Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[ระบาย]ใครบอกเรียนมหาลัยแล้วสนุก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

             เป็นครั้งแรกที่ในหัวฉันเกิดคำถามเกี่ยวกับมหาวิทายลัยที่ฉันแสนภาคภูมิใจ

               ก่อนสอบติดฉันคิดว่า เป็นเด็กมหาลัยแล้วเราต้องมีความรับผิดชอบ ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ฉันเรียนหนักฉันติวอย่างหนัก เสียเงินเรียนพิเศษ ติวฟรีที่ไหนไปทุกที่ และฉันก็สอบติดสมใจฉันภาคภูมิใจที่สุดที่ฉันทำได้ ถึงแม้จะไม่ใช่มหาลัยชื่อดังที่สุด แต่ฉันก็ภูมิใจที่สุดที่ตัวเองสอบได้ด้วยความพยายามของตัวเอง

               แต่แล้วเมื่อเข้ามาเจอสังคม...ฉันอยากซิ่วจริงๆ ฉันไม่เข้าใจระบบของมหาวิทยาลัย การที่ฉันไปนั่งตรงไหนของมหาลัยก็ไม่ได้ ต้องอยู่ในพื้นที่ของสาขาตัวเอง ไม่ใช่คณะนะ แต่เป็นแค่สาขา โต๊ะประมาณสิบตัวนั่งได้โต๊ะละแปดคนแค่นั้น รุ่นพี่นัดทุกเย็น ฉันเรียนมาสามเดือนแล้วแต่รุ่นพี่ก็ยังไม่เลิกนัด การไปเรียน ฉันไปเรียนด้วยความหวาดผวาว่ารุ่นพี่จะนัดไหมไม่ไปก็ไม่ได้ ใครไม่ไปรุ่นพี่จะทำโทษและด่าเพื่อนในห้อง ทำให้เพื่อนในห้องมาบังคับเราอีกที

               ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ฉันไม่ได้ดูถูกระบบ ระเบียบทำเนียบของเขา ตอนรับน้องอาทิตย์แรก ฉันเต็มใจเข้าร่วมอย่างตั้งใจ แต่นี่มันผ่านมาแล้ว มหาลัยอื่นเขาเลิกรับไปแล้ว เลิกมายุ่งวุ่นวายกับน้องๆ รู้ว่าเป็นระบบโซตัส แต่เขาน่าจะให้สิทธิ์เราเลือกว่าจะเอาระบบหรือไม่

               มันทำให้ฉันนึกย้อนกลับไป ถึงวันก่อนที่จะสอบติดฉันพยายามด้วยตัวเอง ฉันตั้งใจเรียน ตั้งใจไปติว เสียเงินมาสอบ เสียเงินค่าเทอม ไม่มีรุ่นพี่คนไหนมาช่วยฉันสักคน บ้านฉันไกลกลับดึกไม่ได้เพราะบ้านฉันมีคุณยายที่รออยู่ที่บ้าน ไม่มีรุ่นพี่คนไหนฟังเหตุผลฉันเลยพวกรุ่นพี่ได้แต่พร่ำบอกว่า "กับพวกพี่ ไม่มีคำว่าไม่ได้” คือพี่มีเวลาว่างมาก แต่กับฉันไม่ใช่ ฉันต้องตั้งใจเรียนเพราะต้องการทุนการศึกษาไปช่วยแบ่งเบาภาระให้กับแม่ทุกครั้งที่เขานัดไป
               บ่อยครั้งที่เขาชอบให้ทำท่าแสตน คือการตบหน้าขาตัวเอง บังคับให้ตบแรงๆร้องเพลงเสียงดังๆ ซึ่งขาของรุ่นน้องจะบวมเปล่ง แดงเถือก การไปมหาลัยสำหรับฉนทุกวันนี้ฉันต้องหลบๆซ่อนๆ ถ้าเราไม่ทำตาม เขาก็จะไปบีบบังคับคนในห้องให้มากดดันเรา
              ล่าสุดมีการเปิดใหเลือกชมรม คือชมรมเนี่ยเป็นความชอบส่วนบุคคลเราจะสมัครหรือไม่ก็ได้ ตัวเราเอง เรายังไม่ได้เดินดูเลยสักชมรม ยังไม่รู้เลยว่ามีกี่ชมรมชมรมอะไรบ้าง รุ่นพี่ก็บังคับให้เข้าชมรมของพวกเขา มันเป็นประมาณค่ายอาสาต้องไปอยู่ต่างจังหวัดเป็นอาทิตย์ แล้วคือ เราอยู่กับยาย แม่เราทำงาน เราจะไปได้ยังไง เราไม่ได้เป็นคนสมัครด้วยตัวเองรรุ่นพี่บอกให้เพื่อนเขียนชื่อเรา ซึ่งเรามารู้อีกทีตอนเพื่อนเราบอกว่าสมัครให้แล้ว มันเสียความรู้สึกมากๆ 

               นี่เหรอคือมหาวิทยาลัยที่ฉันวาดฝัน ความภูมิใจของฉันตอนสอบติดมันหายไป ฉันอยากกลายเป็นคนไม่มีที่เรียนซะเดี๋ยวนั้น ฉันต้องร้องไห้กี่ครั้งตอนรุ่นพี่ด่า ซึ่ง...มันไม่สมควรหรือเปล่าเพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ตอนที่ฉันสอบไม่ติด ไม่ได้อยู่ตอนที่ฉันขวนขวายหาที่เรียน ไม่ได้อยู่ตอนที่ฉันมาสอบ มีแต่แม่ของฉันเท่านั้นที่ค่อยอยู่ด้วย

               สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันทน ก็คือแม่ของฉัน ฉันไม่อยากนับหนึ่งใหม่เพราะท่าน ฉันไม่อยากให้ท่านเสียเงินมากมายเพื่อฉัน ทุกวันนี้ฉันต้องทนมีเพียงกำลังใจจากครอบครัวเท่านั้น

               ฉันอยากซิ่วจริงๆน อยากไปจากที่นี้ใจจะขาด ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ที่ฉันจะเรียนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องมาทน ที่ที่สามารถพูดสิ่งที่คิด ทำสิ่งที่ชอบ ที่ที่ตัวเองจะหายใจได้เต็มปอดไม่ต้องร้องไห้อย่างนี้
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะค่ะ 

แสดงความคิดเห็น

>

93 ความคิดเห็น

MiMi2za 12 ส.ค. 56 เวลา 15:43 น. 1

อย่าว่าเราเป็นเด็กหัวรุนแรงนะ แต่เราแนะนำให้ไปปรึกษาครูที่ปรึกษา(มหาลัยมีไหม??) บอกว่าเรามีความจำเป็นที่เราเข้าร่วมกิจกรรมไม่ได้ในบางอย่าง
การที่รุ่นพี่ทำงี้กับเธอ แม้กระทั่งเลือกชมรม เราว่ามันค่อนข้างที่จะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลไปสักหน่อยนะ ถ้าไม่อยากกดดันอย่าทำตัวให้โดนกดดันค่ะ

หรือไม่ก็ทำโพลเดินสำรวจเลยว่าใครไม่เห็นด้วยที่ระบบกิจกรรมเป็นแบบนี้
แล้วเอาผลสำรวจที่ได้มาไปปรึกษาผู้อำนวยการของมหาลัยเลยค่ะ
เอาให้มันเป็นเรื่องไปเลย 

แต่ยังไงลองพูดลองบอกเหตุผลพี่เขาดีๆไปก่อนถ้า พี่เขายังเป็นงี้อยู่ก็ลองๆทำตามที่เราบอกนะคะ  
สู้ๆนะคะ พยายามเข้าค่ะ ไม่แน่ถ้าอดทนต่อไปมันอาจจะเป็นแค่ปี1ปีเดียวก็ได้ค่ะ

0
เซ็ง 12 ส.ค. 56 เวลา 18:11 น. 2

เรารู้สึกเหมือนเธอเลย มหาลัยเราก็เป็นแบบนี้ จากที่วาดฝันและภาคภูมิใจในตอนแรก ตอนนี้เริ่มรู้สึกอยากซิ่วแล้วอ่ะ แต่ก็สงสารแม่ มันดีหมดทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว ยกเว้นสังคมที่แย่มาก เศร้าจัง

0
DDDDD_;D 12 ส.ค. 56 เวลา 19:24 น. 3

ถ้าเพื่อนปีเดียวกันยังดีอยู่ก็อดทนไปก่อน ไม่ไหวก็ผ่อนหนักเป็นเบาด้วยการพูดคุย(แบบดีดี)กับรุ่นพี่ ถ้าไม่รับฟัง เราก้ไปปรึกษา อจ. เพราะนี่มันเป็นปัญหาละเอียดอ่อนแต่ละบุคคล ไม่มีใครผิดที่บ้านไกล เดินทางลำบาก แต่บางคนถ้าไม่ใช่เรื่องตัวเองมันก็ไม่ฟังหรอก ปรึกษากับ อจ. ดีที่สุดนะ แต่ระวังไม่ให้ อจ. ไปบอกพวกรุ่นพี่ เดี๋ยวเราจะโดนเขม่น

เราแนะนำให้อดทนนะ เพราะถึงเขาจะรับน้องเป็นปี แต่ถ้ามองถึงผลระยะยาว เราได้อยู่คณะที่ใช่ จบไปเราก็ได้ทำงานในสิ่งที่เรารักและภาคภูมิใจไปตลอดชีวิตเรา

อดทนไม่กี่เดือน เราก็ได้ทำในสิ่งที่ใช่เราตลอดชีวิตแล้ว อย่าเพิ่งทิ้ง มีไม่กี่คนเองนะที่จะได้อยู่สถาบัน และคณะในแบบที่ใช่ตัวเราจริงๆอย่างเธออ้ะ คิดให้ดีนะ เสียดายแทนค่ะ


สู้สู้

0
สู้มัน 12 ส.ค. 56 เวลา 19:30 น. 4

อย่าหัวอ่อนเกินไปสิ อย่างชมรมก็เราไม่เข้าไม่ไป. จะทำไรเราได้. ขาของเรา เท้าของเราไรงี้

ใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่าไปฟังพวกมาก่อนมาก. เป็นตัวของตัวเอง ถ้ามาวุ่นวายมากก็ซัดไสักสองสามตุ๊บ

0
kailution 12 ส.ค. 56 เวลา 20:36 น. 5
มีหลายมหาลัยค่ะที่มีระบบโซตัส ส่วนมากปีหนึ่งกิจกรรมมักจะมากอยู่แล้ว ไม่แปลกที่จะเรียกประชุมหรือมีกิจกรรมทุกเย็น รุ่นพี่อยากจะฝึกให้เข้ากิจกรรม และเรียนรู้เพื่อที่จะดูรุ่นต่อๆไปได้ ดูแลคณะไปได้ในอนาคต ไม่ใช่แค่ปีหนึ่งนะที่เหนื่อย แต่ปีสองนั่นแหละที่ต้องดูแลน้อง จัดกิจกรรม ตอนนี้เราอยู่ปีสามแล้วเข้าใจทั้งความรู้สึกตอนปีหนึ่งและปีสอง ทุกอย่างเป็นการหาประสบการณ์นะ

ข้างบนคือให้เหตุผลว่าทำไม ถึงต้องมีกิจกรรม ส่วนเหตุผลที่บอกว่าอยู่กับยายและไม่สะดวกในบางครั้ง หากรุ่นพี่ไม่ฟังจริงๆ ก็ออกมาเลยค่ะ เราต้องเอาครอบครัวไว้เป็นอย่างแรก ถ้ารุ่นพี่ไม่เข้าใจ งี่เง่าก็ปล่อยเขา ส่วนมากเรื่องพวกนี้เพื่อนจะเข้าใจเรามากกว่า

แนะนำได้เท่านี้ ปีสามระบบโซตัสสามเดือน ^^
0
kpjt 12 ส.ค. 56 เวลา 22:28 น. 7

เราไม่ใช่อยากซิ่วค่ะ ตอนนี้เราจะซิ่วแล้ว เริ่มเตรียมตัวสอบแกทแพทใหม่แล้ว555

เราจะซิ่วเพราะหลายปัจจัยค่ะ เรียนไหวแต่ไม่ชอบ ค่าเทอมแพงและผลที่ได้ไม่คุ้มเท่าที่ควรนั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่หลักๆเลยคือ

เรา"เกลียด"สังคมของที่นี่ค่ะ

เราอยู่มาเป็นเดือน ยังไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว จะว่ามีปัญหาเพื่อนไม่คบก็ไม่ใช่เพราะเราไปหาเพื่อนเก่าเราที่คณะของเค้า เราก็ยังหาเพื่อนได้เป็นสิบ ที่นี่มันเหมือนกับว่า
เราไม่อยากคบใครมากกว่า แต่ละคนชอบทำตัวไฮโซ และเห็นแก่ตัว ถ้าไม่ไฮโซตามก็ไม่ยุ่งด้วย

คนอื่นใช้ไอโฟน เราว่ามันแพงไป ใช้แค่โนเกีย โทร-รับ ได้ก็พอแล้ว มีไอโมบายอีกเครื่องไว้เล่นไลน์ ฯลฯก็พอ
ถือว่าไม่ไฮโซพอค่ะ จะทำท่าเหยียดๆหน่อยใส่ ซึ่งเราก็ไม่สนใจ เรื่องอะไรต้องให้แม่เราทำงานหนักขึ้นหาเงินมาซื้อไอโฟนให้ ตลกแล้ว-*-

เพราะงั้น ปีหน้าเราคงซิ่วไปอยู่คณะเดียวกับเพื่อนเรา สังคมดูดีกว่านี้เยอะ คงเพราะไม่ได้อยู่ใกล้กรุงเทพฯแบบนี้ล่ะมั้ง- -"


คุณจขกท.ก็สู้ๆนะคะ ที่พูดไปด้านบนนี่ไม่ได้หมายความว่าให้เอาอย่างเรานะ เสียเวลาไปตั้งปีนึง ถ้าคุณยังไหวกับการเรียน และคิดว่าอนาคตดีๆกำลังรออยู่ ก็อดทนต่อไปเถอะค่ะ แค่ปีเดียวเองหลังจากนี้คุณก็สบายแล้ว

แต่สำหรับเรา...เราไม่ไหวแล้ว555 ยอมเสียเวลา1ปีเพื่ออนาคตที่ดีกว่าแล้วล่ะ
เยี่ยม

0
ผ่านมา 13 ส.ค. 56 เวลา 00:15 น. 9

บอกก่อนว่าอ่านไม่จบ อ่านแค่สามย่อหน้าแรกและเลิกอ่าน
ฉันไม่ใช่คนหัวโบราณที่ไม่กล้าที่จะต่อต้านการรับน้อง แต่ฉันแค่คิดว่าต่อต้านไปมีประโยชน์อะไรและทำไมต้องไปต่อต้าน การรับน้องมีข้อดีนะคือทำให้เรามีเพื่อน ไม่มีใครอยากอยู่โดดเดี่ยวจนจบหรอก ฉันรู้ว่าคุณเหนื่อยกับมัน ตอนรับน้องฉันก็เหนื่อย เหนื่อยมากๆอดหลับอดนอนแทบทุกวันและคิดเช่นกันว่าทำไมสอบเข้ามาแล้วต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย... แต่สุดท้ายมันก็จบลง บางสิ่งมันมีเหตุผลของมันเสมอ ไม่มากก็น้อย

0
เด็กมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง 13 ส.ค. 56 เวลา 00:16 น. 10

เอาจริง ๆนะค่ะ
เราคิดว่าการที่จะไม่ถูกบังคับ
มหาลัยรัฐคงทำไม่ได้หรอกนะค่ะ เพราะ
1. มหาลัยรัฐ เข้าใจสืบทอดกันมาตลอด
ว่าต้องฟังรุ่นพี่ ... เชื่อรุ่นพี่ และทำกิจกรรมร่วม
ถ้าหากคุณไม่ทำกิจกรรมร่วม คุณก็จะไม่มีใครคบ เพราะทุกคนจะคิดว่าคุณ
เป็นพวกแกะดำ อันนี้เราพูดถูกไหมคะ ?
2 . ประเด็นที่สองนะค่ะ คือ คุณต้องพยายามเข้มแข็งค่ะ ไม่ใช่เข้มแข็งแล้วให้คุณไปเถียงรุ่นพี่ฉอด ๆ ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่ค่ะ แต่อยากให้คุณเข้มแข็งและก้าวต่อไป
3. ให้คุณหาเพื่อนสินทสักคน คอยให้เขาแก้ตัวให้ หรือ 3-4 คนก็ได้หาเอาจากกิจกรรมพวกนั้นที่คุณเข้า หาเขาแก้ตัวให้เวลาคุณไม่โผล่หน้าไปหตุการณ์ทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ เพราะเขาจะสามารถช่วยคุณได้นะค่ะ

ค่ะ ฉันก็แนะนำคุณได้แค่นี้ เพราะเราเป็นเด็กเอกชน เลยไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับระเบียบที่เคร่งของอะไรรแบบนี้เท่าไหร่ เพราะพวกเราสามารถทำอะไรตามใจได้ และพวกเราสามารถพูดกันได้เหตุผลได้
และเหตุการณ์ของมหาลัยเราคือ เพื่อนค่ะ เพื่อนสามารถแก้ตัวแทนเราได้จริง ๆ
อันนี้เคยผ่านมานะค่ะ ^_^

0
bigblue9 13 ส.ค. 56 เวลา 08:36 น. 11

ปัญหามีไว้ให้แก้ แค่นี้ยังทนอะไรไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้ แล้วอนาคตจะต้องเจออะไรอีกมากมาย ... สังคมที่โหดร้ายกว่าการเรียนในมหาลัยมากมาย  จะไหวหรือ

0
SmileDiiz 13 ส.ค. 56 เวลา 19:07 น. 13

# ตอนนี้เราก็เป็นอยู่นะ แต่รุ่นพี่เราไม่โหดขนาดนั้น แต่สังคมภายนอกไมมันดูเสแสร้ง ไม่จริงใจยังไงไม่รู้อ่ะ เนี่ยแหละปัญหาที่อยากจะซิ่ว พอๆกัน เข้าใจความรู้สึกเลยอ่ะ 
0
blackyenvy 13 ส.ค. 56 เวลา 19:09 น. 14

เข้ามางงกับเหตุผลคนบางคน

นี่เราสอบเข้ามาด้วยความอุตสาหะของเราเองนะ
ไม่ได้ไปกราบไหว้อ้อนวอนให้รุ่นพี่รับเข้ามาเรียน

เราเข้าใจว่าระบบรุ่นพี่รุ่นน้องมันช่วยให้เราสนิทกัน
แต่อะไรที่มันรุนแรงเกินไป ถึงขั้นคุกคามขนาดนี้ เราว่าพอเถอะ
มันไม่จะรักกันได้ไงในเมื่อมันทำให้คนๆ หนึ่งเจ็บถึงขนาดนี้

ไม่ไหวก็ถอนตัวครับ ไม่เข้ารับน้อง ไม่เข้าชมรม
ถ้าพี่มันจะบ้าถึงขนาดใช้กำลังก็แจ้งอาจารย์แจ้งอธิการครับ

0
54646 13 ส.ค. 56 เวลา 19:14 น. 16

ทุกอย่างมีด้านบวกและลบค่ะ โดยส่วนตัวเกียดระบบโซตัสมาก แต่เราสามารถเปลี่ยนมุมมองทัศนคติให้ดีขึ้นได้ค่ะ อย่าจมปรักจนทำให้เราเป็นทุกข์ค่ะ หาวิธีแก้ไข และเดินหน้าค่ะ อย่าทำให้เรื่องที่เราไม่ชอบมาตีกรอบชีวิตของเราค่ะ มองใหม่ ทำใหม่ มั่นใจค่ะ กลับดึกไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับดึกค่ะเพราะที่บ้าน อันนี้ถ้าบอกไปแล้วพวกเขาไม่เข้าใจก็เป็นรุ่นพี่ที่แย่มากแล้วค่ะ ความอดทนจะทำให้เราแกร่งขึ้นค่ะ สำหรับข้อแนะนำบ้าๆนะค่ะ 55 ถ้าอยากปรับอะไรๆให้มันดีขึ้นก็รอจนถึงวันที่ได้เป็นประธานนักศึกษาค่ะ แล้วลองร่างเรื่องแจ้งเลยค่ะ ปรับให้เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว ฉันเป็นคนนึงที่เชื่อว่ายังมีวิธีที่ดีกว่านี้ในการที่รุ่นพี่จะทำให้รุ่นน้องรักกันค่ะ มันมีที่ดีกว่านี้แน่ๆค่ะ !!!

0
นศ.อมทุกข์ 13 ส.ค. 56 เวลา 19:16 น. 17

เหมือนเราเลยใครว่าสบาย ชีวิตเหมือนไม่ใช่ของเราที่อื่นว๊ากเป็นคณะใช่ไหม
ของเราว๊ากเป็นเอก โดนทุกวัน เวลาว่างจะไปไหนก็ไม่ได้รอฟังว่าพี่นัดตอนไหน
ใครไม่มาโดนว๊ากเดี่ยว ปลุกระดมให้เพื่อนเกลียดคนที่ไม่ยอมเข้าพบพี่
ก้มหน้าลง มือไขว้หลัง ปิดไฟ ก้มลงไป น้องมันเก่ง มันไม่ไหว้พี่
คือพี่จะทำตัวไงก็ได้ แต่น้องนี่ใครไม่ไหว้พี่โดนมาชี้ตัวเลย
มีเรื่องทุกวัน ปวดหัวทุกวันบางทีเราร้องไห้หนักเพราะเครียดมาก
ไปม.ก็ไม่อยากไป เรียนก็ไม่เข้าใจ เฟสก็ห้ามโพส
มีอีกเยอะดราม่ากว่านี้เยอะ อะไรที่คาดไม่ถึง
บอกเยอะไม่ได้เดี๋ยวรู้หมด ปากบอกว่ารักน้อง เราว่าไม่จริงอะออกแนวใช้อารมณ์ มากกว่า
เรื่องที่เจอมันเยอะมาก มันโหดร้ายและมีบางอย่างที่เราว่ามันไม่เหมาะสม

เฮ้อออออออออออ

0
Switek 13 ส.ค. 56 เวลา 19:18 น. 18

เป็นเราก็ไม่อยู่นะสังคมแบบนี้อ่ะ
อย่าลืมว่ามหาวิทยาลัยมันเป็นสังคมอิสระให้คนได้ฝึกที่จะคิดเอง ทำเอง เลือกเอง
ไม่ใช่การถูกบังคับไม่ทำ ให้คิด ให้เลือก ตามที่คนรุ่นก่อนๆ คิดกันมา
รับน้อง ถ้ามันเหนื่อยแค่กาย มันก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่สนุกดี เราเองก็ชอบ เพราะอย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมเหนื่อยกับเรา คุยกันรู้เรื่องจนแก่
แต่ถ้าเหนื่อยใจ ลำบากใจด้วยล่ะก็ นานๆไปมันจะกลายเป็นความเคยชิน สุดท้ายเราก็กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่คิดแบบเดิมๆ ทำแบบเดิมๆ เลือกแบบเิดิมๆ
ประเทศเราที่มันยังย่ำอยู่กับที่ ไม่ใช่เพราะมันอยู่แต่กับสิ่งเดิมๆหรอกหรอ
อย่าให้ใครมาบังคับเราได้ ครอบครัวสำคัญที่สุด
ทำเพื่อคณะ เพื่อคนส่วนรวมนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ยิ่งกว่านั้นคือตัวเราและครอบครัว และการเรียน สู้สู้

0
sharp 13 ส.ค. 56 เวลา 19:18 น. 19

ตามที่น้องบอกพี่ว่าน่าเห็นใจครับ มาเป็นครอบครัวพระบิดาด้วยกันครับ มหิดลรักเลย

0
yuuki 13 ส.ค. 56 เวลา 19:21 น. 20

เราก็เป็นเฟรชชี่ปีนี้นะ อันนี้จากมุมมองของเรา
คือเราก็ไม่ได้เรียนในกรุงเทพ แต่จังหวัดที่เราเรียนก็ถือว่าเมืองพอสมควร
เรื่องรับน้องไม่เท่าไหร่ แต่ที่โดนคือ บังคับให้ขอลายเซ็นรุ่นพี่ให้ได้ 150 คน
ซึ่งมันเป็นไปได้ยากมากกกก เพราะเราเองก็มีเรียน บ่ายก็ซ้อมเชียร์
แล้วพอรุ่นพี่นัดตรวจก็ไม่มีใครได้ครบ แล้วพี่ก็สั่ทำโทษแบบครึ่งยกอ่ะ (ประมาณว่าเก้าอี้ลม เหมือนนั่งเก้าอี้ แต่ไม่มี ค้างไว้อย่างนั้น) แล้วก็ให้ร้องเพลงเชียร์ไปด้วย
ในปี 1 มีคนขาแพลงด้วย คอล็อก (แบบขยับไม่ได้) วันนั้นสาขาเราส่งเข้าศูนย์แพทย์
ประมาณ 20 คนได้ เราเป็นหนึ่งในนั้น(เราหอบขึ้น) แล้วพี่ก็ไปส่งแค่หน้าศูนย์แพทย์
ยังมีหน้าหันมาถามเรา "เข้าไปเองได้ใช่ไหม" คือในใจอยากจะบอกว่าก็ช่วยดูสภาพฉันหน่อย แต่ก็นะคลานเข้าไปเอง 555
แล้วรุ่นพี่ปี 2 สาขาเราที่อยู่ในนั้นก็มาพาไป แต่ที่น่าเจ็บใจคือ มีน้องป่วยสัก 20 คนได้ แต่มีพี่อยู่ในศูนย์แพทย์ 2 คน ตั้งแต่วันนั้นมาเราก็ไม่ค่อยอยากจะไหว้เลย
ถ้าเจอแบบไกลๆหน่อย เลี่ยงได้เราเลี่ยง อ่ะนะ มันก็ไม่ใช่ว่าเราทำถูกหรอก
แต่พี่บางคนไม่จำเป็นต้องมาบอกเราไหว้หรอก เค้าดูแลเราดี เทคแคร์ดี น่าเคารพ เราก็ไหว้อยู่แล้ว
อ้อเรื่องลายเซ็นเราก็ไม่ครบอยู่ดี เราเลยบอกพี่ว่าพี่ตรวจอีก 10 ครั้งหนูก็ไม่ครบหรอกค่ะ เพราะพี่บางคนเค้าก็ไม่มาแจกลายเซ็น คนที่มาก็มีแต่คนเดิมๆ 555
แต่ก็นะ เลิกตรวจแล้วแหละ โดนทำโทษไปตามระเบียบ

0