[ระบาย]ใครบอกเรียนมหาลัยแล้วสนุก
เป็นครั้งแรกที่ในหัวฉันเกิดคำถามเกี่ยวกับมหาวิทายลัยที่ฉันแสนภาคภูมิใจ
ก่อนสอบติดฉันคิดว่า เป็นเด็กมหาลัยแล้วเราต้องมีความรับผิดชอบ ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ฉันเรียนหนักฉันติวอย่างหนัก เสียเงินเรียนพิเศษ ติวฟรีที่ไหนไปทุกที่ และฉันก็สอบติดสมใจฉันภาคภูมิใจที่สุดที่ฉันทำได้ ถึงแม้จะไม่ใช่มหาลัยชื่อดังที่สุด แต่ฉันก็ภูมิใจที่สุดที่ตัวเองสอบได้ด้วยความพยายามของตัวเอง
แต่แล้วเมื่อเข้ามาเจอสังคม...ฉันอยากซิ่วจริงๆ ฉันไม่เข้าใจระบบของมหาวิทยาลัย การที่ฉันไปนั่งตรงไหนของมหาลัยก็ไม่ได้ ต้องอยู่ในพื้นที่ของสาขาตัวเอง ไม่ใช่คณะนะ แต่เป็นแค่สาขา โต๊ะประมาณสิบตัวนั่งได้โต๊ะละแปดคนแค่นั้น รุ่นพี่นัดทุกเย็น ฉันเรียนมาสามเดือนแล้วแต่รุ่นพี่ก็ยังไม่เลิกนัด การไปเรียน ฉันไปเรียนด้วยความหวาดผวาว่ารุ่นพี่จะนัดไหมไม่ไปก็ไม่ได้ ใครไม่ไปรุ่นพี่จะทำโทษและด่าเพื่อนในห้อง ทำให้เพื่อนในห้องมาบังคับเราอีกที
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ฉันไม่ได้ดูถูกระบบ ระเบียบทำเนียบของเขา ตอนรับน้องอาทิตย์แรก ฉันเต็มใจเข้าร่วมอย่างตั้งใจ แต่นี่มันผ่านมาแล้ว มหาลัยอื่นเขาเลิกรับไปแล้ว เลิกมายุ่งวุ่นวายกับน้องๆ รู้ว่าเป็นระบบโซตัส แต่เขาน่าจะให้สิทธิ์เราเลือกว่าจะเอาระบบหรือไม่
บ่อยครั้งที่เขาชอบให้ทำท่าแสตน คือการตบหน้าขาตัวเอง บังคับให้ตบแรงๆร้องเพลงเสียงดังๆ ซึ่งขาของรุ่นน้องจะบวมเปล่ง แดงเถือก การไปมหาลัยสำหรับฉนทุกวันนี้ฉันต้องหลบๆซ่อนๆ ถ้าเราไม่ทำตาม เขาก็จะไปบีบบังคับคนในห้องให้มากดดันเรา
ล่าสุดมีการเปิดใหเลือกชมรม คือชมรมเนี่ยเป็นความชอบส่วนบุคคลเราจะสมัครหรือไม่ก็ได้ ตัวเราเอง เรายังไม่ได้เดินดูเลยสักชมรม ยังไม่รู้เลยว่ามีกี่ชมรมชมรมอะไรบ้าง รุ่นพี่ก็บังคับให้เข้าชมรมของพวกเขา มันเป็นประมาณค่ายอาสาต้องไปอยู่ต่างจังหวัดเป็นอาทิตย์ แล้วคือ เราอยู่กับยาย แม่เราทำงาน เราจะไปได้ยังไง เราไม่ได้เป็นคนสมัครด้วยตัวเองรรุ่นพี่บอกให้เพื่อนเขียนชื่อเรา ซึ่งเรามารู้อีกทีตอนเพื่อนเราบอกว่าสมัครให้แล้ว มันเสียความรู้สึกมากๆ
นี่เหรอคือมหาวิทยาลัยที่ฉันวาดฝัน ความภูมิใจของฉันตอนสอบติดมันหายไป ฉันอยากกลายเป็นคนไม่มีที่เรียนซะเดี๋ยวนั้น ฉันต้องร้องไห้กี่ครั้งตอนรุ่นพี่ด่า ซึ่ง...มันไม่สมควรหรือเปล่าเพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ตอนที่ฉันสอบไม่ติด ไม่ได้อยู่ตอนที่ฉันขวนขวายหาที่เรียน ไม่ได้อยู่ตอนที่ฉันมาสอบ มีแต่แม่ของฉันเท่านั้นที่ค่อยอยู่ด้วย
สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันทน ก็คือแม่ของฉัน ฉันไม่อยากนับหนึ่งใหม่เพราะท่าน ฉันไม่อยากให้ท่านเสียเงินมากมายเพื่อฉัน ทุกวันนี้ฉันต้องทนมีเพียงกำลังใจจากครอบครัวเท่านั้น
ฉันอยากซิ่วจริงๆน อยากไปจากที่นี้ใจจะขาด ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ที่ฉันจะเรียนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องมาทน ที่ที่สามารถพูดสิ่งที่คิด ทำสิ่งที่ชอบ ที่ที่ตัวเองจะหายใจได้เต็มปอดไม่ต้องร้องไห้อย่างนี้
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะค่ะ
93 ความคิดเห็น
อย่าว่าเราเป็นเด็กหัวรุนแรงนะ แต่เราแนะนำให้ไปปรึกษาครูที่ปรึกษา(มหาลัยมีไหม??) บอกว่าเรามีความจำเป็นที่เราเข้าร่วมกิจกรรมไม่ได้ในบางอย่าง
การที่รุ่นพี่ทำงี้กับเธอ แม้กระทั่งเลือกชมรม เราว่ามันค่อนข้างที่จะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลไปสักหน่อยนะ ถ้าไม่อยากกดดันอย่าทำตัวให้โดนกดดันค่ะ
หรือไม่ก็ทำโพลเดินสำรวจเลยว่าใครไม่เห็นด้วยที่ระบบกิจกรรมเป็นแบบนี้
แล้วเอาผลสำรวจที่ได้มาไปปรึกษาผู้อำนวยการของมหาลัยเลยค่ะ
เอาให้มันเป็นเรื่องไปเลย
แต่ยังไงลองพูดลองบอกเหตุผลพี่เขาดีๆไปก่อนถ้า พี่เขายังเป็นงี้อยู่ก็ลองๆทำตามที่เราบอกนะคะ
สู้ๆนะคะ พยายามเข้าค่ะ ไม่แน่ถ้าอดทนต่อไปมันอาจจะเป็นแค่ปี1ปีเดียวก็ได้ค่ะ
เรารู้สึกเหมือนเธอเลย มหาลัยเราก็เป็นแบบนี้ จากที่วาดฝันและภาคภูมิใจในตอนแรก ตอนนี้เริ่มรู้สึกอยากซิ่วแล้วอ่ะ แต่ก็สงสารแม่ มันดีหมดทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว ยกเว้นสังคมที่แย่มาก
ถ้าเพื่อนปีเดียวกันยังดีอยู่ก็อดทนไปก่อน ไม่ไหวก็ผ่อนหนักเป็นเบาด้วยการพูดคุย(แบบดีดี)กับรุ่นพี่ ถ้าไม่รับฟัง เราก้ไปปรึกษา อจ. เพราะนี่มันเป็นปัญหาละเอียดอ่อนแต่ละบุคคล ไม่มีใครผิดที่บ้านไกล เดินทางลำบาก แต่บางคนถ้าไม่ใช่เรื่องตัวเองมันก็ไม่ฟังหรอก ปรึกษากับ อจ. ดีที่สุดนะ แต่ระวังไม่ให้ อจ. ไปบอกพวกรุ่นพี่ เดี๋ยวเราจะโดนเขม่น
เราแนะนำให้อดทนนะ เพราะถึงเขาจะรับน้องเป็นปี แต่ถ้ามองถึงผลระยะยาว เราได้อยู่คณะที่ใช่ จบไปเราก็ได้ทำงานในสิ่งที่เรารักและภาคภูมิใจไปตลอดชีวิตเรา
อดทนไม่กี่เดือน เราก็ได้ทำในสิ่งที่ใช่เราตลอดชีวิตแล้ว อย่าเพิ่งทิ้ง มีไม่กี่คนเองนะที่จะได้อยู่สถาบัน และคณะในแบบที่ใช่ตัวเราจริงๆอย่างเธออ้ะ คิดให้ดีนะ เสียดายแทนค่ะ
อย่าหัวอ่อนเกินไปสิ อย่างชมรมก็เราไม่เข้าไม่ไป. จะทำไรเราได้. ขาของเรา เท้าของเราไรงี้
ใช้ชีวิตให้มีความสุขอย่าไปฟังพวกมาก่อนมาก. เป็นตัวของตัวเอง ถ้ามาวุ่นวายมากก็ซัดไสักสองสามตุ๊บ
ข้างบนคือให้เหตุผลว่าทำไม ถึงต้องมีกิจกรรม ส่วนเหตุผลที่บอกว่าอยู่กับยายและไม่สะดวกในบางครั้ง หากรุ่นพี่ไม่ฟังจริงๆ ก็ออกมาเลยค่ะ เราต้องเอาครอบครัวไว้เป็นอย่างแรก ถ้ารุ่นพี่ไม่เข้าใจ งี่เง่าก็ปล่อยเขา ส่วนมากเรื่องพวกนี้เพื่อนจะเข้าใจเรามากกว่า
แนะนำได้เท่านี้ ปีสามระบบโซตัสสามเดือน ^^
สู้ๆนะค่ะ คิดถึงแม่เข้าไว้ อดทน อดทน และอดทนค่ะ :D อย่าไปยอมแพ้
เราไม่ใช่อยากซิ่วค่ะ ตอนนี้เราจะซิ่วแล้ว เริ่มเตรียมตัวสอบแกทแพทใหม่แล้ว555
เราจะซิ่วเพราะหลายปัจจัยค่ะ เรียนไหวแต่ไม่ชอบ ค่าเทอมแพงและผลที่ได้ไม่คุ้มเท่าที่ควรนั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่หลักๆเลยคือ
เรา"เกลียด"สังคมของที่นี่ค่ะ
เราอยู่มาเป็นเดือน ยังไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว จะว่ามีปัญหาเพื่อนไม่คบก็ไม่ใช่เพราะเราไปหาเพื่อนเก่าเราที่คณะของเค้า เราก็ยังหาเพื่อนได้เป็นสิบ ที่นี่มันเหมือนกับว่า
เราไม่อยากคบใครมากกว่า แต่ละคนชอบทำตัวไฮโซ และเห็นแก่ตัว ถ้าไม่ไฮโซตามก็ไม่ยุ่งด้วย
คนอื่นใช้ไอโฟน เราว่ามันแพงไป ใช้แค่โนเกีย โทร-รับ ได้ก็พอแล้ว มีไอโมบายอีกเครื่องไว้เล่นไลน์ ฯลฯก็พอ
ถือว่าไม่ไฮโซพอค่ะ จะทำท่าเหยียดๆหน่อยใส่ ซึ่งเราก็ไม่สนใจ เรื่องอะไรต้องให้แม่เราทำงานหนักขึ้นหาเงินมาซื้อไอโฟนให้ ตลกแล้ว-*-
เพราะงั้น ปีหน้าเราคงซิ่วไปอยู่คณะเดียวกับเพื่อนเรา สังคมดูดีกว่านี้เยอะ คงเพราะไม่ได้อยู่ใกล้กรุงเทพฯแบบนี้ล่ะมั้ง- -"
คุณจขกท.ก็สู้ๆนะคะ ที่พูดไปด้านบนนี่ไม่ได้หมายความว่าให้เอาอย่างเรานะ เสียเวลาไปตั้งปีนึง ถ้าคุณยังไหวกับการเรียน และคิดว่าอนาคตดีๆกำลังรออยู่ ก็อดทนต่อไปเถอะค่ะ แค่ปีเดียวเองหลังจากนี้คุณก็สบายแล้ว
แต่สำหรับเรา...เราไม่ไหวแล้ว555 ยอมเสียเวลา1ปีเพื่ออนาคตที่ดีกว่าแล้วล่ะ
บอกก่อนว่าอ่านไม่จบ อ่านแค่สามย่อหน้าแรกและเลิกอ่าน
ฉันไม่ใช่คนหัวโบราณที่ไม่กล้าที่จะต่อต้านการรับน้อง แต่ฉันแค่คิดว่าต่อต้านไปมีประโยชน์อะไรและทำไมต้องไปต่อต้าน การรับน้องมีข้อดีนะคือทำให้เรามีเพื่อน ไม่มีใครอยากอยู่โดดเดี่ยวจนจบหรอก ฉันรู้ว่าคุณเหนื่อยกับมัน ตอนรับน้องฉันก็เหนื่อย เหนื่อยมากๆอดหลับอดนอนแทบทุกวันและคิดเช่นกันว่าทำไมสอบเข้ามาแล้วต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย... แต่สุดท้ายมันก็จบลง บางสิ่งมันมีเหตุผลของมันเสมอ ไม่มากก็น้อย
เอาจริง ๆนะค่ะ
เราคิดว่าการที่จะไม่ถูกบังคับ
มหาลัยรัฐคงทำไม่ได้หรอกนะค่ะ เพราะ
1. มหาลัยรัฐ เข้าใจสืบทอดกันมาตลอด
ว่าต้องฟังรุ่นพี่ ... เชื่อรุ่นพี่ และทำกิจกรรมร่วม
ถ้าหากคุณไม่ทำกิจกรรมร่วม คุณก็จะไม่มีใครคบ เพราะทุกคนจะคิดว่าคุณ
เป็นพวกแกะดำ อันนี้เราพูดถูกไหมคะ ?
2 . ประเด็นที่สองนะค่ะ คือ คุณต้องพยายามเข้มแข็งค่ะ ไม่ใช่เข้มแข็งแล้วให้คุณไปเถียงรุ่นพี่ฉอด ๆ ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่ค่ะ แต่อยากให้คุณเข้มแข็งและก้าวต่อไป
3. ให้คุณหาเพื่อนสินทสักคน คอยให้เขาแก้ตัวให้ หรือ 3-4 คนก็ได้หาเอาจากกิจกรรมพวกนั้นที่คุณเข้า หาเขาแก้ตัวให้เวลาคุณไม่โผล่หน้าไปหตุการณ์ทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ เพราะเขาจะสามารถช่วยคุณได้นะค่ะ
ค่ะ ฉันก็แนะนำคุณได้แค่นี้ เพราะเราเป็นเด็กเอกชน เลยไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับระเบียบที่เคร่งของอะไรรแบบนี้เท่าไหร่ เพราะพวกเราสามารถทำอะไรตามใจได้ และพวกเราสามารถพูดกันได้เหตุผลได้
และเหตุการณ์ของมหาลัยเราคือ เพื่อนค่ะ เพื่อนสามารถแก้ตัวแทนเราได้จริง ๆ
อันนี้เคยผ่านมานะค่ะ ^_^
ปัญหามีไว้ให้แก้ แค่นี้ยังทนอะไรไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้ แล้วอนาคตจะต้องเจออะไรอีกมากมาย ... สังคมที่โหดร้ายกว่าการเรียนในมหาลัยมากมาย จะไหวหรือ
อารมณ์เดียวกันครับ.. ทำใจ
# ตอนนี้เราก็เป็นอยู่นะ แต่รุ่นพี่เราไม่โหดขนาดนั้น แต่สังคมภายนอกไมมันดูเสแสร้ง ไม่จริงใจยังไงไม่รู้อ่ะ เนี่ยแหละปัญหาที่อยากจะซิ่ว พอๆกัน เข้าใจความรู้สึกเลยอ่ะ
เข้ามางงกับเหตุผลคนบางคน
นี่เราสอบเข้ามาด้วยความอุตสาหะของเราเองนะ
ไม่ได้ไปกราบไหว้อ้อนวอนให้รุ่นพี่รับเข้ามาเรียน
เราเข้าใจว่าระบบรุ่นพี่รุ่นน้องมันช่วยให้เราสนิทกัน
แต่อะไรที่มันรุนแรงเกินไป ถึงขั้นคุกคามขนาดนี้ เราว่าพอเถอะ
มันไม่จะรักกันได้ไงในเมื่อมันทำให้คนๆ หนึ่งเจ็บถึงขนาดนี้
ไม่ไหวก็ถอนตัวครับ ไม่เข้ารับน้อง ไม่เข้าชมรม
ถ้าพี่มันจะบ้าถึงขนาดใช้กำลังก็แจ้งอาจารย์แจ้งอธิการครับ
สู้ๆนะคะมาถึงจุดนี้แล้ว
ทุกอย่างมีด้านบวกและลบค่ะ โดยส่วนตัวเกียดระบบโซตัสมาก แต่เราสามารถเปลี่ยนมุมมองทัศนคติให้ดีขึ้นได้ค่ะ อย่าจมปรักจนทำให้เราเป็นทุกข์ค่ะ หาวิธีแก้ไข และเดินหน้าค่ะ อย่าทำให้เรื่องที่เราไม่ชอบมาตีกรอบชีวิตของเราค่ะ มองใหม่ ทำใหม่ มั่นใจค่ะ กลับดึกไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับดึกค่ะเพราะที่บ้าน อันนี้ถ้าบอกไปแล้วพวกเขาไม่เข้าใจก็เป็นรุ่นพี่ที่แย่มากแล้วค่ะ ความอดทนจะทำให้เราแกร่งขึ้นค่ะ สำหรับข้อแนะนำบ้าๆนะค่ะ 55 ถ้าอยากปรับอะไรๆให้มันดีขึ้นก็รอจนถึงวันที่ได้เป็นประธานนักศึกษาค่ะ แล้วลองร่างเรื่องแจ้งเลยค่ะ ปรับให้เหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว ฉันเป็นคนนึงที่เชื่อว่ายังมีวิธีที่ดีกว่านี้ในการที่รุ่นพี่จะทำให้รุ่นน้องรักกันค่ะ มันมีที่ดีกว่านี้แน่ๆค่ะ !!!
เหมือนเราเลยใครว่าสบาย ชีวิตเหมือนไม่ใช่ของเราที่อื่นว๊ากเป็นคณะใช่ไหม
ของเราว๊ากเป็นเอก โดนทุกวัน เวลาว่างจะไปไหนก็ไม่ได้รอฟังว่าพี่นัดตอนไหน
ใครไม่มาโดนว๊ากเดี่ยว ปลุกระดมให้เพื่อนเกลียดคนที่ไม่ยอมเข้าพบพี่
ก้มหน้าลง มือไขว้หลัง ปิดไฟ ก้มลงไป น้องมันเก่ง มันไม่ไหว้พี่
คือพี่จะทำตัวไงก็ได้ แต่น้องนี่ใครไม่ไหว้พี่โดนมาชี้ตัวเลย
มีเรื่องทุกวัน ปวดหัวทุกวันบางทีเราร้องไห้หนักเพราะเครียดมาก
ไปม.ก็ไม่อยากไป เรียนก็ไม่เข้าใจ เฟสก็ห้ามโพส
มีอีกเยอะดราม่ากว่านี้เยอะ อะไรที่คาดไม่ถึง
บอกเยอะไม่ได้เดี๋ยวรู้หมด ปากบอกว่ารักน้อง เราว่าไม่จริงอะออกแนวใช้อารมณ์ มากกว่า
เรื่องที่เจอมันเยอะมาก มันโหดร้ายและมีบางอย่างที่เราว่ามันไม่เหมาะสม
เฮ้อออออออออออ
เป็นเราก็ไม่อยู่นะสังคมแบบนี้อ่ะ
อย่าลืมว่ามหาวิทยาลัยมันเป็นสังคมอิสระให้คนได้ฝึกที่จะคิดเอง ทำเอง เลือกเอง
ไม่ใช่การถูกบังคับไม่ทำ ให้คิด ให้เลือก ตามที่คนรุ่นก่อนๆ คิดกันมา
รับน้อง ถ้ามันเหนื่อยแค่กาย มันก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่สนุกดี เราเองก็ชอบ เพราะอย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมเหนื่อยกับเรา คุยกันรู้เรื่องจนแก่
แต่ถ้าเหนื่อยใจ ลำบากใจด้วยล่ะก็ นานๆไปมันจะกลายเป็นความเคยชิน สุดท้ายเราก็กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่คิดแบบเดิมๆ ทำแบบเดิมๆ เลือกแบบเิดิมๆ
ประเทศเราที่มันยังย่ำอยู่กับที่ ไม่ใช่เพราะมันอยู่แต่กับสิ่งเดิมๆหรอกหรอ
อย่าให้ใครมาบังคับเราได้ ครอบครัวสำคัญที่สุด
ทำเพื่อคณะ เพื่อคนส่วนรวมนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ยิ่งกว่านั้นคือตัวเราและครอบครัว และการเรียน
ตามที่น้องบอกพี่ว่าน่าเห็นใจครับ มาเป็นครอบครัวพระบิดาด้วยกันครับ มหิดล
เราก็เป็นเฟรชชี่ปีนี้นะ อันนี้จากมุมมองของเรา
คือเราก็ไม่ได้เรียนในกรุงเทพ แต่จังหวัดที่เราเรียนก็ถือว่าเมืองพอสมควร
เรื่องรับน้องไม่เท่าไหร่ แต่ที่โดนคือ บังคับให้ขอลายเซ็นรุ่นพี่ให้ได้ 150 คน
ซึ่งมันเป็นไปได้ยากมากกกก เพราะเราเองก็มีเรียน บ่ายก็ซ้อมเชียร์
แล้วพอรุ่นพี่นัดตรวจก็ไม่มีใครได้ครบ แล้วพี่ก็สั่ทำโทษแบบครึ่งยกอ่ะ (ประมาณว่าเก้าอี้ลม เหมือนนั่งเก้าอี้ แต่ไม่มี ค้างไว้อย่างนั้น) แล้วก็ให้ร้องเพลงเชียร์ไปด้วย
ในปี 1 มีคนขาแพลงด้วย คอล็อก (แบบขยับไม่ได้) วันนั้นสาขาเราส่งเข้าศูนย์แพทย์
ประมาณ 20 คนได้ เราเป็นหนึ่งในนั้น(เราหอบขึ้น) แล้วพี่ก็ไปส่งแค่หน้าศูนย์แพทย์
ยังมีหน้าหันมาถามเรา "เข้าไปเองได้ใช่ไหม" คือในใจอยากจะบอกว่าก็ช่วยดูสภาพฉันหน่อย แต่ก็นะคลานเข้าไปเอง 555
แล้วรุ่นพี่ปี 2 สาขาเราที่อยู่ในนั้นก็มาพาไป แต่ที่น่าเจ็บใจคือ มีน้องป่วยสัก 20 คนได้ แต่มีพี่อยู่ในศูนย์แพทย์ 2 คน ตั้งแต่วันนั้นมาเราก็ไม่ค่อยอยากจะไหว้เลย
ถ้าเจอแบบไกลๆหน่อย เลี่ยงได้เราเลี่ยง อ่ะนะ มันก็ไม่ใช่ว่าเราทำถูกหรอก
แต่พี่บางคนไม่จำเป็นต้องมาบอกเราไหว้หรอก เค้าดูแลเราดี เทคแคร์ดี น่าเคารพ เราก็ไหว้อยู่แล้ว
อ้อเรื่องลายเซ็นเราก็ไม่ครบอยู่ดี เราเลยบอกพี่ว่าพี่ตรวจอีก 10 ครั้งหนูก็ไม่ครบหรอกค่ะ เพราะพี่บางคนเค้าก็ไม่มาแจกลายเซ็น คนที่มาก็มีแต่คนเดิมๆ 555
แต่ก็นะ เลิกตรวจแล้วแหละ โดนทำโทษไปตามระเบียบ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?