Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ภาพยนตร์ระดับตำนานในยุค 90 (ภาคแรก)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สืบเนื่องจากกระทู้ "เพลงประกอบภาพยนตร์ระดับตำนานในยุค 90" ถือเสียว่าได้นำเสนอภาพยนตร์ระดับตำนานในยุค 89 แล้วกัน คราวนี้จะนำเสนอภาพยนตร์เรื่องๆอื่นที่เป็นตำนานให้ได้ชมกัน ต้อนรับออสการ์ในวันนี้

Armageddon (1998)

            ภาพยนตร์แนวไซไฟ-ดราม่า นำแสดงโดย บรูซ วิลลิส เบ็น เอลเฟล็ค และ ลิฟ ไทเลอร์  เรื่องราวเกี่ยวกับนักขุดเจาะน้ำมันต้องบินไปอวกาศเพื่อทำลายดาวหางที่กำลังจะชนโลกภายใน 18 วัน พร้อมกับเพลงประทับใจ I Don't Wanna Miss a Thing ของ แอโร สมิธ ทำรายได้ไปทั่วโลก 553 ล้านเหรียญ ได้รับเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ 4 รางวัล ทั้งเสียงพิเศษ ตัดต่อเสียง เทคนิคพิเศษ และ เพลงประกอบภาพยนตร์

Anaconda (1997)

            ภาพยนตร์แนวผจญภัย-สยองขวัญระดับตำนาน เรื่องราวเกี่ยวกับทีมนักผจญภัยสำรวจบริเวณลุ่มน้ำอะเมซอน ต้องเผชิญกับงูอนาคอนดาสุดสยอง ทำรายได้ไปทั่วโลก 136 ล้านเหรียญ ก่อนจะทำภาคต่อในปี 2004 แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า

Twister (1996)

            ภาพยนตร์แนวภัยพิบัติ เรื่องราวเกี่ยวกับ โจ ฮาร์ดิง สาวแกร่งที่สูญเสียในตอนพายุทอนาโดถล่มบ้านในสมัยเด็ก เลยฝังใจไล่ล่าพายุมาตลอด ทำรายได้ไปทั่วโลก 494 ล้านเหรียญ ได้รับเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2 สาขา ทั้งเทคนิคพิเศษ และบันทึกเสียง

Deep Impact (1998)

            ภาพยนตร์แนวไซไฟ-ภัยพิบัติ เรื่องราวเกี่ยวกับคนที่กำลังเผชิญกับวินาทีสุดท้ายของโลกก่อนอุกกาบาตจะยกทัพถล่ม นำเสนอในแง่มุมเกี่ยวกับครอบครัว ความรัก ความผูกพัน มิตรภาพ และการพึ่งพาอาศัยกัน ทำรายได้ไปทั่วโลก 349 ล้านเหรียญ

Scream (1996)

            ภาพยนตร์แนวสยองขวัญระดับตำนาน สร้างหวีดไปทั่วโลกด้วยรายได้ 172 ล้านเหรียญ แล้วมีภาคต่อ 3 ภาค แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ ยิ่งไปกว่าคาแรกเตอร์อย่าง Ghost Face เป็นส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ฮาหยองๆ Scary Movie กลายเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องนี้ไปปริยาย

Independence Day (1996)

            ภาพยนตร์แนวไซไฟ เรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวจะมายึดครองโลกกับฉากในตำนานยิงเลเซอร์ทำลายทำเนียบขาว ทำรายได้ไปทั่วโลก 817 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม

The Mask (1994)

            หรือชื่อภาษาไทย หน้ากากเทวดา ภาพยนตร์แนวคอมเมดี้เรียกเสียงฮา นำแสดงโดย จิมแครี่ เรื่องราวเกี่ยวกับพนักงานธนาคารที่ไม่สู้คนเจอหน้ากากปริศนา พอสวมใส่กลายเป็นคนละคนในลักษณะหน้าเขียว สวมหมวก และสูทเหลือง ต่อสู้กับวายร้าย ทำรายได้ไปทั่วโลก 351 ล้านเหรียญ และได้เสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม

L.A. Confidential (1997)

            ภาพยนตร์ฟิลม์นัวร์อาชญากรรมขึ้นหึ้งระดับตำนาน เรื่องราวเกี่ยวกับการฆาตกรรมหมู่ ณ.คอฟฟี่ช้อปแห่งหนึ่ง ทำให้สามตำรวจต้องสืบสวนสาเหตุ โดยมีผู้หญิง และคอรั่ปชั่นมาเกี่ยวข้อง ทำรายได้ไปทั่วโลก 126 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 2 รางวัล ทั้งนักแสดงสมทบหญิง และบทภาพยนตร์ดัดแปลง


Austin Power 2: The Spy Who Shagged Me (1999)

            หลังจากประสบความสำเร็จกับภาคแรก ไมค์ ไมเยอร์ กลับมาเรียกเสียงฮาอีกครั้งกับภาพยนตร์แนวคอมเมดี้เชิงล้อเลียน 007 จนเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง กับดนตรีประกอบภาพยนตร์คุ้นหู และตัวร้ายสุดติ๊งต๊อง ดร.อีเวิล (มันก็ติ๊งต๊องกันทุกตัวแหละ) พร้อมโคลนนิ่งตัวเตี้ย มินิมี ทำรายได้ไปทั่วโลก 312 ล้านเหรียญ ได้เสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยม แถมเพลงประกอบภาพยนตร์ Beautiful Stranger ของ Madonna ได้รางวัลแกรมมี่ สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ขอบอกว่าฮาจริงอะไรจริง แม้ว่าทะลึ่งเน้นเรื่องเพศก็ว่าเหอะ

Jurassic Park (1993)

            ภาพยนตร์แนวไซไฟ-ผจญภัย ผลงานการกำกับชิ้นโบว์แดงของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก กับสเปเชียลเอ๊กเฟตสุดตตระการตา ทำรายได้ไปทั่วโลก 914 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 3 รางวัล ทั้งผสมเสียง ตัดต่อเสียง และเทคนิคพิเศษ

American Beauty (1999)

            ภาพยนตร์แนวดราม่า สะท้อนความเหลวแหลกของครอบครัวหนึ่ง แม้ว่าสังคมอเมริกาสวยแค่เปลือก แต่ภายในกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เรื่องนี้กลายเป็นยอมรับจากนักวิจารณ์ทุกสถาบัน ทำรายได้ไปทั่วโลก 356 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 5 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ ผู้กำกับ นักแสดงนำชาย บทภาพยนตร์ดั้งเดิม และถ่ายภาพ

Shakespeare in Love (1998)

            ภาพยนตร์แนวโรแมติก-คอมเมดี้-ดราม่าย้อนยุค จะได้สัมผัสประสบการณ์ความรักของนักบทประพันธ์ชื่อก้องโลก วิลเลียม เช็คสเปรียร์ ทำรายได้ไปทั่วโลก 289 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 7 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ นักแสดงนำหญิง นักแสดงสมทบหญิง กำกับศิลป์ ออกแบบเครื่องแต่งกาย บทภาพยนตร์ดั้งเดิม และดนตรีประกอบภาพยนตร์ประเภทเพลง/ตลก

Mission Impossible (1996)

            ภาพยนตร์แนวแอ๊คชั่น ผลงานชิ้นโบว์แดงของ ทอม ครูซ จะได้สัมผัสฉากในตำนานห้อยสลิงฉกข้อมูล และดนตรีประกอบที่คุ้นหู ทำรายได้ไปทั่วโลก 457 ล้านเหรียญ ก่อนจะประสบความสำเร็จกับภาค 2 ในปี 2000

The Matrix (1999)

            ภาพยนตร์แอ๊คชั่น-ไซไฟระดับตำนาน และเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของ คีอานู รีฟ ที่ทุกคนยอมเสียตังค์กับค่าชมมากกว่า 1 รอบ เพื่อดูฉากต่อสู้ระดับตำนานกับสเปลเชียลเอ๊กเฟตสุดระทึก ทำรายได้ไปทั่วโลก 463 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 4 รางวัล ทั้งลำดับภาพ ตัดต่อเสียง ผสมเสียง และเทคนิคพิเศษ


Speed (1994)

            ภาพยนตร์แนวแอ๊คชั่น-ระทึกขวัญ นำแสดงโดย คีอานู รีฟ และ แซนดร้า บูลด๊อก เรื่องราวเกี่ยวกับตำรวจต้องยับยั้งผู้ก่อการร้ายที่วางระเบิดรถบัสโดยสารแห่งหนึ่ง เรื่องนี้ทำให้ผู้ชาสมัยนั้นนิยมทำผมสั้นเกรียนแนวคีอานู รีฟ กันระนาว ทำรายได้ไปทั่วโลก 350 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 2 สาขา ทั้งตัดต่อเสียง และผสมเสียง

Braveheart (1995)

            ภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์-ดราม่า ผลงานการกำกับของ เมล กิ๊บสัน และแสดงเองด้วย เรื่องราวเกี่ยวกับ วิลเลี่ยม วอลเลช อัศวินชาวสก๊อตแลนด์ปลุกระดมให้ชาวสก๊อตแลนด์ใหปลดตนเองออกจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ทำรายได้ไปทั่วโลก 210 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 5 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ ผู้กำกับ ถ่ายภาพ แต่งหน้า และตัดต่อเสียง


Forrest Gump (1994)

            ภาพยนตร์แนวดราม่า-คอมเมดี้ ผลงานการแสดงชิ้นโบว์แดงอีกเรื่องของ ทอม แฮงค์ หลังจากประสบความสำเร็จจากเรื่อง Philadelphia ในปี 1993 ที่สามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายจากเวทีออสการ์ เรื่องนี้เล่นหนุ่มไอคิวต่ำจอมอัจฉริยะ ที่ต้องเจออุปสรรคกับเรื่องราวต่างๆในยุค 50-70 ทำรายได้ไปทั่วโลก 677 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 6 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ ผู้กำกับ ลำดับภาพ เทคนิคพิเศษ บทภาพยนตร์ดัดแปลง และนักแสดงนำชาย

Unforgiven (1992)

            ภาพยนตร์แนวดราม่าสไตส์คาวบอย เรื่องราวเกี่ยวกับโสเภณีคนหนึ่งถูกคนร้ายสองคนทำร้ายร้างกายจนหน้าเสียโฉม จึงเกิดอาการแค้นติดประกาศล่าตัวพร้อมเงินรางวัล 1000 เหรียญ ทำให้อดีตคาวบอยตัดสินใจจับปืนอีกครั้งในรอบ 10 ปี ทั้งๆที่กฎของเจ้าเมืองผู้มีอิทธิพลไม่ให้ประชาชนจับปืน ต้องเผชิญอุปสรรค เพื่อล้างแค้นให้โสเภณี และต้องการเงินให้ตัวเองและลูกมีชีวิตที่ดีขึ้น ทำรายได้ไปทั่วโลก 159 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 4 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ ผู้กำกับ ลำดับภาพ และนักแสดงสมทบชาย

The Silenne of the Lambs (1991)

            ภาพยนตร์แนวสยองขวัญ-ระทึกขวัญ เรื่องราวเกี่ยวกับแคลลิช สตาร์ลิ่ง เจ้าหน้าที่เอฟบีไอได้มอบหมายสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ที่มีฆาตกรนามแฝงว่า บัลฟาโล่ บิล จนกระทั่งเธอได้พบกับ ดร.ฮันนิบาล เลคเตอร์ อดีตฆาตกรซึ่งถูกบำบัดจิตอยู่ เธอพบว่าเลคเตอร์มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับบัฟฟาโร่ บิล เธอจึงพยายามสืบและรู้ตัวจริงของบัฟฟาโร่ บิลให้ได้ แต่ในที่สุดก็เกิดเรื่องเมื่อลูกสาวของวุฒิสภาถูกบัฟฟาโล่ บิลจับตัวไป เธอจึงต้องจับตัวบัฟฟาโร่บิลให้จงได้ เพื่อที่จะช่วยลูกสาวของวุฒิสมาชิกและเธอรู้ว่าเลคเตอร์คือกุญแจที่จะไขให้เธอพบตัวจริงของบัฟฟาโร่บิล ทำรายได้ไปทั่วโลก 272 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 5 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ ผู้กำกับ บทภาพยนตร์ดัดแปลง นักแสดงนำชาย และนักแสดงนำหญิง นี่เป็นภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ก่อนจะทำภาคต่อที่ชื่อว่า ฮันนิบาล ในปี 2001

Dances with Wolves (1990)

            ภาพยนตร์ดราม่าสไตส์อินเดียแดง ผลงานการกำกับของ เควิน คอสเนอร์ และแสดงเองด้วย เรื่องราวเกี่ยวกับอินเดียแดงในช่วงสงครามกลางเมือง ทำรายได้ไปทั่วโลก 424 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 7 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ ผู้กำกับ บทภาพยนตร์ดัดแปลง ถ่ายภาพ ลำดับภาพ บันทึกเสียง และดนตรีประกอบภาพยนตร์

Schindler’s List (1993)

            ภาพยนตร์แนวดราม่า ผลงานการกำกับชิ้นโบว์แดงอีกเรื่องของ สตเว่น สปีลเบิร์ก สะท้อนความโหดร้ายของชาวยิวที่ต้องโดนกักกัน โดยผ่านมุมมองของออสการ์ ซิลด์เลอร์ เจ้าของโรงงานต้องมาช่วยเหลือชาวยิวให้รอดพ้นจากการรมแก๊ส ทำรายได้ไปทั่วโลก 321 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 7 รางวัล ทั้งภาพยนตร์ ผู้กำกับ บทภาพยนตร์ดัดแปลง ถ่ายภาพ กำกับศิลป์ ลำดับภาพ และดนตรีประกอบภาพยนตร์

The English Patient (1996)

            ภาพยนตร์แนวโรแมนติก-ดราม่า สะท้อนเรื่องราวความรักในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำรายได้ไปทั่วโลก 231 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 9 สาขา ทั้งภาพยนตร์ นักแสดงสมทบหญิง ผู้กำกับ กำกับศิลป์ ถ่ายภาพ ลำดับภาพ บันทึกเสียง ดนตรีประกอบ และออกแบบเครื่องแต่งกาย

Good Will Hunting (1997)

            ภาพยนตร์แนวดราม่า นำแสดงโดย โรบิน วิลเลียม แมท เดม่อน และเบ็น เอ็กเฟต เรื่องราวเกี่ยวกับ วิลล์ ฮันติ้ง ภารโรงหนุ่มของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ ที่สามารถแก้โจทย์คณิตศาสตร์ได้รวดเร็วและแม่นยำอย่างง่ายดาย แต่ตัวเขาพอใจที่ใช้ชีวิตกับเด็กเสเพลมากกว่า จนได้พบกับ ณอน จิตแพทย์ที่ในวัยเด็กมีปมไม่ต่างอะไรจากวิลล์ ให้ได้ความช่วยเหลือ และดึงความเป็นอัจฉริยะของวิลล์ออกมาทิศทางที่ควรจะเป็น ทำรายได้ไปทั่วโลก 225 ล้านเหรียญ คว้ารางวัลออสการ์ 2 รางวัล ทั้งนักแสดงสมทบชาย และบทภาพยนตร์ดั้งเดิม จากลายปากกาของแมท เดม่อน และเบ็น เอ็กเฟต



JFK (1991)

            ภาพยนตร์แนวชีวประวัติ-ระทึกขวัญ เรื่องราวเกี่ยวกับการลอบสังหารอดีตประธานธิบดี จอหน์ เอฟ เคเนดี้ ผลงานการกำกับของ โอลิเวอร์ สโตน ทำรายได้ไปทั่วโลก 205 ล้านเหรียญ คว้ารางวัล 2 รางวัล ทั้งลำดับภาพ และถ่ายภาพ

True Lies (1994)

            ภาพยนตร์แนวแอ๊คชั่นระดับชิ้นโบว์แดงอีกเรื่อง อาร์โน ชวาลซีเวกเกอร์ ผลงานการกำกับของ เจมส์ คาเมรอน เรื่องราวเกี่ยวกับสายลับพบรู้ว่าภรรยากำลังลักลอบมีชู้ เขาต้องใช้ความสามารถในสายงาน เพื่อพิสูจน์ความจริง จนเป็นที่มาของภารกิจสุดอันตรายที่เอาชีวิตของภรรยามาเสี่ยงด้วย ทำรายได้ไปทั่วโลก 378 ล้านเหรียญ เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม และได้รางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำหญิงประเภทเพลง/ตลกยอดเยี่ยม



Air Force One (1997)

            ภาพยนตร์แนวแอ๊คชั่น-ระทึกขวัญ ผลงานการแสดงอีกเรื่องของอินเดียน่า โจนส์ แฮริสัน ฟอร์ด เรื่องราวเกี่ยวกับผู้ก่อการร้ายยึดเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานธิบดี พร้อมกับเรียกร้องปล่อยตัวทรราช ที่สร้างความปั่นป่วนอุ่นวายกับรัสเซีย มิเช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำรายได้ไปทั่วโลก 315 ล้านเหรียญ

Basic Instinct (1992)

            ภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ เรื่องราวเกี่ยวกับตำรวจเจ้าของคดีต้องสืบสวนคดีนักดนตรีร๊อคคนหนึ่งถูกฆ่าตายขณะมีเพศสัมพันธ์ จนนำไปพัวพันกับแฟนของผู้ตายที่เป็นนักเขียนนวนิยายอาชญากรรม ทำรายได้ไปทั่วโลก 352 ล้านเหรียญ ได้รับเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ และลูกโลกทองคำ 2 สาขา

Jumanji (1995)

            ภาพยนตร์แนวผจญภัย-แฟนตาซี คอมเมดี้ นำแสดงโดย โรบิน วิลเลียม เรื่องราวเกี่ยวกับเกมส์กระดานมหัศจรรย์ที่เด็กสองคนพบเห็นโดยบังเอิญ เมื่อลองกลับพบสิ่งที่น่ามหัศจรรย์แบบไม่คาดถึง ทำรายได้ไปทั่วโลก 262 ล้านเหรียญ


ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากเว็บพันทิป และวิกิพีเดีย



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2556 / 08:07
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 28 เมษายน 2556 / 23:15

PS.  ชีวิตก็คือชีวิต คนที่เห็นค่าชีวิตถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐ หากคนมองข้ามชีวิตถือว่าหลงลืมตัวตน ชีวิตต้องเลยตามเลย

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

PiZZaPeaCH Columnist 27 ก.พ. 56 เวลา 08:55 น. 2

สครีมดูไม่จบแค่เรื่องเดียว เสียดายจัง

ชอบหนังพวกโลกจะแตกมากๆ เลยค่ะ ชอบที่ได้เห็นธตุแท้มนุษย์ว่ามีคนรักกัน ช่วยกันมากแค่ไหน แต่ก็ต้องมีคนเห็นแก่ตัวด้วยเหมือนกัน แต่ดูแล้วร้องไห้ทุกเรื่องทั้งอาร์มาเกดดอน ดีพอิมแพ็คต์ หรือ ID4 มันร้องเวลาเห็นครอบครัวต้องจากกันหรือมีคนเสียสละไป ดูกี่รอบก็ซึ้งทุกรอบ 

ฟอเรสต์ กัมป์ก็ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆ (นี่ก็ร้องบ่อย) "Run Forrest! Run!" 

Good Will Hunting ก็ดีมากๆ แมทท์ เดม่อนยังดูน่ารักๆ อยู่เลย

True Lies กับ Air Force One ก็มันส์มากๆ มีครบทุกรส ขนาดแอร์ฟอร์ซวันยังหาฉากให้ร้องไห้ได้เลย 555 ตอนท่านประธานาธิบดีปกป้องครอบครัว เท่ที่สุด

ยุคนั้นคีนู รีฟส์นี่ที่สุดของที่สุดมากๆ (ปัจจุบันแกก็ยังหน้าเหมือนเดิมเป๊ะอยู่ดี) สปีดสนุกมาก ชอบแซนดร้า บุลล็อกด้วย ส่วนแมทริกซ์ ตอนแรกที่ดูยังเด็กอยู่ค่ะ งงโคตรๆ แต่พอมาดูใหม่ตอนโตให้ครบทุกภาคก็เข้าใจแล้ว

อเมริกันบิวตี้นี่ดราม่ามากๆ มันเสื่อมกันทั้งบ้านทั้งเมืองเลย ใช้เรื่องนี้ประกอบการเรียนในมหาลัยด้วย เป็นเรื่องที่แรงจริงๆ แต่ก็ตีแผ่สังคมแบบหมดเปลือกมากๆ ทั้งที่ยุคนั้นเรื่องเกย์ยังไม่ได้เปิดเผยมากขนาดตอนนี้ด้วยซ้ำ ถึงใจจริงๆ ค่ะ

จูมานจี้ เดอะมาส์ก ตลกดี 

แล้วก็พวกหนังภาคแรกของภาคต่ออีกหลายๆ ภาคอย่างจูแรสสิคปาร์ค อนาคอนด้า มิชชั่นอิมพอสสิเบิ้ลหรือเรื่องของฮันนิบาล เล็กเตอร์ก็เริ่มในช่วงนี้เนอะ และทำให้เราต้องนั่งตามดูภาคอื่นๆๆๆๆๆๆๆ ต่อเรื่อยๆ 

เบรฟฮาร์ท เป็นเรื่องที่ทำให้รู้จักเมล กิ๊บสัน และทำให้รู้ว่าผู้ชายใส่กระโปรงได้ 

ออสตินพาวเวอร์เพิ่งได้มาดูตอนโตแล้ว และตกใจมากที่รู้ว่าตาคนนี้พากย์เป็นเชร็คด้วย 

ทวิสเตอร์ก็สนุกดี ทำให้รู้ว่าโลกนี้มีพายุหมุน

ส่วนเชคสเปียร์อินเลิฟ ได้ดูครั้งแรกก็เวอร์ชั่นไม่เซนเซอร์ ไม่ตัดฉากด้วย เห็นหน่มน้มเต็มๆ เลย (ตอนนั้นยังเด็กมากกกกกก) ตกใจมากๆ 555 


PS.  ความฝันยิ่งไกล กำลังใจยิ่งไม่สิ้นสุด
0
PiZZaPeaCH Columnist 27 ก.พ. 56 เวลา 08:57 น. 3

รอภาคสองอยู่นะคะ

ท่าทางจะคอเดียวกัน (หรือวัยเดียวกัน) 555


PS.  ความฝันยิ่งไกล กำลังใจยิ่งไม่สิ้นสุด
0