Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Share ความรักในต่างเเดน<Farang Only>กันหน่อยยยยย :P

ตั้งกระทู้ใหม่
ใครก็ได้เล่าประสบการณ์ความรักให้ฟังหน่อย เราไม่รู้เป็นไรมีอารมณ์อยากฟัง????
เล่ากันเยอะๆน้าาา มาเเชร์กันๆๆๆๆๆ :D

แสดงความคิดเห็น

>

96 ความคิดเห็น

กิกิ 12 มี.ค. 56 เวลา 18:59 น. 2

ช่วงนั้นเราบ้าอ่านหนังสือเรื่อง 1984 ก็เลยติดแท็กความสนใจไปว่าชอบหนังสือเรื่องนี้นะ
แล้วก็เจอคนนึงที่ชอบเหมือนกัน เค้ามาจากสเปน ช่วงแรกๆเราก็ไม่ค่อยชอบเค้าหรอก
เพราะเค้าดูเป็นคนแปลกๆ ความคิดเห็นเค้ากับเราไม่ค่อยตรงกันซักเท่าไหร่ แต่ก็คุยกัน
มาเรื่อยๆแล้วเราสองคนก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น เปลี่ยนจากแชทเป็นโทรแทน เวลามี
ปัญหาอะไรก็ได้เค้านี่แหละคอยเป็นที่ปรึกษาให้กำลังใจเราตลอด จนกระทั่งว่าเราเลิก
กับแฟนความสัมพันธ์ของเราสองคนก็ค่อยพัฒนาขึ้น แบบไงดีอ่ะ ถึงจะไม่พูดแต่ต่าง
คนต่างก็รู้ว่าชอบกัน -. - แล้วทีนี้เรามีเหตุจำเป็นที่จะต้องไปเรียนแถบยุโรป

พอมีช่วงวันหยุดยาวเราก็เลยนั่งรถไฟไปเที่ยวที่สเปน เรื่องของเรื่องก็คืออยากไปอยู่แล้ว
แล้วก็อยากเจออิตานี่ด้วย เราก็ไปค้างบ้านเค้าเพราะจำยอมค่ะ จะไปเช่าโรงแรม
เราก็สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ฮีดันอยู่แถบเมืองท่องเที่ยว ใกล้ๆก็มีแต่แพงๆทั้งนั้นเลย
แต่ก็คือดูแล้วไว้ใจได้เพราะเค้าก็อยู่กับพ่อแม่แล้วก็พี่ชาย (แต่จริงๆไม่ควรเลียน
แบบนะมันอันตราย) ตกดึกเราสองคนก็นั่งเล่นเกมจีทีเอกันตรงโซฟา แล้วก็ดูหนัง
ของจาพนมกัน เอ่อะ 555555 มันหนาวเค้าก็ไปชงโกโก้ร้อนมาให้ แล้วก็เรียกเราว่า
น้อง(ชื่อเรา)... พี่(ชื่อเค้า)มีอะไรจะบอก (เราสอนให้เค้าเรียกเราว่าน้องแล้วแทนตัวเองว่าพี่)
เราก็แบบ ห๊ะ มีอะไรเหรอ เค้าก็เงียบไปแล้วจ้องตาเรา จำได้ว่าฮีกลืนน้ำลายด้วยค่ะ 5555
แล้วค่อยๆพูดว่า ผมรักคุณนะ คือเราช็อก (ด้วยความดีใจนะ) หน้าแดงแปร๊ดแน่ๆ เราก็พยักหน้า
แล้วก็พูด อือๆ อืมๆ เออๆ ก็เราเขินนี่หว่า เค้าก็บอกว่าไม่ต้องพูดอะไรกลับมาก็ได้ ไม่เป็นไร
เค้าเข้าใจว่าเราคงไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน ไปแปรงฟันนอนได้แล้ว (อิตานี่ไล่เราอ่ะ - -)

แล้วเราก็นอนไม่หลับเลยค่ะ คือเราก็รู้สึกแบบเดียวกันนะ แต่เราเขินแล้วก็ไม่กล้าพูดออกไป
วันรุ่งขึ้นเป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ เค้าพาเราไปอาร์ทแกลลอรี่กับเดินชมในเมือง
วันนี้เรากับเค้าไม่ค่อยพดกัน แล้วเค้าก็ดูซึมๆไปนิดนึง (เค้าขอโทษน้าาา) เรารู้สึกว่า
เราต้องทำอะไรซักอย่างอากาศข้างนอกมันค่อนข้างหนาว เรานั่งพักกันตรงม้านั่ง
เราว่างเลยไปดึงแขนเสื้อเค้าแล้วบอกว่าขอกอดแขนนะ เราหนาว แฮฮฮฮ่ >_<
เราหยิบเอาเมจิกในกระเป๋ามาเขียนมือตัวเองว่า te quiero aussi! (แปลว่าชั้นรักเธอเหมือนกัน
แต่คำสุดท้ายเป็นฝรั่งเศสเพราะเราเขียนเป็นภาษาสเปนไม่เป็น แฮ่ๆ) แล้วยื่นให้ฮีดู บอกว่าเนี่ยๆ ได้คำศัพท์มาใหม่ ตรวจให้หน่อยดิว่าเขียนถูกป่าว แล้วเราก็ยิ้มมม ทันทีที่ฮีเห็นนี่แทบจะพุ่งเข้ากอดเลยทีเดียว ให้ความรู้สึกเหมือนโดนตำรวจพุ่งเข้าชาร์จ กอดเราแน่นมาก แอร้กก -////- อุ่นดีค่ะ
ฮีมีหนวดก็จั๊กกะจี้ดี 5555555 กรี๊ดดด

เรื่องก็ประมาณนี้ล่ะ ปัจจุบันก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันหรอก ด้วยเหตุที่ว่าเราอยู่ไกลกัน แล้วแฟนกันมัน
ก็เลิกกันได้ ให้เธอเป็นคนพิเศษของเราดีกว่า เพราะไม่ว่าจะวันไหนๆเธอก็ยังคงพิเศษอยู่ดี

0
Little 13 มี.ค. 56 เวลา 19:48 น. 9

ของเรายังไม่เคยเจอกันจริงๆเลย เค้าเป็นคนจีน แล้วบังเอิญว่าเราเรียนด้านจีนพอดีก้เรยโชคดีไปมีคนช่วยสอน ครั้งแรกที่เราคุยกับเค้า เราไม่ค่อยชอบเค้าเท่าไหร่เพราะเราเองก้ยังไม่เลิกกับแฟนแต่ตานี่ก้เอาแต่พูดจีบเรา คือตั้งแต่ครั้งแรกที่เค้าเจอเราก้ทักเรามาแร้วก้ชวนเราคุยตลอดเรย พอช่วงที่เราทะเลาะจะเลิกกะแฟนเรา เราไปปรึกษาเค้า แต่เค้าก้พยายามไม่พูดถึงแฟนเรา เราก้แบบอีตานี่นิสัยไม่ดีเราปรึกษาก้ไม่ใส่ใจ พอเราเลิกกับแฟน ช่วงแรกๆก้ไม่ค่อยมีอะไรแต่พอวันนึงเราเปิดกล้องคุยกับเขา คำแรกเค้าก้พูดว่าสวัสดีคะ แบบพูดน่ารักมาก แต่เราก้ไม่อะไรนะ แต่พอปิดกล้องอ้ะเค้าก้ทักเรามาว่าเราน่ารักมาก เค้าคลั่งเรามากๆ (คือบอกตรงๆนะเราหน้าตาแย่มากอ้ะ แล้วตอนเปิดกล้องก้ไม่ได้คิดอะไรยุแร้ว ตอนนั้นหน้าเลยธรรมชาติลงโทษมากๆ)แต่ตานี่แบบออกอาการทำอย่างกะเราน่ารักเท่าที่เค้าเคยเจอมาเลย ก้คุยกันไปเกือบ2เดือนเราก้ตกลงเป้นแฟนกัน ตอนนี้จะ6เดือนแล้ว อ้อ อีกอย่างนึงคือตอนเรารุจักกับเขาแรกๆเราว่าหน้าตาเค้าก้เฉยๆน้ะแต่พอให้เพื่อนดูมีแต่คนบอกหล่อแร้วก้ชอบ อิจฉาเรากันใหญ่เลย ตอนนี้เราก้เลยหลงแฟนตัวเองไปเลย . เรื่องมีอีกเยอะอยากฟังก้เม้นไว้นะค้ะ ><

0
Spy 14 มี.ค. 56 เวลา 16:11 น. 11

เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาสามปีกว่าๆ แล้วค่ะ เราแอบชอบรุ่นพี่คนนึงที่โรงเรียน เขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทย ตัวสูงๆ ผิวขาว ตอนเเรกๆ เราก็เก็บความลับนี้ไว้ไม่บอกใครแม้แต่เพื่อนของตัวเอง พี่เขาเป็นสภาของโรงเรียนแน่นอนว่ามันต้องเหนื่อยอยู่แล้ว เราก็เลยซื้อขนมกับโออิชิให้บ่อยๆ (พี่เขาชอบกินโออิชิ) จนวันนึงพี่เขาก็จับได้ว่าเราแอบเอาขนมส่งให้บ่อยๆ ตอนเเรกๆ ที่รู้จักกันใหม่ๆ พี่เขาก็ดูแปลกๆ ไงไม่รู้555 แบบเย็นชา โลกส่วนตัวสูง ตอนเเรกเราก็ถอดใจแล้วล่ะว่าที่ทำไปนี่มันเพื่ออะไรกัน แต่อีกใจเราก็คิดว่าพี่เขาคงเครียดล่ะมั้ง ตอนนี้พี่เขาติดมหาลัยที่ญี่ปุ่นแต่พี่เขาไม่เอาเลยเตรียมตัวสอบโควตา มช. เราเองก็ไม่อยากรบกวนพี่เขาก็เลยห่างๆ ออกมา แล้วพี่เขาก็สอบติดมช. จริงๆ เราก็ดีใจที่พี่เขาติดที่เชียงใหม่ไม่ได้ไปไหนไกลยังจะพอเจอกันได้ พอถึงวันเกิดของพี่เขาเราเลยซื้อตุ๊กตาหมีให้พร้อมกับทำการ์ดเขียนภาษาญี่ปุ่น(ความจริงเราเขียนไม่เป็นหรอก เพื่อนห้องญี่ปุ่นสอนมาน่ะ) พอตอนพักเที่ยงเราก็เอาของไปให้ที่ห้องพี่เขา พอพี่เขาเห็นหน้าเราเท่านั้นแหละ พี่เขาก็เบือนหน้าหนีแล้วก็พยายามจะหุบยิ้ม(แต่เราเห็นว่าหุบไม่มิด55555 > <) พอเราเดินไปใกล้ๆ พี่เขาก็หันหน้ามามองเราแล้วก็ยิ้ม เราเองก็งงสิคะ คนที่ไม่เคยคิดจะยิ้มให้เราสักครั้งแต่ตอนนี้กลับมายิ้มให้ เราก็เลยบอกว่าแฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ พี่เขาอ่านการ์ดที่เราเขียนให้แล้วก็ตอบกลับมาว่าของคุณเป็นภาษาญี่ปุ่นเราเองก็ทำหน้างง พี่เขาก็เลยบอกเราว่าขอบคุณนะ ตอนนี้พี่เขาก็จบและไปเรียนมหาลัยแล้วล่ะค่ะ ก็ยังถามพี่เค้าเสมอว่ายังจำเราได้อยู่มั้ยคนที่ชอบเอาโออิชิรสคั้งเดิมไปให้อยู่บ่อยๆ

0
แพรวา 14 มี.ค. 56 เวลา 20:30 น. 13

ของเราเกิดขึ้นประมาณสองปีก่อนได้ค่ะ เรื่องยาวหน่อยนะคะ แต่เราประทับใจจริงๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์ตอนไปแลกเปลี่ยนเมื่อสองปีก่อนค่ะ

เรามีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นค่ะ ในคลาสจะมีอยู่หกคน (รวมเราแล้ว) มีเราซึ่งมาจากไทยคนเดียว เอเชียคนเดียวด้วย ที่เหลือก็เป็นฝรั่งโซนยุโรปหมดเลย และเราเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง เพื่อนๆ ที่เหลือเขาสนิทกันอย่างรวดเร็ว แถมเรายังโดนเพื่อนจากเมกาเหยียดสีผิวอีก เราก็เลยเศร้าๆ เงียบๆ ไปเลย ยังดีที่พวกเราไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่ก็เครียดๆ แหละเพราะผ่านไปเกือบๆ สองอาทิตย์แล้วก็ยังไม่สนิทกับใครเลย

อ้อ! นอกจากสาวเมกันกับสาวอิตาลีแล้ว ก็มีหนุ่มเยอรมัน หนุ่มสเปน หนุ่มฝรั่งเศส เราก็พยายามเริ่มบทสนทนากับสาวอิตาลีก่อนเลย เพราะเขาก็ผิวสีเหมือนกัน ก็สามารถคุยกันได้แต่ยังไม่สนิทอ้ะ T T จนอยู่ๆ วันหนึ่งระหว่างนั่งกินข้าว เราก็บ่นเป็นภาษาไทยเบาๆ ประมาณว่า "เบื่อจัง ฉันทำอะไรผิด ทำไมพวกนายถึงไม่คุยกับเรา" และก็มีเพื่อนในโต๊ะคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมามอง แต่ไม่พูดอะไร เราก็เลยเผลอพูดอีกเบาๆ (อารมณ์พูดคนเดียวอ่ะ) "เฮ้ย! ฟังออกด้วยเหรอ" แล้วก็ไม่สนใจ

จนหลังจากกินข้าวนั่นแหละ พวกนั้นก็เดินออกมาจากโรงอาหาร เราก็เดินรั้งๆ ท้ายเหมือนทุกทีนั่นแหละ แต่คราวนี้มันไม่เหมือนเดิม! นายฝรั่งจากเยอรมันมันมาเดินคู่กับเรา แล้วกระซิบเป็นภาษาไทยเหน่อๆ ว่า "ฉันฟังออกนะ" เราก็แบบหน้าเหวออ่ะ เกือบหลุดคำหยาบแล้ว นายนั่นก็ขำแล้วก็ดีดแก้มเราเบาๆ เราก็เขินอ่ะแหละ เลยเดินเร็วขึ้น ตอนหลังพึ่งมานึกได้ เราตั้งใจว่าจะถามนายนั่นว่ารู้ภาษาไทยได้ไง แต่ก็ลืมเพราะโดนดีดแก้มอ่ะแหละ

หลังจากวันนั้น เหมือนความสัมพันธ์ในกลุ่มของเราจะดีขึ้น ด้วยเหตุการณ์บางอย่างซึ่งทำให้เราได้ช่วยเหลือแม่สาวเมกันคนนั้น ทำให้เธอยอมญาติดีกับเรา ทุกอย่างเหมือนโลกสดใสขึ้นอะไรๆ ก็ดีไปหมด เรามีความสุขกับการแลกเปลียนมาก ไปกิน ไปเที่ยว ไปไหนกับเหมือนๆ ญี่ปุ่นและฝรั่งตลอด ตอนนั้นเรารู้สึกว่าแค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว เพราะการมาญี่ปุ่นครั้งนี้เราได้เพื่อนใหม่ ได้ภาษาใหม่ และได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ด้วย

จนผ่านไปประมาณกรกฏาเป็นช่วงเทศกาลทานาบานะ โรงเรียนเรามีจัดนิทรรศการให้กับพวกเรานักเรียนต่างชาติ เราจึงมีโอกาสได้ใส่ชุดยูกาตะด้วยค่ะ พวกเราหกคนก็เลยตกลงว่าจะใส่ชุดมากัน เราจึงได้โอกาสใส่ชุดที่แม่โฮสให้มาเป็นของขวัญออกไปเที่ยวงานกับพวกนั้น และนายเยอรมันหลังจากวันนั้นที่เขาขำเราที่โต๊ะอาหาร นี่ก็เป็นครั้งแรกหลังจากที่เราได้คุยกันจริงๆ จังๆ อยู่ๆ เขาก็เดินมาเดินข้างๆ เราแล้วก็ชมเป็นภาษาไทยว่าสวย เรางงเลยอ่ะ ก็เลยถามไปด้วยความสงสัยสุดๆ ว่าทำไมถึงรู้ภาษาไทย เขาก็เลยบอกว่าเคยมีโอกาสมาซัมเมอร์ที่ไทยครึ่งปี เราก็เลยอ้อไป

จนกระทั่งจบงาน เราถึงพี่งรู้ตัวว่า... อาเร๊ะ นี่ชั้นกับเขาเดินเที่ยวงานด้วยกันสองคนเหรอ????

จากวันนั้นเหมือนจะเป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ของเราก้าวกระโดดเร็วมาก จากที่เราจะสนิทกับสาวอิตาลี ก็กลายเป็นหมอนี่แหละที่ชอบเข้ามามีส่วนร่วมกับสิ่งที่เราทำทุกอย่างเลย กลายเป็นส่วนหนึ่งไปเลยค่ะ วันไหนหมอนั่นไม่เข้ามายุ่งกับเรา เรานี้เหงาไปเลย เขาเป็นคนที่คอยสร้างเสียงหัวเราะให้เรา ให้กำลังใจเรา แบบเวลาเราตอบคำถามของเซนเซไม่ได้ ก็ได้เขานี่แหละ และอาจเป็นเพราะเราอ่านนิยายมากก็ได้ เราจึงคิดมาตลอดว่าเราน่ะเริ่มชอบเขาแล้ว

แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะคิดอะไรกับเราหรือเปล่า ตอนนั้นก็คิดแค่ว่าจริงๆ แล้วก็อาจจะคิดกับเราแค่เพื่อนก็ได้ เราจึงไม่ทำอะไรต่อ นอกจากปล่อยให้เราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ก็ตอนนั้นก็เราก็คิดแค่ว่าแค่นั้นก็มีความสุขแล้วอ่ะ เวลาที่ญี่ปุ่นก็เหลือน้อยลงทุกๆ เราก็รู้สึกใจหายอ่ะ เพราะตอนนั้นเหลือเวลาอีกเดือนเดียวก่อนต้องกลับไทยล่ะมั้ง

จนเหลืออีกแค่สองวันสุดท้ายในโรงเรียน ก่อนที่เราจะต้องไปขึ้นรถไฟ ไปที่โตเกียวเพื่อรวมพล เราได้โน้ตภาษาอังกฤษฉบับหนึ่งว่า "ให้ไปเจอกันที่ตรงบันไดที่ชั้นหนึ่งหน้าตึกเรียนหน่อย" เราก็ตื่นเต้นเลย ตอนนั้นก็คิดเลยว่าของนายเยอรมันชัว! รีบวิ่งลงไปเลยอ่ะ คิดไปสารพัดเลยว่าเขาจะสารภาพรักเราเหรอ ขอคบเป็นแฟน ฯลฯ พอลงไปถึงเท่านั้นแหละ...

ไม่ใช่เยอรมัน แต่เป็นสาวเมกัน!!! เรานี้หน้าแบบ O_O อะไร? จะเรียกเรามาตบส่งท้ายหรือไง เริ่มกลัวล่ะ แล้วจู่ๆ หล่อนก็พุ่งเข้ามาแล้วก็กอดเรา แล้วก็ลวนลามเรา เช่นลูบตัวเรา จับหน้าอกเรา (-///- เขินจังงง) เราก็ทำอะไรไม่ถูกใจ ไม่กล้าผลักคือทั้งกลัวทั้งทำอะไรไม่ถูกอ่ะ อารมณ์มันแบบ "นี่ชั้นมีเสน่ห์กับผู้หญิงหรอกเหรอ? โดนผู้หญิงสารภาพรัก? อ๊ากกกก ชีวิตช้านนน" ประมาณนั้นอ่ะ แล้วเธอก็บอกว่าชอบเรานะ ไม่รู้ว่าตอนนั้นหน้าเป็นยังไงอ่ะแต่ก็คงช็อกสุดๆ อ่ะจำได้เลยว่าหล่อนพยายามจุ๊บปากเราด้วยอ่ะ แต่ดีที่เราหลบออกมาก่อน

เราวิ่งออกมาก็เจอเพื่อนๆ คนอื่นๆ ยืนแบบหน้ายิ้มๆ ให้อ่ะ เราก็เข้าใจเลยว่าพวกนี้ต้องเตี๊ยมกันมาแล้วแน่ๆ เลยวิ่งผ่านไปหยุดที่ห้องน้ำหญิงชั้นสองอ่ะ นั่งนิ่งๆ สักพักแบบยังอึนกับเหตุการณ์อยู่ สิ่งที่เราคิดอันดับแรกก็คือ... ฉันควรจะบอกพ่อกับแม่ดีมั้ยวะเนี่ย =_= นั่งไปสักพักก็รู้สึกว่าประตูมันขยับ แล้วคนที่เข้ามาก็นายเยอรมันนั่นแหละค่ะ! เราก็บอกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่านี่มันห้องน้ำหญิงนะ เขาก็บอกว่ารู้แล้ว แปะป้ายไว้หน้าห้องน้ำด้วยว่าห้องน้ำชำรุด ห้ามเข้า จะได้ไม่มีคนมากวน (เราไม่เชื่อเลยวิ่งออกไปดู เฮ้ย! มันทำจริงเว้ย ก่อนจะกลับมานั่งต่อ 555)

แล้วอยู่ๆ เขาก็พูดมาว่ามีอะไรก็ระบายได้นะ คิดว่าเขาเป็นโถส้วมก็ได้ ฮ่าๆๆ เราขำเลยอ่ะ คิดอยู่แหละว่าเขาคงอยากจะปลอบใจเรา แต่แหม... ความโรมานซ์หายไปทันทีอ่ะ เราก็เลยเล่าไปว่ายัยเมกันนั่นอ่ะมาสารภาพ แล้วก็บลาๆๆ ตามที่หล่อนได้ทำไว้อ่ะ ระหว่างเล่าเราก็คอยสังเกตหน้าเขานะ ซึ่งก็นิ่งมาก ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย ก็เลยคิดว่าเขาคงไม่ได้คิดอะไรกับเราหรอกมั้ง แล้วจู่ๆ มันก็ทำเราช็อกโดยการบอกให้เรายืนขึ้น (ตอนนี้เรานั่งกันอยู่ที่อ่างล้างหน้าติดกระจก) พอเรายืน มันก็ชะโงกหน้าขึ้นมาจุ๊บแก้มเรา (ดีนะ ถ้าทำที่ปากเจอไนกี้ฟาดหน้าแถมฝ่ามืออีกสองทีแน่ๆ)

สาบานได้ว่าช็อกสุดๆ ค้างไปเกือบห้าวิได้ก่อนจะร้องเฮ้ย! แบบอะไร... แล้วก็รีบบอกไปเลยทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ที่ไทยถือ มันไม่เหมาะ ก็สาธายายไปอ่ะ แล้วก็ปิดท้ายประมาณว่า "คราวหลังอ่ะ ถ้าจะปลอบใจ ไม่ต้องทำอย่างนี้ก็ได้นะ พาเราไปเลี้ยงไอติมก็พอ" แล้วนายนั่นก็ค้านแบบ ไม่ได้ปลอบใจ แต่ตั้งใจจะทำ แล้วก็โดดลงมาจากอ่างแล้วคุกเข่าตรงหน้าเรา พร้อมกับบอกว่า...

"Will you marry me"

เราก็ฮะ!!!! ว่าไงนะ บ้าเหรอ... ตอนนั้นความคิดตีก่อนวุ่นไปหมดเลย แบบว่าอ๊าก เอาจริงดิ บลาๆๆๆ ก่อนที่เราจะตอบอะไรเขาก็ขำแบบก๊ากเลยอ่ะ แล้วบอกว่า just kidding แล้วก็บอกยื่นกระดาษที่มีรูปภาพสามอย่าง แน้ๆๆ เดากันได้แล้วล่ะสิ ค่ะ... รูปปากกา ปืน และก็พัดลม ตอนนี้ก็เขินอ้ะะ รู้สึกว่าหน้ามันร้อนๆ (กลัวมากว่าเลือดกำเดาจะไหล เพราะจำได้ว่าเลือดกำเดาไหลได้เพราะเส้นเลือดฝอยแตก ก็ไม่รู้หรอกว่าเกี่ยวอะไร แต่กลัวอ่ะ555) รอบนี้เราไม่ค้างแล้วค่ะ เพราะค้างมาบ่อยเกินล่ะ ถามกลับเรามา seriously เขาก็บอกว่า "ไม่... ซีเรียสได้ไงอ่ะ"

แล้วเขาก็ชูกระดาษที่มีคำว่า yes or no (ตอนนั้นเรานึกถึงหนังเลสเบียนอ่ะ 555) เราไม่ตอบ แต่ยื่นมือไปหยิบแผ่น no แล้วมองหน้าเขานิ่ง รู้เลยว่าหน้าเขาเปลี่ยนเลยอ่ะ แบบเศร้าๆ อ่ะ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรเราก็เลยฉีกแผ่นกระดาษ no ทิ้ง แล้วตอบ yes เขาก็เข้ากอดเราเลย เราก็ตีเขาแล้วบอกว่าไม่ได้ ที่ประเทศไทยถือเรื่องนี้ จากนั้นเราก็ออกมาจากห้องน้ำ ก็เจอเพื่อนๆ ที่เหลือยืนยิ้มๆ อยู่พร้อมกับ.... แผ่นกระดาษเป็นภาษาไทยเขียนว่า "นิรันดร" ลายมือห่วยมากกกกกก ถึงอย่างนั้นน้ำตาเราก็ไหลอ่ะ แบบปลื้มมมม T_T ไม่ต้องสงสัยพวกนี้แหละเขียนกัน

จบแฮปปี้เอนดิ้งค่ะ!!!!




ซะที่ไหนล่ะคะ...


ฉันได้มารู้ที่หลังว่านายเยอรมันที่รักของฉันน่ะชั่วร้ายแค่ไหน แบบเขามาสารภาพพร้อมเค้กสองปอนด์ (ซึ่งเขาบอกว่าเตรียมไว้ตั้งแต่เช้าแล้วอ่ะ) ว่าทุกอย่างเป็นแผนของเขาหมด...

อย่างแรกเลยเรื่องเหยียดสีผิวและเรื่องที่ไม่มีใครสนิทกับเรา... เขาขอร้องให้เพื่อนๆ ไม่ให้สนิทกับเรา (ฟังครั้งแรกโกรธอ่ะจนประโยคต่อมา) เพราะเขาอยากเป็นเพื่อนคนแกรของเรา (อ๊ากกกก ฟิน)

อย่างที่สอง... เรื่องที่เมกันมาสารภาพรัก ก็เป็นแผนของเขา (เราร้องเฮ็ยเลยแหละ ตกใจแบบ เมิงเล่นพิเรนทร์อะไรของเมิง) เขาบอกว่าจริงๆ แล้วเขาตั้งใจจะทำเป็นเข้ามาเห็นฉากนั้นแล้ว ก็ทำแบบในหนัง (ยังไงวะ ฉันงงตามไม่ทัน) แต่เพราะเราผิดคิดว หนีออกมาก่อน เขาเลยต้องตามไปสารภาพรักในห้องน้ำแทน...... อาเมน

อย่างที่สาม... เขาบอกว่าเขาแอบชอบเราตั้งแต่วันแรก (ฟินนนนน) ที่เห็นเราบ่นเป็นภาษาไทยคนเดียว อันนี้ฮาอ่ะนะ ชอบเพราะฉันบ้าเรอะะะ  เราเลยสวยกลับไปว่าชอบเราเพราะอย่างนี้เหรอ แน่ใจแล้วเหรอว่าชอบที่เราเป็นอย่างนี้ เราทั้งบ้า เซ่อ โง่ นิสัยเด็กๆ ไม่มีอะไรดีเลยนะ แล้วเขาก็บอกกลับมาว่าไม่ต้องเชื่อเขา ไม่ต้องเป็นผู้ใหญ่ ไม่ต้องเป็นคนดี แค่เป็นแบบนี้ก็พอ เพราะถ้าเราดีไปหมด แล้วเขาจะเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มได้ยังไง (ภาษาอังกฤษนะจ๊ะ ฟังไม่ออกหมดหรอก ไปถามเขาทีหลัง 555+) เราก็แบบกริ๊ดอ่ะ ยอมหน้าด้านเข้ากอดเขาเลยอ่ะ ปากก็บอกว่าขอบคุณๆๆๆๆๆ (มารู้ทีหลังอีกแล้วว่า เขาเอามาจากหนังเรื่องหนึ่ง (เราก็อ่านะ) ก็ว่าแล้วว่าอย่างมันนี่จะคิดอะไรหวานๆ แบบนี้ด้วยเหรอ)

สุดท้ายแล้วงานเลี้ยงก็ต้องมีเลิกรา วันสุดท้ายของโครงการ เราร้องไห้เลยอ่ะ ตอนก่อนขึ้นเครื่องที่สนามบิน กอดเพื่อนๆ ทุกคนแล้วร้องไห้เลย ทุกคนก็ปลอบใหญ่เลย แล้ววก็หลีกทางไปให้เรากับเขาได้คุยกัน เขาก็ปลอบว่ายังแชทกันได้นะ จะมาไทยบ่อยๆ ให้เราไปหาเขาบ้าง บลาๆๆ ก่อนเรียกขึ้นเครื่อง เราก็เลยหอมแก้มเขา (ไม่ควรเอาอย่างนะคะ) แอบเห็นว่าเขาน้ำตาไหลเลยล่ะ พวกเราโบกมือให้กัน แล้วก็จากกันด้วยน้ำตา

แรกๆ ที่กลับมาไทย เราเศร้าเลยอ่ะ อ้อ เราบอกพ่อแม่นะ รายงานทุกอย่าง บอกไปว่าคบกับนายฝรั่งนี่นะ หอมกันจุ๊บกัน บลาๆๆ เล่าหมดอ่ะ แล้วก็ขอโทษพ่อกับแม่ด้วยที่ทำอะไรน่าเกลียด พวกท่านก็ไม่ได้ว่าหรือด่าอะไรเรา พวกท่านแค่เตือนและสอนเท่านั้นเอง (ฮือๆ ข้าน้อยขอคารวะพวกท่านทั้งสอง) 

สุดท้ายนี้!!!!!!! พวกคุณเชื่อมั้ยคะว่า พวกเรายังติดต่อกันอยู่เลยค่ะ ยังคบกัน และทุกอย่างยังเหมือนเดิม รู้มั้ยคะว่าเราไม่ได้คิดเลยว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นจะกลายเป็นความรักขึ้นมาจริงๆ เพราะอย่างที่เราบอกไป เราไม่ใช่ผู้หญิงที่เพอร์เฟคและดีไปทุกอย่าง ก็ไม่คิดว่าเขาจะยอมรับเราได้อ่ะนะ เมื่อปลายปีที่แล้วเอง (ปี 55) เขามาประเทศไทยพร้อมกับพ่อแม่ของเขา แล้วมาขอหมั้นเรา O_O ได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ มาขอหมั้นเรา อยากจะบอกนายเหลือเกินว่า "ชั้นพึ่งอายุ ยี่สิบกว่าๆ เองนะโว่ยยยยย" (แต่ก็รับหมั้นอ้ะ) เราวางแผนจะแต่งงานกันหลังเรียนจบหนึ่งปีค่ะ

เรื่องราวของเรานั้นอาจจะไม่น่าประทับใจมากนัก แต่สำหรับเรามันเป็นสิ่งที่มีค่าจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรได้หมดเลยค่ะ ก็ขอขอบคุณนะคะที่ท่านมาจนถึงบรรทัดนี้

0
นางสาวสุวรรณ (บู่บู้) 14 มี.ค. 56 เวลา 20:56 น. 14

อ๊ากกกกกก คุณแพรวา @ คห.13 

นี่มันนิยายชัดๆ กรี๊ดดดดดดดดดดดด ดีใจด้วยค่าาาา มาแจกการ์ดที่บ้านเราด้วยนะ เราจะไปยินดีด้วย กรี๊ดดดดด
ลงชืื่อค่ะลงชื่อ 


PS.  ดีมา... ดีกลับ แรงมา...แรงกลับ กวนมา...กวนกลับ นะคะ
0
Min 14 มี.ค. 56 เวลา 22:03 น. 16

คห.13 ทำไมเรื่องราวของเธอมันน่ารักอย่างนี้ >< อ่านแล้วเขินแทนนน

0
kolid 14 มี.ค. 56 เวลา 22:15 น. 17

อ๊ากกกกกก น่ารักง่ะ อ่านแต่เรื่องฟิน....เราเจอแต่ฝรั่งด่า สติวปิด 555+

0