Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากบอกถึงสาว ๆ ที่ "ไม่ซิง"

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เนื่องจากเจ้าของกระทู้ ได้ไปอ่านกระทู้หลาย ๆ กระทู้ แล้วรู้สึกว่า ทุกคนจะกังวลมาก กับเรื่องของการ ซิง และ ไม่ซิง

เราก็เลยอยากจะบอก (ที่ิจริงก็อปมาจากคอมเมนท์หนึ่งของตัวเอง ที่ได้โพสต์ไว้ในกระทู้นั้น แต่จะปรับแต่งให้ละเอียดและเข้าใจง่ายขึ้นนะคะ)



เราขอเอาประสบการณ์ที่เราได้รับรู้มาจากเพื่อน ๆ ของเรา ที่้เป็นสังคมรอบตัวของเรามาบอกก็แล้วกัน

เพื่อน ๆ เราแต่ละคน หรือเกือบทุกคนในโรงเรียนอ่ะ ล้วนแต่มีแฟนกันหมด
แม้แต่คนที่แบบ ไขมันหนาสามชั้น ก็ยังมีแฟน
(แต่ทำไมกูอ้วนแล้วไม่มี T^T)

มันโรงเรียนสายอาชีพ ฮอตน่ะ 5555555555 เปล่าหรอก คือเด็กจะไม่แก่เรียนแบบพวกมอปลาย นี่พูดเลย ตอนมอต้นอยู่โรงเรียนที่มีมอปลายด้วย เด็กมอปลายกับเด็กสายอาชีพต่างกันลิบลับ

ทุกคนที่เรียนที่นี่มักจะมีงานมีการที่จะต้องทำ อย่างช่วยงานที่บ้าน หรือว่างจากการเรียนก็ไปทำงานที่นั่นที่นี่
ทุกคนโตมาก คือทำงาน เข้าสังคม ดิ้นรนเอาตัวรอด
เพราะฉะนั้น การมีแฟน เสียซิง นี่เป็นอะไรที่ปกติมาก

"ไม่ใช่ว่าแรด แต่เป็นแฟนกัน ก็เลยมีอะไรกัน ถ้ามันจะต้องเลิก ถ้ามันจะต้องแยกจากกันจริง ๆ ทนคบกันไม่ไหวแล้ว จะให้ทำยังไง ทนต่อไปเพราะมันเป็นคนแรกของเราเหรอ? ไม่ใช่แล้ว"

บางคนนี่ก็คบเล่น ๆ ไปเลยด้วยซ้ำ มันบอก "ตอนนี้ก็คบเล่น ๆ ไปก่อน ทำงานโน่นค่อยหาผู้ชายดี ๆ" คืออุปสงค์ตามอุปทานน่ะ 555555555 มันเล่นมา ก็เล่นกลับ สนองอารมณ์ คลายเหงากันไำป

ที่เล่ามาทั้งหมด ไม่ใช่จะบอกว่า เสียตัวเลย! เอาเลย! 
เปล่า!!!!!!

จะบอกเลยว่า "ซิงหรือไม่ซิงไม่สำคัญไปกว่าจิตใจหรอกค่ะ"
เราเข้าใจว่าสังคมอาจจะไม่เหมือนกัน บางคนก็เลยคิดมาก แล้วก็รู้สึกว่าหลุดพ้นไปจากจุดนี้ไม่ได้
อยากบอกว่า ถึงจะไม่้เห็นด้วย หรืออะไรกับสิ่งที่เราเล่า

แต่เราแค่อยากบอกว่า เพื่อน ๆ เราที่มันผ่านแฟนมาหลายคน พอเรียนจบก็แต่งงาน มีครอบครัวไปหลายคนแล้วค่ะ

ก็ช่วยกันทำงาน หาเลี้ยงครอบครัว หาเลี้ยงพ่อแม่ มีความสุขดีทุกอย่าง

"คือรับกันได้ รู้ว่ามันคืออดีต เป็นสิ่งที่ผ่านมา แก้ไขไม่ได้ สิ่งที่เราทำไปในอดีต ที่ทำลงไปเพราะมันไม่รู้อนาคตไงคะ ถ้ารู้ก็คงไม่ทำ
ถ้าทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเข้าใจกัน ทุกอย่างมันก็จบค่ะ"


ผู้ชายคนไหนที่เขาไม่เข้าใจก็ปล่อยไปเถอะค่ะ
นี่พูดจริง ๆ
ปล่อยไปเลย
ผู้ชายดี ๆ มีเยอะมาก ไม่ได้หายากหาเย็นขนาดนั้น

เพราะถ้าผู้ชายที่เขาจะสร้างครอบครัว เขาไม่มานั่งดูหรอกค่ะ
แค่เห็นว่าเราไม่มั่วก็โอเคแล้ว
ถ้ามันมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องซิงไม่ซิงนี่ขอให้ปล่อยเขาผ่านเลยยยย ผ่านไปเลยยยยย
อย่าไปสนใจเขา

คนเราเดี๋ยวนี้แต่งงานช้า สามสิบโน่น สามห้าโน่น กว่าจะได้แต่งกัน
ถ้าเรียนต่อ ทำงานก่อนอะไรก่อนอ่ะนะ

มันยากแล้ว เีดี๋ยวนี้ที่จะไม่ผ่านใครมาเลย

"ขอให้สนใจเรื่องจิตใจค่ะ ทำตัวเองให้ดี โตเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ รู้ทันคน สู้โลกได้
มีความขยัน ทำงาน หาเงิน หาเลี้ยงครอบครัว ดูแลแฟน เป็นแฟนที่ดี เป็นลูกที่ดี เป็นเมียที่ดี 
แล้วเดี๋ยวก็เจอผู้ชายดี ๆ เอง"


ให้กำลังใจทุกคนค่ะ
ขอให้ต่อสู้กับสิ่งที่ฝังหัวมาให้ได้

"ขอให้เข้าใจว่าชีวิตคุณมีคุณค่ากว่านั้นเยอะเลย
ขอให้เห็นคุณค่าของตัวเองให้มาก ๆ ค่ะ"


สู้ ๆ ค่ะ

(แก้่ไขรอบที่ 1 --> ตัวอักษร+สีค่ะ)



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 2 เมษายน 2556 / 18:33

แสดงความคิดเห็น

>

13 ความคิดเห็น

55555 2 เม.ย. 56 เวลา 18:40 น. 1

แต่เราว่า ถ้ามีค่านิยมรักนวลสงวนตัว ก็ลดปัญหาหลายอย่างเลยนะ&nbsp แต่อย่าเอามาเป็นปมด้อยตัวเองไง ถ้าเสียไปแล้ว อะไรอย่างนี้

0
sdasas 2 เม.ย. 56 เวลา 19:15 น. 2

อยากให้มองว่า การรักนวลสงวนตัว มันดีอยู่อย่างคือ มันไม่ก่อปัญหาพวกนี้ไง
พวกปัญหาที่แฟนไม่ยอมรับอดีต พวกปัญหาท้องในวัยเรียน 
และอีกอย่างที่สำคัญปัญหาด้านสุขภาพ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอดส์ 
โรคเหล่านี้ถ้าเป็นขึ้นมา คนที่ติดเชื้อและครอบครัวย่้อมได้รับความอับอายนะ
แล้วอย่างเอดส์อ่ะ รักษาไม่หายนะคะ

ไม่รู้สิ เราไม่ได้เป็นเต่าพันปีนะ แต่เพียงแค่ เรื่องบางเรื่องถ้าไม่มั่นใจจริงๆ
อย่าเอาสิ่งที่มีค่าในชีวิตไปเสี่ยงด้วยเลยจะดีกว่า ถ้าคือเป็นแค่แฟนอ่ะ 
อนาคตก็ไม่มีใครรู้ว่้าเขาจะโอเคกับเราตลอดไปมั๊ย อย่างน้อยๆคนเราแม้ไม่รู้อนาคต
แต่มันก็ต้องคิดให้ยาวๆ เผื่อใจไว้ว่าถ้าวันหนึ่งเขาทิ้งเรา เราจะทำยังไง
หรือว่าถ้าท้องขึ้นมาจะทำยังไง บางคนต้องหยุดเรียนเพราะท้อง พ่อแม่ก็เสียใจ 
เราจะไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวทำไม ถ้าเกิดมีตัวอย่างมากมายในสังคมให้เห็นเป็นอุทาหรณ์ 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจาดการกระทำของเรา ตัวเราอาจจะรับได้กับกระแสสังคม
แต่เราเคยมองกลับมาที่พ่อแม่หรือคนในครอบครัวบ้างมั๊ย ว่าท่านเป็นยังไง รู้สึกอย่างไร
สุดท้ายแม้ท่านจะบอกคุณว่าให้อภัย แต่ลึกๆในใจท่านย่อมเสียใจและเจ็บปวด

ทำไมกับแฟน เราให้ความสุขเขาได้ถึงขนาดยอมมีเพศสัมพันธ์
แต่ทำไมกับพ่อแม่ เราต้องทำให้ท่านเสียใจเพราะเราชิงสุกก่อนห่าม 

การรักนวลสงวนตัว ไม่ต้องกลัวนะว่าจะขึ้นคาน ยังไงก็ได้แต่งค่ะ 
หรือถ้าไม่ได้แต่ง ชีวิตก็ยังมีความสุขได้ เพราะอย่างน้อยๆก็มีเพื่อน มีญาติพี่น้องที่ยังอยู่กับเรา
สิ่งเหล่านี้ ถ้ามันไม่ดีจริง พ่อแม่ปู่ย่าเขาจะเอาสอนลูกหลานทำไมล่ะ 

0
tamtam 2 เม.ย. 56 เวลา 20:44 น. 4

เป็นข้อความที่ให้กำลังใจคนไร้แฟนสุดๆ ยกนิ้วให้ มีกำลังใจขึ้นมาเลย ขอบคุณค่ะ

0
Marisa_Liza 2 เม.ย. 56 เวลา 21:01 น. 5

ซิงไม่ซิงไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเรารู้ตัวเองดีแล้วใช่มั้ย ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แล้วก็คิดให้ดี ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไป มันส่งผลต่ออนาคตของเราในทางไหน 

คิดให้ดีก่อนจะทำนะจ๊ะ

PS.  ฉันเป็นคนที่พูดทุกคำที่คิด แต่ฉันไม่ได้คิดทุกคำที่พูด... ฉันไม่กังวลอะไรกับมันมากนักหรอก ...เพราะเสียงของฉัน ไม่เคยมีใครได้ยินอยู่แล้วนี่
0
ass 2 เม.ย. 56 เวลา 21:40 น. 6

มันเป็นเรื่องวัฒนธรรมของสังคมไทย เราอยู่นอกมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครมานั้งคิดเรื่องพวกนี้กันแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรไม่ได้แปลว่าเรายอมผู้ชายง่ายๆ แต่สังคมที่นี่มองว่าเรื่องเซ็กส์เป็นความสุขอย่างหนึง หรือผญไม่มีความต้องการ? คนทุกคนมีความต้องการ เราเจอผู้ชายหล่อเห็นดาราหล่อๆ เราอยากเจอ อยากกอด อยากแตะ อยากสัมผัส คนที่นี่เมื่อมีความต้องการ ก็สนองความต้องการเพื่อหาความสุขให้ตัวเอง เลิกก็เลิกไม่เห็นเป็นไร หาใหม่ ไม่มีใครมานั้งถือเรื่องพวกนี้ เจอคนที่ใช่จริงๆก็แต่งงานมีครอบครัวอบอุ่นปกติ

มันเป็นความแตกต่างของสัมคม ไม่มีใครผิดใครถูก แต่ก็ไม่ควรเอาสังคมของตัวเองมาตัดสินคนอื่น คนไทยชอบมองคนไม่ซิงว่าแย่ ทั้งๆที่มันเป็นวัฒนธรรมที่พวกคุณสร้างกันขึ้นมาเอง อย่าเอามาตัดสินคนอื่น จะมองว่าเราแรงก็ได้แต่เราแค่อยากบอกอีกมุมมองหนึงที่คนส่วนใหญ่(ที่ไม่ใช่ที่ไทย)เขารู้สึกกัน

0
- Primrose - 2 เม.ย. 56 เวลา 21:42 น. 7

แนวคิดแบบ จขกท. มันก็โอเคนะ คือถ้าเราเสียมันไปแล้ว โอเค ไม่ต้องไปเสียใจ ทุกอย่างมันเริ่มต้นใหม่ได้ เราไม่ได้จะผิดพลาดไปตลอดชีวิต แต่คนที่ยังไม่ได้พลาดไป ก็ไม่ได้สนับสนุนให้ไปเสีย ไม่จำเป็นจะต้องปล่อยตัว ถึงผู้ชายเดี๋ยวนี้จะไม่ค่อยดี แต่ความจริงแล้วลึกๆการที่ผู้หญิงของเค้าไม่เคยผ่านมือใครมา มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าเกิดท้อง? มีวันนึงไปเจอในเน็ต มีคนพิมถามในเว็บนึงว่า เรายังซิงอยู่คนเดียวในกลุ่ม เครียดมากเลย คนอื่นเค้ามีประสบการณ์กันหมดแล้ว รู้สึกเหมือนเป็นเด็กอ่อนหัด"
อ่านจบแล้วเฟลมาก ... เดี๋ยวนี้สังคมไทยเป็นไปได้ขนาดนี้เลย?

0
อิอิ 2 เม.ย. 56 เวลา 22:54 น. 8

เราเป็นหนึ่งในผู้หญิงอายุน้อยที่ "ไม่ซิง"&nbsp (เรา19)

บอกตรงๆเลยผู้ชายที่จะยอมรับเรามันน้อยมาก น้อยมากจริงๆ

เราว่ามันเป็นค่านิยมมากกว่า คนไทย ส่วนตัวเราไม่ค่อยซีเรียสวัฒนธรรมมากมาย(ยกเว้นเรื่องนี้)

เพราะเราไม่ค่อยรู้อะไรมากเท่าไร เรารับได้หมดผ.ชายจะผ่านใครมาบ้าง

เพราะเราคิดว่ามันเป็นอดีตแค่นั้น

วันนี้เราเจอผ.ชคนหนึ่ง เขาไม่มองเราที่ความ ซิง ไม่ซิง
ของเราเลย&nbsp เขาบอกเราว่า "ถ้าคนเราจะรักกันไม่มองเรื่องนี้หรอก คนที่คิดแต่เรื่องพวกนี้มีแต่พวกจะหวังฟันเท่านั้นแหละ&nbsp อดีตก็คืออดีต ปัจจุบันสำคัญที่สุด"

เราฟังแล้วนำ้ตาร่วงเลยอ่ะ&nbsp  ขอบอกหน่อยล่ะกัน&nbsp  เรารักเธอมากกกน่ะ >3<

0
ไม่นิยมของมือสอง 3 เม.ย. 56 เวลา 14:05 น. 9

คห. 1 กับ 2 เท่านั้น ที่มีค่าควรแก่การรับฟัง

ปล. มันน่าเบื่อ น่ารำคาญ น่ารังเกียจจริงๆ
กับพวกความคิดเห็นว่า "เรา... (กรุณาเติมคำในแง่ลบต่างๆ เช่น เป็นสก๊อยร้อยผัว ไม่ซิง เคยทำแท้ง ฯลฯ) แต่ถ้าเขารักเราจริง เขาต้องทนเราได้"

อยากบอกว่า คนที่พูด คิด หรือเชื่ออะไรทำนองนีั้ได้ เห็นแก่ตัวสุดๆ
มันเหมือนกับว่า คุณพร้อมจะทำตัวเลวๆ อย่างไรก็ได้ ใช้ชีวิตให้เต็มที่ แล้วพอเบื่อ อยากหยุดเพื่อมาใช้ชีวิตแบบเป็นผู้เป็นคน ก็ไปหาคนซื่อๆ เซ่อๆ สักคน แล้วหลอกให้เขารักหัวปักหัวปำ จนพออีกฝ่ายรักแบบถอนตัวไม่ขึ้นก็เอาอดีตเน่าๆ เฟะๆ ของตัวเองมาเปิดเผย พร้อมทั้งขอร้อง(แกมบังคับ)ว่า ถ้ารักกันจริงต้องยอมรับอดีตได้ อดีตไม่สำคัญเท่าปัจจุบันและอนาคตที่จะมีร่วมกัน พออีกฝ่ายรับไม่ได้ก็มาฟูมฟาย ประณามเขาว่าเลว เห็นแก่ตัว แต่พอตัวเองทำน่ะไม่คิด

ความรักมันเอาชนะได้ทุกอย่างก็จริง แต่มันไม่ใช่วาทกรรมประกาศิตสำหรับบังคับขืนใจใครนะเฟ้ย

0
ไม่นิยมของมือสอง 3 เม.ย. 56 เวลา 14:21 น. 10

อีกอย่าง
กับความคิดว่า เพราะเป็นแฟนกัน รักกัน (ทั้งที่จริงๆ ไม่รู้ว่าแยกกันออกรึเปล่าว่า "รัก" กับ "ใคร่" ต่างกันยังไง) ก็เลยมีอะไรกัน พออารมณ์มันได้ที่ ก็เลยห้ามใจไม่อยู่ ความรัก (หรือใคร่) เป็นเรื่องอารมณ์ ไม่ใช่เหตุผล...

ขอโทษเหอะ

สิ่งที่แยก "มนุษย์" ออกจาก "สัตว์" คือ การคิดอย่างมีเหตุผล การมีมโนธรรม ความยับยั้งชั่งใจ ไม่ใช่เรอะ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

assist 5 ก.ย. 56 เวลา 22:59 น. 13

อยากบอกว่า คนที่พูด คิด หรือเชื่ออะไรทำนองนีั้ได้ เห็นแก่ตัวสุดๆ
มันเหมือนกับว่า คุณพร้อมจะทำตัวเลวๆ อย่างไรก็ได้ ใช้ชีวิตให้เต็มที่ แล้วพอเบื่อ อยากหยุดเพื่อมาใช้ชีวิตแบบเป็นผู้เป็นคน ก็ไปหาคนซื่อๆ เซ่อๆ สักคน แล้วหลอกให้เขารักหัวปักหัวปำ จนพออีกฝ่ายรักแบบถอนตัวไม่ขึ้นก็เอาอดีตเน่าๆ เฟะๆ ของตัวเองมาเปิดเผย พร้อมทั้งขอร้อง(แกมบังคับ)ว่า ถ้ารักกันจริงต้องยอมรับอดีตได้ อดีตไม่สำคัญเท่าปัจจุบันและอนาคตที่จะมีร่วมกัน พออีกฝ่ายรับไม่ได้ก็มาฟูมฟาย ประณามเขาว่าเลว เห็นแก่ตัว แต่พอตัวเองทำน่ะไม่คิด ( เราเครียดมากเลยที่รุ้เรื่องที่แฟนไม่ซิง บอกตอนนี้เราก้รักไปแล้ว ถอนตัวไม่ขึ้นขึ้นเลย แต่ยังไง ก็อยากจะยึดอุดมการณ์ต่อไป คือหา คนที่ซิงมาให้ได้ เพราะเราเชื่อเก้บความซิงไว้ได้ ทำไมอีกฝั่งเก้บไว้ให้เราไม่ได้บ้าง รับไม่ได้หลังจากรุ้เรื่องนี้ ภาพที่แฟนเคยมีอะไรกับคนอื่นมาลอยเข้ามาในหัว ซึ่งเราเป้นคนที่ชอบอะไรที่มันเป็นของมือหนึ่ง มาตลอด แล้วยิ่งเรื่องแบบนี้ มันยิ่งต้องเป้นคนแรกและคนสุดท้ายในคนๆๆเดียวกัน มันถึงจะมีความหมาย ซึ่งมันเป้นสิ่งที่มีความหมายมากๆๆ ผุ้ชายดีๆ ก็อยากได้เมียดีๆๆซิง ไม่ตกเป้นของคนอื่นมาก่อน ละยิ่งประโยคที่บอกว่าคนแรกยิ่งใหญ่คนสุดท้ายมีความหมายกว่า มันก็แค่ประดยคปลอบใจพวกที่เสียตัวนั่นแหละ ไม่ไหวจะเคลีย ที่พุดแบบนี้ไม่ได้เห้นแกตัวนะ ก็แค่อยากได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตมันก็แค่นั้น

0