Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เมื่อยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าที่ สนพ.คาดไว้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
หลังจากงานสัปดาห์หนังสือผ่านพ้นไป และ สนพ.เมล์มาบอกหนูว่ายอดขายไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ หนูก็เลยรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันเป็นเพราะหนูไม่มีฝีมือเอง หรืออาจจะเป็นเพราะนามปากกาหนูไม่คุ้นตาผู้อ่าน คือ สนพ.ที่ว่าค่อนข้างจะมีชื่อในระดับหนึ่งนะคะ เป็นที่รู้จักกัน ไม่ใช่ สนพ.ใหม่หรืออะไร เขาก็ทำการตลาดได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่ทำไมตอน สนพ.เมล์มาบอกแบบนั้นหนูกลับรู้สึกว่าหนูมันไม่ได้เรื่องจริงๆ รู้สึกเหมือนต้องแบกความกดดันทั้งหมดไว้กับตัวเอง กลัวว่าจะทำให้เขาขาดทุนที่ต้องตีพิมพ์เรื่องของหนู

แต่จริงๆ นะ งานสักชิ้นที่ สนพ.ให้ผ่านการพิจารณาเขาก็ต้องมั่นใจสิใช่ไหมคะว่ามันขายได้ หนูเองก็คิดแบบนั้น อีกทั้งมันก็เป็นเรื่องแรกของหนูด้วย พอทาง สนพ.เมล์มาบอกแบบนั้นไฟในตัวที่คิดจะปั่นงานต่อมันก็ดับวูบเลยค่ะ สนพ.บอกว่ายังไงก็อยากจะให้หนูช่วยโปรโมตด้วยหนูก็พยายามเต็มที่แล้วนะ ทั้งลงหน้าเฟสบุคบ่อยๆ บอกญาติพี่น้องที่ชอบอ่านหนังสือให้ช่วยกันอุดหนุน ตอนนี้หนูก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำยังไงต่อไป หากมันขายไม่ได้จริงๆ ทาง สนพ.เขาจะคิดว่ามันเป็นเพราะหนูหรือเปล่าคะ หนูก็เห็นใจ สนพ.นะคะที่ต้องมาพิมพ์งานมือใหม่อย่างหนูที่ไม่มีชื่อเสียงหรืออะไร คิดว่าหากมันขายไม่ได้จริง เขาคงจะเข็ดไม่กล้ารับพิจารณาผลงานของหนูอีก ใครเคยรู้สึกแบบเดียวกับหนูบ้างคะตอนที่ได้ตีพิมพ์เรื่องแรก แล้วมันไม่เป็นอย่างที่่คิดไว้

หากถามว่าหนุคาดหวังอะไรกับเรื่องแรก หนุบอกได้เลยค่ะว่าไม่ได้คาดหวังอะไร แค่คิดว่าให้มันพอขายได้ก็พอไม่ทำให้ สนพ.ต้องเจ็บตัวเพราะงานของหนู หนุก็ดีใจแล้วแต่รู้สึกตอนนี้เหมือน สนพ.ต้องเจ็บตัวเพราะงานของหนู หนูก็เลยรู้สึกอึดอัดแบบบอกไม่ถูกจริงๆค่ะ


เศร้าจัง

แสดงความคิดเห็น

28 ความคิดเห็น

เคย์เซย์ (Keisei) 11 พ.ย. 56 เวลา 23:12 น. 1

...เอ่อ...ในฐานะที่อยู่ในวงการนี้มาพอสมควรนะครับ ขอตอบในฐานะรุ่นพี่ว่าเหตุการณ์ที่น้องเจอในตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องปกติก็ว่าได้ นักเขียนหน้าใหม่...โดยเฉพาะที่ออกงานเป็นเรื่องแรก ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนในตลาดนัก ไม่ว่าจะอยู่ในสนพ.ไหน เล็กใหญ่เพียงใด เมื่อเป็นนักเขียนหน้าใหม่และออกงานเล่มแรก นักอ่านย่อมไม่กล้าลงทุนซื้อมาอ่านอยู่แ้ล้วครับ

โดยปกติหนังสือของนักเขียนหน้าใหม่ หากไม่มีการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่นการจัดแคมเปญลดแลกแจกแถม หรืออื่น ๆ มาจูงใจให้คนอ่านยากซื้อ ส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลาวางแผงค่อนข้างนานทีเีดียว เพื่อให้เวลาคนอ่านที่ไม่เคยเห็นงานของเรามาก่อนได้ทดลองเซอร์เวย์ หรืออะไรก็ว่าไป ส่วนมากวางกันเป็นปีน่ะครับถึงจะบอกอะไรได้

แต่ถ้านักเขียนหน้าใหม่ออกงานเล่มสองในระยะเวลาอันใกล้ ก็มีแนวโน้มว่าจะฉุดยอดขายของเล่มแรกตามไปด้วย เพราะถ้าเล่มสองสนุก หรือเล่มแรกสนุก ก็จะเริ่มมีฐานคนอ่านขึ้นมาซึ่งนำไปสู่การฉุดยอดขาย

เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งคิดมากครับ ฝึกเขียนไปเรื่อยๆ ดีกว่า เรื่องของการตลาดกับการขายมันสุดจะยอดเดาได้จริง โดยเฉพาะเมื่อในตลาดมีนักเขียนจำนวนมากโผล่ขึ้นมาพร้อมกันเป็นร้อย ๆ นามปากกา เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่จะขายได้มากน้อยแตกต่างกันไป คิดแค่ว่าให้เราได้มีโอกาสเดบิวต์ในตลาดก็พอ หลังจากนี้ฝึกเขียนใด้ดีขึ้น เพื่อทางสนพ.จะยอมรับและเอาไปพิมพ์ต่อไงล่ะครับ

0
ณ พิชา 11 พ.ย. 56 เวลา 23:19 น. 2

แวะมาให้กำลังใจนะคะ เป็นเรื่องปกติค่ะที่เราอยากให้งานของเราติดอันดับขายดี อยากให้ สนพ เค้าได้กำไรจากงานของเรา แต่บางที...ความผิดหวังมันก็มักจะมาเล่นงานเราเสมอ โลกใบนี้เต็มไปด้วยความผิดหวังค่ะ คนที่สมหวังเสมอมีแต่ในนิยาย อ้อ กับคนที่ทำบุญมาดี (ยังมียกเว้นอีกแน่ะ)

ตรงนี้ไม่ยักรู้ว่า สนพ เป็นฝ่ายเมลมาบอกคุณเองเลยเนอะว่าขายไม่เป็นไปตามเป้า (ที่ผ่านมาไม่เคยเป็นฝ่ายถาม สนพ เลยเหมือนกัน เป็นสิ่งที่ไม่อยากรู้และไม่อยากถามเสียด้วย) ถ้าจะให้คิดว่า สนพ จะรับงานหนูอีกมั้ย ก็ต้องรอดูค่ะว่าเขาจะใจกว้างกล้าลงทุนอีกรอบรึเปล่า

ตอนนี้รู้ว่าคุณคงรู้สึกเฟลมาก (ทุกคนต้องเป็นค่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่ทำใจได้จริงๆ) ขอให้คุณใช้เวลาสักพักในการทำใจนะคะ
และอยากบอกตรงนี้เลยว่า "อย่าท้อถอยกับสิ่งที่คุณรัก" เพราะคุณจะไม่รู้เลยว่าอุปสรรคในวันนี้จะทำให้คุณกล้าแกร่งได้แค่ไหนในวันข้างหน้า
ถ้าคุณบอกว่ายอดขายที่ได้เป็นการวัดจากเมื่องานหนังสือที่ผ่านมา แสดงว่านิยายคุณเพิ่งตีพิมพ์ได้ไม่นาน เราว่าสงครามยังไม่จบนะ อย่าเพิ่งนับศพทหารเลยดีกว่า
ใครจะรู้ว่าผ่านไปอีกสักนิด งานเขียนคุณอาจจะค่อยๆ ขายได้เรื่อยๆ ก็เป็นได้ ตลาดเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
ดังนั้นตอนนี้ขอให้พักผ่อนทางจิตใจให้สบาย แล้วกลับมามีกำลังเขียนเรื่องต่อไปนะคะ

0
ชัยยา 11 พ.ย. 56 เวลา 23:25 น. 4

มันยังดีกว่าคนที่ สนพ. เมลมาบอกว่างานไม่ผ่านนะครับ 

เรื่องขายได้ไม่ได้นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับการทำธุรกิจ มันมีหลายปัจจัยประกอบกัน ทั้งจังหวะเวลา การทำตลาด กระแสนิยม อะไรต่ออะไร ในฐานะนักเขียนหน้าใหม่ที่ยังไม่มีคนรู้จักก็ต้องเผื่อใจไว้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว 

ในฐานะนักเขียนด้วยกัน อยากแนะนำอย่างนี้ครับว่า กลับมามุ่งมั่นทำงานชิ้นต่อไปของเราดีกว่า งานเขียนเมื่อมันหลุดจากมือเราไปและผลปรากฏว่ามันผ่านการพิจารณาของ สนพ. และได้ตีพิมพ์ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วสำหรับเรื่องนั้น ถัดจากนั้นจะขายได้หรือไม่ คนอ่านชอบมากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่เราสุดจะควบคุมหรือบันดาลให้มันเป็นไป 

ตัดแค่ตรงที่ว่างานผ่าน และเราไม่เหนื่อยเปล่า ก็สุดยอดแล้ว ควรภูมิใจ โปรโมทงานไปเท่าที่เราทำได้

แต่เหนืออื่นใด ต้องกลับมาจดจ่อกับงานเขียนชิ้นใหม่ครับ 

0
Mookkiezz____!! 12 พ.ย. 56 เวลา 00:33 น. 5

สู้ๆ ค่ะ มุกก็เป็นนักเขียนใหม่ (แถมสนพ.ก็เปิดใหม่ด้วย เอาสิ!) เจอปัญหาแบบนี้เช่นเดียวกัน ยังไงก็ต้องพยายามแหละ ถนนสายนี้ไม่ได้แข่งที่ฝีมืออย่างเดียว แต่แข่งกันทั้งการตลาด ความน่าสนใจ บลาๆๆๆ บอกได้คำเดียวว่าท้อได้ แต่ห้ามถอย :) มาพยามไปด้วยกันค่ะ

0
isomer_cat 12 พ.ย. 56 เวลา 01:30 น. 6

อ่านกระทู้แล้วรู้สึกหวิวๆ หน่อยๆแฮะ กำลังจะออกเล่มนึงเลย = =

แต่แค่งานหนังสือมันน่าจะเป็นช่วงแรกนะคะ เครียดตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ลองโปรโมตเพิ่มน่าจะช่วยได้นะคะ สู้ๆ

0
ศศิวิมาน 12 พ.ย. 56 เวลา 07:47 น. 7

เป็นกำลังใจให้ จขกท.นะคะ หมิงเองก็เพิ่งออกเล่มแรกเมื่องานหนังสือ....แอบถามเจ้าของร้านที่รู้จัก เขาก็บอกว่าเล่มเราเงียบๆ อยากให้คุณกลับมาโฟกัสกับงานใหม่มากกว่า เพราะเครียดไป เราก็แก้ไม่ได้แล้ว....พัฒนางานชิ้นใหม่ดีกว่าค่ะ ^___^

0
ไต่พะอง 12 พ.ย. 56 เวลา 09:07 น. 9

นั่นสินะ เพิ่งทราบว่าสำนักพิมพ์เมลมาบอกด้วย แบบนี้เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก (ทางความรู้สึก) คล้าย ๆ พ่อแม่ที่มีปัญหากับงานแล้วตอบโต้ไม่ได้ กลายมาเป็นพาลกับลูก

0
The Veronicas 12 พ.ย. 56 เวลา 10:29 น. 10

เพราะด้วยความที่เป็นนามปากกาใหม่มั้ง เลยทำให้คนอ่านตัดสินใจลำบากหน่อยว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ เพราะไม่เคยอ่านงานเก่ามาก่อน เราว่าคงเป็นเรื่องปกติของนักเขียนหน้าใหม่ ไม่ได้มีฐานแฟนคลับมาก่อน

แต่หากว่าสำนักพิมพ์จะมาโบ้ยว่าเป็นความผิดของผู้แต่ง หรือบอกว่างานไม่ดีนั้น เราไม่เห็นด้วย เพราะตอนแรกที่เค้าพิจารณางานให้ผ่านเค้าก็ต้องมองเห็นโอกาสในการขายงานชิ้นนั้นอยู่แล้ว และเมื่อมันขายไม่ดีจะมาโทษนักเขียนก็ไม่ถูกนัก เพราะต้องดูว่าเค้าโปรโมตหนังสือให้เราแค่ไหน หรือแค่เอามาวางขายพร้อมๆ กับหนังสือของนามปากกาดังๆ คนอื่นๆ และเน้นโปรโมตให้นักเขียนหน้าเก่ามากกว่า หรือตะบี้ตะบันพิมพ์งานหน้าใหม่ออกมาเยอะๆ เพื่อหวังยอดขายถล่มทลาย แล้วมาบอกว่านามปากกาใหม่ขายไม่ออก

จะบอกว่านิยายไม่ดีก็ไม่ใช่ เพราะก่อนคนจะซื้อเค้าไม่รู้หรอกว่านิยายดีหรือเปล่า ส่วนใหญ่ก็คงดูหน้าปกสวยมั๊ย คำโปรยน่าสนใจหรือเปล่า ราคาน่าซื้อมั๊ย นามปากกาเชื่อถือได้หรือเปล่า (ซึ่งนักเขียนใหม่คงหวังพึ่งอันหลังนี้ไม่ได้อยู่แล้ว) ฉะนั้นอย่างที่บอกว่ามีปัจจัยหลายอย่าง แต่เราไม่คิดว่าเป็นที่ตัวนิยายหรอก

จขกท อย่าคิดมากเลย เท่าที่อ่านความเห็นของคนอื่นก็ดูเหมือนงานเขียนเล่มแรกของทุกคนก็ใช่ว่าจะขายดี

ส่วนเราตอนนี้กำลังเครียดว่านิยายจะผ่านการพิจารณาหรือเปล่ามากกว่า เฮ้อ...รอต่อไป

0
valerie[วิฬารี] 12 พ.ย. 56 เวลา 11:25 น. 11
แปลกดีค่ะ..สนพ.เมลมาบอกเรื่องยอดขาย
จ่ายแบบตามยอดขายรึเปล่าคะ..ทางนั้นจึงต้องเกริ่นบอกนักเขียนแบบนี้

แต่เราว่านักเขียนเองก็ทำหน้าที่ของตนดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ
เพราะนักเขียนส่วนใหญ่เป็นศิลปิน ไม่ใช่นักการตลาด
ดังนั้นเมื่อผลงานเข้าสู่วงจรธุรกิจ.. มันค่อนข้างพ้นวิสัยของนักเขียนไปแล้ว
โอเค..การโฆษณาตามเฟซบุคหรือบอกญาติพี่น้องให้ซื้อน่ะนักเขียนควรทำ
แต่ของพวกนี้ก็เพิ่มยอดขายในระดับจุ๊บจิ็บเท่านั้น
สนพ.ควรรับผิดชอบปริมาณการขายระดับ Volume ใหญ่ๆด้วยตัวเอง
เพราะ สนพ.เป็นแหล่งรวมฝ่ายตลาด..ฝ่ายขาย..และบก.ฝ่ายสร้างสรรค์นี่นา
ก็ควรจะหาจุดขายสินค้าตัวเองให้ได้บ้างสิ

ล้มแล้วต้องลุกนะคะ ต่อไปลองร่วมงานกับ สนพ.ใหญ่และการตลาดแข็งๆดู
ปัญหานี้น่าจะหมดไปถ้าได้ร่วมงานกับ สนพ.ที่มืออาชีพกว่านี้ค่ะ


0
พลอยนิล-อะเมะยูคิ 12 พ.ย. 56 เวลา 12:52 น. 12

เป็นกำลังใจให้นะคะ อย่าพึ่งท้อค่ะ

ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก่าก็ต้องเจอปัญหาแบบนี้ทั้งนั้นแหละค่ะ ต้องค่อยๆก้าวทีละก้าวไปเรื่อยๆค่ะ อย่าให้เรื่องนี้มาทำให้เรากดดัน จนไม่สามารถผลิตผลงานดีๆออกมาได้เลยนะคะ ให้ผลงานเรื่องต่อๆไป มาช่วยผลักดันให้เราก้าวต่อไปข้างหน้าได้ดีกว่าจ้า

0
โนมาเนียนา 12 พ.ย. 56 เวลา 13:51 น. 13

ไม่ถึงเป้าหมาย...
อาจหมายถึงเป้าหมายอยุ่ที่ 100 เล่ม
แต่ขายได้ 99 เล่มเฉยๆ ก็ได้นะ

แต่ สนพ. เขาเมลมาบอกทำไมเหรอ
ปกติเขาบอกกันรึเปล่า
สนพ. กำลังคิดจะทำอะไรอยู่

0
lilin4646 12 พ.ย. 56 เวลา 14:01 น. 14

สวัสดีครับ Lilin ครับ

พื้นเพผมจริงๆเป็นนักการตลาดครับ แต่มาจับปากกาแปลงร่างเป็นนักเขียน

ผมคิดว่าหนังสือเนี่ย ถ้าเพิ่งได้ออกเป็นเล่มแรก การตัดสินใจซื้อของนักอ่านจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อหานะครับ

เพราะเวลาไปซื้อหนังสือผมว่าน้อยนักที่จะอ่านเนื้อในอย่างถี่ถ้วนจนแน่ใจว่าสนุกแล้วจึงซื้อ ยิ่งในงานหนังสือใครจะไปยืนอ่านจริงไหมครับ ลองนึกถึงตัวเองดูว่าเวลาซื้อหนังสือของนักอ่านที่เราไม่เคยอ่าน เราดูที่อะไรบ้าง

1. ภาพปก 2.ชื่อสนพ. 3.เรื่องย่อ 4.ราคา 5.ของแถม

ข้างบนเป็นตัวหลักๆนะครับ ตัวรองๆก็จะเป็นพวกผลกระทบจากอินเตอร์เน็ตและสังคมของนักอ่านคนนั้นๆเช่น เคยได้ยินนามปากกานี่มา เคยลองอ่านในเด็กดี

ยังไม่นับเรื่อง "ทำไม" คนอ่านถึงหยิบหนังสือของเราขึ้นมาดูอีกนะครับ พวกเรื่องการโปรโมท ตำแหน่งที่วางหนังสือ ภาพปก 

จะเห็นได้ว่าเรื่องที่เป็นปัจจัยหลักเป็นส่วนที่เป็นความรับผิดชอบของ สนพ. ครับ การที่ยอดขายไม่ได้ผมจึงคิดว่าส่วนใหญ่มาจากตัว สนพ.เองมากกว่า นักเขียนมีผลครับแต่น้อย ดังนั้นไม่ต้องคิดมากหรือโทษตัวเอง แต่ก็หยุดพัฒนาตัวเองไม่ได้เช่นกันครับ

แต่ถ้าเล่มแรกขายดี เล่มที่สองขายไม่ดี นั่นเป็นความรับผิดชอบของนักเขียนโดยตรง เพราะมันแปลว่านักอ่านให้โอกาสแล้ว แต่เนื้อหาไม่จูงใจพอ

การตลาดเป็นสิ่งที่พูดปากเปล่าง่ายครับ แต่ทำจริงๆยาก

สิ่งที่อยากบอกเอาไว้คือ คุณเป็นคนโชคดีแล้วที่ได้โอกาสเข้ามาในเส้นทางที่แสนแคบนี้ อย่าให้อุปสรรคแรกเป็นตัวหยุดคุณเอาไว้ แต่จงใช้มันดันตัวเองให้สูงขึ้นไปแทน

0
Anemone2526 12 พ.ย. 56 เวลา 17:51 น. 17

แต่ละ สนพ. มีวิธีตอบปฎิเสธไม่เหมือนกัน มีแบบกดดัน กับ ให้ความหวัง(ลมๆแล้งๆ) 

พี่เคยทำงานเขียนเป็นนักเขียนรีวิวร้านอาหาร ผลฟีคแบ็กไม่ค่อยมีเลย ทั้งๆที่เอาไปโปรโมทในเฟสทุกรีวิว (แต่คนอื่นๆก็เป็น) จนช่วงกรกฎาคม มีจดหมายมาขอยกเลิกสัญญาล่วงหน้า (ปกติสัญญาพี่จะหมดตุลาคม) เพราะเขาจะปรับปรุงเว็บไซต์ พี่จึงหยุดเขียนตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม รับค่าจ้างคิดตามงานเรียบร้อยไม่มีค้าง ฝ่าย บก.พี่ (ที่จริงต้องเรียกว่า บก.คนที่ 2 เพราะคนแรกที่ทาบทามพี่มา ลาออกไปโดยที่ไม่ได้บอกพี่เลย มารู้ตอนที่ บก.คนที่ 2 อีเมล์มาบอก) บก.คนนี้บอกพี่ว่า ถ้าพี่ไปโปรโมทที่ไหน ช่วยทำเป็นฟอร์ตฟอรีโอ้รายงานให้ด้วย เผื่อเขาจะเสนอเบื้องบน ต่อสัญญาพี่ใหม่ พี่ก็ทำส่งไปให้หมด แคปเจอร์ภาพที่โพสไปโปรโมทรีวิวในแฟนเพจร้านอาหารต่างๆ บก.บอกว่าจะปิดปรับปรุงเว็บตอนตุลาคม และจะเปิดใหม่ตอนพฤศจิกายน

...แต่นี่ก็จะปาเข้าไปครึ่งเดือนพฤศจิกายนแล้ว พี่ไม่เห็นว่าเว็บจะปิดปรับปรุงตรงไหน (ยังทำใจคิดดีว่า อาจจะเก็บหน้าเพจเก่าไว้เพื่อแย่งพื้นที่ทางการตลาด ดีกว่าปิดไปเฉยๆ แล้วโดนคู่แข่งแย่งไป) แต่พีก็ยังเห็นเค้าจัดกิจกรรมบ่อยๆ นักเขียนก็ยังมีเขียนรีวิวอัพเดต แต่เป็นประเภทเขียนฟรี (แต่พี่เป็นคอลัมนิต ได้ค่ารีวิวตอบแทน) จนตอนนี้ก็ยังไม่มีการติดต่ออะไรกลับมาเลย

แต่ก่อนหน้านั้นกลางเดือนตุลาคม มีบริษัทรายการทีวีของเชียงใหม่ มาชวนให้พี่ไปทำงานเป็นคอลัมนิตเขียนรีวิวแหล่งท่องเที่ยว เค้าขอให้พี่แนะนำแหล่งท่องเที่ยวในเชียงใหม่ให้ พี่ก็เขียนอีเมล์แนะนำไป แล้วเค้าว่าจะปิดต้นฉบับก่อนวันที่ 15 เดือนนี้ พี่บอกว่าพี่ต้องเห็นสถานที่จริงก่อน ถึงจะเขียนได้ เค้าก็บอกว่างั้นจะติดต่อทำงานก่อนวันที่ 15 แน่นอน...แต่นี่ปาเข้าไปวันที่ 12 แล้ว ไม่มีการติดต่อกลับมาอีกเลย...

เป็นเรื่องที่พี่ก็คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าเหมือนกันกับอาชีพนี่ เวลาทำแล้วมีความสุข แต่ถ้าเขาไม่ต่อสัญญาล่ะทุกขมหันต์จนต้องอุเบกขาเลย บางทีไม่เกี่ยวกับเราเขียนดีไม่ดีหรอก แต่มันเป็นเรื่องเงินทุนของบริษัท ถ้าเขาไม่มีเงินพอจะจ้างเรา เขาก็ต้องตัดเราออกเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงานที่ต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก

บอกตรงๆว่าอาชีพนักเขียนไปคาดฝันว่ามันจะเป็นอาชีพหลักไม่ได้ แต่พี่ก็ไม่คิดจะทิ้งมันนะ คิดว่าจะเอาข้อมูลร้านเก่าๆไปเขียนลงพันทิปกับลงในแฟนเพจ เอาฤกษ์เอาชัยสักปีใหม่นี่แหละ ยุคนี่อะไรๆก็ต้องโปรโมททางแฟนเพจทั้งนั้น  

อาชีพนักเขียน ถ้ารักก็ต้องอดทน บางทีต้องฉลาดในการดูกระแสด้วย ถึงจะเป็นที่รู้จักเร็ว

0
Swordman แห่ง Iris , รมย์นลิน 12 พ.ย. 56 เวลา 18:55 น. 19

น้องขา พี่เขียนมาเป็นสิบๆเล่มยังเจอคำว่า ยอดขายไม่ตามเป้าเลย ถามว่านอยด์ไหม

มากกกกกกกกกกกก..........

ทางเดียวที่เราทำได้คือ โปรโมตไปเท่าที่ทำได้ และ ตั้งใจพัฒนา+เขียนงานต่อไป พี่เชื่อว่าน้องมีใจรักในงานเขียน ไม่เช่นนั้นคงไม่นอยด์แบบนี้ ตอนนั้นพี่ก็ท้อเหมือนกันแต่สิ่งเดียวที่หยุดเราไม่ได้คือ จินตนาการ

พี่ขอให้น้องพยายามต่อไป อย่าทิ้งความฝัน คิดเสียว่าอุปสรรคทุกอย่างเป็นขั้นบันไดให้เราดีดตัวขึ้นมาจากพื้น 1 ขั้น และมันจะสูงขึ้นๆ เพื่อทำให้น้องขึ้นไปสู่ความสำเร็จ

สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้



0
นิยายฝันหวาน 13 พ.ย. 56 เวลา 11:12 น. 20

นักเขียนบางท่านเป็นที่รู้จักก็เมื่อมีผลงานผ่านไปแล้ว 4-5เล่มค่ะ พอมีคนอ่านแล้วชื่อนชอบผลงาน เขาก็ตามเก็บเล่มเก่าๆ ก็เยอะเหมือนกันนะคะ

0