Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เราทำแบบนี้ เสี่ยงติดHIV มั้ย??

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือเรามีแม่ที่เป็นHIVอะ ซึ่งตอนนี้เสียไปแล้ว แต่พ่อบอกว่าเราไม่เคยกินนมแม่เลย แล้วไม่รู้ว่าติดตอนไหน
เลยไม่แน่ใจพอ เราก็เอามือไปลูบตาแม่ให้หลับลงโดยไม่ใส่ถุงมืออะ จะติดมั้ย
พอจัดงานศพเสร็จ อีกสามวันเราก็เป็นไข้ แล้วก็หาย อีกปีนึงคือตอนนี้มีอาการแปลกๆ ถ่ายอุจจาระเป็นขุยๆ ลอยน้ำ ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมร่วงแบบน่ากลัว น้ำหนักไม่ถึงเกณ์(หรืออาจเป็นที่หุ่น/กรรมพัน) มีผื่นแดงๆตามตัว(อาจเพราะเราค่อนข้างสกปรกอะ ไม่ค่อยชอบอาบน้ำ 55555) แต่ก่อนใช้ไรไม่เคยแพ้ เด๋วนี้แพ้ เป็นแผลเป็นง่าย หายช้า ช่วงนี้เป็นหวัดด้วย ทั้งๆที่ไม่ตากฝน ปรึกษาพ่อพ่อไม่ให้ตรวจบอกเสียตังค์ T^T  ทำไงดีๆๆๆ เวลาหนื่อยๆก้หอบด้วยอะ

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

รักยิ้ม 25 พ.ย. 55 เวลา 20:19 น. 1

ต้องไปตรวจเลือดดูค่ะ แม่เราก็เป็นและก็เสียชีวิต เราอายุ 16 ปี เจาะเลือด 2 ครั้งแล้วยังไม่เจอ แต่ต้องรอเจาะให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่ง ปล.แต่เราสุขภาพแข็งแรงปกติดีนะ เผลอๆถึกกว่าคนปกติด้วยซ้ำ555555555

0
$weetZy 25 พ.ย. 55 เวลา 20:37 น. 2

เดี๋ยวนี้ที่ รพ รัฐเขามีบริการตรวจเลือด HIV ฟรีแล้วนะคะ
ถ้าคุณเป็นคนไทย ลองไปสอบถามที่รพ รัฐแถวบ้านดู
พอดีเราอยุ๋แถวรังสิต รพ ธรรมศาสตร์ รังสิตที่นี่เขาตรวจเลือดให้ฟรีนะ
เขาบอกว่าเป็นนโยบายของรัฐอ่าค่ะ รพ รัฐอื่นๆก็มีให้บริการเหมือนกัน

1
shmily.smile!!., 25 พ.ย. 55 เวลา 20:53 น. 4

แค่ลูบตา ไม่ติดหรอกค่ะ : ) 
แต่ลองไปตรวจเผื่อๆไว้ดีกว่าน่ะค่ะ
แล้วก็พยายามอย่าคิดมากค่ะ
เครียดๆมันส่งผลต่อร่างกายน่ะ อาการต่างๆอาจเกิดจากความเครียดก็ได้ค่ะ


PS.  happy
0
เด็กหวัดดี 25 พ.ย. 55 เวลา 21:12 น. 5

เราไปอ่านมา เค้าบอกว่า เอดศส์พบในเลือด หรือของเหลวอื่น แต่พบเชื้อเอดส์ในน้ำลายน้อยมาก แต่ยังไม่มีใครเคยพบเชื้อเอดส์ในน้ำตาหรือปัสสาวะเลย เธอก็ไม่น่าจะติดเอดส์หรอก แต่ว่าไปตรวจก็ดีนะไม่แพงหรอก คนงานเราก็เป็นเอดส์ ทุกวันนี้มันรับยาต้านเชื้ออยู่ อาการยังไม่เท่าเธอเลย ไปตรวจๆให้หมดเรื่องเถอะ ถ้าเป็นเอดส์จะได้รับยาต้านเชื้อ จะได้ไม่เรื้อรัง

0
MIG 25 พ.ย. 55 เวลา 22:46 น. 7

จะอธิบายเอาง่ายๆนะ&nbsp  ถือว่าให้ข้อมูลกับคนอื่นๆด้วยแล้วกัน

จากที่ว่า เอามือลูบตาแม่ นั่น ไม่ติดหรอก&nbsp การติดเชื้อมันต้องมีช่องทางเข้าสู้ร่างกายโดยตรง ทั้งตัวผู้มีเชื้อ กับ ผู้รับเชื้อ&nbsp โดยสารคัดหลั่ง&nbsp เช่น เลือด น้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด&nbsp นมมแม่ลูกอ่อนที่มีเชื้อ&nbsp  อะไรประมาณนี้&nbsp มือเราก็ไม่ได้มีแผลสดขนาดเลือดออก และตัวแม่ก็ไม่ได้มีแผลอะไรตามที่เราไปลูบ ช่องทางเข้าไม่มี ก็ไม่มีทางติด

ปัจจุบันอาการของ การติดเชื้อ hiv ดูจากอาการภายนอกไม่ได้นะ ให้ดูจากผลเลือดเท่านั้น
เพราะมีหลายต่อหลายเคสเหลือเกินที่ มีอาการเป็นเหมือนคนติดเชื้อ ที่ อ่านเจอจากตำราเก่าๆ แต่ไปตรวจแล้วก็ไม่เห็นจะมีเชื้อ อาการอย่างว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น&nbsp &nbsp  การที่ติดเชื้อ hiv มันจะทำให้ภูมิต้านทานเราต่ำลง จนรภูมิต้านร่างกายไม่แข็งแรง&nbsp ก็จะทำให้แพ้ หรือ มีอาการต่างๆนาๆได้ แต่ก็ไม่ควรสรุปเอาเองว่าติดhivเข้าแล้ว ถ้ามีอาารอย่างว่า เพราะอย่างที่บอก มีหลายคนนะที่มีอาการแล้วแต่ไปตรวจก็ไม่พบ&nbsp &nbsp เพราะอาการที่เกิดอาจเกิดจากสาเหตุอื่น&nbsp &nbsp &nbsp หลายคนจิตตกเพราะมีอาการแล้วไปอ่านตำราสมัยโบราณกับข้อมูลในเยตซึ่งมันเป็นข้อมูลเก่ามากๆแล้ว&nbsp &nbsp  สรุปคือให้ดูที่ผลเลือดอย่างเดียว ไปตรวจซะ

ถ้าจะไปตรวจ ต้องดูรับจากที่มีการเสียงมากี่วันแล้ว

ตามปกติถ้าไปตรวจ ตาม โรงพยาบาลหรือ แล็ปเอกชน ไหน บอกเขาว่าขอตรวจเลือดhiv เขาก็จะ ตรวจ&nbsp anti hiv&nbsp โดยหา antibody ให้&nbsp ซึ่งมีหลายวิธี ซึ่งการจะตรวจหา antibody นั้นโดยทั่วไปจะสามารถตรวจได้ตั้งแต่ 1 เดือน จนถึง 3 เดือนเพื่อยืนยันผล ในปัจจุบันโดยใช้น้ำยา รุ่น 3gen
-แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลใหญ่ๆ ก็จะใช้น้ำยา 4gen กันแล้ว ซึ่ง 4 gen เนี่ย สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 2 อาทิตย์จนถึง 1เดือนครึ่งเพื่อนยืนยันผล ซึ่งมันจะหาได้ทั้ง antibody และ antigen&nbsp อยากรู้ว่าที่ไหนตรวจแบบนี้และระยะเวลาของเราสามารถตรวจได้ยังไง ก็ลองถามเขาที่ๆไปตรวจดูก็ได้

มีวิธีอื่น เบื้องต้น&nbsp ก็อย่างเช่น

-ตรวจหาเฉพาะ antigen&nbsp ก็สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 2 อาทิตย์ จนถึง 6 อาทิตย์ หลังเสี่ยง ตามตำราส่วนใหญ่

-PCR สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 1 อาทิตย์หลังเสี่ยง


แนะนำให้ไปตรวจที่ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ คลินิกนิรนาม สภากาชาติไทย&nbsp  ตรงสวนลุม ข้างสนามม้านางเลิ้ง

ยื่นบัตรประชาชนตรวจฟรี แต่ถ้าจะไม่ยื่น(ใช้อักษรย่อ หรือชื่อปลอมๆ)ก็ 200บาท

ขั้นตอนแรกเขาจะตรวจด้วยวิธี CMIR&nbsp น้ำยาตรวจเป็น 4 gen(ปกติสามารถตรวจได้ตั้งแต่2อาทิตย์หลังมีความเสี่ยง) รอผลประมาณ ชั่วโมงนึง

แต่เขาจะตรวจ ด้วย วิธี NAT ให้ด้วยซึ่ง สามารถตรวจได้ตั้งแต่5วันหลังเสี่ยง ความแม่นยำเชื่อถือได้ 98% เป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้ว (รอผลตรวจ3วัน)

ซึ่งถ้าเธอมีความเสียงเกิน5วันก็ไปตรวจได้แล้ว&nbsp  ซึ่งถ้าภายใน3วันไม่มีคนโทรมาหาเธอก็แสดงว่าปลอยภัยจากเชื้อhivชัวร์ๆ แต่ถ้ามีคนโทรมาหาซึ่งเขาจะโทรมาให้ไปตรวจใหม่ในกรณีที่ตรวจแล้วพลเชื้อ ซึ่งจะตรวจยืนยันด้วยวิธีอื่นเพื่อยืนยันว่าผลมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

เอาเป็นว่าขอให้โชคดีนะ










0
สามบาท 26 พ.ย. 55 เวลา 13:29 น. 9

อาการติดเชื้อเอดส์แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้


ระยะที่ 1
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp ระยะไม่ปรากฎอาการ (Asymptomatic stage) หรือระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ ในระยะนี้ ผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ ออกมา จึงดูเหมือนคนมีสุขภาพแข็งแรง เหมือนคนปกติ แต่อาจ จะเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ จากระยะแรกเข้าสู่ระยะต่อไปโดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 7-8 ปี แต่บางคน อาจไม่มีอาการนานถึง 10 ปี จึงทำให้ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อต่อไปให้กับบุคคลอื่นได้ เนื่องจาก ส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ


ระยะที่ 2
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp 
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp ระยะมีอาการสัมพันธ์กับเอดส์ (Aids Related Complex หรือ ARC) หรือระยะเริ่มปรากฎอาการ (Symptomatic HIV Infection) ในระยะนี้จะตรวจพบผลเลือดบวก และมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นในเห็น เช่น ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่งติดต่อกันนานกว่า 3 เดือน , มีเชื้อราในปากบริเวณกระพุ้งแก้ม และ เพดานปาก, เป็นงูสวัด หรือแผลเริมชนิดลุกลาม และมีอาการเรื้อรังนานเกิน 1 เดือน โดยไม่ทราบสาเหตุ เช่น มีไข้ ท้องเสีย ผิวหนังอักเสบ น้ำหนักลด เป็นต้น ระยะนี้อาจเป็นอยู่นานเป็นปีก่อนจะกลายเป็น เอดส์ระยะเต็มขึ้นต่อไป

ระยะที่ 3
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp 
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp ระยะเอดส์เต็มขั้น (Full Blown AIDS) หรือ ระยะโรคเอดส์ ในระยะนี้ภูมิคุ้มกันของ ร่างกาย จะถูกทำลายลงไปมาก ทำให้เป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่าย หรือที่เรียกว่า "โรคติดเชื้อฉวยโอกาส" ซึ่งมีหลาย ชนิด แล้วแต่ว่าจะติดเชื้อชนิดใด และเกิดที่ส่วนใดของ ร่างกาย หากเป็นวัณโรคที่ปอดจะมีอาการไข้ เรื้อรัง ไอเป็นเลือด ถ้าเป็นเยื่อหุ้มสมอง อักเสบจากเชื้อ Cryptococcus จะมีอาการปวดศรีษะอย่างรุนแรง คอแข็ง คลื่นไส้อาเจียน หากเป็นโรคเอดส์ ของระบบประสาทก็จะมีอาการความจำเสื่อม ซึมเศร้า แขนขา อ่อนแรงเป็นต้น ส่วนใหญ่เมื่อผู้ เป็นเอดส์ เข้าสู่ระยะสุดท้ายนี้แล้วโดยทั่วไปจะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 1-2 ปี

การป้องกัน

&nbsp &nbsp  โรคเอดส์สามารถป้องกันได้ถ้ามีความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการมีพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่ง พฤติกรรม เสี่ยงนั้นเกิดขึ้น ได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เอื้อ ต่อการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งวิธีที่จะป้องกันให้ปลอดภัย จากการติดเชื้อเอชไอวี มีหลายวิธีเช่น การไม่มีเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะสามารถรับผิดชอบผลจากการมีเพศสัมพันธุ์ได้ ควรละเว้นการใช ้สารเสพติดทุกชนิด

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp 
&nbsp &nbsp &nbsp โรคเอดส์มิได้ติดต่อกันได้ง่าย ๆ จากการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกันแต่ติดต่อจากพฤติกรรม หรือการกระทำ บางอย่าง ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไปสามารถป้องกันได้ ถ้ามีความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการมีพฤติกรรมเสี่ยง พฤติกรรมวิธีที่จะป้องกันให้ปลอดภัย จากการติดเชื้อเอชไอวี ดังต่อไปนี้

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp 
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  ไม่มีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะสามารถรับผิดชอบผลจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ เช่น ปัญหา ครอบครัว ปัญหาทาง เศรษฐกิจและสังคม การตั้งครรภ์เมื่อยังไม่พร้อม การติดเชื้อ โรคติดต่อ ทางเพศสัมพันธ์และเอดส์
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  ควรละเว้นการใช้สารเสพติดทุกชนิด รวมทั้ง เหล้าและเครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์ เพราะ อาจนำไปสู่การขาดสติ ไม่สามารถป้องกันตัวได้อย่างถูกต้อง
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  ควรศึกษาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ และวิธีป้องกันจนเข้าใจ และสามารถนำไป ปฏิบัติได้จริง
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แบบฉายฉวย ไม่ควรมีคู่นอนหลายคน
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่มิใช่สามีภรรยาต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก เพราะมีโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ เอชไอวี สูงกว่าทางช่องคลอด เนื่องจากฉีกขาดได้ง่ายและรับเชื้อได้มากกว่า หากเป็นการมีเพศสัมพันธ์ ระหว่างชายกับชายควรใช้ถุงยาง อนามัยทุกครั้ง
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  ต้องมีการตรวจสุขภาพและตรวจเลือดก่อนแต่ง/ก่อนท้อง ในกรณีที่ตัดสินใจจะมี ครอบครัว เพื่อจะได้ทราบสถานะสุขภาพ ของตนเองและคู่รักก่อนมีเพศสัมพันธ์รวมทั้งเพื่อ ประกันความปลอดภัยของทารกที่จะเกิดใหม่ด้วย
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยา กระบอกฉีดยาและของมีคมร่วมกัน
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เช่น การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง การกอดรัด การ เสียดสี ร่างกายซึ่งกันและกัน การจูบเป็นต้น
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  การใช้ถุงยางอนามัยในการร่วมเพศทุกรูปแบบ เช่น ร่วมเพศด้วยปาก ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  การใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี เช่น การใช้ถุงยางอนามัยที่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ การใช้ถุงยางอนามัย ที่ไม่หมดอายุ การเก็บรักษาที่ถูกต้อง การสวมใส่อย่างถูกวิธี
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  การพูดคุยเรื่องเอดส์และเพศระหว่างบุคคลในครอบครัว จะสามารถช่วยลดความเข้าใจผิด ๆ ในเรื่องเพศ และให้แนวทางที่ถูกต้องในการป้องกัน
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ เมื่อแต่ละคนมีแผลที่อวัยวะเพศหรือเป็นโรคทางเพศ สัมพันธ์
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  งดเว้นการ่วมเพศอย่างรุนแรง หรือการทำร้ายร่างกายจนเกิดบาดแผล เลือดตก ยางออก
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  หลีกเลี่ยงการใช้ปากกับอวัยวะเพศ เมื่อมีแผลในปากหรืออวัยวะเพศ
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  ควรมีการสร้างทัศนคติให้ผู้ชายมีบทบาทรับผิดชอบในการป้องกันดรคไม่ให้เข้าสู่ บุคคล หรือสมาชิกในครอบครัว

0
ผมชื่อกาก้า 27 พ.ย. 55 เวลา 00:17 น. 10
โรค Hiv จะเข้าไปทางส่วนที่ เปนเยื่อบุของร่างกายนะคับตรงไหนที่มีเยื่อบุ อ่อนๆ เช่น ข้างแก้ม ทวารหนัก รูจมูก ตา ติดต่อกันได้หลายสาเหตุ เช่นการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใส่ถุงยาง..หรือเข้าทางแผล ทางเลือด..หรือจากแม่สู่ลูก ไม่สามถรถติดต่อกันทางผิวหนังได้คับถ้าเกิดไม่เปนแผล (ไปอบรมมาคับ ความรู้คร่าวๆ) ^ ^

PS.  คห.นี้ไม่มีสาระ ๕ ๕ ๕+
0