Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เกย์โบราณ มีมานานแล้ว!? (ถ้าซ้ำ ขออภัย)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

อะแฮ่ม ผมชื่อColour Trapครับ วันหนึ่งผมเกิดคิดว่า เกย์มันมีมาตั้งแต่เมื่อไร เมื่อพูดคำว่า เมื่อไร ออกมา ผมชอบนึกถึงประเทศจีนที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่ ผมลองไปหาตามเว็บต่างๆ ไม่เจอ พอมาอ่านคู่สร้างคู่สม เจอว่ะ คำเดียวจอด (ไม่มีภาพประกอบน่ะครับ หายาก)

ชายรักชาย
ในประวัติศาสตร์จีน!?

ประเทศจีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ชาติที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่และยาวนานมากครับ นับเป็น “อู่อารยธรรม” ของโลก ที่เผยแพร่ความเจริญิไปในที่ต่างๆ ทั้งเข็มทิศ กระดาษ อานม้า ผ้าไหม สารพัดนับไม่หวาดไม่ไหว เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คิดขึ้นโดยมันสมองของชนชาติมังกร
นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นภูมิปัญญาของชาวจีนที่สืบทอดต่อกันมา นั้นคือวัฒนธรรมประเพณีจีนที่บางทีกลมกลืนเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นจนดูเหมือนของดั้งเดิมของชาตินั้น เทศกาล “ตรุษจีน” นั้นเอง
ในบ้านเรา ตรุษจีนของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนนั้นประกอบด้วยหลายสิ่งที่ดัดแปลงมาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแบบไทยๆเป็นต้นว่า ขนมเทียนไส้เค็มไส้หวานอย่างบ้านเรานี้ ที่เมืองจีนไม่มีน่ะครับ (เท่าที่รู้มา)
พอเขาเห็นคนไทยมีขนมใส่ไส้เลย เกิดชอบขึ้นมาจึงเอาไปดัดแปลงประดิษฐ์เป็นขนมเทียนบ้าง เรื่องคิดค้นสิ่งใหม่นี้ คนจีนถนัดมาก พวกเขาฉลาด และเรื่องบริโภคประดิษฐกรรมแสนอร่อยนั้น ผมถนัดมาก 555+
พล่ามมาตั้งนาน ในจีนยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ถูกพบอยู่ในประวัติศาสตร์จีนเป็นที่แรกๆ แต่ว่ามันถูกปกปิดไว้ในฐานที่เป็นเรื่อง”ต้องห้าม” แต่รู้กันทั่วหล้าในจีน อยู่ในพงศาวดารกระซิบ...นั้นคือ

“รักร่วมเพศ หรือชายรักชาย”

(ในสมัยนั้นเขายังไม่มีหญิงรักหญิงน่ะครับ)เชื่อกันว่าส่วนที่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการที่สุดมากจาก “ราชสำนักจีน” เมื่อคุณทั้งหลายลองดูไปจะไม่น่าแปลกใจนัก เพราะหลักการปกครองแบบ “โอรสสวรรค์” ของจีนก็คือ “เอกบุรุษ” หนึ่งเดียวที่ได้รับประกาศิตสวรรค์มาให้ปกครองคนเป็นล้าน และชายผู้เป็นหนึ่งนี้ก็เป็นผู้มี “ความเป็นบุรุษ” แต่เพียงคนเดียวในฐานชั้นในที่มีคนอาศัยอยู่นับพันคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอิตถีเพศ(เพศหญิง) และอีกส่วนหนึ่งนั้น “เคยเป็นบุรุษ” มาก่อน

นั้นก็คือ “ขันที” ครับ

(ชายที่ถูกตอน)

เมื่อสภาพแวดล้อมขององค์ฮ่องเต้ในจีน มันมีแต่ “หญิงแท้”  กับ “ชายเทียม” แบบนี้ ในบางจังหวะแห่งเวลาที่มีฮ่องเต้ทรงพระเยาว์บวกกับไทเฮาก็ยังเด็กอยู่ ผู้ที่แลดูเป็นผู้ใหญ่ มีประสบการณ์ก็มีแต่ขุนนางกับขันทีชั้นผู้ใหญ่ที่เข้านอกออกในกันได้สบายๆ
บางครั้งเลย เกิดสะดุดรักกันขึ้นมาเลยครับ
ในเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์พาคนยุคปัจจุบันไปสู่เรื่องน่าแปลกใจ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรทั้งนั้นก็คือเรื่อง “ชายรักชาย”
ที่ว่าเรื่องนี้มันไม่ใหม่น่ะ ก็เพราะมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์มาร่วม 5,000กว่าปีแล้วโว้ย!? ตั้งแต่สมัยปฐมบทจักพรรดิของจีนมีนามว่า “จักพรรดิเหลือง”
มีการกล่าวถึงความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งชวนหื่นขึ้น ระหว่างบุรุษผู้เป็นใหญ่กับ “เด็กชาย”
แม้ในสนามรบที่แสนกดดันเคร่งเครียด บรรดา “แม่ทัพนายนกอง” ยังมีเรื่องของการคลายเครียดโดยใช้บริการจากเด็กชายในกองทัพด้วย (ก็ในกองทัพมันไม่มีผู้หญิงนิ)
แค่นี้ยังไม่ตกใจ ที่ตกใจกว่า คือ มันมีมาตั้งนาน ก่อนสงคราม “สามก๊ก” ซะอีก
เมื่อมองๆดูแล้วอาจจะมีแต่ “กลุ่มชนชั้นสูง” อย่าง ฮ่องเต้ ขุนนาง นายทหาร ในความเป็นจริงแล้วคนทั่วไปก็คงแอบๆมีอยู่น่ะ แต่ไม่ได้ออกมาสู่แสงสปอตไลต์กลางเวทีแบบปัจจุบัน
มีคำพูดที่คล้ายกับคำแสลงคำหนึ่งในภาษาจีนใช้เรียก “เกย์” ในยุคจีนโบราณว่า พวกตัดชายเสื้อ (Sleeve-Slicing affect-tion) หรือจะเรียกในปัจจุบัน ประมาณว่า “คู่จิ้นตัดชายเสื้อ” (มันต่างกันเหรอ!?)
เรื่องนี้มีที่มาจาก ฮ่องเต้ไอ่ (Emperor Ai) มีชายหนุ่มผู้หนึ่งสนิทใกล้ชิดกับองค์ฮ่องเต้มาก นามว่า ต่งเสียง (Dong Xian) เดิมทีเขาเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยอยู่ไกลสายพระเนตร แต่วันหนึ่งด้วยชะตานำพาให้ฮ่องเต้เกิดประสบพบเนตรนายต่งเข้าแล้วต้องพระทัย จากนั้นในประวัติศาสตร์ก็กล่าวว่า จากข้าราชกาลชั้นเล็กจ้อยไม่ค่อยมีเสียง จู่ๆ นายเสียงก็กลายเป็น "บิ๊กเสียง" คนเสียงใหญ่เปี่ยมด้วยอิทธิพล

ด้วยการอยู่ข้างพระกายฮ่องเต้เสมอนั้นเอง

ท่านบิ๊กเสียงนี้เปรียบได้กับ "เงา" ของฮ่องเต้ครับ (เงาเลยเหรอ?) ไม่ว่าจะเสด็จไปไหนต้องมีนายเสียงใหญ่นี้ไปด้วยเสมอ (ทุกที่?) จนวันหนึ่งฮ่องเต้ไอ่ประทับนั่งอยู่แล้วนายเสียงซึ่งเฝ้าแหนใกล้ชิดพระพาหา(แขน) เกิดหลับแบบสบายอกสบายใจไป
นายเสียงคงเป็นคนที่นุ่มนวลและเชื่อว่าไม่กรนเพราะฮ่องเต้จะรู้พระองค์หันมาเห็นเข้าว่านายเสียงพระสหายรักหลับฝันหวานทับชายแขนฉลองพระองค์อยู่
พระองค์ทรงมองอย่างเมตตา ทว่าขณะนั้นเชื่อว่าฮ่องเต้จะทรงเมื่อยเต็มแก่ แต่ครั้นจะลุกก็ทรงเกรงใจนายเสียง ฮ่องเต้จึงทรงคว้าพระขรรค์มาจากที่ใกล้ๆ แล้วตัดชายแขนเสื้อของพระองค์ออกเสีย ก่อนที่จะลุกไปอย่างเงียบๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องรบกวนนิทารมณ์ของนายเสียง
เรื่องนี้เป็นที่มาของคำเรียกเกย์จีนยุคโบราณว่า "พวกตัดชายเสื้อ" ครับ

อ้างอิง : คู่สร้างคู่สม ปีที่ 34 ฉบับที่ 783


PS.  ผมชอบอ่านนิยายทุกสายเลยล่ะครับ ฝากอ่านนิยายของผมด้วยน่ะ^_^

แสดงความคิดเห็น

>

17 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีเนื้อหาไม่เหมาะสม

Caesar-darksouL 17 มี.ค. 56 เวลา 14:48 น. 2
ฮ่องเต้ นายเสียง
จิ้นโฮกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!


PS.  วิชาการต่อสู้แบบใหม่ รำเทียน เอาเทียนหยดใส่ตา ฟ้อนเล็บข่วนหน้า ผ้าขาวม้าอุดจมูก
0
Sparkling water 17 มี.ค. 56 เวลา 14:57 น. 3

เอ่อ... ในเทพนิยายกรีกเค้าก็ถือว่าชายรักชายเป็นเรื่องปกติเหมือนกันนะ


PS.  The black rose of sadness.
0
My lovelove 18 มี.ค. 56 เวลา 01:03 น. 7

ความรัก และตัณหาไม่เข้าใครออกใครหร๊อกก 
ไม่แปลกที่สมัยนู้นนน ยังมี-.,-
 
หึหึ ฮ้องเต้ไอ่ x นายต่งเสียง
อนาคตนายอาจจะมีSFเป็นของตัวเอง

(สมัยนั้นฉลองพระองค์จักพรรดิคงแพงมากนะ ฮ้องเต้ถึงกับตัดเพื่อไม่รบกวนนายต่งเสียงเชียวนะ!!!//ฟิน-.,-~!!)

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีเนื้อหาไม่เหมาะสม

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีเนื้อหาไม่เหมาะสม

the_jechi 19 มี.ค. 56 เวลา 20:02 น. 12

โ้อ้โห่ ฮ่องเต้น่ารักอ่ะะ   อ้ากกกกกก  จิ้นๆๆๆ  อยากอ่านแบบว่า ให้ถึงฉากแฮปปี้แอนดิ้ง ไปเลยย


PS.  หวัดดีทุกคน ชาว เด็กดี
0
carmomild 19 มี.ค. 56 เวลา 21:25 น. 13

ความรักมันมหลายรูปแบบนะ มีตั้งแต่โบราณกาลแล้วด้วย เผลอๆ จะมีตั้้งแต่ยุคหินละ


PS.  เฮ้...โลกนี้ยังมีสิ่งสวยงามอีกมากมายให้คอยค้นหา แค่ก้าวเดินมาและสนุกไปกับมัน
0
ฟินมวั่กๆ 7 ก.ค. 57 เวลา 22:57 น. 16
เยี่ยมฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
0