จู่ๆโผล่ออกมาทุกคนอายุเท่าเดิม
...ที่ประหลาดยิ่งขึ้น ผู้โดยสารจำนวน ๑๒๐ คน และพนักงานประจำรถ ๓ คน มีอายุเท่ากับวันที่หายเข้าไปในอุโมงค์ไม่มีใครแก่อายุมากขึ้นสักวันเดียว รูปร่างเหมือนเดิมทุกอย่าง และพวกเขายังเชื่อว่า ทุกวันนี้ยังเป็น พ.ศ. ๒๔๙๒ อยู่...
...รัฐบาลอิตาลีเก็บเรื่องนี้เงียบที่จะพูดถึงขบวนรถด่วนหมายเลข เอฟ ๖๒๖ และยังไม่ยอมพูดถึงว่าเอาขบวนรถนั้นไปไว้ที่ไหนด้วย ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้น ยังคอยจับตาผู้โดยสารทุกคนเว้นแต่มี ๒ คนที่เป็นชาวต่างประเทศหลบหนีการสอบสวนไป ส่วนพนักงานประจำรถ ๓ คน รัฐบาลได้เก็บตัวไว้ในสถานที่หนึ่ง ไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณชน...
...ข่าวการหายไปของขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ หายลึกลับไป ๔๒ ปี และโผล่กลับมาอีกนั้น แม้ว่าทางการ พยายามปิดข่าว แต่หนังสือพิมพ์อิตาลีเกือบทุกฉบับสามารถที่จะติดตามมาเสนอได้ พยานทีได้รับทราบเหตุการณ์ครั้งนี้เผย ตั้งแต่เริ่มต้นที่ขบวนรถด่วนนี้มีด้วยกัน ๑๓ โบกี้ หายเข้าไปในอุโมงค์รถไฟที่มีความยาว ๑ ใน ๔ ไมล์อย่างลึกลับไม่ยอมโผล่ออกไปอีกทางหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงปิดอุโมงค์ทำการค้นหา ซึ่งมีทั้งตำรวจและ นักวิทยาศาสตร์ โดยได้ค้นทุกตารางนิ้ว แต่ไม่พบร่องรอยแม้แต่น้อยว่ามันหายไปได้อย่างไร รางถึงกับรื้อออกแล้วนำมาวางใหม่ เมื่อค้นหากันไม่พบทำให้หลายคนเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวได้ทำการโจรกรรมโขมยรถด่วนนี้ไป ตามรายงานของ นสพ.อุโมงค์ได้เปิดอีกครั้งหนึ่งเมื่อปี ๒๔๙๓ ตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าจะมีขบวนรถไฟผ่านไปมาเป็นพันขบวนก็ไม่มีอุบัติเหตุอันแปลกประหลาดลี้ลับนั้นเกิดขึ้นอีกเลย...
...แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ก็มีคนพยายามค้นหาขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ แต่ก็พบว่ามีแต่ความว่างเปล่า บางคนถึงกับสรุปว่า รถขบวนนี้ถูกหุ้มห่อด้วยกาลเวลาและเดินทางไปสู่อนาคตอันไกลพ้น...
...เรื่องราวแบบนี้เคยเกิดขึ้นในสหรัฐ เรืออินเซอร่า ซึ่งเป็นเรือคุ้มครองเรือประจัญบานของกองทัพเรือสหรัฐจู่ๆก็หายอย่างลึกลับจากอู่เรือที่ฟิลาเดลเฟียในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่แล้วจู่ๆก็ไปปรากฏตัวที่ฐานทัพเรือนอร์ฟอร์ด ซึ่งทุกวันนี้ยังหาคำตอบไม่ได้...
...เมื่อรัฐบาลปิดข่าว หนังสืออิตาลีก็พยายามที่จะขุดค้นออกมา ในที่สุดหนังสือพิมพ์โรมเดลี่ที่ขายดีมากสามารถไปคว้าเอาเทปมาริโอ ฟรานซินี ช่างเครื่องรถไฟขบวนนี้มาตีแผ่ได้ ซึ่งมีดังนี้...
"ขณะที่ขบวนรถเคลื่อนเข้าไปในอุโมงค์นั้น ไม่นานนักก็มีหมอกสีขาวหนาลอยฟ่อง สมองรู้สึกปั่นป่วนไปหมด จากนั้นก็หมดสติไม่รู้สึกตัว มาได้สติอีกครั้งหนึ่งเมื่อขบวนรถได้ออกจากอุโมงค์แล้ว เราคิดว่าเวลาคงจะห่างกันไม่ถึงนาทีดี แต่ที่ไหนได้ เมื่อขบวนรถเรากลับมาถึงสถานีโบล้อคน่าถึงได้ทราบว่า ได้ห่างกันถึง ๔๒ ปี นี่คือสิ่งเดียวที่เรารู้ "
...ผู้โดยสารอื่นๆก็ให้การคล้ายคลึงกันว่า มีหมอกลงจัดเมื่อเวลาเข้าอุโมงค์แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย...
...ผู้โดยสารขบวนรถด่วน เอฟ ๖๒๖ ซึ่งเป็นชาวต่างประเทศ ๒ คน ที่หลบการให้การคือ อดอล์ฟ โรเนอร์ เป็นชาวเยอรมันกับมาร์ติน บาร์ตเลตต์ ชาวแอฟริกาใต้ สำหรับโรเนอร์มีนักข่าวอิตาลีได้โทรศัพท์ไปหลอกถาม โดยอ้างว่าเป็นผู้โดยสารรถด่วนนั้นด้วยกัน...
...โรเนอร์ได้เล่าว่า ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปมาก ตอนที่เขาหายไปพร้อมกับขบวนรถไฟนั้นเขาอายุ ๓๐ ปีมีลูกชายอายุ ๑๐ ขวบ " เดี๋ยวนี้ลูกชายผมอายุ ๕๒ ปีแล้ว อ้วนและเป็นโรคหัวใจ ส่วนภรรยาผมก็ย่างเข้า๗๐ ปีแล้ว กำลังเป็นโรคเบาหวาน ส่วนผมกลับอายุเพียง ๓๐ ปี เท่านั้น เท่ากับเมื่อปี ๒๔๙๒" ...
...เรื่องราวเหล่านี้เป็นความลึกลับของโลกที่อธิบายได้ยาก ซับซ้อน น่าอัศจรรย์ใจ ต่อผู้ที่ได้รับฟังเป็นอย่างยิ่ง...
...และเรื่องนี้นับว่าเป็นปริศนาอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ ชวนติดตาม สืบเสาะ ค้นหาที่มาความเป็นมาเป็นไป...
178 ความคิดเห็น
โหหหหหหหหหห
ไม่อยากแก่ก็ลองนั่งรถไฟขบวนนี้สิคะ
wuttisukยังแพ้
อยากนั่งจัง
หลับต่อไป
แปลกจังเลย
คือมันจะมีทฤษฎีอะไรซักอย่างมั้ยคะที่จะสามารถหาคำตอบได้ คหสต.คิดว่าน่าจะเกิดจากการบิดเบือนของช่วงเวลาทำให้เราหลงเข้าไปในอีกมิติหนึ่งและคงเป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆในมิติที่เราหลุดเข้าไปเป็นเวลาเท่ากับ 42 ปีอะไรอย่างงี้อ่าค่ะ (สาเหตุที่ผู้ประสบเหตุการณ์บอกอาจจะเป็นเพราะว่าเราเข้าไปในรัศมีของมิติ ซึ่งอาจจะเป็นแค่เศษเสี้ยวของมิตินั้นๆก็ได้นะคะ) ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับการเกิดช่องว่างระหว่างมิติแต่อาจจะมีองค์ประกอบอื่นๆที่ต่างกันออกไป ไม่เหมือนกับการเกิดหลุมดำ อาจจะเป็นเพราะว่าเนื่องจาก สถานที่ เวลา ภูมิประเทศ หรือไม่ก็สนามแม่เหล็กในพื้นที่นั้น ๆอาจจะแปรปรวนค่ะ เลยเกิดปรากฎการณ์นี้ขึ้นมาได้ ส่วนที่ว่าเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวอาจจะมีส่วนถูกค่ะ ดูอย่างที่อเมริกาเอามนุษย์ต่างดาวไปทดลองและศึกษาสิคะ อย่าลืมนะว่าจักรวาลเราไม่มีที่สิ้นสุด โอกาสที่จะมีสิ่งมีชีวิตที่อาจจะด้อยหรือมีพัฒนาการที่ดีกว่าเราหลายขุมก็เยอะเหมือนกันค่ะ ยังไงก็ขอให้พวกนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ศึกษาในเรื่องนี้ประสบความสำเร็จนะคะ (' ')
#อยากรู้ไหมทำไมเขาถึงปิดบังการมีตัวตนอยุ่ของคนที่อยุ่ในโบกี้ตุ้นั้น คหสต.คิดว่าพวกองค์กรต่างๆระหว่างความมั่นคงของมนุษย์และสหประชาชาติอาจจะคงวุ่นวายกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก(เพราะยังหาคำตอบไม่ได้ไงล่ะ 555) จำเป็นจะต้องเอาไปสอบปากคำ จดบันทึก หรืออาจจะทารุณกรรมหรือไม่ก็ผ่าเลยทีเดียว(พวกคุณก็รู้นี่ว่ามนุษย์โลกชอบผ่า หึ หึ หึ) ไม่งั้นเขาจะลงข่าวหรือคะว่า 'ชาวต่างชาติสองคนหลบหนี' แสดงว่าสองคนนี้ต้องรุ้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขานั่นเอง
ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆแบบนี้นะคะ ^^
ไม่ต้องใช้ทฤษฎีไหนหรอกครับ สิ่งที่จะนำมาหาเหตุผลต่างๆ ไม่จำเป็น เพราะว่าเป็นการเสียเวลาเปล่าๆ แต่สิ่งที่สามารถเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่านั้นคือสิ่งที่ พรุพุทธเจ้าท่านได้ ตรัสรู้ รู้อนาคต รู้อดีต รู้กาลเวลา และความว่างที่มีอยู่เมื่อคนเราเข้าถึงสิ่งที่ไม่มีตัวตน ในรูปนามหรืออย่างที่ทุกคนเข้าใจว่า ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรมาสามารถควบคุมได้ แม้แต่เพียงกาลเวลาก็ตามที อย่างที่ทุกวันนี้มนุษย์เรายังแสวงหาทางที่ผิดอยู่เป็นจำนวนมาก
จิตนาการล้ำเลิศครับ
"การบิดเบือนของช่วงเวลาทำให้เราหลงเข้าไปในอีกมิติหนึ่งและคงเป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆในมิติที่เราหลุดเข้าไปเป็นเวลาเท่ากับ 42 ปีอะไรอย่างงี้">>>>เวลาเป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้น มันไม่ได้เกิดขึ้นเอง มันไม่มีตัวตน เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้นมา ((ดังนั้น)) เป็นไปได้ยากที่เวลาจะมีผลทำให้เกิดสิ่งนี้ เพราะ เวลาเป็นแค่สิ่งที่มนุษสมมุติขึ้นเองและไม่มีตัวตน
แปลกแฮะทำไมนักข่าวคนเดียวโทรหาชาวต่างชาติได้แต่ทำไมทางการอิตาลีถึงหาตัวไม่เจอ?
มันน่าตื่นเต้น ประหลาดใจสำหรับคนอื่นก็จริง
แต่สำหรับผู้โดยสารในรถไฟขบวนนั้นคงเป็นเรื่องที่ผ่านไปได้ยากนะ
กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมคงไม่ได้
แปลกจริงแฮะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น...ก้ออย่างว่าแหละนะจักรวาลเราไม่มีที่สิ้นสุดมันอาจจะเกิดเรื่องที่แปลกกว่านี้ก้อได้ใครจะไปรู้
สตันท์ 10 วิ
=.=
จริงดิ เจ๋งอ่ะ
ค.ห. 6 เค้าอาจจะหนีกลับประเทศเค้าแล้วก็ได้นะคะ เพราะฉนั้นทางประเทศเค้าจะยอมให้ทางการอิตาลีมายอมจับตัวพลเมืองเค้าง่ายๆรึ อีกอย่างสองคนนั้นไม่ได้เป็นผู้มีความผิดที่จะต้องให้ประเทศของเค้าเองส่งเค้ากลับไปให้ทางการอิตาลี่
หนูอยากนั่งคันนั้นค่ะ !! #ความโรคจิตโผล่ (?)
ทางการอิตาลีอาจจะเอาไปหลบซ่อนเองก็ได้ ก็บอกว่าไม่อยากให้เป็นข่าว
ทำไมเรานึกถึงเรื่องโดราเอมอนนะ 555555
เหมือนในหนังเลยอ่ะ
รู้สึกเรื่องนี้จะโคมลอยนะ =='' เท่าที่เราเคยอ่านมาอ่ะ
ปล. แต่ถ้าเป็นหนังคงหนุกหน้าดู 555+
โอ้โห
สงสารชาวต่างชาติคนนั้น
กลายเป็นอายุน้อยกว่าลูกตัวเองเฉยเลย
เราเชื่อนะ แต่เอาไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง เค้ากลับบอกว่าเราบ้า เรื่องเหลือเชื่อ ความคิดแบบเด็กๆ
เราคิดว่าโลกนี้มันมีปริศนาที่เรายังไม่รู้อีกตั้งมากมาย เรื่องบางเรื่องที่คนบอกว่าไม่น่าจะมี มันยังเกิดขึ้นได้เลย เราก็แค่ออกความเห็น แล้วทำไมถึงเอาแต่ด่าเรา
รึว่าจะเป็นไทม์แมชชีน
น่าจะเป็นทฤษฎีรูหนอนนะลองไปหาดู ในกูเกิ้ล มันจะเกี่ยวกับห้วงเวลาอ่ะ
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ชอบเรื่องราวลึกลับแนวๆแบบนี้อ่ะ เกี่ยวกับมิติแห่งเวลา กรี๊ดด ฟิน
ปรบมือให้จขคห.
เรื่องนี้เราเชื่อนะ เหมือนเคยในอ่านหนังสือเล่นนึงอยู่เหมือนกันว่า มีเครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านสามเหลียมเมอร์บิวด้าแล้วหายไปหลายปีอยู่ (เราจำจำนวนไม่ได้แต่ประมาณสิบปีขึ้นอ่ะ) แล้วจู่ๆก็โผล่มา นาฬิกาทุกเรือนบนเครื่องนั้นยังคงเดินต่ออ่ะ แบบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อดอล์ฟ!!!!!!!!
เป็นทฤษฎีที่ไอแซคบอกว่าถ้ามีชีวิตอยู่แล้วรู้จักพระพุทธศาสนาได้เร็วกว่านี้ จะสามารถทำการค้นว้าทดลองเรื่องกาลเวลาให้มนุษย์สามารถที่จะย้อนเวลากลับไปในอดีตได้..มีความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะสามารถย้อนอดีต
ไม่ชัวร์เหมือนกันนะ แต่ที่ได้ยินมาข้อมูลประมาณนี้ใกล้เคียงข้อมูลของแหล่งข่าวอ่ะ
มีหลายความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้....อยากลองเข้านาซ่าแล้วสืบเรื่องพวกนี้จัง ติดตรงที่สมองไม่ไปอ่ะดิ 5555
เรื่องหายไปปริศนานี่นึกถึงสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเลยแฮะ
ไม่ต้องร้อยไหมเลย นั่งขบวนนี้ เอาะเหมือนเดิม 5555555555
เจ๋งอ่ะ อยากนั่งบ้าง เหมือนไทม์แมชชีนเลย....
โอ้ มาย ก๊อดดดดดดดดด
ชอบเรื่องลึกลับ พวกมิติ เวลาาาาาาา โอยอ่านแล้วอยากโดนมั่ง งะ แต่โดนแบบดีๆรู้สึกตัวนะ >< ขอบคุนสำหรับความรู้ดีๆคะ
เหลือเชื่อสุดๆ...
เอ่อ รถไฟสมัยนั้นมันจะเร็วขนาดถึง 0.9c เลยหรอ เป็นไปไม่ได้มั้ง
ขนาดตอนนี้ที่เร็วที่สุดในโลกก็ยังแค่
574.8 km/h (TGV POS 4402)
581 km/h (SC-MLX01 Maglev) เองอะ
เอิ่มมม เรื่องนี้คงยากอยุ่นะครับ = = จากเนื้อข่าวแล้วตรงตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษเลยครับ ถ้าเทียบสัมพัทธภาพพิเศษรถไฟคงต้องมีความเร็วประมาณ 0.9999999c ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ หรือโลกนี้อาจมีเวทมน ถถถถถ+
โอ้ว!! โคนัน
อึ้งอ่ะเรื่องจริงป้ะเนี่ย เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแฮะ5555
แต่ชอบนะเป็นหนังคงสนุกมาก
เค้าคงต้องเรียกลูกตัวเองว่าพ่อ...สินะ เงิบเบย
จริงหรอค่ะไม่ใช่แค่เรื่องเล่าหรอค่ะ
ว่าอย่างงั้นเหมือนกันค่ะ
ฟอร์เวิร์ดเมลล์ที่ฝรั่ง ทำขึ้นอำกันเล่นวันเอพิลฟูลเดย์ แล้วพี่ไทยเอามาแปลทำข่าวชัว มีอะไรเชื่อถือได้สักอย่างไหม อ่านเอามันส์อย่างเดียว
เราว่าอาจจะเกิดขึ้นจริงๆ เพราะเราอยู่บนโลก อาจไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตอยู่เพียงแค่ดาวเดียว จักรวาล กาแล็กซี่มันกว้างใหญ่มากกกกก อาจจะมีสิ่งชีวิตอื่นอยู่บนดาวดวงอื่นอีกก็ได้ แต่ที่เราไม่รู้ เพราะมันไกลมาก เดินทางไปไม่ถึง แล้วก็อาจจะเกิดอะไรสักอย่างจริงๆ ก็ เป็น ด้ายย
...โดเรม่อนอยู่หน๊ายยยย
ที่อุโมงค์อาจจะเป็นช่องว่างระหว่างเวลาหรือคล้ายๆกับพวกไทม์แมชชีนไรเงี้ย
เค้าอาจจะนั่งมาแล้วมันมาทะลุที่ปีนี้ก็ได้
สำหรับคนที่อยู่ในปีที่เค้าทะลุมาก็คงสงสัยกันว่าทำไมขบวนรถไปถึงหายไป
พอพวกเค้าทะลุมาปีนี้คนที่รู้จักก็อาจจะตกใจ แปลกใจ ดีใจ ฯลฯ
อธิบายไม่ถูก - - นึกถึงโดเรม่อนสิๆๆๆๆ 5555
#พิมพ์เอง "งง" เอง
อ่านแล้วขนลุก แต่ก็อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองนะ มันเจ๋งดีชอบๆ
อัศจรรย์ของพระเจ้า
ทำหนังได้เลยนะ รวยเละ!
เคยเจอเรื่องแบบนี้ในเว็บคัมภีร์อัลกุรอ่านอะ
อ้างอิง
ในคัมภีร์อัลกุรอาน บท อัลบะกอเราะฮฺ อายะฮฺที่ 259 ระบุถึงเรื่องราวของชายชาวอิสราเอลผู้หนึ่ง ได้ขี่ลาผ่านไปยังชุมชนแห่งหนึ่งที่พังพินาศราบพนาสูร แล้วก็กล่าวขึ้นว่า “พระองค์อัลลอฮฺจะทรงให้ชุมชนนี้ฟื้นและรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง ได้อย่างไรกัน?
พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ) จึงได้ให้ชายผู้นี้สิ้นชีวิตลงเป็นเวลาถึง 100 ปี ต่อมาภายหลังพระองค์ก็ทรงให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ความจริงจะว่าตายก็ไม่เชิง แต่พระองค์ทรงบันดาลให้ชายผู้นี้สิ้นสติ หมดความรู้สึกไปเหมือนกับเจ้าชายนิทรา ที่หลับเป็นตายชนิดไม่รู้วันรู้เดือน พ้นไปได้ 100 ปี จึงฟื้นหรือตื่นขึ้นมาอีกครา แล้วก็พบว่าชุมชนที่พังพินาศนั้นกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง หลังจากที่เขาหลับเหมือนตายไปได้ราว 70 ปี
อนึ่งนักตัฟซีรส่วนใหญ่อรรถาธิบายว่า ชายผู้นี้ตายจริงๆ อันหมายถึงวิญญาณออกจากร่าง แล้วพระองค์อัลลอฮฺก็ตรัสถามผ่านมะลัก(เทวทูต) ว่า : เจ้าพำนักอยู่ตรงนี้นานเท่าใด? ความจริงพระองค์ทรงรู้อยู่แล้วว่าชายผู้นี้หลับหรือตายไปนานเท่าใด แต่ที่ถามก็เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์และยอมรับต่อฤทธานุภาพของพระองค์
ชายผู้นี้ก็ตอบว่า : ข้าพเจ้านอนอยู่ตรงนี้เพียง 1 วัน หรือ เพียงบางส่วนของวันเท่านั้น ที่ตอบออกมาอย่างนี้ก็เพราะว่า อีตอนที่ชายผู้นี้หลับหรือตายไปนั้นเป็นช่วงต้นวัน พอฟื้นหรือตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยังเห็นว่าตะวันยังไม่ตกดิน เลยเข้าใจว่ายังไม่หมดวัน พระองค์จึงให้ม่าลักเฉลยว่า “เจ้าน่ะนอนอยู่ตรงนี้นานถึง 100 ปี !”
ตอนแรกที่ชายผู้นี้ขี่ลาผ่านมาเมื่อร้อยปีก่อนนั้น เขาเอาลูกมะเดื่อใส่ตะกร้ามาด้วยพร้อมกับน้ำองุ่นคั้น พระองค์จึงบอกให้ชายผู้นี้มองดูลูกมะเดื่อกับน้ำองุ่นคั้นว่ายังมีสภาพดีอยู่ ไม่ได้เน่าเสียหรือแปรสภาพไปแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ผ่านเวลามานานถึงหนึ่งศตวรรษ
เพียงเท่านั้นยังไม่พอ พระองค์ได้ให้ชายผู้นี้มองดูลาที่ตนขี่มาก็พบว่าเจ้าลานั้นเหลือแต่กระดูก แล้วม่าลักก็เรียกกองกระดูกของเจ้าลาเข้ามารวมกันด้วยฤทธานุภาพของพระผู้ทรงสร้าง กระดูก เส้นเอ็น และเนื้อหนังพร้อมด้วยขนของเจ้าลาประกอบกันขึ้นและมีชีวิตเหมือนเดิม
ชายผู้นี้ได้ประจักษ์เห็นขั้นตอนการชุบชีวิตเจ้าลาด้วยสายตาของตน ในที่สุดเขายอมรับว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงฤทธานุภาพเหนือทุกสรรพสิ่ง
เกี่ยวไหม 555555
แต่ลึกลับดีจริง อยากโดนบ้าง
ถ้าเป็นเรื่องจริงมันก็ต้องเป็นข่าวดังบ้างล่ะ
แต่เรากลับหาจากเว็บ ตปท แทบไม่เจอ
เจอแต่เว็บที่ดูไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งเว็บนั้นพูดเรื่องนี้แหล่ะ แต่มันเป็นเว็บเกี่ยวกับ UFO
เราอยากอ่านอะไรที่มันมีหลักฐานชัดเจนว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ เห็นหน้าพยานคนนั้นจริงๆ
.
.
หนังสนุกดีค่ะ 555+
เราก็เคยได้ดูสารคดีเกี่ยวกับเรื่องรูหนอนกาลเวลาเหมือนกันค่ะ สนุกมากกกกกก ตั้งน๊านนนนนนนแล้ว
ประมาณว่า เปรียบเสมือนจักรวาลนี้เป็นแผ่นกระดาษ แล้วมันจะมีบางครั้งบางทีที่แผ่นกระดาษมันพับมันม้วนเข้ามาหากัน จนทำให้มันมีส่วนที่เชื่อมติดกัน เรียกว่ารูหนอนกาลเวลา เราสามารถเดินทางจากที่นึงไปยังที่นึงของจักรวาลได้!! ซึ่งเท่าที่เราพิสูจน์ได้ตอนนี้คือ ถ้าเราไปใช้ชีวิตอยู่ในจักรวาลที่ทุกอย่างมันเดินช้าาาาามากเมื่อเทียบกับการหมุนของโลก คุ้นๆกันใช่มั้ยล่ะ.. ที่กลับมาเจอทุกคนแก่หมดอ่ะ ทั้งที่ตัวเองคิดว่าเวลามันผ่านไปไม่นานเอง.. เหมือนกับได้ไปนั่งไทม์แมชชีนมายังโลกอนาคต
แต่รูหนอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ที่เดิมตลอด มันจะเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆๆๆ 555 สนุกล่ะสิคราวนี้.. ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันจะไปเกิดรูหนอนตอนเราเดินกลับบ้านรึเปล่านี่สิ อิอิ แล้วก็.. มนุษย์ต่างดาวก็ใช้วิธีเดินทางผ่านรูหนอนนี้แหละไปยังที่ต่างๆ (เค้าเก่งกว่าเรานี่เนาะ แค่หารูหนอนสบายอยู่แล้ว) จะได้ไม่ต้องขับจานบินไป3พันล้านปีแสงกว่าจะถึงที่หมายแต่ละที 555 เพราะอย่างงี้ มนุษย์ต่างดาวถึงเจอเราได้ แต่เราไม่เคยเจอมนุษย์ต่างดาวเลยนี่สิ ฮึ่ม!!
.
.
เรื่องแต่งครับ จากรูปภาพพร้อมคำบรรยายในรูปที่เอามาให้ดูนั้น ถ้าเก้บเป็นความลับ เขาคงไม่ตีพิมพ์ออกมาหรอกครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?