Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ใครเคยตีพิมพ์กับธราธรบ้าง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อยากถามเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนครับ คือในสัญญาบอกว่าจะจ่ายให้แบ่งเป็นสองงวด งวดแรกจ่ายภายในหนึ่งเดือน งวดที่สองภายในสองเดือน นิยายของผมตีพิมพ์กับธราธรและวางแผงครบเกิน 30 วันแล้วเข้าสู่เดือนที่สอง แต่ยังไม่ได้รับตังค์เลยสักบาท แถมเมื่อกี้เข้าไปอ่านในเฟสบุ๊คส์ธราธร เจอข้อความของนักเขียนคนหนึ่งที่เข้ามาโพสต์ถามทวงค่าต้นฉบับเหมือนกัน ผมเลยชักกลัวๆ ว่าอาจจะเกิดการเบี้ยวหรือเปล่า เพิ่งเคยตีพิมพ์กับที่นี่เป็นครั้งแรกด้วย ปกติที่อื่นก็ให้ตรงเวลา ไม่เคยผิดนัดแบบเคสนี้

เป็นไปได้ไหม ที่สำนักพิมพ์นี้อาจจะกำลังประสบปัญหาทางการเงินหรือเปล่า เลยหมุนเงินไม่ทันและทำให้จ่ายค่าต้นฉบับล่าช้ามาก ผมเลยอยากรู้ว่าที่ผ่านมา นักเขียนท่านใดที่เคยตีพิมพ์กับธราธรเจอปัญหานี้บัางไหมครับ และเคยโทร.ไปทวงค่าต้นฉบับกับทาง บก. หรือเปล่า ผมกะว่าวีคนี้จะลองหน้าด้านโทร.ไปถามเลย บอกตามตรงกลัวโดนเบี้ยวครับ

แสดงความคิดเห็น

151 ความคิดเห็น

เคย์เซย์ (Keisei) 3 ก.ย. 56 เวลา 00:34 น. 1

ไม่ทราบว่าโทรสอบถามกับทางสนพ.แล้วหรือยังครับ? บางทีทางสนพ.อาจจะยังไม่ปิดรอบงบประมาณก็ได้ แต่ละสนพ.มีรอบจ่ายไม่เท่ากันครับ บางครั้งก็มีความผิดพลาดจนล่าช้าไปบ้าง (ผมก็เจอประำจำครับ ขนาดว่าสนพ.ที่เคยอยู่เป็นสนพ.ค่อนข้างใหญ่นะ) ธราธรก็มีนักเขียนเยอะด้วย การปิดรอบแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย ต้างมีล่า้ช้ากันบ้างล่ะครับ 

ถ้ายังไงลองติดต่อกับทางบก.หรือสนพ.โดยตรงจะดีที่สุด มาถามคนนอกแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เผลอๆ ทำให้จิตตกไปกว่าเดิมเหมือนที่ท่านไปเจอคอมเมนต์ของนักเขียนอีกท่านนั่นแหละครับ 

0
เคย์เซย์ (Keisei) 3 ก.ย. 56 เวลา 00:35 น. 2

อนึ่ง จากสายข่าวที่มี ผมยังไม่ได้ยินข่าวว่าธราธรเบี้ยวเงินใครนะครับ มีแต่จ่ายช้าเท่านั้น ดังนั้นถามไปเถอะ ถ้าเบี้ยวก็ฟ้องร้อง ไม่มีอะไรยากเลย

0
ใจแลกเบอร์.. 3 ก.ย. 56 เวลา 09:44 น. 3

ไม่เบี้ยวค่ะ
แต่จ่ายช้ามากกกกกกกกก

หนังสือวางแผงเดือน 11 ปีที่แล้ว
ได้เงินครึ่งแรกราวๆหลังงานหนังสือเดือนเมษา
ครึ่งหลังมาเอาปลายเดือน 5
แต่ก็พยายามจิก บก.เอาไว้ให้บ่อยค่ะ
เดี๋ยวเขาลืม...

0
แสนดี 3 ก.ย. 56 เวลา 10:45 น. 4

โห ทำไมนานจัง เข้าใจแล้วคำว่านักเขียนนไส้แห้ง เป็นแบบนี้นี่เอง กว่าจะได้เงินมาปาไปเกือบครึ่งปี แบบนี้ถือว่าสำนักพิมพ์ทำผิดสัญญาหรือเปล่า แล้วตัวนักเขียนฟ้องร้องได้ไหม เพราะถือว่าไม่ทำตามที่ระบุไว้ในสัญญา...

ปล. มีสำนักพิมพ์ไหนบ้างที่จ่ายตรงเวลาบ้าง และไม่ล่าช้าแบบที่นี่

0
นักเขียนคนหนึ่ง 4 ก.ย. 56 เวลา 09:38 น. 5

บ.ประสบปัญหาขนาดหนัก กำลังระดมเงินทุนอยู่ ...แต่ก็แปลกที่ยังออกหนังสือได้โครมๆ บอกว่าเอาเงินออกมาจ่ายให้นักเขียนไม่ได้ แบบนี้แสดงว่าค่าโรงพิมพ์ก็ยังไม่ได้จ่ายน่ะสิ หรือจ่ายได้???????? จ่ายโรงพิมพ์ได้ แต่จ่ายนักเขียนไม่ได้งั้นเหรอ

0
เห็นใจบ้าง 4 ก.ย. 56 เวลา 10:58 น. 6

ของคุณยังแค่เดือนเดียว แต่ของเราหนังสือออกตั้งแต่ต้นปีจนเดือนนี้ กันยายน ครับพี่น้อง ยังไม่เห็นแต่เศษเสี้ยวของเงินค่าต้นฉบับ ที่เราไม่กล้าทวงถามเพราะกลัวจะถูกสำนักพิมพ์แบนงาน และคิดไปว่าสำนักพิมพ์อื่นๆ จะคิดว่าเราเป็นพวกเรื่องมาก เราเป็นนักเขียนใหม่ พอเราไม่ทวงเขาก็เงียบ ถามคนอื่นๆ ที่ออกในเดือนเดียวกัน คำตอบเหมือนกัน ทางสำนักพิมพ์ตอบกลับทุกครั้งที่เราทวงถาม แต่ก็ให้เหตุผลในการ 'เลื่อนจ่าย' ถ้าทางสำนักพิมพ์เขามีเหตุผลอะไรก็น่าจะออกมาบอกกันอย่างเป็นทางการบ้าง ไม่ใช่ว่าเงียบหายไปแบบนี้ เรายังเรียนอยู่ด้วย พ่อแม่เราก็อุตส่าห์วางใจว่าลูกหาเงินได้ เก็บเงินค่าเทอมค่าโน่นนั่นนี่ที่เคยส่งให้เราไปใช้จ่ายอย่างอื่น ทีนี้เงินที่เรารอคอยอย่างมีความหวัง ทำลายความหวังของเราลงทุกอย่างเลย เสียความรู้สึก เสียใจ อะไรๆ ที่เคยตั้งใจจะทำก็ต้องมัวแต่นั่งรอน้ำบ่อหน้าที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมาถึง ถ้าคนจากสำนักพิมพ์มาอ่านกระทู้นี้ ก็ขอร้องล่ะช่วยทำอะไรสักอย่างเถอะ ถ้าคนป่วยป่านนี้คงตายไปแล้วเพราะไม่มีเงินรักษา ใจเขาใจเราก็เข้าใจนะ แต่ไม่เข้าใจว่า ความเป็นมืออาชีพของคุณอยู่ที่ไหน
ข้อความนี้อาจแรงไปแต่เราอดทนรอ รอ แล้วก็รอ จนเกินทนแล้วเศร้าจัง

0
มายาลิขิตนางมาร 4 ก.ย. 56 เวลา 11:38 น. 7

นักเขียนบางท่านก็หวังแต่เงินกันจริงๆ เนอะ ผมเองก็เขียนนิยายเพื่อสร้างนามปากกา เน้นการเขียน เน้นฝีมือ ผมส่งเรื่องนิยายหลายสำนักพิมพ์ ก็พอรู้ว่าแต่ละสำนักพิมพ์บางที่ก็ดีบ้างไม่ดีบ้างในบางเรื่อง แต่ผมก็ไม่เคยมาเขียนโจมตีสำนักพิมพ์ใดๆ เลย เพราะเชื่อว่าสำนักพิมพ์คงมีเหตุผล คงมีปัญหากันบ้าง เพื่อนๆ ที่เป็นนักเขียนดังๆ ที่ผมรู้จักก็พูดกันทางเดียวกันว่า มีแต่นักเขียนใหม่ๆ สมัยนี้รับเงินแบบเหมาจ่ายไม่สนใจว่าหนังสือที่ตีพิมพ์จะขายได้ไม่ได้ เมื่อถึงวันเงินก็ต้องได้ ไม่ได้ก็ต่อว่า โฟสต์โดนตีสำนักพิมพ์กัน แต่สำหรับนักเขียนที่รับตามยอดขาย ก็ได้เงินเรื่อยๆ ตามผลงานที่เราเขียนได้ ไม่จำเป็นต้องมาเดือดร้อนต่อว่าที่ไหนๆ เลย ผมไม่รู้หรอกว่าเหตุผลที่จ่าย นักเขียนท่านอื่นๆ ช้าเพราะอะไร แต่ก็ควรสอบถามกับทางสำนักพิมพ์ ไม่ควรมาต่อว่าสำนักพิมพ์ ผมเป็นกลางและเข้าใจนักเขียนด้วยกัน แต่ไม่อยากให้มีการมาต่อว่าสำนักพิมพ์ใดๆ ผ่านสื่อ เพราะทำไปตัวคุณเองก็ไม่ได้ดูสูงขี้น หรือ ดูดีขึ้น แต่อย่างใด ผมเชื่อว่าถ้าสำนักพิมพ์เค้ามาอ่านข้อความทุกคุณๆ มาต่อว่า ก็คงรู้สึกแย่ครับ ในโลกออนไลน์คุณจะทำอะไร จะว่าอะไรใคร ไม่มีใครห้ามคุณได้ แต่วันนึงมันจะทำให้จิตใจคุณมีแต่ความมืดมน ไม่มีความสุข ผมเชื่ออย่างนั้น สำหรับเพื่อนๆ ที่อ่านข้อความของผม เชื่อว่าคงจะเข้าใจที่ผมมาโพสต์ข้อความนี้ ขอบคุณครับ รักเลย

0
J-Juliet. 4 ก.ย. 56 เวลา 15:23 น. 8

ของเราเคยตีพิมพ์กับสนพในึงนะคะ ( ไม่ขอเอ่ยชื่อ ) แบ่งจ่ายเป็นงวดแบบนี้เหมือนกัน

งวดแรกได้ตรงเวลาค่ะ 30 วันหลังวางแผง ได้มาสองหมื่นเจ็ดพันบาทถ้วน  งวดที่สองเขาบอกว่าได้ตามยอด 90 วันหลังจากงวดแรก  แต่!!! นิยายต้องขายได้ถึงตามเป้า  ถ้ายังขายไม่ถึงตามเป้าก็จะผลักไปอีก  จะจ่ายให้หลังวางแผง 120 วันแทน ถ้านิยายขายได้รวม 1500 เล่ม

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็...จะห้าปีแล้วค่ะ 5555+ ใกล้จะหมดสัญญาแล้ว

ไม่เคยได้รับงวดที่สองอีกเลย  แต่ก็ไม่เคยส่งเมลหรือโทรไปถามสนพในะคะ  ปล่อยเลยยย

แค่นิยายได้วางแผงก็ภูมิใจ  เงินงวดแรกก็ได้มาเกือบสามหมื่น  เลยไม่ติดใจอะไรเลย 555

0
ใจแลกเบอร์ 4 ก.ย. 56 เวลา 22:35 น. 9

@6
สนพ.ที่ดี ก็ไม่ควรบิดพลิ้วเรื่องเงิน
หรือถ้าจะจ่ายช้าก็ควรบอกกล่าวในหนังสือสัญญาแต่เนิ่นๆ
จริงอยู่สนพ.ทุกแห่งมีข้อดีข้อเสีย แต่ข้อเสียเรื่องจ่ายเงินถือว่าด่างพร้อยที่สุด
ถ้านักเขียนจะออกมาโวยวายมันก็สิทธิ์ของเขา จะให้ยอมโดนทำนาบนหลังคนรึ
นี่ไม่ใช่โลกพระศรีอาริย์ ทุกอย่างจะได้สว่างกระจ่างใจมนท์ไปหมด
การทับถมคนอื่นที่เดือดร้อน ก็ไม่ได้ทำให้คุณสูงส่งไปกว่าคนอื่นหรอกนะ

หรือเป็นนอมินีของ สนพ.มาเอง

0
เคย์เซย์ (Keisei) 4 ก.ย. 56 เวลา 23:08 น. 10
ถึงความเห็นที่ ๖

ในฐานะที่ตัวผมเองก็เป็นนักเขียนที่เคยออกนิยายกับสนพ.มาหลายแห่ง ประสบและพบเจอปัญหามาก็หลายอย่าง ผมขอพูดอะไรสักหน่อยแล้วกันนะครับ

๑. ผมไม่คิดว่าการมาทวงถามหาสาเหตุในการจ่ายเงินช้าเป็นการโจมตีสนพ.แต่อย่างใดครับ จขกท.เพียงต้องการรักษาสิทธิ์อันพึงได้ของตนเท่านั้น เพราะทางสนพ.ได้ระบุไว้ในสัญญาอย่างละเอียดแล้วว่าจะต้องจ่ายตอนไหน เมื่อไหร่

หากจะพลาดก็ตรงที่ จขกท.เลือกมาตั้งในบอร์ดสาธารณะ แทนที่จะสอบถามไปทางสนพ.ทางหลังไมค์ ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าจขกท.และนักเขียนท่านอื่นที่มีปัญหาเดียวกันตั้งใจจะโจมตีสนพ.

๒. การที่นักเขียนทวงถามเกี่ยวกับค่าตอบแทนนั้น "ยัง" ไม่ถือว่านักเขียนเห็นแก่เงินนะครับ อย่าคิดว่าตัวเองชิลๆ ไม่เป็นไร แล้วคนอื่นต้องเป็นแบบนั้นไปด้วย พอคนอื่นทำตัวแตกต่างจะมาชี้หน้าบอกว่าเขาเห็นแก่เงินมิได้ การที่ท่านทำตัวแบบนี้ ถือว่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานเกินไป

นักเขียนแต่ละคนล้วนแต่มีแนวคิดแตกต่างกันไปครับ นักเขียนหลายท่านไม่ได้เขียนเพื่อเงิน แต่เขาก็ยอมรับไม่ได้ที่ทางสนพ.จ่ายเงินช้า "โดยไม่มีการแจ้งเหตุผลให้ทราบ" หรือ เนียนเงียบไปเลย สมัยนี้การเบี้ยวค่าตอบแทนเกิดขึ้นได้ง่ายๆ นักเขียนหลายคนจึงระแวงเป็นเรื่องปกติ

สำคัญยิ่งกว่าคือ นักเขียนหลายท่าน เขียนนิยายเป็นอาชีพ เงินค่าตอบแทนจะถูกใช้เป็นค่าใช้จ่ายอีกหลายอย่าง มีภาระอีกมากมายที่ต้องรับผิดชอบ นักเขียนหลายคนไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง หรือคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด แต่ละคนต่างก็ต้องเลี้ยงปากท้องของตัวเองทั้งนั้น การจ่ายช้า = สูญเสียรายได้ที่จะใช้จ่ายในแต่ละเดือน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายผูกพันรายเดือนทั้งหลาย จึงไม่แปลกที่จะมีการทวงถามและติติงการทำงานของสนพ.เกิดขึ้น

แน่นอนครับ นักเขียนส่วนมาก เข้าใจสนพ.อยู่แล้ว หากว่าทางสนพ.มีเหตุผลที่ชัดเจน นักเขียนก็พร้อมจะยอมรับ ไม่ใช่ทุกคนที่จะไร้เหตุผล ไม่ใช่ทุกคนที่จะแข็งจนอ่อนไม่เป็น นักเขียนส่วนมากพร้อมที่จะรับฟังเหตุผลเสมอ

๓. เมื่อนักเขียนเซ็นต์สัญญาตีพิมพ์กับทางสนพ.แล้ว นักเขียนมีสิทธิ์ที่จะทวงถามความคืบหน้าของงาน (แต่ต้องไม่ใช่การจิกประหนึ่งฉันเป็นเจ้าของงาน ฉันมีสิทธิ์จะรู้ทุกครั้งที่ฉันอยากจะรู้ สอบถามเมื่อเห็นว่าเวลาเหมาะสมควรจะถาม และต้องไม่ก้าวก่ายการทำงานของทีมงานด้วย) โดยเฉพาะในด้านค่าตอบแทน ซึ่งถือเป็นการรักษาสิทธิ์อันพึงควรของตน ซึ่งนักเขียนจะกระทำที่ไหนนั่น อยู่ที่ตัวนักเขียน

แต่ทางที่ดีนักเขียนควรจะสอบถามหลังไมค์จะดีที่สุด เพราะออกหน้าไมค์แล้วก็เจอท่านที่มีความคิดแบบความ ๖ เสมอ ทำใจไว้เยอะๆ

๔. นักเขียนมีสิทธิ์ติติงการทำงานของสนพ.อย่แล้ว การตีติงไม่ใช่การต่อว่า แต่เป็นการกระตุ้นให้เห็นว่าข้อเสียอันพึงควรแก้ไขนั้น อยู่ตรงไหน เสมือนนักอ่านที่ติติงนิยายของนักเขียนนั่นแหละครับ ท่านต้องแยกแยะให้ออก

หากเรื่องนี้จะพลาดก็คงเป็นการที่มาวิพากษ์ออกหน้าไมค์ก็ได้ เพราะถ้าจะให้ผมพูดตรงๆ ไม่ีมีใครชอบให้ึคนอื่นมาด่าต่อหน้าหรอกครับ ทั้งนักเขียน นักอ่าน และสนพ. เลยล่ะ แต่ในทางกลับกัน ผมกลับคิดว่าการติติงต่อหน้าแบบนี้ ดีกว่าไปด่าลับหลังนะครับ คลื่นใต้น้ำมักอันตรายกว่าคลื่นผิวน้ำเสมอ

อีกอย่างถ้าทางสนพ.สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ หรือสามารถก้าวผ่านความลำบากนี้ไปได้ ไม่เพียงแต่จะสร้างเครดิตให้ตัวเองได้เท่านั้น แต่ยังทำให้นักเขียนรู้สึกเชื่อมั่นมากขึ้นด้วย



0
คนทำงาน 5 ก.ย. 56 เวลา 13:39 น. 12

ขออัพเดทสถานการณ์เพิ่มเติม ดูเหมือนว่าตอนนี้สำนักพิมพ์พยายามหนีปัญหานี้ ด้วยการโพสต์ผ่าน facebook ว่าถ้าอยากจะถามทวงค่าต้นฉบับให้โทร.ไปหาบก.โดยตรง แต่กลับกลายเป็นว่าพอนักเขียนโทร.ไปจริง กลับไม่ยอมรับสาย และอีเมล์ไปถาม ก็ไม่ยอมตอบกลับมา แบบนี้หมายความว่าอะไร??????

หรือที่หลายคนสงสัยว่าสำนักพิมพ์กำลังประสบปัญหาทางการเงินจะเป็นเรื่องจริง เพราะตอนนี้เท่าที่ไปคุยกับนักเขียนที่ส่งต้นฉบับให้กับสำนักพิมพ์นี้โดนเบี้ยวจ่ายเงินสิบกว่าคน บางคนหกเดือนกว่าแล้วยังไม่ได้เลย แล้วจะต้องทำยังไงต่อไป จะให้พวกเรารอค่าต้นฉบับแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่เหรอ

ถูกใจความเห็นของคุณเคย์เซย์มาก เขียนได้โดนใจเรา เราเป็นคนหนึ่งที่หารายได้พิเศษจากการเขียนนิยายเพื่อมาจุนเจือครอบครัว แต่ตอนนีเกลับเสียความรู้สึกกับสำนักพิมพ์นี้มาก ไม่คิดว่าเขาจะทำกับนักเขียนแบบนี้ หากคนของสำนักพิมพ์ธราธรมาอ่านอยากให้พวกคุณช่วยคำนึงถึงจิตใจนักเขียนบ้าง กรุณาช่วยชี้แจงสาเหตุที่ไม่ยอมจ่ายเงินตามสัญญา และโปรดรับปากให้พวกเรามั่นใจหน่อยว่าคุณพร้อมจะจ่ายเงินให้พวกเราเมื่อไหร่ ไม่ใช่ทำตัวเงียบหายเข้ากลีบเมฆแบบนี้ สำนักพิมพ์คุณก็ไม่ใช่เล็กๆ มีชื่อเสียง แต่ทำไมทำงานกันไม่เป็นมืออาชีพ เสียดายชื่อเสียงที่สั่งสมมานานจริงๆ

ต่อไปนี้ นักเขียนทั้งหลายที่คิดจะส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์นี้อีก ต้องพิจารณาให้รอบคอบกว่าเดิมแล้ว และคงต้องเตรียมใจหากจะไม่ได้ค่าตอบแทน

0
เพื่อนนักเขียน 5 ก.ย. 56 เวลา 16:05 น. 13

มีวงในบอกมาครับว่า อักษรศาสตร์ ธราธรกำลังจะเจ๊งแล้ว
การเงินไม่ดีมาก หมุนเงินไม่คล่อง ต้องกู้เงินธนาคารมาโปะหนี้เสีย
กู้เงินมาจ่ายนักเขียน


ผมบอกได้เลยว่า มีคนเคยถูกเบี้ยวค่าต้นฉบับมาแล้ว
และขอให้น้องๆที่ยังไม่ได้เงิน ทำใจไว้เลย เห็นบางคน
สนพ.ติดอยู่คนละ แสนหก แสนเจ็ด ก็มี ไม่มีทางจ่ายง่ายๆหรอกคระบ
ถ้าไม่ฟ้อง ไม่แจ้งความ เพราะตอนนี้สำนักพิมพ์กำลังยืดอายุความ
ให้คดีหมด

ใครที่คิดจะส่งที่อักษรศาสตร์อีก คิดๆแล้วกัน

0
จิ้ง 5 ก.ย. 56 เวลา 16:57 น. 14
#6
ผมไม่เห็นว่าจขกท.เขาจะโจมตีสำนักพิมพ์ตรงไหนนี่ครับ เขาก็แค่ถามว่าสำนักพิมพ์มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ผมว่านะถ้าสนพ.มีปัญหาอะไรก็ควรมีการบอกกล่าวนักเขียนด้วย คือผมยังรู้สึกว่าการร่วมมือกันเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องทำนะครับ ไม่ใช่รอให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเรียกร้องก่อน พอเขาไม่เีรียกร้อง ก็ไม่ชี้แจ้ง เงียบ ปัดๆ ไป ซึ่งดูไม่เป็นมืออาชีพนะ ลองสนพ.ออกมาบอกว่ามีเหตุผลทำให้จ่ายเงินล่าช้า อาจจะได้สักเดือนนี้ๆ แทน ก็คงไม่มีนักเขียนเขาว่าอะไรหรอกครับ ไม่ใช่เงียบหาย ไม่มีกำหนด แน่นอน

อีกอย่างผมมองว่านักเขียนก็อาชีพหนึ่งนะครับ ทำงานแล้วไม่ได้เงิน ยังต้องมานั่งเกรงใจว่า ถ้าเข้าไปทวงเงินแล้วจะทำให้สนพ.เสียใจอีกเหรอ ผมว่าไม่ใช่แ้ล้วล่ะ ตราบใดที่ต่างฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองสมบูรณ์แล้ว การที่เขาจะคาดหวังและรอคอยสิ่งที่เขาควรได้รับ มันไม่เห็นจะเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวเลย คนที่ทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์แล้วร้องขอให้คนอื่นเห็นใจต่างหากที่น่าจะพิจารณาตัวเอง 

อีกอย่างผมว่าจขกท.เองก็น่าจะโทรไปถามสนพ.ให้แน่ชัดดีกว่านะครับ ผมเองก็เคยโดนเรทค่าต้นฉบับนะ เบาะๆ ก็อาทิตย์สองอาทิตย์ หนักๆ ก็เป็นเดือน ถึงขั้นไม่ยอมจ่ายจนต้องฟ้องเอาก็มี แนะนำว่าไปสอบถามกำหนดเวลาให้แน่นอนก่อน ให้ทางสนพ.ระบุเวลามา หรือถามไปเลยว่าทางเขามีปัญหาไหม ถ้าเขามีปัญหา ให้รอไปก่อน ก็ตัดสินใจเอาว่าสามารถรอคอยได้ช้านานแค่ไหน ผมว่ามันดูจริงใจดี ตัวสนพ.ก้ได้แสดงความจริงใจว่าเขาไม่ได้หนีไม่ได้หลบ ตัวนักเขียนก็แสดงความจริงใจว่าเรายอมรับฟัง และให้ได้เท่าที่เราให้ได้ ไม่ใช่กับถึงตัดเยื้อใยไม่มีเหตุผลกับเขา 
0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

นักเขียน 6 ก.ย. 56 เวลา 06:48 น. 17

เป็นนักเขียนของสำนักพิมพ์ค่ะ

เข้ามาตอบว่าให้รอคะ ได้คุยกับพี่บกแล้วคิดว่าอีกไม่นานพี่เขาจะออกมาเคลียร์นะคะ

ส่วนตัวเชื่อว่า สนพ ไม่เบี้ยวหรอกค่ะ แต่ที่เขายังเงียบ เพราะพี่เขาเองก็คงเครียดจนความดันทะลุทะลวงเข้าไปถึงงสมองแล้ว

คนล้มอย่าข้าม คิดถึงอดีตที่เขาให้โอกาสคุณได้ตีพิมพ์บ้าง เขาสนับสนุนนักเขียนหน้าใหม่ให้มีที่ยืน จนเขาเกือบหมดเนื้อหมดตัว บางเล่มขายแทบไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร จ่ายๆเงินให้นักเขียนเต็มเม็ดเต็มหน่วย สุดท้ายเป็นเขาเองที่เกือบจะ...ล้ม!!!

ในวันที่เขาต้องการกำลังใจ ต้องการความเข้าอกเข้าใจ ต้องการเวลาเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่คุณกลับทำแบบนี้ มาประกาศในบอดร์สาธารณะ...มันสมควรแล้วหรือ?

ถามเรื่องเงิน มาถามกับคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วมันจะได้เรีื่องไหม นอกจากสาวไส้ให้กากิน

มีอะไร...โทรไปสนพ วันนี้ไม่ติด ไม่มีคนรับ ไม่ได้คำตอบ พรุ่งนี้โทรไป มะรืนโทรไป มะเรี้ยงโทรไป หรือสอบถามจากนักเขียนรุ่นพี่สิคะ...

เงิน...ปัจจัยหลักที่หลายคนบอกว่าทำงานแล้วก็ต้องได้้ ดิฉันเองก็เห็นด้วย เพราะดิฉันเองก็ยังไม่ได้เหมือนกัน...แต่ดิฉันก็เลือกที่รอ รอด้วยความหวัง รอด้วยความเข้าใจและไม่คิดจะซ้ำเติมทำให้เขาเสียชื่อเสียงแบบนี้

เรื่องแบบนี้ ดิฉันอยากให้คุยหลังไมค์ หากวันหนึ่่งที่คุณตกอยู่สถานเดียวกันกับเขาบ้าง คุณเองก็จะเข้าใจค่ะ

อย่าเหยียบคนที่พยายามจะลุก อย่ากระทืบเขาให้จมดินเพียงเพราะเขาในสิ่งที่คุณไม่ถูกใจ



0
ปัตตาเวีย 6 ก.ย. 56 เวลา 09:24 น. 18

เข้าใจค่ะ เพราะเป็นหนึ่งในนักเขียนที่ยังไม่ได้ค่าต้นฉบับ

ส่วนตัวแล้วไม่อยากเหยียบย่ำอะไรใคร ใครล้มเราอยากช่วยให้ลุก แต่เมื่อยื่นมือไปแล้ว เขากลับนิ่งเฉย ไม่คิดทำอะไรให้ดีขึ้น (เพียงแค่ตอบเหตุผลด้วยความจริงใจ ไม่ใช่ปัดไปให้เบอร์มือถือที่ไม่มีคนรับ )

บอกตรงๆ ตามค่าต้นฉบับกันจนเหนื่อยค่ะ

ป.ล.แก้ไขคำผิดค่ะ

0
ปัตตาเวีย 6 ก.ย. 56 เวลา 10:48 น. 19

ล่าสุดของเราติดต่อ บ.ก.ปริมได้แล้ว รับปากว่าจะได้ค่าต้นฉบับตอน 18.00 วันนี้
ก็ต้องคอยดูกันต่อไป ว่าจริงใจแค่ไหน เฮ้อ...

0
นรัลดา 6 ก.ย. 56 เวลา 15:12 น. 20

น่าเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย เพราะว่าเราก็เป็นหนึ่งในนักเขียนที่ยังไม่ได้

แต่ขอบอกนิดนึงตอนที่เขามีจ่ายดีจริงๆ เพราะเราออกที่นี่มา 3 เล่มแม้จะไม่เคยคุยกับ บก ไม่ค่อยรู้จักกับสนะ  แต่เราคิดว่าไม่ใช่เขาไม่จ่ายแต่ติดปัญหาทำให้จ่ายไม่ได้


ตอนเขาเริ่มเปิด สนพ เราพิมพ์เล่มแรกๆกับเขาหนังสือวางไป 7 วันเขาโอนเงินมาให้เลยค่ะเรายังตกใจเลยเพราะเร็วมากๆ ไม่โทรมาบอกอีกด้วย เราส่งหลายที่เราก็งงไล่กันไปสุดท้ายคือของธราธรโอนมา และเมลล์มาบอกที่หลังว่าโอนเงินมา ตรงนี้ทำให้เราเชื่อเลยว่าถ้าเขามีเขาจ่ายแน่ๆ

เล่มที่ 2 ก็ประมาณ สักเดือนกว่าก็ได้รับ

เล่ม 3 ที่มีปัญหานี่เราได้ครึ่งเดี่ยว แต่ครึ่งหลังยังไม่ได้

มันก็นานอยู่อันที่จริงเราก็อยากได้เงินเช่นกับคนอื่นๆ ทุกคนอยากได้หมดแหละ แต่ก็น่าเห็นใจเพราะเราพิมพ์กับเขามาตั้งแต่ช่วงแรกเห็นว่าตอนที่เขามีเงินนั้นเขาจ่ายเราเร็วและเป๊ะมาก

เราคิดว่าปัญหานี้ควรจะหันหน้ามาคุยกันดีกว่า เขาเองก็ให้โอกาสนักเขียนใหม่ นักเขียนก็อยากได้เงิน น่าจะคุยกันและหาทางออกได้

ส่วนตัวแล้วการเลื่อนจ่ายเราทำใจได้นะ เพราะก็คิดว่าเขาไม่โกงแต่เขายังไม่พร้อม แต่ที่ติดค้างในใจเราคือความเงียบมากกว่าเราไม่รู้อะไรมากกว่าไม่มีใครอธิบายเราฟังจนงงไปหมดข่าวมันเยอะ

แต่ก็หวังว่าถ้าทั้งสองฝ่ายหันหน้าคุยกันมันก็น่าจะมีทางออกบ้าง แต่มีคนว่าเย็นนี้ก็รอดูกันไปได้ก็ดีไม่ได้ก็ควรหันหน้าคุยกันดีกว่าว่าจะทำยังไงกันดี
เราว่าของเรานี่แหละที่ค้างนานสุดแล้ว เรื่องเลื่อนเราว่านักเขียนก็คงเข้าใจถ้า สนพ ติดปัญหา แต่อาจจะไม่ค่อยพอใจเรื่องความเงียบ ที่มันไม่ชัดเจนมากกว่า

0
ปัตตาเวีย 6 ก.ย. 56 เวลา 17:41 น. 21

หลังจากถูกหลอกให้รอ ก็ได้ความจริงที่ว่า ยังไงๆ ทาง สนพ.ก็จะไม่หันหน้ามาคุยกับนักเขียน และไม่ยอมรับสายอีกเช่นเดิม...

0
jedsada 6 ก.ย. 56 เวลา 22:15 น. 22

คุณความเห็น 16

ก่อนที่ผมจะบากหน้ามาโพสต์ในนี้ ผมได้พยายามติดต่อกับทางสนพ.ทุกวิถีทางแล้ว เป็นสิบๆ ครั้ง แต่ทุกอย่างก็เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น และที่ผมมาชี้แจงให้เพื่อนนักเขียนทุกคนได้อ่าน เพื่อขอคำชี้แนะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะอับจนหนทางแล้วจริงๆ ไม่เคยคิดที่จะสาวไส้ให้กากินหรือประจาน เหยียบย่ำ สนพ. แม้แต่น้อย ถ้าเพียงทางนั้นไม่หลบหน้า หรืออย่างน้อยก็ชี้แจงเหตุผลที่เกิดขึ้นพร้อมกับบอกหนทางแก้ไข ผมก็ยินดีที่จะรอค่าต้นฉบับต่อไป เพราะไหนๆ ก็เลยกำหนดจ่ายมาแล้ว จะรออีกหน่อยจะเป็นไรไป แต่นี่ทางทีมงาน บก. และเจ้าของ สนพ.กลับเพิกเฉย ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่หลบเลี่ยงเอาตัวรอดไป แล้วให้นอมินีมาว่านักเขียนที่มาโพสต์แสดงความคิดเห็นว่า อกตัญญูบ้าง ลืมพระคุณที่อุตส่าห์พิจารณาตีพิมพ์ให้ ผมว่ามันคนละประเด็นแล้วครับ ถามหน่อยเหอะ ถ้าในสัญญากำหนดไว้ตั้งแต่ทีแรกว่าจะตีพิมพ์ให้ แต่อาจไม่ได้เงินค่าต้นฉบับนะ จะเอาไหม ผมว่าร้อยละ 90 ขอถอนต้นฉบับคืนแน่นอน ยอมอดทนส่งไปให้ สนพ.อื่นพิจารณาก็ได้ แม้ว่าผลจะผ่านหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยก็ไม่ด้โดนหักหลังแบบนี้และไม่เสียความรู้สึกด้วย ขอโทษนอมินี สนพ.ทุกท่าน ที่ผมแสดงความคิดเห็นตรงๆ แบบนี้ บางคนอาจจะหาว่าแรง แต่ผมชอบทำงานกับคนที่ซื่อสัตย์ในอาชีพของตนเอง ไม่เอาเปรียบใคร และไม่หนีปัญหาง่ายๆ แบบนี้

0
คลื่นใต้น้ำ 7 ก.ย. 56 เวลา 01:15 น. 26

คห.23
คุณว่านักเขียนปัญหามาก ถามหน่อยเถอะว่าถ้าคุณทำงานแล้วต้องมานั่งรอว่าเมื่อไหร่ค่าจ้างหรือผลตอบแทนที่คุณเหนื่อยไปนั้นจะได้ คุณจะรู้สึกอย่างไร ทุกคนมีภาระ เรื่องแบบนี้มันกติกากันอยู่แล้ว คุณเอางานเขาไปขายไปหาผลประโยชน์คุณก็ควรจ่ายค่าตอบแทนตามกติกาที่ สนพ.เองเป็นคนกำหนด แต่ในเมื่อ สนพ.กำหนดเองแล้วยังทำตามกำหนดกติกานั้นไม่ได้ ก็ควรจะออกมาอธิบายไม่ใช่นิ่งเงียบ หรือผลัดผ่อนตลบแตลงไปเรื่อยเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ปัญหาแบบนี้ใครไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก

0
ซ่อนนาม 7 ก.ย. 56 เวลา 01:18 น. 27

คนไทยหน้าบางจังแหะ
แต่ทีนินทาลับหลังชอบกันจัง

ท่าทางจะจริง ที่ว่าคนไทยถูกสอนตั้งแต่เด็กว่าห้ามเถียงผู้ใหญ่
แสดงความเห็นค้านหรือขัดแย้งจะเป็นเด็กที่ก้าวร้าว
เลยทำให้คนไทยโตขึ้นมามีค่านิยมไม่ชอบพูดอะไรตรง ๆ ต่อหน้า หากแต่ชอบพูดนินทาว่าร้ายกันลับหลัง

เรื่องนี้เห็นทีมันควรจะพูดกันซึ่ง ๆ หน้าได้แล้ว
ดูท่าจะมีปัญหาการเงินจริง หากไม่มาบอกมาพูดกัน เหล่านักเขียนจะทำยังไง ?

นี่มันเรื่องเงินนะคุณ
มันเรื่องคอขาดบาดตาย

คนไทยเรานี่ก็แปลก ทีจะโกงคนอื่นดันทำได้หน้าตาเฉย
แต่ทีจะทวงถามความยุติธรรมและสิทธิ์ที่ควรได้ กลับหน้าบางขึ้นมาแทนซะงั้น

0
B 13 s.t 7 ก.ย. 56 เวลา 01:26 น. 28

ตกข่าว ทำไมมู้มีประเด็นไม่ติดท็อปนานๆ จะได้รู้ความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง ระบบใหม่นี่ก็แปลกๆ

0
Mr.กุ๊กกู๋ 7 ก.ย. 56 เวลา 01:39 น. 29

ผมว่าเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไม่ใช่แค่นักเขียนหรอก ทุกคนแหละครับ
ก็ จขทก. บอกแล้วว่า ติดต่อ ตามทุกทางแล้วแต่เงียบกริบ
แต่สำหรับกระทู้นี้อ่าจจะเครียดนิดหน่อย ตรงที่เอ่ยชื่อ สนพ. เลย
น่าจะเปลี่ยนเป็น สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งแทน....

0
เคย์เซย์ (Keisei) 7 ก.ย. 56 เวลา 01:42 น. 30
ถ้าฝ่ายสนับสนุนสนพ.ต้องการจะชี้แจ้งอะไร ผมคิดว่าให้ทางทีมงานออกมาเองจะดีที่สุดครับ เพื่อภาพลักษณ์ของทางสนพ.เอง ฝ่ายสนับสนุนอยู่เฉยๆ ดีกว่า ยิ่งมากระทบกระเทียบต่อว่านักเขียนเท่าไหร่ ภาพลักษณ์ที่สนพ.สร้างไว้ก็ยิ่งเสียหายมากกว่าเดิมครับ

การที่ผมโพสแบบนี้ก็เพราะเห็นดราม่าแบบนี้มาเยอะ การปกป้องฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด้วยการด่าว่าอีกฝ่าย ไม่ได้ช่วยให้คนที่ถูกด่าว่าเสียหาย แต่ยิ่งทำให้ดูน่าสงสารขึ้นกว่าเดิมเสียมากกว่า

แล้วก็....นี่ฝากถึงสนพ.ครับ แต่ทำดีเป็นร้อยหนไม่สู้ผิดพลาดแค่หนเดียว หวังว่านักเขียนและสนพ.จะผ่านปัญญานี้ไปได้ด้วยดีนะครับ

0
DESPINA 7 ก.ย. 56 เวลา 06:35 น. 31

ถ้าสนพ.ไม่มั่นใจว่านิยายขายได้ สนพ.คงไม่ให้นิยายผ่านพิจารณา
There is no such thing like free lunch. เงินตั้งเยอะ ใครเขาจะสงสารคุณแล้วยอมให้ต้นฉบับผ่านไปง่ายๆ ถ้าไม่ให้ผลประโยชน์อะไรกับเขา

อย่ายกหางตัวเองสูง แล้วเหยียบคนอื่นจม ด้วยประสบการณ์ และ ความหลงเมามัวของตัวเอง เพราะวันที่คุณเดือนร้อนบ้าง อาจจะไม่มีสักเสียงมาช่วยเหลือคุณ

เรื่องเงินใหญ่เสมอ และมันคือสิทธิ์ของนักเขียน ที่จะต้องทวง ถ้ามันมาไม่ตรงตามสัญญา...เขาผิดสัญญา เราสามารถเอานิยายเราออกมาพิมพ์ขายเอง โดยที่เขาไม่ฟ้องได้ใช่ไหม เพราะเขาผิดสัญญาก่อน ถือว่า ทุกอย่างเป็นโมฆะ ได้ ใช่ไหม??????

0
มณีกานต์ 7 ก.ย. 56 เวลา 11:23 น. 32

หรือมันเป็นธรรมเนียม...ที่จริง คิดว่าการเอ่ยชื่อสนพ. เป็นสิ่งไม่เสียหายอะไรดีออกด้วยซ้ำที่มันจะให้ความกระจ่างกับผู้เสพข่าวสารบทความ...ซึ่งถ้าแน่จริงสนพ.เขาย่อมเคลียร์ตัวเองได้อยู่แล้วกับความจริงหรือปัญหาที่เกิดขึ้น... (แต่บทความหรือข่าวสารมันต้องเป็นความจริงด้วย) ผิดถูกยังไงการพูดคุยตกลงกันระหว่างสนพ. และนักเขียนเป็นสิ่งที่สมควรทำมากที่สุด...และดีที่สุด

เชื่อว่าต่อให้นักเขียนต้องรอนานแสนนาน หากแต่สนพ. ติดต่อและให้คำอธิบายอย่างรวดเร็วว่องไวหรือสม่ำเสมอนักเขียนก็คงพร้อมที่จะรับฟังและรอคอย...แต่อย่างกท.นี้ คือไร้การตอบสนอง...ง่า...

(เอาใจช่วยให้เคลียร์กันได้ด้วยดีทั้งสนพ.และนักเขียนทุกท่านค่ะ)

0
นักเขียนคนหนึ่ง 7 ก.ย. 56 เวลา 12:33 น. 34

ถึงตอนนี้็ก็ยังเงียบอยู่ หน้าด้านที่สุด

ประกาศชื่อสนพ.ให้รู้แบบนี้แหละดีแล้ว คนที่คิดส่งจะได้ไม่หลวมตัว

เอาหนังสือไปขายไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว อย่าอ้างว่าไม่มีเงิน เพราะกว่าจะจ่ายให้นักเขียนก็ 2 เดือน 50% รอไปอีก 2 เดือน จ่ายอีก 50% เท่ากับเอาหนังสือเราไปขายก่อนถึงจะจ่ายเงินให้ และการจะทำให้หนังสือขายได้หรือไม่ได้ อันนี้เป็นเรื่องของ สนพ.ที่จะไปจัดการให้หนังสือที่ออกมาขายได้ เพราะถ้าขายไม่ไ่ด้ เขาคงไม่เสี่ยงพิมพ์หรอก และเป็นไปไมไ่ด้เลยที่จะขาดทุน ถ้าขายได้เกิน 1500 เล่มก็หลุดทุนแล้ว อย่างน้อยๆ เลย 1พันเล่มต้องขายได้ จะเป็นนักเขียนหน้าใหม่ ไร้ชื่อยังไง 1พันต้องขายได้ จากคนที่ติดตามสนพ. จากคนที่อยากทดลอง และจากเพื่อนๆ ของนักเขียนเอง




นักเขียนก็เหมือนกับคนทำอาชีพอื่นๆ นั้นแหละ แม้ว่าจะมีใจรักแค่ไหน แต่ก็ต้องมาคู่กับผลตอบแทนเสมอ ดูอย่างนักกีฬาเป็นตัวอย่าง เขาชอบเล่นกีฬา กีฬาคือชีวิตจิตใจของเขา แต่ทำไมเขาต้องได้รับค่าจ้างที่น่าพอใจ

คุณลองคิดสิถ้าไปทำสัญญาจ้างนักเตะมาสักคน แล้วก็ผัดผ่อนเงินไม่ยอมจ่าย นักเตะคนนั้นออกมาทวงความยุติธรรม แต่กลับโดนด่าว่าไม่มีจิตวิญญาณในการเป็นนักเตะ เห็นแก่เงิน มันถูกต้องมั้ย


คนที่บอกว่าไม่ซีเรียสเรื่องเงิน มีผลงานก็ภูมิใจแล้ว แสดงว่าคุณเห็นแค่การเป็นนักเขียนเป็นแค่งานอดิเรก แค่ขำๆ มันต่างกับคนที่ยึดเป็น "อาชีพ" นะคะ

"อาชีพหลัก" กับ "งานอดิเรก" มันต่างกัน

0
walak462 7 ก.ย. 56 เวลา 12:42 น. 35

สำนักพิมพ์เค้าก็คงจะมีปัญหาจริงๆ น่ะแหล่ะ เท่าที่อ่านหนังสือของสำนักพิมพ์นี้ ส่วนมากจะเป็นหนังสือที่จัดเรตผู้อ่าน แล้วเนื่องจากทางร้านค้าตัวแทนจำหน่ายมีการจัดระเบียบหนังสือที่จะวางว่าจะต้องไม่มีเลิฟซีนวาบหวิวโจ้งครึ้นด้วยแหล่ะ ปีนี้งานหนังสือจึงเห็นนำหนังสือมาลดราคามากเลยแสดงว่าหนังสืออาจถูกตีคืนกลับมาที่สำนักพิมพ์เยอะ ทำให้ทางสำนักพิมพ์เกิดปัญหาก็เป็นได้ค่ะ

0
GUESS 7 ก.ย. 56 เวลา 13:58 น. 36

ขอเสนอความคิดเห็นนะคะ ในยามนี้เชื่อว่าทุกสนพ มีปัญหาเนื่องจากหนังสือพิมพ์ออกมาเยอะจนล้นตลาด แต่คนซื้อมีกำลังซื้อน้อยลงเนื่องจากเศรษฐกิจขาลง ทำให้หนังสือขายไม่ได้ตามเป้าหมาย หากเป็นไปได้อยากให้นักเขียนเอางานตัวเองมาช่วยสนพ ขาย เช่นประกาศขายหน้าเฟส หน้าเพจของท่าน แล้วสั่งไปกะสนพ มาให้แฟนคลับของท่าน นักเขียนมีเป็นร้อยน่าจะช่วยได้บ้างนะคะ ^^น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

0
เคย์เซย์ (Keisei) 7 ก.ย. 56 เวลา 16:15 น. 37

วิธีนี้ก็ใช่ว่าจะแก้ัปัญหาได้เสมอไปครับ เพราะซื้อจากนักเขียน บางครั้งนักเขียนต้องลงทุนเองเพื่อจูงใจคนอ่านด้วย ทั้งของแถมที่นอกเหนือจากที่ได้จากสนพ. ทั้งลายเซ็นต์บลาๆ บางเจ้าต้องเสียหลายต่อกว่าหนังสือจะถึงมือ และนักเขียนบางคนเองก็ใช่จะมีเวลามานั่งจัดการตรงนี้ด้วย เป็นวิธีที่ไม่เวิร์คนักครับ

0
นักเขียนอิสระ 7 ก.ย. 56 เวลา 16:54 น. 38

อยากจะบอกว่า 1 พันเล่มไม่ใช่ว่าขายกันได้ง่ายๆ นะ ถ้าลองมาทำมือเองแล้วจะรู้ แฟนคลับที่ติดตามนิยายเราในเว็บก็ใช่ว่าจะซื้อเราทั้งหมด บางคนอ่านในเว็บจบแล้วก็จบเลยไม่ได้ซื้อ ส่วนญาติๆ เพื่อนๆ ก็อย่าได้หวังอะไรมาก บางคนเขาก็ไม่ชอบอ่านนิยาย เขาก็ไม่รู้จะซื้อมาทำไม (ถ้าเขาต้องจำใจซื้อ มันจะดีหรือ)

แต่อยากจะบอกว่าสนพ.พลาดแล้ว คือ ถ้ายังไม่พร้อมทำเป็นเล่มและวางขายตลาด ก็ควรจะชะลอการออกปกใหม่ๆ เพื่อเคลียร์หนี้เก่าที่ค้าง (เอาเงินที่ออกปกใหม่ ไปใช้หนี้เก่าก่อนน่าจะดีกว่า)แล้วก็บอกนักเขียนคนใหม่ที่งานเพิ่งผ่านว่าตอนนี้ทางสนพ.ยังไม่สามารถวางงานได้ เพราะยังมีปัญหาเรื่องการเงินอะไรก็ว่าไป ถ้าใครรอได้ก็รอ ถ้าใครรอไม่ได้ สนพ.ก็อนุญาตให้ไปส่งที่อื่น ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับนักเขียนแล้วว่าจะรอตีพิมพ์หรือไม่รอ คือ ถ้านักเขียนร้อนเงินมาก เขาก็คงเอาไปส่งที่อื่น แต่ถ้าอยากรอ คุณก็ต้องอดทน และ รอๆๆ...

การเดินทางในสายอาชีพนี้มันมีอุปสรรคอะไรต่างๆ มากมาย อยากให้ใจเขาใจเรา และปรับแก้กันไป

สำหรับสำนักพิมพ์ปัญหานี้ก็เป็นปัญหาที่คุณต้องพิจารณาตัวเองว่าจะเอายังไงต่อไป แต่ทางที่ดีเราว่ามีอะไรก็ประกาศแจ้งนักเขียนให้ทราบไปตรงๆ เลยดีกว่า นักเขียนเขาไม่ว่าอะไรหรอก เพราะอย่างน้อยๆ คุณก็ให้ที่ยืน ให้ที่ตีพิมพ์กับเขา

ก็หวังว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดีในทุกๆ ฝ่ายนะ

0
Guess 7 ก.ย. 56 เวลา 17:23 น. 39

ไม่ใช่แก้ปัญหาหรอกค่ะ แต่วิธีที่เสนอมมาคือการช่วยเขา อย่างน้อยก็ได้ช่วยกันนะคะ ไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรเลย ของแถมก็ไม่ต้องแค่เซ็นหนังสือและเสียเวลาแพ็คหนังสือและเอาไปส่ง เพราะสั่งซื้อจากสนพ มีส่วนลดอยู่แล้ว จะได้รู้ด้วยไงคะว่างานเราขายได้หรือเปล่า อย่างน้อยเมื่อสนพ เซ เราก็ขึ้นชื่อว่าได้ยื่นมือเข้าไปช่วยคนละนิดละหน่อยในช่วงวิกฤตก็ยังดีค่ะ

0
เคย์เซย์ (Keisei) 7 ก.ย. 56 เวลา 17:37 น. 40

ครับ มันอาจจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่มากพอครับ (ไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำกระัมัง) และมันก็ไม่ต่างอะไรกับการขายหนังสือปกติ เพียงแต่ผ่านนักเขียนเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ? ถ้าเป็นแบบนั้นนักอ่านเขาสามารถหาซื้อกันเองได้อย่แล้วครับ การที่นักอ่านจะสั่งกับนักเขียนมีอยู่สองสามเหตุผลคือ ของแถมที่แตกต่างจากสนพ. ลายเซ็นต์จากนักเขียน และส่วนลดที่อาจจะมากกว่าสนพ. เรื่องนี้ผมพูดประสบการณ์ที่เคยมีนักอ่านฝากซื้อ พอเราไม่มีอะไรแถมให้ เขาก็ไปหาซื้อของเขาเอง ไม่ต้องเสียเวลามานั่งรอหลายต่อจากนักเขียน เข้าร้านไปแปบเดียวก็ได้แล้ว เผลอๆ ซื้อมือสองยังถูกกว่าด้วย (ยิ่งหนังสือโละสต็อกคนยิ่งชอบ ตามเก็บในราคาลด 70% ยังมีเลย)

แต่ใครจะใช้ก็ไม่ผิดหรอกครับ สุดแต่ว่านักเขียนแต่ละคนจะเลือกทำอย่างไรครับ

0
ซ่อนนาม 7 ก.ย. 56 เวลา 17:51 น. 41

ทำมือเอามาเทียบไม่ได้ เพราะช่องทางขายน้อยกว่ามาก
แต่สนพไม่ใช่เช่นนั้น ธุรกิจนี้เขาโคกับสายส่ง ที่จะส่งถึงร้านเป็นร้อยเป็นพันแห่ง
คนอ่านก็เป็นคนที่กะจะซื้อหนังสืออยู่แล้ว
เห็นปกเห็นเนื้อหาน่าสนใจก็จะมาซืัอ

แต่เรื่องขายได้กี่เล่มจุดนี้ไม่ขอแสดงความเห็น

0
ไส้แห้ง 7 ก.ย. 56 เวลา 17:52 น. 42

เป็นนักเขียนผู้ร่วมชะตากรรมค่ะเศร้าจัง
ทำมาทุกทางแล้วทั้งโทรทั้งอีเมล แต่ยังเงียบกริบ

ไม่รู้จะว่าไงแล้ว แต่อยากให้รู้ไว้ ว่า สนพ เครียด นักเขียนก็เครียดมากเช่นกันค่ะ

สนพ. ที่รับตีพิมพ์นิยายรักมีมากมายให้เลือก แต่จริงๆ เมื่อดูจากเอกสารสัญญาและการกระทำแล้ว นักเขียนมีสำนักพิมพ์ดีๆ ให้เลือกน้อยเหลือเกินค่ะ

0
ซ่อนนาม 7 ก.ย. 56 เวลา 17:58 น. 43

ถ้าเป็นแฟนคลับน่าจะซื้อตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ
ทว่าหากไม่ใช่แฟนคลับจะมาซื้อก็คงยาก
อย่างน้อย ๆ ราคาลดได้น้อยกว่า (รึเปล่า ? ) เพราะมีค่าส่งอะไรพวกนี้ด้วย
เวลาส่งก็นานกว่า รวมถึงเลือกเล่มไม่ได้ หากเจอเล่มที่ชำรุดหรือมีปัญหาจะทำยังไง ?
ไหนเลยจะมีความเสี่ยงจะเกิดการโกงกันอีก หรืออย่างน้อยการโอนเงินก็อาจมีปัญฟา
แน่นอนการจ่ายก็ยุ่งยากกว่าด้วย

สรุป คงช่วยไม่ได้มาก กีไม่ดีต่ำกว่า 1% ด้วยซ้ำ
และอาจจะแภมด้วยการกินแหนงแคลงใจกับนักดขียนด้วยปัญหาที่ว่าอีก สรุป ไม่ค่อยคุ้ม

0
GUESS 7 ก.ย. 56 เวลา 18:57 น. 45

พูดกลางๆ ในะคะ ในฐานะนักเขียนคนหนึ่งเช่นกัน
ส่วนที่ขายได้ตอนนี้ คือส่วนที่เขาแบกรับต้นทุนจม มองสองมุมค่ะ ไม่ได้เข้าข้างใคร เพียงแต่เสนอวิธีช่วยแก้ปัญหาเหมือนมดงาน
เท่าที่ตัวเองเคยสั่งมาก็มีแฟนคลับสั่งซื้อนะคะ แฟนคลับบางคนไม่ซื้อแต่แรกค่ะ
แต่พอบอกว่าผ่านนักเขียนได้ลายเซ็นต์เขาก็ซื้อ หรือบางคนที่พึ่งมาติดตามงานเราตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่จะได้ซื้องานของเรา บางคนไม่ได้ไปร้านหนังสือ หรืออันที่เซลนั้นก็ไม่ได้มีขายทั่วไปค่ะ มีเฉพาะเป็นบางงานในจังหวัดเท่านั้น แฟนคลับหลายคนยินดีจะซื้อในราคาปกค่ะ เพียงแค่ได้ลายเซ็นและได้ซื้อจากนักเขียนเขาก็พอใจ เรานำส่วนลดที่ได้มาเป็นต้นทุนในการส่งไม่ขาดทุนค่ะ ซึ่งก็แล้วแต่มุมมองนะคะ ส่วนหนึ่งอาจจะคิดว่าเราส่งแล้วก็จบ ขายได้ไม่ได้อีกเรื่อง
เพราะคุณให้สัญญาเรามาแล้ว ถึงเวลาคุณก็จ่ายเงิน แต่อยากให้มองกลับไปว่าสิ่งที่เขานำของเราไปขายนั้นมันขายได้คุ้มทุนเขาหรือเปล่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการคัดสรรงานของสนพ ส่วนหนึ่งเกิดจากโอกาสที่เขาให้มา อันนี้มองกลางๆ ค่ะสองมุม มุมสนพ มุมนักเขียน สนพ ผิดที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา แต่ในแง่ของนักเขียนอยากให้มองว่าเราจะช่วยกันได้อย่างไร ^^

0
GUESS 7 ก.ย. 56 เวลา 19:00 น. 46

พูดกลางๆ ในะคะ ในฐานะนักเขียนคนหนึ่งเช่นกัน
ส่วนที่ขายไม่ได้ตอนนี้ คือส่วนที่เขาแบกรับต้นทุนจม มองสองมุมค่ะ ไม่ได้เข้าข้างใคร เพียงแต่เสนอวิธีช่วยแก้ปัญหาเหมือนมดงาน
เท่าที่ตัวเองเคยสั่งมาก็มีแฟนคลับสั่งซื้อนะคะ แฟนคลับบางคนไม่ซื้อแต่แรกค่ะ
แต่พอบอกว่าผ่านนักเขียนได้ลายเซ็นต์เขาก็ซื้อ หรือบางคนที่พึ่งมาติดตามงานเราตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่จะได้ซื้องานของเรา บางคนไม่ได้ไปร้านหนังสือ หรืออันที่เซลนั้นก็ไม่ได้มีขายทั่วไปค่ะ มีเฉพาะเป็นบางงานในจังหวัดเท่านั้น แฟนคลับหลายคนยินดีจะซื้อในราคาปกค่ะ เพียงแค่ได้ลายเซ็นและได้ซื้อจากนักเขียนเขาก็พอใจ เรานำส่วนลดที่ได้มาเป็นต้นทุนในการส่งไม่ขาดทุนค่ะ ซึ่งก็แล้วแต่มุมมองนะคะ ส่วนหนึ่งอาจจะคิดว่าเราส่งแล้วก็จบ ขายได้ไม่ได้อีกเรื่อง
เพราะคุณให้สัญญาเรามาแล้ว ถึงเวลาคุณก็จ่ายเงิน แต่อยากให้มองกลับไปว่าสิ่งที่เขานำของเราไปขายนั้นมันขายได้คุ้มทุนเขาหรือเปล่า ส่วนหนึ่งเกิดจากการคัดสรรงานของสนพ ส่วนหนึ่งเกิดจากโอกาสที่เขาให้มา อันนี้มองกลางๆ ค่ะสองมุม มุมสนพ มุมนักเขียน สนพ ผิดที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา แต่ในแง่ของนักเขียนอยากให้มองว่าเราจะช่วยกันได้อย่างไร ^

0
jedsada 8 ก.ย. 56 เวลา 13:40 น. 47

ผมจะให้โอกาสทางเจ้าของสนพ.และกองบรรณาธิการอีกหนึ่งเดือนนับจากนี้ในการออกมาชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ หากพวกคุณยังทำเป็นนิ่งเฉยและคิดจะปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปโดยที่ไม่รับผิดชอบ ผมคงต้องจัดการฟ้องร้องตามกฎหมายโดยยึดถือสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ผมทำกับคุณไว้ใช้เป็นหลักฐานในการต่อสู้คดี เบื้องต้นผมได้ขอคำปรึกษากับสภาทนายความแล้ว ซึ่งเขาบอกว่าเป็นสิทธิของนักเขียนที่สามารถฟ้องร้องได้ งานนี้ไม่ว่าผลออกมาจะชนะหรือแพ้ ผมก็ถือว่าได้ทำหน้าที่เรียกร้องความถูกต้องและความเป็นธรรมที่ควรจะได้รับและจะได้เป็น case study ไม่ให้สนพ.ธราธรไปทำแบบนี้กับนักเขียนคนอื่นอีก

0
จิ้ง 8 ก.ย. 56 เวลา 14:07 น. 48

อยากแนะนำว่า น่าจะให้ทนายความส่งต้นหมายเตือนอย่างเป็นทางการไปทาง สนพ.ก่อนดีกว่าไหมครับ เพราะการฟ้องร้องจริงๆ มีค่าใช้จ่ายนอกจากค่าทนายแล้วยังมีเอกสารยิบย่อยอีก ซึ่งไม่สามารถทำโดยทันทีได้ แต่จนหมายแจ้งเตือนจากทนายน่าจะเป็นใบเหลืองที่จะนำไปสู่ใบแดง(ซึ่งทำได้รวดเร็วที่สุด) เพื่อให้สนพ.กระตือรือร้นมากขึ้น เพราะผมคิดว่าสนพ.ก็คงไม่อยากมีปัญหาถูกนัดขึ้นศาล

0
เคย์เซย์ (Keisei) 8 ก.ย. 56 เวลา 14:40 น. 49

ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้สำนักพิมพ์เสียทุนไปมากที่สุดคือ การโหมออกนิยายโดยหวังทำกำไร ครับ หากเขายังไม่หยุดทำแบบนี้ ต่อให้เราขายหนังสือในส่วนของเราได้แค่ไหน หรือแม้แต่นักเขียนทุกคนในสำนักพิมพ์ช่วยกันขายหนังสือได้จำนวนหนึ่งซึ่งพอจะลดภาระหนี้ได้สักจำนวนหนึ่ง มันก็ไม่สามารถไปลดทุนที่จมหายไปไ้ด้หรอก เพราะเดี๋ยวสนพ.ก็ก่อหนี้ใหม่ด้วยการโหมออกเรื่องใหม่ๆ อีก

ทางเดียวที่จะช่วยสำนักพิมพ์ได้คือ ลดกำลังการผลิตลงซะ และเน้นออกงานของนักเขียนที่ขายได้จริงๆ เพื่อทำกำไรกลบหนี้ ผลิตตามจำนวนทุนที่สามารถนำมาใช้ได้ อาจจะใช้เวลาสักหน่อย แต่มันก็ดีกว่าล้มหายตายจากไปอย่างแน่นอน การโหมผลิตงานออกมาทั้งที่ทุนยังไม่แน่นอนแบบนี้ ไม่ได้กำไรแน่ๆ ครับ มีแต่จะจม จม และจม เท่านั้นล่ะครับ

นี่เป็นมุมมองของผมต่อการทำธุรกิจหนังสือ ซึ่งผมมองในภาพรวมแล้ว เห็นว่าคุ้มที่สุด

0
ซ่อนนาม 8 ก.ย. 56 เวลา 14:52 น. 50

เราไม่ได้มองในฐานะนักเขียน
เรามองในฐานะคนที่ผ่านการเรียนการตลาดมา รวมถึงการมองในมุมอื่น ๆ ด้วย

ซึ่งหลายคนที่ว่าซื้อเนี่ย ถึง 30 คนหรือเปล่า ?
ถ้าเช่นนั้นก็ราว 1% จริง ๆ เพราะที่สั่งพิมพ์ เขามักจะพิมพ์ราว 3000 เล่มต่อครั้งนิ (ใช่มะ ?)

ยังไม่รวมปัญหาด้านอื่นอีก
เอาหนังสือมาจากไหน ? ซื้อจากสนพ.โดยตรงก็เข้าเนื้อแน่นอน ซึ่งไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาแน่
หรือจะขอโคฯกับทางสนพ. ตัวสนพ.จะยอมได้มากแค่ไหน ? เพราะมันหมายความว่าจะเข้าเนื้อสนพ.ที่มีปัญหาแทน ยังไม่รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดในภายหลัง ไม่ว่าจะความไม่ไว้วางใจ การดำเนินการที่ผิดพลาด ทำให้ทางสนพ.คิดจะโคกับเราน้อยลง
หรือหากโคฯขึ้นมา แปลว่าหนังสือทุกเล่มที่ขายจะมีของแถมและลายเซ็นของเราไปด้วย
ซึ่งแบบนี้คนที่ซื้อก่อนหน้าจะไม่รู้สึกเสียเปรียบหรือไง ? คนที่รู้ข่าวและซื้อตามร้านอาจจะจ้องซื้อด้วยวิธีแบบนี้แทน ทำให้สนพ.ได้กำไรที่ควรจะได้น้อยลง หนำซ้ำยังเกิดความยุ่งยากขึ้นอีกต่างหาก และความยุ่งยากนี่แหละจะทำให้เกิดปัญหา เช่นสินค้าชำรุดหรือสูญหายระหว่างส่ง เงินมาไม่ถึงมือ หากไม่ทำการซื้อขายผ่านระบบที่เป็นอยู่ เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่ามาก

0
นักเขียนคนหนึ่ง 8 ก.ย. 56 เวลา 16:05 น. 51

เรื่องให้นักเขียนสั่งหนังสือจากสนพ.มาเพื่อขาย จะได้ช่วยเพิ่มยอดขายตามที่ คห.9 แนะนำเป็นเรื่องดีค่ะ แต่ยังไงช่วยเข้าไปดูในเว็บสนพ.ก่อนนะคะ หนังสือหลายเล่มขึ้นสถานะว่า


"สินค้าหมด"


มันแปลว่าอะไรคะ เป็นไปได้หรือที่หนังสือเล่มนั้นขายไม่ได้ แต่สินค้ากลับหมดในสต็อก ถ้ายังเหลือบานเบอะแล้วขึ้นทำไมว่าหมด แบบนี้จะขายได้ยังไง จะสั่งซื้อจากไหน

และถ้าหมดจริง แสดงว่าได้กำไร (พิมพ์อย่างน้อยครั้งละ 2500 เล่ม) แล้วทำไมถึงไม่มีเงินจ่ายค่าลิขสิทธิ์ เอาหนังสือเขามาพิมพ์ขายจนหนังสือหมดไปตั้งนานแล้ว แต่ไม่ยอมจ่ายเงินนักเขียน แบบนี้มันหมายความว่ายังไง

ขายไม่ดีหรือ เป็นไปไม่ได้หรอก ในเมื่อเว็บมันขึ้นให้เห็นอยู่ว่า "หมด!!!!!!!!!!!!"

0
อยากให้เข้าใจ 8 ก.ย. 56 เวลา 17:05 น. 54

คำว่าสินค้าหมด หมายถึง หมดที่สต็อคอยู่ที่สนพ.ค่ะ ไม่ได้แปลว่าทั้งหมดที่พิมพ์ไป

เพราะเวลาจัดพิมพ์ทางสนพ.เองก็ต้องสต็อคไว้ส่วนหนึ่งเพื่อขายให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อกับสนพ.โดยตรง ซึ่งในส่วนนี้สนพ.อาจสต็อคไว้ 300 - 500 เล่ม นอกนั้นจะระบายไปยังสายส่งไปวางขายตามร้านหนังสือ ซึ่งหนังสือจะตีกลับมาส่งสนพ.อีกทีก็ต่อเมื่อถึงเวลาอันควร อยู่ที่ว่าแต่ละร้านจะให้วางได้นานแค่ไหน

อันที่เราตอบตามที่เราเข้าใจนะ เพราะเคยทำหนังสือทำมือ เราก็ต้องสต็อคไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเอาไปวางร้าน

0
ปัตตาเวีย 9 ก.ย. 56 เวลา 08:08 น. 55

เห็นใจ สนพ.และอยากให้หันหน้าคุยกับนักเขียน เหมือนที่คนอื่นๆแนะนำ และ**ขอบคุณ บ.ก.ปริม ที่ทำตามคำพูดเรื่องค่าต้นฉบับค่ะ **

0
GUESS 9 ก.ย. 56 เวลา 09:38 น. 56

ที่คุณเคย์เซย์พูดมานั้นถูกค่ะ เห็นด้วย แต่ที่พูดคือประเด็นต้นทุนจมที่มันเกิดไปแล้วต่างหาก ซึ่งแนวทางที่คุณว่ามาต่อไปสนพ คงจะทำเช่นนั้นค่ะ
ส่วนคุณซ่อนนาม คุณเรียนการตลาดแล้วกรณีนี้มันไม่ใช่สมการจุดคุ้มทุนหรือคะ นั่นอาจจะเป็นเพราะสนพ ไม่เคยรายงานยอดขายให้คุณทราบ หรือคุณเองอาจจะไม่เคยรู้ยอดขายของตัวเองว่ามันขายได้เท่าไหร่ หนังสือเล่มนั้นของคุณขายถึงจุดคุ้มทุนหรือเปล่า
และที่คุณพูดนั้นแสดงว่าคุณอาจจะไม่เข้าใจวิธีการขายหนังสือผ่านคลังสินค้า กับการที่สนพ ขายให้นักเขียนโดยตรงค่ะ การขายผ่านสายส่งทางสนพ เสียเปอร์เซ็นต์ให้กับสายส่งในจำนวนหนึ่ง ซึ่งการที่นักเขียนสั่งจากสนพ แล้วเอามาขายให้แฟนคลับสนพ ก็เอาเปอร์เซนต์ส่วนที่เสียให้คลังสินค้านั้นมาลดให้นักเขียน เช่นนี้สนพ ก็ไม่ได้กำไรลดลงแต่อย่างใด มิหนำซ้ำมีสว่นดีกว่าตรงที่ได้เงินสดเข้าไปหมุนในทุนที แต่ส่งผ่านสายส่งต้องรอเช็คยอด สามเดือน สี่เดือน ห้าเดือน ก็ว่าไปตามแต่ละเจ้าค่ะ ก็แค่เสนอแนะแนวทางนะคะ ไม่เห็นด้วยไม่เป็นไรค่ะ

0
GUESS 9 ก.ย. 56 เวลา 09:46 น. 57

อีกอย่างนะคะ เขาพิมพ์มา3000 เล่ม ถ้านักเขียนดังๆ อาจจะใช้เวลาแค่เดือนเดียวหรือสองเดือนหมด ซึ่งกรณีนี้มีไม่ถึงยี่สิบคน และถ้าคุณได้เห็นยอดขายจากบางสนพ ที่เขารายงานมา มันตัวเลขที่น่าตกใจมากบางคน 40 เล่มต่อเดือน บางคนหลักร้อย คุณคิดดูสิคะว่าต้องใช้เวลากี่เดือนถึงจะขายครบจุดคุ้มทุน หรือขายหมด
3000 เล่มคือยอดพิมพ์ แล้วยอดขาย??? มีใครเคยคิดถึงบ้างว่ามันจะขายได้เท่าไหร่
กรณีเช่นนี้หลายเล่มเข้าก็เกิดสะสมจำนวน กลายเป็นต้นทุนจมมหาศาล และนำมาซึ่งวิกฤตในที่สุด
อันนี้ไม่ได้รู้จากสนพ แต่เป็นหลักการที่คิดง่ายๆ หากเราจะใจกว้างพอที่จะมองการตลาดอย่างตรงไปตรงมา ก็เหมือนหลักการง่ายๆ อุปสงค์ไม่สอดคล้องกับอุปทาน ผู้ผลิตก็จะประสบปัญหาขาดทุนในที่สุด
ดังนั้นเราเลยชี้ให้เห็นก้อนต้นทุนใหญ่ๆ ที่มันจมอยู่มันจะระบายออกมาได้อย่างไร
ไม่ว่ามากหรือน้อยมันก็คือการระบายต้นทุนจม ที่นักเขียนมีส่วนช่วยรับผิดชอบ
ในยามที่กลไกตลาดขับเคลื่อนแบบฝืดเคือง นักเขียนก็ได้ทำหน้าที่เป็นเฟืองตัวหนึ่งที่ไปช่วยขับเคลื่อน เฟืองเล็กๆ หลายๆ ตัว มันก็ทำให้เกิดการหมุนได้ค่ะ

0
GUESS 9 ก.ย. 56 เวลา 10:15 น. 58

ขอตอบนะคะเพราะเป็นเจ้าของความคิดเห็น คำว่า สินค้าหมดสต๊อก หน้าเว็บนั้น ไม่ได้หมายความว่างานที่พิม์ไป 2500 เล่มมันจะขายหมดนะคะเพราะ สนพ อาจจะนำมาขายหน้าเว็บในจำนวนหนึ่งเท่านั้นอาจจะแค่ 50 เล่ม ซึ่งมันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยกับที่พิมพ์ไป กรณีนี้เคยสั่งด้วยตัวเองค่ะหน้าเว็บหมดจริงแต่ในคลังของสายส่งยังเหลืออีกเพียบ! ลองโทรถามจากสนพ เขาบอกว่าถ้าเราจะซื้อไปช่วยขายเขาจะไปเบิกคลังมาให้ และยินดีขายให้เราในราคาพิเศษ ซึ่งนั้นหมายหมายความว่าถึงหน้าเว็บจะขึ้นว่าหมดก็ไม่ได้หมายความว่าขายหมดนะคะ ถ้าขายหมดจริงๆ เขาคงไม่รีรอที่จะพิมพ์รอบสองเอามาขายใหม่หรอกค่ะ
ขอย้ำอีกครั้งว่าที่เสนอแบบนี้เพื่อช่วยเขาระบายส่วนที่ขายไม่ออกค่ะ วิธีนี้จะทำให้สนพ ได้เงินสดไปหมุนเพราะถ้ารอจากคลังสินค้าที่เขาฝากขายมันต้องใช้เวลาเช็คยอดขายรอบละสามเดือนเป็อย่างน้อย ถ้าไม่เชื่อลองโทรถามสิคะว่าหนังสือที่เป็นงานเขียนของเรานั้นหมดจริงหรือเปล่า??? แค่อยากให้ช่วยกันคนละไม้ละมือค่ะ อย่างน้อยก็มีส่วนช่วยกันขาย ถึงมันจะไม่ใช่หน้าที่ของนักเขียน แต่เสนอแนะในฐานะคนที่ทำงานร่วมกันในองค์กร เมื่อองค์กรเดือดร้อนคนในองค์กรจะมีส่วนช่วยได้อย่างไร

0
นักเขียนตาดำ 9 ก.ย. 56 เวลา 10:56 น. 59

ดีใจกับคุณปัตตาเวียด้วยนะ ที่ได้ค่าต้นฉบับ ของคุณต้องรอกี่เดือนถึงได้ครบเหรอ
ของเราป่านนี้ยังไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปจนถึงปีหน้าหรือเปล่า

ปล. ตกลงว่า สนพ. จะมีการออกมาชี้แจงไหม เราคิดว่าคงมีนักเขียนจำนวนมากที่กำลังรอฟังคำตอบอยู่...ได้โปรดอย่าทำนิ่งเฉยเลย บอกตามตรงว่านักเขียนก็เครียดไม่แพ้กัน เพราะทุกคนต่างก็มีภาระที่ต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนเหมือนกัน รายได้ตรงนี้แม้มันอาจจะดูไม่มาก แต่มันก็มีความสำคัญอย่างยิ่งกับพวกเรา...รู้ไหมว่าการแต่งนิยายแต่ละเรื่องและกว่าจะตีพิมพ์ต้องใช้เวลาเกือบปี เพียงเพื่อแลกค่าต้นฉบับมาเป็นรายได้จุนเจือครอบครัว แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่ตกลงไว้ มันเจ็บและเสียความรู้สึกมากจริงๆ

0
นักเขียนคนหนึ่ง 9 ก.ย. 56 เวลา 11:00 น. 60

แล้วขึ้นทำไมว่า "หมด" คนที่เข้าหน้าเว็บคิดจะสั่งซื้อ ขึ้นแบบนี้ เขาคงไม่กระตือรือร้นที่จะโทรไปถามหรอกว่ามีหรือเปล่า เพราะมันเห็นๆ กันอยู่ จะโทรไปถามอีกทำไม ... อ่านไม่ออกเหรอว่า "หมด"

คนค้าขาย ถ้าไม่หมดขึ้นว่าหมดก็เท่ากับตัดโอกาสในการขายไปแล้วเกือบ 80% ถ้าหมดแล้วขึ้นว่า ยังมีอยู่ยังดีกว่าอีก

แล้วแบบนี้หนังสือมันจะขายได้ ได้ยังไง...หัวการตลาดไม่มี มิน่าถึงใกล้เจ๊ง

0