Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ผมไม่เข้าใจหมอกับเภสัช

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ผมมีข้อสงสัยครับ ระหว่าง หมอกับเภสัช
การสอบเข้า หมอสอบยากกว่าเภสัชกร ก็เข้าใจ
การเรียน หมอเรียนหนักกว่าเภสัชกร แต่ทำไมมันเรียน 6 ปีเท่ากัน เสียเวลาเท่ากัน แล้วจบมา ได้ ป.ตรี หรือ ป.โท

การทำงาน หมอน่าจะสบายกว่า เภสัชกรหนักกว่า หรือหมออาจจะหนักกว่า มันต่างกันตรงที่ เงินเดือนจ้า
หมอจบปุ้บ เงินเดือน สตาร์ท ปาไป 6หมื่น ถึง9หมื่น เภสัชเรียน 6 ปีเท่ากัน 2 หมื่นถึง 3 หมื่น

รู้สึกมันไม่สมดุล ถ้าจะพูดว่าอย่าไปวัดกันที่ระยะเวลาศึกษา ผมก้จะถามกวนๆว่า แล้วให้เรียน 6 ปีเท่าหมอ เพราะ... อะไร

แสดงความคิดเห็น

>

24 ความคิดเห็น

บอมบี้ 19 ก.ค. 56 เวลา 20:07 น. 1

งานเภสัชจะสบายกว่าครับ
แต่ที่เรียนหกปีเท่ากัน
จะบอกว่ายังไงดี
ผมก็ไม่รู้นะครับ
สำหรับผมความรู้ของเภสัชผมว่า 5 ปีเพียงพอสำหรับจะจบไปเป็นเภสัชกรที่ดีพอนะครับ
แต่ด้วยที่เขาเพิ่มมาเป็นหกปีเพราะว่าเขาอาจจะอยากให้เภสัชไป round ward กับหมอ
ซึ่งถ้าไม่มีความเชี่ยวชาญมาก ๆ ก็จะไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้
จึงเพิ่มเวลาของการเรียนชั้น clinic เพื่อให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น
ผมคิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้นะ

0
Fyenabelle 19 ก.ค. 56 เวลา 22:49 น. 2

พี่ไม่ค่อยเข้าใจคำถามน้องนะ แต่พอจะสรุปได้ดังนี้
 1.หมอกับเภสัช เรียนหกปีเท่ากัน
 2.จบมาก็ทำงานหนักพอๆกัน 
ทำไมหมอได้เงินเดือนมากกว่า นี่คือประเด็นน้องใช่มั้ย

พี่ว่าเงินเดือนน่ะ เท่ากันนะ จริงๆ
แต่หมอมีค่าอยู่เวร. ค่าใบประกอบวิชาชีพ ค่าไม่เปิดคลินิกไงน้อง

น้องถามว่าทำไมต้องเรียนหกปีเท่ากันล่ะ สำหรับมุมมองของพี่เนื้อหาของแต่ละคณะ
มันไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลยนะน้อง เภสัชเค้าเรียนตั้งแต่ยามีหน้าตาเป็นยังไง
ให้ในรูปอะไร เรียนลึกเว่ออออออออออร์อ่า ต้องนั่งปรุงยาเองให้ผ่านด้วยนะน้อง

หมอไม่เรียนหนักเหรอ น้องลองมาอ่านหนังสือกับชีทเดือนนึงกองหนาเท่า
Netter anatomy3เล่มรวมกันทุกเดือนสิน้อง นี่ยังไม่นับlab grossเลย
ไม่มีคณะไหนสบาย มันขึ้นอยู่กับเราพอใจที่จะทำงานนะจุดไหน

หมอเงินเยอะพอควร แต่อยู่เวรทุกวันไม่หยุดเสาร์อาทิตย์  ไม่มีเวลากินข้าว
บางครั้งต้องเข้าORตั้งแต่เช้ายันค่ำข้าวกลางวันไม่ได้กิน เข้าห้องน้ำระหว่างวันก็ไม่ได้
เห็นหน้าแม่ครั้งสุดท้ายเกือบครึ่งปีแล้ว
น้องว่าชีวิตหมอแบบนี้กับเงิน. น้องว่าคุ้มกันมั้ยล่ะ


ถ้าพี่เลือกได้พี่จะกลับบ้านไปดูแลครอบครัวพี่ใกล้ๆ แบบเงินเดือนไม่ต้องมากดีกว่า

2
คนใกล้หมอ 1 ก.ย. 61 เวลา 17:52 น. 2-1

หมอจบที่ไหนจะได้เงินเดือนหกหมื่น ไม่จริง คงจะเข้าใจผิดแล้วครับ

0
บุคคลไทปั้ว 19 ส.ค. 63 เวลา 01:35 น. 2-2

แล้วมาตอบในนี้ทำไม -คนพิมพ์เรื่องหกหมื่นมีแค่ จขกท. ก็ไปตอบแยกของตัวเองสิ - -*

0
ผ่านมา 19 ก.ค. 56 เวลา 23:01 น. 3

เรียนหกปีเท่ากัน แต่เนื้อหาที่เรียนคนละทางกันเลย
คนละตำรา คนละศาสตร์การเรียน เหมือนเทียบหนังคนละม้วนอะเข้าใจไหม
ที่ถามว่าทำไมจบมาเงินเดือนไม่เท่ากัน ทั้งที่เรียน 6 ปีเหมือนกัน
จริงๆแล้วมันไม่ใช่การเอาเวลามาเทียบแล้วจะให้เงินเดือนเท่ากันเลยอะนะ
6ปีมันคือเนื้อหาที่ต้องเรียนรู้ก่อนจบไปประกอบอาชีพ
ปีหนึ่งคนจบหมอเท่าไหร่ คนจบเภสัชกรเท่าไหร่
ความต้องการของตลาดเป็นเท่าไหร่ในแต่ละอาชีพ
ทำไมหมอเงินเดือนมากกว่า ? แล้วเภสัชกรแบกรับความเสี่ยงเท่ากับหมอไหม
มีชั่วโมงการทำงานเท่ากับหมอรึป่าว มีรายได้ชั่วโมงเวรเท่ากับหมอรึป่าว
สิ่งเหล่านี้มากกว่าที่ทำให้เกิดความต่างที่ว่าเงินเดือนไม่เท่ากัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาชีพในโรงบาลทุกอาชีพช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รวมกันเป็นระบบอยู่ดี

0
.... 19 ก.ค. 56 เวลา 23:40 น. 4

เราไม่มีความรู้เรื่องวิชาเรียนของหมอ หรือเภสัช แต่เรารู้สึกว่าอาชีพหมอเป็นอาชีพที่หนัก และเสียสละมากๆๆๆๆๆ ถ้าไปเลือกเรียนหมอแล้ว = เลือกที่จะเป็นหมอไปตลอดชีวิต เพราะถ้าคุณมีปัญญาสอบเข้าได้ = คุณเก่งมาก = มีปัญญาเรียนจบแน่นอน และต้องเป็นหมอ อาชีพที่แทบไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไม่ได้ไปเที่ยววันหยุด หมอไม่ได้ทำงานแค่วันละ 8 ชั่วโมงเหมือนอาชีพอื่น แทบไม่มีเวลาพักผ่อน

ตอนที่แอดฯ เพื่อนเราติดทันตะ เราดีใจกับมันมาก แม้ว่าครอบครัวมันจะอยากให้เรียนหมอ แต่เราไม่อยากให้เพื่อนเราต้องเหนื่อยขนาดนั้น เด็กอายุ 18-19 ก็แค่ทำตามกระแสสังคมที่ว่าเด็กเก่งต้องเรียนหมอ โดยไม่ได้คิดถึงสิ่งที่จะต้องเสียสละเพื่ออาชีพนี้ ถ้าไม่มีจิตใจที่จะเสียสละจริงๆ เราว่ามันก็คงเหมือนตกนรกทั้งเป็น แล้วแบบนั้นจะเป็นหมอที่ดีได้อย่างไร

0
เหอะๆ 19 ก.ค. 56 เวลา 23:59 น. 5

มีตั้งหลายคณะที่เรียนปี4 เท่ากัน ระยะเวลาต่อโทเท่ากัน
เงินเดือนต่างกันราวฟ้ากับดิน

0
Sasirit 20 ก.ค. 56 เวลา 08:12 น. 6

อยู่ที่ผู้เรียนจะตั้งโจทย์ให้กับตัวเองค่ะ เช่น
1. อยากเรียนจบมา เงินเดือนเยอะๆ ก็พิจารณาเอาว่า อาชีพไหนจะเหมาะกับตนเอง แล้วได้เงินเดือนเยอะๆ (ถ้าคิดว่าเป็น หมอ ก็เรียนหมอ)
2. อยากเรียนตามสิ่งที่ตนเองชอบ (ส่วนนี้ ก็ต้องรับให้ได้ว่า เรียนแล้ว จะมีงานที่ชอบรองรับหรือไม่)

ส่วนตัว ไม่ได้ทำงานในคณะที่จบมา (วิศวะ) เพราะมีงาน(ประจำ)ที่สามารถทำรายได้มากกว่า เงินเดือนวิศวะ และเป็นงานที่ชอบ

แต่ทุกๆ งานนั้น ถ้าตั้งใจทำงานจริงแล้ว เหนื่อยทุกงาน แต่ต่างกันที่ เงินเดือนที่ได้รับแตกต่างกัน
เวลาเลือกเรียน ถ้าจะให้ดีจริง ควรเลือกให้ตรงกับจริตของตนเอง เวลาเรียน เวลาทำงานจะได้ไม่หนักมาก (เพราะตรงจริต งานหนัก ก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว)
แต่ถ้าเลือกจากรายได้ สิ่งที่เรียน อาจไม่ใช่สิ่งที่ชอบ เวลาเรียน ทำงาน อาจขัดใจตัวเองบ้าง ก็ต้องพิจารณาว่า สิ่งที่ได้รับมา กับ สิ่งที่เสียไป คุ้มหรือไม่

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีข้อความหยาบคาย ใช้ภาษาไม่เหมาะสม

เขียวมะกอกไม่เคยหลอกลว 20 ก.ค. 56 เวลา 17:11 น. 8

พี่เป็นคนนึงเรียนเภสัชหลักสูตร 6 ปี ปีสุดท้ายแล้วละ
พี่อยากจะบอกน้องว่า ที่เภสัชปรับเป็น 6 ปี เพราะเค้าต้องการให้น้องมีการฝึกปฏิบตงานเพิ่มามากขึ้นหรือที่รู้จักคือ clerkship น่ะเอง น้องๆจะได้ฝึกงานทั้งหมด 6 ผลัด เรียกได้ว่าปีสุดท้าย ได้ไปเจอสถานการณ์จริงๆเลยแหละ ทั้งปี ที่ละ เดือนครึ่ง น้องจะได้ไปแหล่งฝึกแต่ละที่ เค้าก้จะสอน ต่างๆ ได้ฝึกงานพวก med ambo onco หลายๆอย่างไป ข้อดีของ 6 ปีคือน้องจะได้ฝึกกันจริงๆก่อนออกไปทำงาน งานด้านบริบาล น้องก้จะแม่น ,,,,ส่วนการ round กับหมอก้มีส่วนค่ะ,

เภสัชกับหมอ เนื้อหาการเรียนมันต่างกันอยางชัดเจน เพราะฉะนั้นก้ไม่ควรจะเอามาเทียบค่ะ
ความรับผิดชอบพอๆกันแต่อาจจะน้อยกว่า
เภสัชเรียนตั้งแต่ โครงสร้างยาทุกตัว ทุกกลุ่ม ขอย้ำว่าทุกกลุ่ม!!!! บอกได้เลยว่ามันต้องอึดมากๆ ในการจะอ่านและทำความเข้าใจไปสอบ ไม่ใช่แค่สอบอย่างเดียว ทุกกลไก และโครงสร้างยา จะมีผลด้านฟามาโค และมีผลต่อคนไข้ด้วยค่ะ... ฟามาโค ยาทุกตัว ทุกกลุ่ม ,,ฟาคอก เรียนตั้งแต่ราก ใบ ลำต้น พืชแต่ละวงศ์ พวกสมุนไพรและการออกฤทธิ์ต่างๆ
ฟามเทค PHARMTECH เรียน 4 ตัว วิชานี้จะเรียนตั้งแต่ยาน้ำใส ยัน เคมีบำบัด เภสัชรังสี..ต่างๆนานๆๆ เรียนตั้งแต่สารในตำรับ ทำไมยาถึงแตกตัวได้เร็วหรือช้า อะไรงี้ ...นี่แค่ส่วนน้อย ถ้าพี่บรรยายคงบรรยายไม่หมดอะ


บอกตรงๆว่าความรูเภสัช 6 ปีมันไม่พอหรอก การเรียนเภสัช หรือเป็นเภสัชกรมันต้องเรียนรู้กันทั้งชีวิต

วิธีการผสมยา เภสัชเองก้ต้องเช๊กsolvent ว่ามันสามารถละลายได้ในตัวไหนบ้าง เพราะถ้าให้ผู้ป่วยไปเกิดยาไปตกตะกอน เภสัชก้ซวย ## ทำงานกับชีวิตคน ความรับผิดชอบไม่ต่างกันหรอกค่ะ

หลัง couter ก่อนที่เภสัชแต่ละคนจะจ่ายยาให้ผู้ป่วยได้น้องอาจไม่เคยเหนว่า เค้าทำยังไง กว่าจะยาจะถึงมือผู้ป่วย เภสัชจะต้องกลั่นกรอง ให้ดี ว่าจะพูดอะไรกับผู้ป่วย เช๊ก Dose ยา, เช๊ก Drug interaction หรือผู้ป่วยได้ยาเทคนิคพิเศษจะแนะนำยังไง......

เงินเดือนเภสัช ไม่เยอะหรอกน้อง แต่เปนวิชาชีพที่ไม่รวยและไม่จน เอาง่ายๆ ก้สามารถเลี้ยงดูเราได้แหละ

มาเรียนเภสัช บ่องตงๆ!! 6 ปีอะไม่พอหรอก เราต้องเรียนรู้กันทั้งชีวิต



0
แมวเหมี้ยว 20 ก.ค. 56 เวลา 17:33 น. 9

ทั้งแพทย์และเภสัช เป็น ปริญญาตรี ทีมีวุฒิเทียบเท่าโทเหมือนกัน เรียนหนักพอๆกัน เพราะ พี่ผมเป็นแพทย์ และผมก็เรียนเภสัช แต่แพทย์น่าจะหนักไปทางปฏิบัติมากกว่า งานหนักกว่า เวลาส่วนตัวน้อยกว่า

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีข้อความหยาบคาย ใช้ภาษาไม่เหมาะสม

เพลียเท่านั้นแหละ 20 ก.ค. 56 เวลา 21:52 น. 11

น้องเจ้าของกระทู้ต้องมาขอโทษพี่เค้านะลูก
ที่ถามคำถาม"ไม่ตรงคำตอบ"
(ประชดค่ะ)
ไม่มีใครโลกสวยอะไรเลย
ก็น้องเค้าถามว่าทำไมเภสัชต้องเรียน6ปีเท่าแพทย์
ไม่ได้ถามว่าทำไมถึงมาเรียนเภสัชซะหน่อย

0
การกลับมา 21 ก.ค. 56 เวลา 12:35 น. 12

ขอบคุณครับ คห. 10 โดนใจผมมากผมชอบโลกร้ายๆ โลกของความจริง เข้าเภสัชรอชิ่ว ทันตะ น่าขำ
จากการที่ผมอ่าน ผมใช้การวิเคราะห์ขั้นสูงทาง จิตวิทยาแล้ว ตลกไหมล่ะ
พี่ๆ ตอบกันได้แปลกมาก บอกว่าเภสัชเรียน 6 ปีสบายกว่าหมอ แต่ก้มีคนบอกว่า เภสัชเรียน 6 ปียังไม่พอที่จะชำนาญ ต้องฝึกตลอดชีวิต โอ้ถ้าจะขนาดนั้นอย่าไปเรียนมันเลยผมว่าเพราะทุกอาชีพมันก็ต้องฝึกทั้งชีวิตเหมือนกันละครับ เงินเดือนยังไม่สมดุลอยู่ดี
ทำไมน่า ค่านิยมคนไทยต้องเรียนหมอด้วย เช็ง
แล้วผมมีคำถามต่อ ใครเป็นคนกำหนดเงินเดือนของแต่ละอาชีพ ข้าราชการ


แล้วมีอาชีพไหนบ้างที่รวยมากกว่า หมอ คือผมมักถูกเอาตัวไปเปรียบเทียบกับเพื่อนที่จะสอบหมอเสมอ

ชักวัน จะต้องรวยกว่าพวกหมอให้ได้ จะกลับไปหยามหน้ามัน

1
Fafa 21 ก.ค. 56 เวลา 21:57 น. 13

เอาคะแนนมาประกอบเทียบเหมือนจะดีนะ แต่เธอลืมอะไรไปรึเปล่าจ๊ะ?! เกณฑ์แอดมิชชันกลางปีที่แล้ว(ปีการศึกษา2556)
คณะทันตแพทยศาสตร์ ใช้ GAT - 30%, PAT2 - 20%, ONET - 30%, GPAX - 20%
คณะเภสัชศาสตร์ ใช้ GAT - 10%, PAT2 - 40%, ONET - 30%, GPAX - 20%
GAT เฟ้อกว่าไหม?เฟ้อมากเพราะ GAT เชื่ิอมโยงและอิ๊งที่ไม่ค่อยยาก
PAT2 เป็นไง?คะแนนกดมาก ข้อสอบมาตรฐานยากในระดับนึง
อยู่ดีๆเอาคะแนนเภสัชกับทันตะมาเทียบกันโต้งๆตลกอ่ะ

0
Fafa@CU 22 ก.ค. 56 เวลา 11:14 น. 14

อยากรวยกว่าหมอแนะนำสาย บัญชี บริหาร คณิตฯประกันภัย จุฬาฯ ธรรมศาสตร์

แล้วก็อย่าไปหลงคห.ที่ 10 มาก เข้าว่าเธอคงไม่เคยแอดกลางมาก่อนในชีวิตเลยไม่รู้เรื่องคะแนนแอด คนเรียนเภสัชคะแนนติดหมอติดทันตะก็เคยมาหลายคนล่ะ ทำอย่างกะเภสัชเป็นวิชาชีพชั้น2ไปได้เนอะคนเรา ลองเข้าไปเรียนเภสัชกับทันตะดูจริงๆสิจ๊ะเดี๋ยวก็รู้เองมันต่างกันเยอะ

0
visini milkcheck 22 ก.ค. 56 เวลา 12:56 น. 15

หลอกตัวเองหรือเปล่า ดูจากคะแนนแอดของคนติดเภสัช คงมีแต่ที่ 1 เภสัช มหิดลเท่านั้นแหละที่ติดทันตะได้ อีกอย่างเภสัชมีตั้ง 1700 คน ถ้าติดทันตะจริงๆ คะแนนก็ต้องได้มากกว่าคนสุดท้ายของทันตะไปนานแล้ว อย่าโลกสวยตอแห..ลสิ

0
Fafa@CU 22 ก.ค. 56 เวลา 17:40 น. 16

ตายล่ะนี่เราไปบอกเมื่อไหรกันว่าคนติดเภสัชทุกคนสอบติดทันตะ แค่บอกว่าบางคนคือถ้าเธอไม่ได้ในอยู่วงการจริงๆไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่าจ่ะ แต่เป็นเรื่องจริงนะที่คะแนนทันตะสูงอยู่แล้ว แล้วนี้เธอเราไปบอกไว้ตั้งหลายโพสล่ะยังอุตส่าโง่(อุ๊บ!ไม่แรงเลยสำหรับที่ด่าคนอื่นว่าตอแหลนะ- -")เหมือนเดิม เพลียนะ
คะแนนที่1เภสัชมหิดลของเธอคืออะไรเธอไม่รู้จริงๆหรอ 22835.6500 มาจากgat-10%,pat2-40%,onet-30%,gpax-20%
แล้วคะแนนลำดับสุดท้ายทันตะนเรศวร 22676.0000 มาจากgat-30%,pat2-20%,onet-30%,gpat-20%

เราไม่ได้โลกสวย แต่เอาความจริงมาพูด นี่ถามจริงนะเธอเรียนอยู่ระดับไหนแล้วถ้าคนที่เค้าเคยผ่านชีวิตม.6ขึ้นมหา'ลัยมาแล้วเค้าจะรู้กันดีว่าคะแนนแอดกลางถ้าคนล่ะคณะใช้เกณฑ์ไม่เหมือนกันมันเทียบไม่ได้นะจ๊ะ(ลืมไปพูดไปเธอคงไม่เค้าใจอยู่ดีเพราะโพสข้างบนยังบอกอยู่เลยว่าต้องที่1เภสัชมหิดล - -"เพลียจิต ถ้าเรา gatซัก280 pat2ซัก185 คะแนนเภสัชกะทันตะคงออกมาเท่าอยู่หร๊อกกเนอะ)

ถ้าอยู่มหา'ลัยแล้วแล้วยังไม่เข้าเรื่องพวกนี้อีกอยากถามว่าเธอไม่เคยสอบgatpatสินะ ต่อให้สอบแพทยทันตะ(กสพท.)ก็ต้องรู้เรื่องพวกนี้อยู่ดี ถ้าอยากให้ช่วยอธิบายให้เข้าใจจริงมาถามเราที่มหา'ลัยได้นะคณะเราอยู่แถมสยามนี่ล่ะจะ ^ ^

0
visini milkcheck 24 ก.ค. 56 เวลา 22:02 น. 17

โลกสวยต่อไปนะเทอ อดเรียนทันตะ สมน้ำหน้า อิอิ

ลืมบอก เราเรียนทันตะรุ่น 73 นะค่ะ เจอกันที่สยาม อย่าลืมทัก เราชื่อ ครีม

2
ตัวผู้จอมหื่น 30 ก.ย. 59 เวลา 17:36 น. 17-1

ใจเย็นๆนะคับแม่สาวทันตะ

ทันตะแพทย์ ไม่ใช้พระเจ้านะคับ มันแค่คณะนึง

ถ้าคุณอยากจะดูถูกใครบางคนแปลว่าคุณต้องเก่งกว่าเขามากๆ ไม่ใช้เรียนคนละคณะแล้วไปดูถูก

0
ภก. สมชาย 21 มิ.ย. 61 เวลา 20:26 น. 17-2

เรียนอะไร ก็มีความก้าวหน้าได้ตามสมควร คะแนนสอบเข้าเยอะ/น้อย ไม่ได้แสดงว่าจะเป็นคนรวย/คนดีได้

ยังเรียนอยู่เลย

พัฒนาสมองหน่อยนะคุณหนู

0
กูไม่โอเค 29 ก.ค. 57 เวลา 11:16 น. 19

ดูถูกเภสัชเกินไปนะ หมอ เภสัช กับศิปศาสตร์ เนื้อหาคนละแนวกัน อย่าเปรียบเทียบ เก็บตรรกะห่วยๆไว้ในหัวเถอะ

0