Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เรารู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติ...เราเก็บกดหนักขึ้นเรื่อยๆ ควรทำอย่างไรดี

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
         



ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ ตั้งแต่เด็กเราเป็นเด็กร่าเริง ยิ้มง่ายหัวเราะบ่อย กระทั่งพอเราโตมา เราได้รับรู้ว่าโลกที่เคยเป็นอยู่ไม่เหมือนเก่า พ่อแม่ทะเลาะกันเรื่องเงินทอง ต่างคนต่างมีชู้ด้วยกันทั้งคู่ หนำซ้ำเวลาเราอยากไปเรียนพิเศษสิ่งที่พ่อตอบกลับมาคือ ขอเงินแม่-สิ เรื่องเงินพ่อจะบ่ายเบี่ยงทุกครั้งทั้งที่เขามีเงินเป็นล้านๆ ต่างจากแม่ที่ไม่เหลืออะไร ต้องผ่อนรถต้องใช้หนี้พ่อ พ่อไม่เคยให้เงินแม่ใช้ฟรีๆ เขาจะด่า ดูถูก จนสุดท้ายก็เอ่ยคำว่า



    'แม่ มึ.ง เป็นแค่คนบ้านนอก'


     
     เราฟัง เราสะเทือนใจ ทำไมพ่อต้องดูถูกคนต่างจังหวัด แล้วพ่อก็บอกอีกว่าชู้แม่น่ะเป็นแค่คนต่างจังหวัดพวกไพร่ระดับล่่าง แต่ทำไม พวกไพร่ระดับล่างพวกนี้หรือที่เรียกว่าชู้ของแม่ถึงได้นิสัยดีกว่าพ่อ? เขาให้เงินเราเรียนต่างจากพ่อที่หวงสมบัติไปวันๆ เราไม่เข้าใจตัวเขาหรอก เราแค่สั่งสมสิ่งเหล่านั้นไว้เงียบๆ มันสั่งสมจนเราเก็บไม่ไหว มีหลายเรื่องที่เราอดกลั้นไม่ได้ พ่อแม่ชอบมาทะเลาะกันต่อหน้าด้วยเหตุผลที่ว่า 'จะได้ให้ลูกดูจะๆไปเลยว่าใครผิดใครถูก!!' แล้วต่างคนต่างเสี้ยมเราด้วยคำพูดที่ว่า 'ถ้า มึ.งโต มึ.งอย่าไปเลี้ยง มึ.งนะ มันเลวปล่อยให้มันตายไปเลย!!' เราถูกเสี้ยมสอนมาอย่า่งนี้ตั้งแต่ ม.ต้นแล้วค่ะ แรกๆเราก็ไม่เป็นอะไรหรอกนะ 

       แต่พอขึ้นมัธยมปลายทุกอย่างเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ พ่อแม่ต่างสาปแช่งกันและกัน พ่อชอบขโมยเิงินแม่ทั้งที่แม่ไม่เงิน เอาของเซเว่นบูดมาให้เรากินด้วยเหตุผลที่ว่ามันถูกกว่าของปกติหรือพูดง่ายๆ เขาไมไ่ด้ดูวันเดือนปีหมดอายุแค่ขอลดราคาก็พอใจแล้ว 


       เราเคยโกรธนะ....โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งร้องไห้ เพราะเราระบายให้เพื่อนฟัง พ่อแม่ก็ห้ามแล้วมาด่าเรา บอกว่า จะระบายทำไมขายขี้หน้า!!! มึ.งอยากให้ครอบครัวเราเป็นตัวตลกเหรอ!! ตอนนั้นเราอึ้งไปเลย เราแอบระบายให้เพื่อนฟังบ้างแต่น้อยกว่าเ่ก่า เรารู้สึกว่าถ้าไม่ได้ระบายเราจะรู้สึกหนักหัวเครียด เรียนไม่รู้เรื่อง


     จนกระทั่งเราขอเงินเรียนพิเศษเพราะเรารู้ดีว่า การแข่งขันสมัยนี้มันสูงเรียนที่โรงเรียนก็ไม่รู้เรื่อง เราอยากมีอนาคตที่ดี เราไม่อยากมีชีวิตแบบนี้อีกแล้ว เราจึงขอเงินพ่อ ผลเป็นดังเดิน พ่อไม่ให้อ้างว่า 'ไปขอเงินแม่ มึ.งสิ กูไม่มีเงิน จะเรียนทำไม เปลืองเงินกู!!' เราอึ้ง นี่หรือคำพูดของคนเป็นพ่อตัวเองมีเงินเป็นล้านๆ แค่ทำให้อนาคตของลูกดี แค่นี้ไม่ได้  และไม่ว่ายังไงก็ขอไม่ได้ด้วยเพราะพ่อบอกว่า 'ถ้ากูให้เงิน มึ.ง เรียนแล้วมึ.งสอบไม่ติดหมอจะทำยังไง เปลืองวะ!!' 

        พ่อดูถูกเราขนาดนั้นเชียวเหรอ เรายอมรับค่ะว่าไม่ใช่คนเรียนเก่งมากแต่เราอยู่ห้องคิง เคยสอบได้อันดับต้นๆจากเด็กพันกว่าคน เราเลยคิดว่า ถึงไม่ติดหมอแต่อย่างน้อยก็อยากติดคณะีดีๆ ไมไ่ด้หวังอะไรมากมาย



        แล้วเพียงไม่นานนักพ่อก็มาพูดต่อกับเีราว่า 'ถ้าติดหมอจะให้สร้อยทอง' เราอยากบอกว่า ( ขอใช้คำหยาบนะคะทนไม่ไหวจริงๆ ) ถ้ากูติดหมอกูไม่มาเสนอหน้าขอเงิน มึ.งหรอก!! ตอนนี้กูแค่อยากทำการเรียนให้ตัวเองมันดี กูอยากตั้งใจเรียน กูอยากทดแทนช่วงเวลาที่กูไม่ตั้งใจ!!! 



        ในตอนนั้นเราคิดอย่างนั้นค่ะ แต่ไม่ได้พูดออกไป ความรู้สึกมันไม่ใช่อ่ะ...คือไม่กล้าลงทุนไม่กล้าเสี่ยงอะไรกับลูก แต่หวังผลตอบแทนที่สูงลิ่ว? คนอย่างนี้น่ะเหรอ? เห็นแก่ตัว! เราได้แต่มองเพื่อนที่ไปเรียนพิเศษ เพื่อนเราเรียนทุกอย่าง เราได้แต่มองอยู่อย่างนั้น ทั้งที่บ้านเราไม่ใช่คนจนแต่กลับต้อง...



         เรารู้สึกท้อแท้ เราอยากเรียน ทุกวันที่พวกเขาทะเลาะกันเรื่องเงินล้วนๆ มันเกิดจากการที่พ่อหวงเงิน หวงสมบัติ เขาไม่กล้ายกสมบัติให้ใคร พินัยกรรมระบุว่าถ้าเขาตายไปทรัพย์สินจะเป็นของน้าเรา ซึ่งแน่นอนว่าแม่เราไม่มีสิทธิ์ แม่เราอึ้งมากที่พ่อทำอย่างนี้ เรพาะมันเท่ากับว่า สมบัติพวกนี้น้าเราจะยกให้ใครก็ได้แน่นอนว่า น้าเรามีหลานรัก คงไม่ยกให้เราแน่ๆ แม่เราบอกอย่างนี้ 

       เราตัดสินใจโทรไปขอเงินย่าค่าเรียนพิเศษ เราไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังขนาดนี้มาก่อน เราร้องไห้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ ขอน้า น้าก็ไม่ให้อ้างว่า ก็ให้แม่ออกเองสิ...คนฝั่งพ่อเป็นแบบนี้ทุกคน


      ในช่วงเวลานั้นเรารู้สึกว่าตัวเองซึมๆเหม่อ มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เราไม่ได้เล่าให้ใครฟัง พ่อชอบพูดว่า ทำไมลูกคนอื่นมีความสามารถทำไมเราถึงร้องเพลงดีดกีตาร์ไม่ได้ละ แต่ถามหน่อยพ่อเคยลงทุนกับหนูไหม เคยให้เงินหนูไปเรียนไหม!? ลูกคนอื่นพ่อแม่เขาลงทุนทั้งนั้น ทั้งที่เราพยายามดิ้นรนแต่ไม่มีใครสนับสนุนเลย เราเครียดมาก เรารู้สึกว่าช่วงนี้เราประสาทหลอนบ่อยๆ ชอบนอนร้องไห้ คิดแค่ว่าโลกนี้ไม่น่าอยู่ เหมือนเราอยู่ตัวคนเดียว เคยมีบางครั้งที่คิดจะฆ่าพ่อและตัวเองตาย มันมาเป็นวูบๆ เราหัวเราะไม่บ่อยเท่าที่เคยเรารู้สึกว่าเราเงียบมาก มนุษยสมัพันธ์ไม่ดีเหมือนอย่างที่เคยเป็น เราเป็นแบบนี้มาเทอมนึงเต็มๆ ไม่ใช่แค่อาการชั่ววูบแน่นอน


     เราเคยบอกแม่เรื่องนี้เพราะเรากังวล กังวลไปหมดแต่แม่ก็บอกแค่ว่า แล้วจะทำยังไงล่ะ!!! พ่อ มึ.ง มันเ -้ ยเอง!! 


     ทั้งที่เราหวังอยากให้แม่พาเราไปหาจิตแพทย์แท้ๆ เราไม่เข้าใจใครสักคน เราเป็นเด็กง่ายๆ เราไม่เคยได้อะไรจากพ่อแม่ มือถือเราก็ซื้อเอง ของขวัญวันเกิดเราไม่เคยได้ แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยเห็นใจเรา เรามองเห็นคนอื่นมีนั่นมีนี่เราก็อิจฉาแต่เราก็เงียบไว้เพราะทุกอย่างมันใช้เงินเราไม่อยากให้พ่อแม่เสียเงินในสิ่งที่ไม่เกิดระโยชน์ เราเข้าใจว่าการไปหาหมอมันเสียเงินแต่ไม่รู้สิ...เราเกลียดทุกอย่างไปหมด ทุกคนเห็นแก่ตัวหมดทุกคน





เราควรทำอย่างไรดีคะ เรารู้สึกว่าอาการเราหนักขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

11 ความคิดเห็น

1111111111111111 6 ต.ค. 56 เวลา 15:09 น. 1

โอ้ยย อ่านแล้วเห็นใจเธอจัง
แต่เราไม่รู้จะช่วยเธอยังไงอ่า แง

เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆนะ TT
รอคอมเม้นต่อไป เผื่อจะมีคำแนะนำ

ปล ไม่ลองโพสต์ใน พันทิป ดูเหรอคะ
มีคนที่น่าจะให้คำแนะนำได้เยอะมากๆเลย

เว็บเด็กดีก็มีแต่เด็กอ่ะ ก็ยังไม่รู้จะให้คำแนะนะยังไง สู้ๆนะคะ
มี log in pantip ไหม

0
으르렁 6 ต.ค. 56 เวลา 15:13 น. 2
 สู้ๆน้า  ลองไปปรึกษาจิตแพทย์ หรือปรึกษาคุณครูก็ได้ อย่าเครียด มันไม่ส่งผลดีต่อเรา เป็นกำลังใจให้ค้ะ ! #มาเล่นๆแล้วจากไป
0
Hooppie 6 ต.ค. 56 เวลา 15:18 น. 3

จขกท.ใจเย็นๆนะ เราคอยเป็นกำลังใจช่วย  
อะไรที่คิดว่าตอนนี้พอทำได้ก็พยายามให้ถึงที่สุดเลยนะ
เราขออวยพรให้เธอสอบหมอติดนะ  จะได้ไม่ต้องมาทนอยู่ในที่แบบนี้
พอโตไปเธอก็ใช้ชีวิตของเธอให้เต็มที่เลยนะ  เวลานี้ก็อดทนไปก่อน
สู้ๆนะคะ ^^

0
LuCIFeRZ 6 ต.ค. 56 เวลา 15:27 น. 4

ลองปรึกษาครูแนะแนวมั้ย ? แม้จะไม่เก่งเท่าจิตแพทย์ แต่เค้าน่าจะพอช่วยได้นะ
สู้ๆ เอาเรื่องนี้มาเป็นแรงผลักดันตัวเองนะ ทำให้เขาและทุกคนดูถูกจขกท.ไม่ได้อีก สู้ !

0
---aonjino------ 6 ต.ค. 56 เวลา 15:36 น. 5

เราอ่านจนจบนะ เเต่เราไม่รู้จะช่วยเธอยังไงจริงๆ เราก็เเค่เด็กม.ปลาย เราทำได้เเค่อ่านจนจบเเล้วเห็นใจเธอ อยากให้พยายามต่อไป สักวันเธอคงพาตัวเองมาจากบ้านหลังนั้นได้ ... ตอนนี้เธอก็คงต้องทบทวนด้วยตัวเองไปก่อนใครจะว่ายังไงช่างเขา ขอให้เชื่อตัวเองนะว่าต้องอยู่ต่อไปเพื่ออนาคตที่มันดีกว่านี้นะ

0
!!!![p]im!!!! 6 ต.ค. 56 เวลา 15:51 น. 6

อย่าไปสนใจค่ะ ถ้าคุณแก้อะไรไม่ได้ ตั้งใจเรียน และพยายามพูดคุยกับเพื่อนให้มากๆ ทำใจให้สบาย เราแนะนำว่าให้เขียนระบายในอะไรก็ได้ เราเชื่อว่าการเขียนมันช่วยระบายได้จริงๆ ส่วนเรื่องพ่อกับแม่ ปล่อยไปเถอะค่ะ ถ้าเราแล้วเค้าตอบกลับมาเเบบบนั้น แต่ให้เสมอว่าเค้าคือพ่อแม่ ไม่ต้องว่าร้ายหรือทำสิ่งไม่ดีที่คุณเคยคิด คิดเสียว่า เค้าคงได้รับผลกรรมเอง แค่ระลึกว่าเค้าคือพ่อแม่เดี๋ยวพอเค้าแก่ตัวลง คุณก็จะว่าจะไม่มีใครอยู่เคียงข้างเค้า

//พ่อกับแม่ก็ทะเลาะกัน แต่ไม่ถึงขนาดนี้ เวลาขอเงินพ่อ พ่อจะบอก ไปขอแม่สิ ซึ่งแม่เราไม่มีเงิน แต่แม่เราก็ยังเป็นห่วงเรา

ยังไงก็อย่าเครียด  เครียดเกินไปมันจะทำให้เสียสุขภาพจิตซะเปล่าๆ 


0
เป็ดสิก้า 6 ต.ค. 56 เวลา 16:15 น. 7

ขอบคุณค่ะ  อันที่จริงเราไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ แต่เหมือนพวกเขาจะไม่สนใจเราเลย สนใจแค่เงินๆทองๆ จนเราเครียด คือพ่อทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องศูนย์เงิน คือจะว่ายังไงดีล่ะ...ถ้าเป็นของไม่จำเป็นพ่อมักจะซื้อมาค่ะ แต่ของจำเป็นพ่อไม่เคยซื้อให้เลย เมื่องานก็ด้วยจะขอเงินพ่อค่าเรียนพิเศษพอบอกคำเดียว จะพูดอะไรกูไม่ฟังหรอก ไม่ฟัง 

นึกถึงประโยคนี้เราพูดได้คำ้เดียวว่าเราทั้งเสียใจและแค้นใจ เสียใจที่คนเป็นพ่อทำแบบนี้ จนตอนนี้เรากลายเป็นเด็กมีปัญหาในสายตาของพ่อน่ะค่ะ พ่อก็เลยใช้จุดนี้มาอ้างเสมอว่าเรา เป็นเด็กมีปัญหา ถ้าให้อะไรไปจะเคยตัว สุดท้ายเขาก็เ้ข้าอีหรอบเดิมน่ะค่ะ พูดทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบ กระทั่งใส่ร้ายลูกให้ย่าเราฟังเขายังทำมาแล้ว เราเลยทั้งเครียดทั้งเสียใจ

0
พอใจเมื่อไรก็สุข 7 ต.ค. 56 เวลา 05:52 น. 8

ขอให้ "พลิกใจ" ซะใหม่ .. คือให้คุณเปลี่ยนมุมมองในทุกๆ เรื่องซะใหม่
ให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันก็มีแง่ดีของมัน แล้วให้คุณสร้างความพอใจในสิ่งที่กำลังได้รับ

ยกตัวอย่าง เช่น คุณเกิดขาหัก เดินไม่ได้ไป ๑ เดือน ถ้าคุณตีโพยตีพาย เสียใจ มันก็จะยิ่งเครียด

แต่ถ้าคุณเปลี่ยนมุมมองซะใหม่ ว่าขาหักก็ดีเหมือนกัน จะได้พักผ่อน จะได้มีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น จะได้เล่นคอมพ์ความรู้ให้สนุก จะได้.. ฯลฯ....

ถ้าอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่ไม่ดี เราก็เปลี่ยนมุมมองของสิ่งนั้นว่ามันดี
จริงๆ แล้วทุกสิ่งที่อยู่ในโลกของเรา มันไม่ดีอะไรน่ารักหรือน่าเกลียดหรอกนะ
แต่เพราะคนเราไปคิดกันเองว่า สิ่งนี้น่าเกลียด-เราไม่ชอบ , สิ่งนี้น่ารัก-เราชอบ

ถ้าใครเป็นคนฉลาด คนนั้นจะสามารถทำใจให้ชอบหรือไม่ชอบในอะไรก็ได้
ตัวอย่าง เช่น มีเพื่อนบ้านเอากองขยะมาทิ้งหน้าบ้านเรากองหนึ่ง ปกติเราน่าจะไม่ชอบใช่ไหม?
แต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองว่า เออ.. ก็ดีนะ กองขยะนี้เราชอบ จะได้เอาไปทำปุ๋ย ถมที่ ฯลฯ.. ต่อไป

เช่น คนหน้าตาหล่อ ปกติมันก็น่าจะชอบใช่ใหม?
แต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองว่า มันไม่เข้าท่า มันขี้เกียจ มันตัวเหม็น มันนิสัยไม่ดี มัน..ฯลฯ.. อีกเยอะแยะ
เราก็จะไม่ชอบเขาได้เช่นกัน (การที่เปลียนมุมมองก็เพื่อปกป้องตัวเราไม่ให้ไปตกเป็นทาสรักเขาไงล่ะ)

แต่เมื่อเราชอบอะไร ก็ขอให้สบายใจกับสิ่งนั้น
อะไรที่จะนำมาซึ่งความทุกข์ให้เปลี่ยนมุมมองให้เป็นเราพอใจและอยู่กับมันให้ได้
โดยปกป้องตัวเองตามสมควร ไม่ใช่หมายถึงให้ก้มหน้าก้มตาจมอยู่กับของเน่าๆ ตลอดไปหรอกนะ
เมื่อถึงเวลาที่จะปลีกตัวออกมาได้ก็ให้ออก แต่ถ้ายังออกไม่ได้ก็ให้เปลี่ยนมุมมองซะอย่างที่ว่าแล้ว

ความพอใจ นำมาซึ่งความสุข
ความไม่พอใจ นำมาซึ่งความทุกข์
แล้วเราอยากจะได้ "ความสุข" หรือ "ความทุกข์" ล่ะ?

0
จัก เหลว 18 ก.พ. 59 เวลา 22:59 น. 10

ขั้นเเรกเราต้องกล้าเเสดงออกก่อน1เวลามีเพื่อนเยอะๆเราต้องพูดก่อนหรือถามก่อนอย่าเป็นคนเก็บกดคิดไปเลยว่าชีวิตนี้อยากทําอะไรทําไห้มันสุดเลยไม่ต้องกลัวไครหรอกถ้าคุณเก็บไว้คนเดียวเเล้วคนอื่นจะรู้หรอว่าคุณคิดอะไรอยากทัมอะไเกลียดอะไร เเล้วคุณจะรู้ว่ามีความสุขมีเปนยังไง จบคาบ☺☺☺"

0
Monakiss 10 มิ.ย. 59 เวลา 20:55 น. 11

เราว่าเราสองคนอาการคล้ายๆกันนะ แต่ของเราเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิต คืออยากเป็นอิสระจากตรงนี้ ก่อนอื่นเราแนะนำให้จขกทลองวาดรูปดูนะ แล้วก็ดูรูปสวยๆ ฟังเพลงบ้าง และถ้าจขกทสามารถไปไผนคนเดียวได้เราแนะนำให้ไปที่ที่ไม่มีคนเงียบๆ แล้วกรี๊ดดังๆเลยค่ะ รับรองโล่ง จากนั้นก็พิสูดตัวเองค่ะ พยายามสอบติดหมอให้ได้ สู้ๆด้วยค่ะ ถ้าสอบได้ก็อาจจะทำงานพาร์ทไทม์เก็บเงินไปเรียนไป สู้ๆนะคะ เก็บกดเหมือนกัน เก็บไว้ในหัวใจที่อ่อนแอ สู้ๆนะ

0