยกับเธอได้ แต่เมินเรา  เพื่อนเขาที่เคยเจอกันก็มอง  เราทำอะไรไม่ถูก ต้องเดินถอยออกมา อายก็อาย รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน เพื่อนเราก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น มันเดินมาโอบบ่าเราด้วยความเคยชินของมันเองด้วย  เราได้แต่ส่ายหน้าไม่เป็นไรอย่างนั้น  ส่วนคนที่เข้ามาตอนนั้นก็ถาม เราก็แค่เฉยเดินหนีเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

เราไม่รู้ว่าเราผิดอะไร.....
จริงอยู่ที่เมื่อก่อนต่อให้เป็นผู้หญิงเราก็ไม่ชอบให้แตะตัวเรา  ยิ่งผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่ แต่ก็มีข้อยกเว้นกับเพื่อนที่สิทกันมากๆ  และยกเว้นเขาที่ขนาดต้องเต้นลีลาศด้วยกันครั้งหนึ่งเรายังเกร็งๆ เผลอถอยห่างตอนเขาเดินเข้ามาจะโอบบ่าไปเต้นอย่างไม่ตั้งใจ แต่กับเพื่อนคนที่มาโอบบ่าคนนั้นมันเป็นนิสยของอีกฝ่ายที่ชอบแตะตัวคนอื่น แรกๆ เราก็เกือบชกหน้ามันเหมือนกัน หลังๆ ก็ชิน เพราะรู้ว่ามันไม่ได้คิดอะไร  
เพื่อนสมัยมัธยมยืนยันว่าเขาชอบเรา เพราะไม่มีใครเข้าใกล้เขาได้มากเท่าเรา  แต่สำหรับเราตอนนี้เราไม่รู้เลยจริงๆ เหมือนกับห่างไกลกันออกไปเรื่อยๆ เมื่อวานนี้เองได้คุยกับเขา เหมือนกับช่องว่างมันมากขึ้นเรื่อยๆ แค่แชทใน fb ยังเฉยชาขนาดน้น  เราคิดได้แล้วว่าแค่เพื่อนกันเหมือนเดิมยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ  แต่เราแค่อยากรู้ว่าเราผิดอะไร หรือเขารู้แล้วว่าเราชอบเขาถึงได้มีท่าทีออกห่างแบบนั้น  
ไม่เข้าใจ... น้อยใจนะ  เพื่อนกันทำให้กันแบบนี้ เหมือนเราไม่มีความสำคัญอะไรในสายตาเขาสักนิด

ตอนนี้คงรอแค่เวลาทำใจ อาจจะเป็นระยะยาวๆ ไม่มีกำหนด  ที่รู้ๆ คือเราไม่เข้าใจเขาสักนิด ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างว่าเราทำอะไรให้  แค่อยากให้เป็นเพื่อนกันเหมือนเมื่อก่อนก็ยังดี  ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเราเองคงต้องถึงจุดที่ทนไม่ไหว และเดินไปเองเหมือนกัน  ถึงจะยังรู้สึกดีๆ อยู่ไม่เปลี่ยนแปลงก็ตามที

ถ้าไม่พอใจอะไรก็น่าจะพูดออกมาจริงไหม? ไม่ชอบอะไรก็พูดสิ เพื่อนกันก็พูดมา เขาทำเหมือนวันหนึ่งให้ความสำคัญ อีกวันนึกอยากหายไปก็หายไป 

บางทีเราคงผิดตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำที่รักเพื่อนตัวเอง  ไม่ง่ายเลยที่ต้องจบทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มอะไรสักอย่าง  เสียใจอย่างไม่รู้จะจบลงจริงๆ เมื่อไหร่กัน
PS.  เอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้นเพื่ออะไร? ต่อให้ร้องจนตายเขาก็ไม่เคยคิดหันกลับมามอง รัก...เก็บไว้รอคนที่ต้องการจะดีกว่าไหม? หยุดเสียที...

แสดงความคิดเห็น

5 ความคิดเห็น

คนคนหนึ่งที่เคยเจ็บปวดเพราะความรัก 5 ต.ค. 55 เวลา 22:53 น. 1

อืมๆ มันเจ็บปวดเหมือนกันนะที่ต้องมารักเพื่อนสนิท ได้แต่แอบรัก สุดท้ายก็ไม่สมหวัง ความเป็นเพื่อนก็มีมีเหลือ

0
momentzy 6 ต.ค. 55 เวลา 01:23 น. 2

จขกท.ก็เข้าไปถามก่อนสิ ว่าโกรธอะไรเรารึเปล่า ถ้าเป็นเรา เราอยากเคลียร์นะ ยิ่งถ้าเคยสนิทกันแล้วอ่ะ เข้าไปถามเลย ว่าเออ โกรธเหรอ ไม่พอใจเหรอ จขกท.ก็บอกไปว่าความรู้สึกของจขกท.เ็ป็นยังไง ไม่สบายใจเลย ยังไงก็เป็นเพื่อนกันนะ ก็บอกไปตามตรง อย่างน้อยจะได้มีความเป็นเพื่อนเก็บเอาไว้


PS.  เออ.. เรามันเสี่ยว!!
0
Pride_7xinz 6 ต.ค. 55 เวลา 18:57 น. 3

อยากเหมือนกันค่ะ แต่เขาเลี่ยงตลอดจนไม่รู้ว่าจะทำยังไง ตอนนี้เดาอะไรไม่ได้เลย  บอกไม่ได้ด้วยว่าตัวเองยังมีใจให้เขามากน้อยแค่ไหน แต่ที่รู้คือรักคนอื่นไม่ได้ อยากได้ยินคำอธิบายจากปากเขามากกว่า  แต่ในเมื่อเขาเลี่ยง...จะให้วิ่งตามเราก็ทำไม่ไหวจริงๆ  เหนื่อย...


PS.  เอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้นเพื่ออะไร? ต่อให้ร้องจนตายเขาก็ไม่เคยคิดหันกลับมามอง รัก...เก็บไว้รอคนที่ต้องการจะดีกว่าไหม? หยุดเสียที...
0
Black Latte 7 ต.ค. 55 เวลา 22:28 น. 4

เหมือนเราเลย เคยสนิทกันมาก แบบไปไหนไปกัน  
เห็นหน้าทุกวันเลยแต่คุยไม่ได้ อึดอัดมาก
ส่วนหนึ่งเพราะเราเอง สื่อสารไม่ดี อยากขอโทษเค้าหลายรอบมาก
ถึงจะขอโทษไปรอบนึงแล้วก็เหอะ แต่รู้สึกไม่พอ
แต่เค้าก็ไม่ยอมคุยด้วยเลย อย่างน้อยเป็นเพื่อนเหมือนเดิมก็ยังดี
แถมชอบมาแกล้งเพื่อนสนิทของเราเหมือนที่มันเคยทำกับเรา
ประมาณเยาะเย้ย ว่าเราไม่สำคัญอีกแล้ว

ขอให้ จขกท โชคดีนะคะ เราไม่อยากให้ใครต้องเจอแบบเราอีกแล้ว

0
ว้าศุมาลิน 8 ต.ค. 55 เวลา 23:59 น. 5

เราก็เป็นนะคือเราไปชอบคนห้องอื่นแหละ แต่หลังๆรู้สึกแปลกๆถึงได้รู้ว่าเราชอบเพื่อนสนิทแต่เราก็

เก็บเอาไว้ในใจตลอดมาอ่ะ อันนี้เรื่องจริงนะ

0