ความรู้เกี่ยวกับ "โรฮิงยา-โรฮิงญา"
กรณีชาวมุสลิมโรฮิงยาจากพม่าลักลอบเข้ามาประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ทางจังหวัดภาคใต้ ที่ อ.สะเดา อ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา และจ.สตูล โดยเจ้าหน้าที่จับได้เกือบ 900 คน และพบว่าตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์นั้น ทำให้สังคมเกิดความสนใจว่าโรฮิงยามีที่มาอย่างไร
โรฮิงยา (โรฮิงญา) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่นับถือศาสนาอิสลาม อยู่ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า ติดกับชายแดนบังกลาเทศ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองเมิงดอ บูทีด่องก์ ราทีด่องก์ และจ๊อกตอว์ โดยตั้งถิ่นฐานอยู่ในรัฐนี้มาตั้งแต่ค.ศ. 7 ซึ่งในอดีตบริเวณนี้เป็นถิ่นฐานของชาวมุสลิมอาหรับที่เดินทางเข้ามาค้าขาย
รัฐยะไข่ที่มีประชากร 3 ล้านคน มีชาวโรฮิงยาราว 700,000-1.5 ล้านคน ชาวโรฮิงยามีลักษณะคล้ายชาวเอเชียใต้ โดยเฉพาะเบงกอล และบางส่วนสืบเชื้อสายมาจากชาวอาหรับ เปอร์เซีย และปาทานที่อพยพมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโมกุล มีภาษาเป็นของตัวเอง คือ ภาษาอินดิค (Indic language) ที่คล้ายกับภาษาเบงกาลีที่ใช้พูดในบังกลาเทศและอินเดีย
รัฐบาลทหารพม่ามองว่าชาวโรฮิงยาเป็นคนต่างด้าว เป็นผู้บุกรุกจากบังกลาเทศในยุคที่พม่าตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเกิดในรัฐยะไข่ มาหลายชั่วอายุคนก็ตาม รัฐบาลจึงไม่ให้สัญชาติ และไม่ให้ความคุ้มครองใดๆ ขณะที่บังกลาเทศก็ไม่ยอมรับเช่นกัน ชาวโรฮิงยาจึงเหมือนคนไร้บ้าน ไม่มีสิทธิตามกฎหมาย ไม่มีพาสปอร์ต
ด้วยความแตกต่างทางศาสนาและเชื้อชาติ ชาวโรฮิงยาจึงถูกเลือกปฏิบัติในทุกระดับทั้งการนับถือศาสนา การเข้าถึงการศึกษา สิทธิในการรักษาโรค จนถึงไม่สามารถแต่งงานได้ ถูกบังคับให้ทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน และเดินทางไปประกอบอาชีพนอกพื้นที่ไม่ได้ คนส่วนใหญ่จึงยากจนมาก เป็นชนกลุ่มน้อยที่มีความเป็นอยู่เลวร้ายที่สุดในพม่า
ชาวโรฮิงยาต้องเผชิญโศกนาฏกรรม ถูกปราบปรามจากรัฐบาลทหารมาโดยตลอด เหตุการณ์ใหญ่ๆ เกิดขึ้นในปี 2505 ปี 2521 และ 2534 ทำให้ชาวโรฮิงยา หนีภัยเข้าไปในบังกลาเทศ ปากีสถาน ซาอุดีอาระเบีย เป็นหลัก รองลงมาคือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาเลเซีย และไทย
ชาวโรฮิงยาในไทยมีประมาณ 10,000-15,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ที่จังหวัดระนองและมหาชัย และเนื่อง จากพม่าไม่ได้ให้การรับรองว่าเป็นประชาชนของตน ชาวโรฮิงยาจึงไม่ได้อยู่ในกลุ่มเชื้อชาติที่กระทรวงมหาดไทยจะให้สถานภาพได้ เช่น แม้ว่าชาวพม่าจะลงทะเบียนเป็นแรงงานต่างด้าวได้ แต่ชาวโรฮิงยาไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีความรู้ในส่วนนี้และไม่เข้าใจว่าชาวโรฮิงยาเป็นคนพม่า
อีกทั้งหลายครั้งยังถูกเข้าใจผิดว่า เป็นคนบังกลาเทศ ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาวโรฮิงยาถูกกดขี่มากกว่าแรงงานพม่า
สำหรับศึกระหว่างชาวโรฮิงยากับชาวพุทธท้องถิ่นในรัฐยะไข่ปะทุขึ้น เมื่อเดือนมิ.ย. 2555 ชนวนเหตุเกิดจากหญิงชาวพุทธรายหนึ่ง ถูกกลุ่มวัยรุ่นมุสลิมข่มขืนและฆ่า ส่งผลให้ชุมชนชาวพุทธโกรธแค้นมาก จนมีการล้างแค้น ก่อจลาจล เผาบ้านเรือน มีการปะทะกันจนมีผู้เสียชีวิต 112 ราย บ้านเรือนถูกเผากว่า 4,500 หลัง ประชาชนไร้ที่อยู่อาศัย 22,500 คน ส่วนใหญ่เป็น ชาวโรฮิงยา ... สถานการณ์เลวร้ายบังคับให้ชาวโรฮิงยาอพยพเร่ร่อนหนีออกไปตายเอาดาบหน้า
PS. PS. อย่ามา เสล่อ !
17 ความคิดเห็น
ขอพูดตรงๆตามแบบเป็นไปของโลกและมุมมองทั้งข้อดีข้อเสีย ตามหลักมนุษยธรรมและความเหมาะสมของสังคม
โรฮิงยา เป็นชาวที่น่าสงสารจริง พม่าก็ไม่เอา บังกลาเทศก็ไม่เอา อินเดียก็ไม่เอา ไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่ไม่มีใครเอา เพราะ ชาวโรฮิงยาเป็นคนประเภทที่ไม่มีงานฝีมือในการทำงาน ไม่ค่อยทำงาน แถมไม่มีฝีมือไม่มีมีทัศนคติ อยู่นอนและปั้มลูกอย่างเดียว จึงไม่มีใครเอา
ชาวโรฮิงยาอพยพตามหลักมนุษยธรรมควรช่วยเหลืออยู่แล้ว แต่ถ้าคิดในแง่ผลระยะยาว เราแค่ช่วยพอที่จะช่วยได้พอ อย่าได้รับมาอยู่ในประเทศเด็ดขาด! ชาวโรฮิงยามีเป็นล้าน จะเกิดคนว่างงาน โจรกรรม ปล้น ข่มขื่นแน่ๆ แถมเป็นมุสลิมกลัวจะไปรวมตัวกับ3จ.ชายแดนภาคใต้ ถ้ารับมาอยู่ในประเทศ คนพวกนี้จะรวมตัวกันอยุ่ในที่เดียวกัน รุ่นนี้จะสำนึกในบุญคุณ แต่ลองไปลูกหลานเหลน มันจะขอยึดพื้นที่แล้วขอเอกราชเป็นของตัวเอง เหมือนอย่างก๊อดอามี่(ราชบุรี) และ3จ.ใต้ อย่างปัจจุบัน
ช่วยเท่าที่ช่วยได้ให้ดูไม่ใจร้ายพอ แล้วส่งมอบให้ประเทศที่สาม
เจ้าของความเห้น เหมือนจะพูดดีนะ แต่อ่านไปอ่านมา เหมือนคนไม่มีการศึกษา
เราว่าพูดถูกแล้วล่ะ เอ็ดดูเค้า เอ็นเราขาด
วันนั้น อาจารย์ให้ดู สารคดีเกี่ยวกันพวกเขา คือดูแล้วเขาน่าสงสารมาก ไม่เข้าใจคนพม่าเลย ทั้งๆที่ก็สายเลือดเดี๋ยวกัน อยากให้คนไทยช่วยเหลือพวกเขา ถึงเขาจะไม่ใช่คนไทย แต่เขาก็ลำบากเดินทางมา เขาต้องหลบซ่อน พวกทหารพม่า กว่าจะมาถึงนี่ได้ คือพวกเขาน่าสงสารมากอ่ะ ตอนนั้นที่เราดูนะ เด็กเล็กโดนเผาทั้งเป็นคือ จิตใจเขาทำด้วยอะไร
น่าสงสารมาก
คห. 1 บ้าอ่ะป่าวคับคุณถ้าพวกเค้าเป็นที่ยอมรับ
สามารถเข้าทำงานได้เค้าคงทำไปเเล้ว เเต่นี่ไม่ไครยอม
เค้าขนาดประเทศเกิดเค้ายังไม่รับเลย เป็นคุณคุณจะรู้สึกอย่างไร
ขนาดเด็ก3ขวบพวกทหารยังข่มขืนเร้ยคุณ
ใจเค้าใจเราบ้างน่ะ พอดีเค้าไม่ได้มานั่งเล่นคอมสบายใจยุเหมือนคุณ คุณก็พูดได้
คห. 1 บ้าอ่ะป่าวคับคุณถ้าพวกเค้าเป็นที่ยอมรับ
สามารถเข้าทำงานได้เค้าคงทำไปเเล้ว เเต่นี่ไม่ไครยอม
เค้าขนาดประเทศเกิดเค้ายังไม่รับเลย เป็นคุณคุณจะรู้สึกอย่างไร
ขนาดเด็ก3ขวบพวกทหารยังข่มขืนเร้ยคุณ
ใจเค้าใจเราบ้างน่ะ พอดีเค้าไม่ได้มานั่งเล่นคอมสบายใจยุเหมือนคุณ คุณก็พูดได้
อย่าว่ากันเลยครับ คห.3 คห.4
มองแบบคห.1 ก็ถูกนะครับ ถ้า้มาปั้มลูกอย่างเดียว อีกอย่างนับถืออิสลาม อาจเกิดเป็นปัญหาภายหลัง ก็เหมือน 3จ.ภาคใต้ก้ไม่ไหวนะครับ คิดดูง่ายๆที่หลายๆประเทศไม่ระบุสัญชาติ อาจเป็นเพราะเหตุผลแบบเดียวกับคห.1ก็ได้นะครับ ถ้าจะมองว่าเขาน่าสงสารอย่างเดียวก็คงบริหารประเทศไม่ได้หรอกครับ ต้องมองเรื่องประเทศเป็นหลัก และมองระยะยาวๆ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 27 มกราคม 2556 / 19:07
เห็นด้วยนะกับ คห. หนึ่ง ถ้าเรารับไว้มันจะเกิดปัญหาระยะยาวแน่นอน เพราะเราได้ยินข่าวมาว่าชาวโรฮิงยา ส่วนใหญ่หัวรุนแรง ถ้ารับเข้ามาเกิดปัญหาแน่ เดี๋ยวก็เมือนสามจังหวัดภาคใต้ ขอแยกดินแดน จริงอยู่ที่เค้าน่าสงสาร แต่ถ้าเราช่วย เราเองก็อาจเดือดร้อน ได้ยินข่าวว่าที่พม่า ชาวโรฮิงญาก็ใช่ย่อยนะอยากจะขอแยกดินแดนบ้างหล่ะ ฆ่าชาวพุทธบ้างแหละ เคยมีข่าวว่าที่บังคลาเทศเคยรับไปอยู่ประเทศด้วย แต่ก็ต้องส่งกลับมา เพราะว่าชาวโรฮิงญา สร้างปัญหาเยอะมั้ง ก่อความรุนแรงมั้ง อันนี้เราก็ไม่แน่ใจ ทางที่ดีช่วยเท่าที่เราช่วยได้ก็พอ
เห็นด้วยกับคห.1 ค่ะ
แต่คห.3-4 คะ ถ้ามีชาวโรฮิงยาเยอะขึ้นมากๆ คุณจะยินดีรับพวกเขามาอาศัยร่วมชายคาเดียวกับคุณมั้ยคะ บางครั้งเราก็ไม่ควรมองแค่ความสงสาร เห็นใจ แต่เราต้องมองผลกระทบที่จะตามมาด้วย
"จากที่เคยอ่านบทความ + ความเข้าใจของตัวเอง
ต้องเข้าใจก่อนว่าพม่ากับบังคลาเทศมาพรมแดนติดกันนิดเดียว ตรงด้านตะวันตกที่รัฐยะไข่ (ถ้าจำไม่ผิด) ของพม่า ซึ่งรัฐยะไข่เนี่ยใกล้เมืองหลวงพม่านะ แต่ก็บ้านนอก เพราะมีเทือกเขาล้อมรอบรัฐ
ประมาณเมืองกลางหุบเขา แต่ด้านที่ไม่มีเขาก็คือติดทะเล ดังนั้นสมัยก่อนก็ติดต่อกันผ่านทางเรือ
เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินทะลุผ่านเขา แล้วพอ ชาวโรฮิงยา (ลักษณะอินเดียมุสลิม) อาศัยอยู่ที่รัฐยะไข่ ก็ไม่รู้เป็นคนประเทศไหน เพราะสมัยก่อนประเทศแถบนี้เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ด้วยความที่
คนเหล่านี้ไม่ได้นับถือพุทธและหน้าตาไม่พม่า พม่าเลยถือว่าพวกนี้เป็นบังคลาเทศอพยพ
ก็เลยผลักดันกลับประเทศบังคลาเทศ บังคลาเทศตอนแรกก็รับไว้ ตอนหลังเริ่มเยอะ
ซึ่งประเทศบังคลาเทศ มีประชากรเป็นร้อยล้าน แต่ประเทศเล็กนิดเดียวและยากจนไม่มีจะกิน
แล้วจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงดู ชาวโรฮิงยา ก็เริ่มแบบฉันไม่เอารับเข้ามาเป็นประชากร
คราวนี้พอซ้ายไม่รับขวาก็ไม่รับ ชาวโรฮิงยา ก็ต้องหนีตายโดยล่องเรือออกทะเล
ก็ไปมาเลย์เพราะอิสลามเหมือนกัน แต่ชักเยอะมาเลย์ก็ไม่ไหว ก็เริ่มมีปัญหากับประเทศอื่น ๆ
ไทย ออสซี่ อินโด ก็เลยเป็นปัญหาวุ่นวาย
คำถาม คือ ทำไมไม่มีใครเอา ชาวโรฮิงยา
คำตอบ คือ 1. พม่า บอกอัตลักษณ์ไม่เหมือน แถมมาก่อนความวุ่นวาย
2. บังคลาเทศ บอกอัตลักษณ์เหมือน แต่ข้าวจะไม่มีให้กินแล้วจะเอาตัวหารมาเพิ่มเพื่อ
3. ประเทศอื่น ๆ บอกอาจจะเหมือนและไม่เหมือน แต่ไม่ได้เกี่ยวกับประเทศตนเลย
แล้วมีบางคนมาสร้างปัญหา แถมเป็นบุคลากรไร้คุณภาพ แล้วใครจะยอมช่วยรับได้เยอะขนาดนั้น
บางคนอาจบอกทำไมประเทศอื่น ๆ ไม่มีมนุษยธรรม คำถาม คือ แล้วคนที่อ้างมนุษยธรรม
ยอมแบ่งเนื้อที่หรือห้องนอนที่บ้างให้คนเหล่านี้อาศัย (เหมือนเปิดบ้านเป็นศูนย์รับคนจรจัดไหมละ)
ประมาณเปรียบ ชาวโรฮิงยา เหมือนคนขอทานหรือคนพิการที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ไปอยู่อาศัย
กินข้าวฟรีโดยไม่ทำงาน และคน ๆ นั้นต้องคอยหาข้าวหาน้ำมาให้กิน
คำตอบคือประเทศกำลังพัฒนาคนในประเทศที่ยังยากจนก็ยังมี แต่ต้องไปช่วยเหลือคนจากประเทศอื่น
แล้วอย่างนี้จะโดนคนในประเทศนั้นด่าไหม.... นี่จึงเป็นคำตอบว่าทำไม ชาวโรฮิงยา จึงยังมีปัญหาอยู่อย่างนี้ " ขอ quote คห.ของคุณ nongatom จาก pantip ไว้ประกอบการพิจารณา
และขอเพิ่มข่าว "ชาวโรฮิงญา ประท้วงไม่ยอมกินข้าว เรียกร้องตม.ปรับปรุงคุณภาพอาหาร"
http://www.dailynews.co.th/crime/180587
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 27 มกราคม 2556 / 19:27
คห.1 คะ ต้องเข้าใจด้วยนะคะว่าอิสลามเป็นศาสนาแห่งความสันติ อิสลามไม่ใช่ศาสนาแห่งความรุนแรง พวกที่ก่อความไม่สงบใน3จังหวัดคือพวกกที่เข้าใจในหลักการศาสนาผิด ไม่มีศาสนาไหนหรอกนะคะที่นิยมควมรุนแรง ก่อนจะโพสต์อะไรก็ต้องไปศึกษาให้ถ่องแท้ก่อนนะคะ
เราเป็นมุสลิมคนหนึ่ง .. ที่เหนื่อยหน่ายกับความคิดแย่ ๆ ที่ว่าเรา "รุนแรง"
แค่เห็นว่าเป็นมุสลิม เท่ากับรุนแรงอย่างนั้นหรือ ?
เฮ้อ ไม่ไหวจะอธิบาย ขอให้พระเจ้าของเราเปิดใจด้วยนะคะ อยากให้เข้าใจ
แค่มองเราในแง่ที่ดี ก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ อย่างที่ คห.บนกล่าวมา พวกนั้นเข้าใจศาสนาผิด เอาศาสนามาเป็นข้ออ้าง ทั้งที่จริงแล้ว ผู้อยู่เบื้องหลังน่ะ ... ใช่มุสลิมซะที่ไหน เป็นไปได้ไหมว่าเป็น อเมริกา
นี่แค่ข้อสัณนิฐานเฉย ๆ 
ขออย่างนึงนะ อย่ามองมุสลิมว่ารุนแรงก็พอค่ะ เห็นแล้วเศร้าใจ ไม่มีใครเข้าใจเราเลย แม้แต่คนชาติเดียวกัน
ชาวโรฮิงยาน่ะ นับถือศาสนาอิสลามไม่ใช่ประเด็นเท่าไรร่ะ
-1.ชาวโรฮิงยาทำชาวพุทธ แล้วชาวพุทธก็ไล่เอาคืนมากกกจนแตกกระจายไปทั่วทิศทั่วแดน
-2.ชาวพม่าไม่ยอมรับเท่าไร ชาวโรฮิงยาเป็นพวกแค้นฝังจิต จะเอาคืนแต่เอาคืนไม่ได้
-3.ไม่รู้
-4.เอิ่มมมม- -โจรใต้อ่ะเราคิดว่าเค้าไม่ควรนับถือศาสนาอะไรด้วยซ้ำเพราะศาสนาสอนให้เป็นคนดี
แต่พวกเค้าคงแค้าฝังจิตเช่นกันนนอ่านะ^^"
รู้ๆกันอยู่ ไม่อยากออกความเห็น
คห.8,9 เข้าใจครับว่าศาสนาคุณเป็นศาสนาสันติทุกศาสนาก็สอนให้คนทำดีเป็นคนดีทั้งนั้นแหละครับ
แต่เข้าใจปะครับว่าในเมื่อมุสลิมด้วยกันมา จะเกิดจิตวิทยาชักจูงเหล่ามุสลิมด้วยกัน กองทัพก็เพิ่มขึ้นสิครับ คนหลายคนอะเราคุมได้ไม่หมดหรอกครับ บางคนก็คล้อยตามบางคนก็ไม่ ไม่เห็นหรือยังไงครับ สามใต้ชาวบงชาวบ้านที่เป็นมุสลิมอะ ไปหมดแล้วเกือบจะอยู่ข้างโจรหมดแล้ว เพราะอะไรครับ เพราะจิตวิทยาไงครับ ผมไม่จำเป็นต้องศึกษาศาสนาให้ท่องแท้หรอกครับ แต่ผมมองในมุมมองจิตวิทยาครับ
บางทีทหารบางคนเดินลาดตะเวณอยู่ ทหารรู้นะครับบางคนจำหน้าได้ว่าใครเป็นโจรแต่ทำไมครับ? ทำไรไม่ได้ครับเพราะอะไรครับ เพราะต้องวางท่าว่ามีมนุษยธรรมให้ชาวบ้านเห็นครับเพื่อความเป็นมิตร รบไปแบบนี้ยังไงก็ไม่ชนะครับ
โจร ตอนเช้ากรีดยา ตอนบ่ายฝึก ตอนเย็นก่อเหตุร้าย ตอนค่ำนั่งกินเหล้าหัวเราะเยาะเย้ย <<<<แบบนี้ครับ สงครามจิตวิทยาของรับบาล กองทัพ และชาวบ้านครับ โจรใต้เก่งครับ
ปัญหานี้ผมมองว่าเรามีปัญหาอย่างหนึ่งคือ racism เรามองว่าเราเป็นคนของชาตินี้และชาวโรฮิงญาเป็นคนชาติอื่นโดยไม่มองว่าจริงๆเเล้ว เราต่างก็เป็นมนุษย์ และ มนุษย์ทุกคนพึงจะได้รับสิทธิในการมีชีวิตรอด มีสิทธิในการได้รับความสุขตามความสามารถของตน มีสิทธิจะได้รับการคุ้มครองจากภัยต่างๆ ไม่ว่ายังไงผู้ที่ละเมิดหรือละเลยความเป็นมนุษย์เเล้วเลือกสิ่งจอมปลอมเช่น ชนชาติ ศาสนามาเเบ่งเเยกเป็นฝ่ายผิดเสมอ
แล้วก็ คหที่ 12 ฮ่ะ คือ คุณแน่ใจหรอว่าการพลักเขาไปไกลๆเขาจะไปได้จริงๆถ้าไม่มีที่รองรับ คุณกำลังพลักดันคนกลุ่มหนึ่งไปอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถคาดเดาได้ พวกที่ตั้งตัวได้ก็ดีไป แต่พวกที่เหลือคุณคิดว่าเขาจะไปลั้ลลาอยู่ประเทศอื่นหรอ จะมีอะไรให้คนคนหนึ่งทำความผิดได้เท่ากับการไม่มีอะไรจะเสียล่ะ คนไม่มีที่ไปน่ะถูกชักจูงง่ายมากน่ะ
มองมุมกลับ คนที่ได้รับการอุ้มชู เลี้ยงดูมาอย่างดีทำประโยชน์ต่อโลกนี้ได้มหาศาลอันนี้อันเเรก แล้ว คนที่อยู่มีความสุขดีจะไปเลือกเอาชีวิตไปทิ้งอ่ะมันยากกว่าคนที่ไม่มีอะไรจะเสียมากน่ะครับ
ถ้ามันคือสงครามจิตวิทยาเราก็ต้องมีจิตวิทยาส่ะก่อนถึงจะชนะได้ ปัญหาตอนนี้มันไม่ได้ผิดที่มุสลิมที่ตัวศาสนาแล้วต่อให้ศาสนานั้นจะเขียนยังไง พลังที่พลักดันให้คนกระทำผิดก็คือคนด้วยกันไม่ใช่ตัวหนังสือบนกระดาษ
เราเห็นด้วยกับ ค.ห แรกนะ
ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาหนักมากพออยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องแรงงาน
มีคนไทยจำนวนมาก ไม่มีงานทำ เพราะฉะนั้นการเพิ่มประชากรในตอนนี้ ไม่ดีแน่ๆละ
ถ้าจะให้ดี เราร่วมสนับสนุนให้ชาวโรฮิงยา เป็นประเทศหนึ่งๆ ประเทศโรฮิงยาไปเลยดีกว่า
จะได้หมดเรื่องกันไป ในเมื่อปัญหาหลักของเขาคือ พาสปอร์ต
PS. เกมส์ลวง: http://writer.dek-d.com/himmel92/writer/view.php?id=721360
จริง ๆ แล้วเราไม่ควรพูดถึงเรื่องของศาสนาซึ่งละเอียดอ่อนมาก ๆ นะ
ประเด็นจริง ๆ คือ การรับพวกเขาเข้ามา
ในความคิดของเรา ก็เหมือน ๆ กับหลาย ๆ คนนั่นคือ อาจจะส่งผลระยะยาวหากรับเอาไว้ เพราะคนในประเทศเองก็มากอยู่แล้ว
แต่ว่านะคะ ..อย่าเอาเรื่องศาสนาไปเกี่ยวข้องได้รึเปล่า อย่าง คห.1 เราเห็นด้วยที่ไม่ควรรับไว้นาน อาจส่งผลระยะยาว  แต่ทำไมต้องมีประโยคที่ว่า
"แถมเป็นมุสลิมกลัวจะไปรวมตัวกับ3จ.ชายแดนภาคใต้ ถ้ารับมาอยู่ในประเทศ"
ประโยคนี้ แรงไปนะคะ  เหมือนเหมารวมทั้งโลก ไม่มีประโยคที่ดีกว่านี้แล้วหรอ ?
คห.1 มีความเป็นห่วงบ้านเมืองขออย่าคิดเป็นอย่างอื่นนะครับ แต่มุมของผมเกี่ยวกับ โรฮิงญาคือคนพวกนี้น่าสงสารครับ พม่าไม่นำพา บังคลาก็ขับไล่ ไทยก็กีดกัน ก็เข้าใจนะบ้านใคร ๆ ก็รักแต่ลองมาเป็นโรฮิงญาดูซิครับ เหมือนไม่มีสิทธิของความเป็นมนุษย์เหมือนชาวโลกส่วนอื่น ๆเพราะความด้อยพัฒนาไร้การศึกษา เพราะโรฮิงญาอยู่อย่างสงบเสงี่ยมมานาน เจียมตัวเจียมใจมาตลอดพี่บังกับพี่หม่องก็เลยกดขี่ข่มขืนเอ๊ยข่มเหงเพราะเห็นว่าไม่มีทางสู้ ผลก็คือเก็บกดครับ พักหลังนี้ก็เลยฮึดสู้บ้างก็ถูกมองว่าก่อการร้ายด้วยความที่อ่อนหัดด้านกลยุทธ อ่อนหัดด้านการตลาดไม่เหมือนพวกขแมร์ของพี่ฮุนเซน จึงเป็นที่รังเกียจของชาวบ้าน อยากให้มองพวกโรฮิงญาอย่างเพื่อนมนุษย์ผู้ตกยากครับ จาก ขม โรฮิงญา
คห.9 ครับ ขอให้ผมได้พูดสักนิดครับ เราหมายถึงชาวพุทธและศาสนาอื่น ๆ ที่คิดว่า มุสลิมชอบใช้ความรุุนแรง ขอบอกว่าเราไม่ได้หมายความว่ามุสลิมทุกคนจะโหดร้ายหรือชอบใช้ความรุนแรงนะครับ
แต่คงจะเป็นความรู้สึกที่ไปรับเอาความรุนแรงของ คนบางกลุ่ม ที่แอบอ้างศาสนามาชักนำให้ผู้บริสุทธิ์ให้เข้าสู่ความรุนแรงมาเป็นตัวกำหนด หรือบางคนมองภาพว่าบางประเทศใช้กฏหมายอย่างเข้มงวดเช่นขโมยของต้องถูกตัดมือ ตัดแขน จะถึงตัดคอด้วยหรือไม่ ไม่ทราบ คำว่าไม่ทราบนี้แหละไม่เข้าใจพื้นฐานวัฒนธรรมของบางประเทศ ไม่เข้าใจว่าประเทศเขาต้องการปกป้องคนดี มีกฏหมายไว้ปรามและกำจัดคนไม่ดี ไม่เหมือนบางประเทศมีกฏหมาย คุ้มครองคนชั่ว จะลงโทษแรง ๆ ก็เกรงใจพวกองค์กรคุ้มครองสิทธิ(คนชั่ว) พวกมันถึงไม่เกรงกลัวการลงโทษ ตัวอย่างไปข่มขืนเด็กผู้ที่ไม่สมยอมถ้าขัดขืนก็อาจถูกฆ่า รอดตายก็ต้องผวาไปตลอดชีวิต -พวกฆาตรกรเหล่านั้นมันกลัวกฏหมายบ้างไหม มันบอกว่าติดคุกไม่กี่ปีก็สามารถออกมาฆ่าข่มขืนได้อีกเพราะส่วนลดสำหรับนักโทษเหล่่านี้เป็นโปรโมชั่นที่ฆาตรกรได้ผลประโยชน์ เอางี้ไหมออกกฏหมายว่าคดีฆ่า ข่มขืนหรือค้ายาเสพติดถ้ามีส่วนลดให้ถือเป็นรอลงอาญาถ้าก่อคดีรอบใหม่ให้เอาส่วนลดนั้นมาขังใหม่จนครบคดีให่ห้ามขอส่วนลด
เชื่อว่าอิสลามรักสันติมีเมตตา แต่ที่3จ.ว.ใต้ที่บ้านเรามียิงทิ้งคนไม่รู้จักกันฆ่าตัดคอคนที่ไม่มีเรื่องบาดหมางกันทั้งคนชราเด็กผู้หญิงไม่เลือกหน้า ครูจูหลิงของเราไปสอนหนังสือแท้ ๆ ยังถูกรุมฆ่าอย่างทารุณ การระเบิดตึกที่อเมริกาฆ่าหกพันศพ ก็อ้างว่าทำเพื่อพระเจ้า ขอถามพวกนี้นับถือศาสนาอะไร ควรที่พี่น้องอิสลามต้องร่วมมือกันกระชากหน้ากากพวกที่แอบอ้างพระเป้นเจ้ามาก่อกรรมทำเข็ญกับเพื่อนมนุษย์ได้แล้ว
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?