Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[ขอชี้แจง]ความเชื่อของคริสต์-คาทอลิกที่ถูกต้อง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เราเป็นคาทอลิกนะ เราสังเกตว่าเวลาเราเข้าไปเว็บศาสนา หรือกระทู้ศาสนาบางอัน จะมีการบอกว่าคาทอลิกผิดอย่างนั้น ผิดอย่างนี้ ทั้งมาจากคริสตชนนิกายอื่น หรือศาสนิกชนศาสนาอื่นๆบางศาสนาด้วย ซึ่งบางอย่างเป็นความเข้าใจผิดๆ
วันนี้เราอยากจะมาชี้แจงหลักข้อความเชื่อของชาวคาทอลิกให้คนอื่นๆได้อ่าน ซึ่งเราหวังว่ามันจะแก้ไขความคิดผิดๆหรือความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับคาทอลิกได้บ้าง

ข้อแรก ข้อนี้โดนหนักมาก -____- กับเรื่อง การบูชารูปเคารพ
เราขอบอกไว้ก่อนเลยว่า การที่เรามีรูปปั้นนักบุญ แม่พระ พระเยซู ทูตสวรรค์ บลาๆๆๆ ในโบสถ์ หรือการที่เราเห็นคนคาทอลิกนั่งไหว้ นั่งพนมมือนั้น เราไม่ได้บูชารูปปั้นนั้น เราแค่ระลึกถึง โดยการที่ เรามองที่รูปปั้นเราก็นึกถึงหน้าคนที่อยู่บนสวรรค์โดยผ่านรูปปั้นนั้น เหมือนกับ สมมุติว่า แม่เราตายไป เรานั่งดูรูปแม่เรา แล้วเราคิดถึงเค้า ก็ประมาณนั้น เราไม่เคยคิดว่ารูปปั้นนั้นมีความพิเศษ หรือความอัศจรรย์เลย แล้วการที่เราเอาดอกไม้ พวงมาลัยไปให้รูปปั้นนั้น คือการที่เราอยากจะให้ของสวยๆงามๆแก่คนที่เรารัก เราให้เกียรติ เราจึงเอาดอกไม้ พวงมาลัยไปวางหน้ารูปปั้น แล้วระลึกว่าอยากให้คนบนสวรรค์ได้รับดอกไม้นี้ แล้วการสร้างรูปปั้นรอบๆโบสถ์ วิหารคาทอลิกนั้น ก็มีธรรมเนียมมาจากชาวยิว เพราะชาวยิวนั้นก็สร้างรูปปั้นเทวดา ทูตสวรรค์ต่างๆไว้ตามวิหาร แถมกล่อง บูชาของชาวยิวนั้น ก็ยังมีรูปปั้นทูตสวรรค์อยู่ที่กล่องด้วย ซึ่งอาจจะสร้างเพื่อความสวยงามหรืออะไรเราไม่แน่ใจ - -' และที่บอกว่าอย่าบูชารูปเคารพในธรรมบัญญัติของโมเสสนั้น เราเชื่อว่า หมายถึงรูปปั้นของพระ ของศาสนาอื่นๆ ซึ่งในสมัยนั้นมีการนิยมปั้นรูปปั้น และคิดว่ารูปปั้นนั้นมีฤทธิ์อำนาจในตัวเอง
สรุป :: เราขอบอกเลยว่า คาทอลิกไม่ได้กราบไหว้รูปเคารพ รูปปั้น หรืออะไร เราแค่สร้างสิ่งๆหนึ่งเพื่อระลึกถึงเค้าเท่านั้นเอง

ข้อ2 นี้เกี่ยวกับการขอนักบุญและแม่พระ
เราวิงวอนขอนักบุณและแม่พระเพื่อให้คำขอนั้นไปถึงพระเจ้าเร็วขึ้น พูดง่ายๆเหมือนเราตื๊อพระเจ้า เราเชื่อว่า นักบุญต่างๆและแม่พระอยู่บนสวรรค์กับพระเจ้า เราจึงขอให้ท่านช่วยเอาคำขอของเราไปบอกพระเจ้า แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ขอพระเจ้าเลย เราขอพระเจ้าด้วย แล้วเราก็ขอให้ท่านนักบุญและแม่พระช่วยบอกพระเข้าอีกแรง คล้ายๆกับ เราจะขอเงินพ่อไปซื้อของ แต่พ่อของเราอาจจะไม่ได้ยินหรือยุ่งอยู่ เราจึงบอกแม่ว่า "แม่ๆช่วยบอกพ่อให้หน่อยว่าลูกขอเงิน" ประมาณนั้นอ่าจ้า และเพราะเชื่อว่าท่านทั้งหลายอยู่บนสวรรค์นั้น ทำให้ท่านสามารถไปช่วยบอกพระเจ้าได้อีกทางหนึ่ง
สรุป :: เราให้พวกท่านช่วยวิงวอนในการขอพร แต่เราไม่ได้ขอพรจากพวกท่าน เพราะคนที่จะประทานสิ่งต่างๆได้มีแค่พระเจ้าเท่านั้น

ข้อ3 เกี่ยวกับแม่พระ
แม่พระนี่ เราเชื่อว่าเป็นผู้ปฏิสนธินิรมล ซึ่งแปลว่าไม่มีบาปกำเนิด ซึ่งพระเจ้าทำให้พระนางเป็นผู้ไม่มีบาปกำเนิด อาจจะฟังดูเชื่อยาก แต่เพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้า พระองค์จะทำอะไรก็ได้ ซึ่งพระเจ้า>>อาจจะ<<เห็นว่าการที่พระเยซูจะลงมาบังเกิดต้องอยู่ในที่ที่ควรจะบริสุทธิ์ โดยเทวดากาเบรียลได้ยืนยันความเชื่อนี้โดยการทักทายแม่พระว่า "วันทามารีย์ เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน" และที่เรานับถือแม่พระเป็นพระชนนีพระเจ้านั้น เราเชื่อว่า พระนางเป็นผู้ ให้กำเนิดพระเยซูทั้งในสภาพพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ เพราะพระองค์ทรงเป็นทั้งพระเจ้าแท้ และมนุษย์แท้ แต่เราไม่ได้มองว่า แม่พระนั้นใหญ่ไปกว่าพระเจ้าเลย และเรารักแม่พระเหมือนเป็นแม่ของเราเอง มาจากตอนที่พระเยซูอยู่บนกางเขนแล้วบอกนักบุญยอห์นว่านี่คือแม่ของท่าน และบอกแม่พระว่า นี่คือลูกของท่าน ซึ่งเราเชื่อว่า นักบุญยอห์นนั้น เป็นตัวแทนของพวกเราทุกคนบนโลกนี้ และให้แม่พระเปรียบเสมือนแม่ของพวกเราทุกคน และก่อนที่แม่พระจะสิ้นใจนั้น แม่พระได้รับการยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ โดยเราเรียกว่าวันนั้นว่า วันอัสสัมชัญ (Assumption)
สรุป :: เรานับถือแม่พระเป็นพระชนนีพระเจ้า แต่เราไม่ได้เห็นแม่พระใหญ่ไปกว่าพระเจ้าเลย แต่มือนแม่ของเเราเชื่อว่าแม่พระเป็นเหมือนแม่ของเราทุกคน และจะช่วยวิงวอนพระเจ้าในยามที่ลูกทุกข์ร้อน

ข้อ4 เกี่ยวกับนักบุญ
เราเชื่อว่านักบุญต่างๆคือผู้ที่ตายแล้วไปสวรรค์แน่ๆ เพราะชีวิตของท่านอุทิศเพื่อพระเจ้า และช่วยเหลือคนอื่นๆ เราจึงให้ท่านเป็นนักบุญ นักบุญมีไว้เพื่อให้เราดูท่านเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต และให้พวกท่านช่วยวอนขอพรจากพระเจ้า เหมือนที่บอกข้อ2
สรุป :: นักบุญนั้นเป็นเหมือนบุคคลที่ใช้วีวิตแล้วควรนำมาเป็นแบบอย่างให้เราปฏิบัติตามบ้าง เพื่อที่เราจะได้ไปหาพระเจ้าเหมือนกับพวกท่าน

ข้อ5 การทำความดีหรือให้ทานเพื่อแลกกับการไปสวรรค์
คนคิดว่าชาวคาทอลิกเราทำความดีหวังแผ่นดินสวรรค์ นั่นก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่จริงๆแล้วเราดำเนินชีวิตอยู่บนความเชื่อ เราไม่ได้ทำความดีเพื่อแลกสวรรค์ แต่เราทำความดีเพื่อถวายเกียรติ์แด่พระเจ้า เรามองว่าการที่เราเป็นของพระเจ้านั้น ถ้าเรามาทำตัวแย่ๆให้คนอื่นดูหมิ่น คนอื่นๆก็จะว่าเอาได้ว่าศาสนาคริสต์มีแต่พวกแย่ๆ เพราะเราเป็นลูกพระเจ้า เราจึงทำความดีเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้พระเจ้า และเพื่อที่ถ้าเราทำความดีพระเจ้าจะเมตตาเราเวลาเราทุกร้อนเหมือนที่เราช่วยเหลือผู้อื่น และการให้ทานนั้นคือเราบริจาคซึ่งก็เป็นหนึ่งในการทำความดี ยอมรับว่าในยุคกลางที่มีการขายใบบุญนั้น ที่บอกว่าซื้อแล้วจะได้ไปสวรรค์ เป็นเรื่องโกหก แต่พระพระสันตะปาปาในสมัยนั้นเล่นการเมืองมากเกินไป หรืออาจจะบอกได้ว่าอยากได้เงินมาขยายอำนาจมากเกินไปทำให้เกิดความแตกแยกต่างๆภายในศาสนา และได้แยกออกไปเป็นนิกายโปรแตสแตนท์
สรุป :: ชีวิตของเราวางอยู่บนความเชื่อเป็นอันดับหนึ่ง แต่เราทำความดีเพื่อถวายแด่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นองค์ความดีบริบูรณ์ และการบริจาคทรัพย์เพื่อช่วยเหลือนั้น ก็เป็นการทำความดีอย่างหนึ่ง

ข้อ6 การสารภาพบาป
คนศาสนาอื่นๆบางศาสนาอาจจะคิดว่า เป็นคริสต์มาสารภาพบาปก็สบายแล็ซ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องทำดีอะไร อันนี้ผิดเลยจ้า จริงๆแล้วการสารภาพบาปนั้น มีหลายกระบวนการนะ หนึ่งในนั้นคือการเป็นทุกข์ถึงบาปและตั้งใจแน่วแน่ว่าเราจะไม่ทำบาปอีก คือเราต้องสำนึกผิดจริงๆ ไม่ใช่ทำบาปแล้วไปสารภาพ แต่ไม่ได้สำนึก กลับมาทำอีก อันนี้ก็ไม่ได้โดนยกบาปอะไร เราต้องสำนึกจริงๆว่าเรื่องที่เราทำมันผิด เราจะไม่ทำอีกแน่นอน แล้วการยกบาปทำได้เพียงบาทหลวงเท่านั้น ที่ได้รับอำนาจการยกบาปมาจากพระเยซู
สรุป :: การสารภาพบาปนั้น เราต้องสำนึกผิดจริงๆ เป็นทุกข์ถึงบาปจริงๆ ไม่ใช้ใครมาสารภาพแล้วก็หาย แบบนั้นไม่ใช่ และมีแค่บาทหลวงที่ได้รับอำนาจมาจากพระเยซูเท่านั้น

ข้อ7 โลกหลังความตาย
มี สวรรค์ ไฟชำระ และ นรก
สวรรค์-นั้นคืออย่างที่ทุกคนทราบดี เราจะไปอยู่กับพระเจ้า เราจะได้มีความสุขกับพระองค์ ไม่มีความทุกข์ ความมืดมิด ความเศร้าใดๆ และเราจะอยู่ที่นั่นตลอดนิรันดร์ ซึ่งเราชาวคริสต์ก็เชื่อว่าไม่มีการกลับชาติมาเกิด หรือเกิดใหม่
ไฟชำระ-อันนี้เป็นเรื่องขัดแย้งกันเยอะ เพราะบางนิกายบอกว่าไม่มี แต่เราชาวคาทอลิกเชื่อว่ามี ไฟชำระคือสถานที่หนึ่งซึ่งเราต้องลงไปโดยไฟเผาร่างกายให้บริสุทธิ์ก่อนขึ้นไปสวรรค์ เพราะการขึ้นสวรรค์นั้นต้องบริสุทธิ์ จึงโดนชำระด้วยไฟก่อน คนที่ลงมาที่นี่จะต้องไม่มีบาปหนัก มีแต่บาปเบา เราสามารถอุทิศให้วิญญาณในไฟชำระได้โดยการขอพรกับพระเจ้า การขอมิซซา โดยข้อเชื่อนี้มาจากการที่ พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์แล้วเสร็จสู้แดนมรณะ โดยเราเชื่อว่าพระองค์ลงไปที่ไฟชำระ ก่อนกลับคืนพระชนม์ชีพ แต่พระองค์ไม่ได้โดนชำระนะ
นรก-อันนี้สำหรับคนที่มีบาปหนัก เช่น ฆ่าคน ผิดประเวณี เป็นต้น เป็นที่ที่ชาวคริสต์ไม่อยากไปมากที่สุด เพราะถ้าเราตกลงมาในนรกแล้ว เราจะไม่สามารถกลับไปหาพระเจ้าได้อีกเลย นั่นแปลว่า เราต้องตกนรกแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลยนั่นแหละ - -' เพราะอย่างที่บอก ชาวคริสต์ไม่เชื่อเรื่องการเกิดใหม่
สรุป :: ชาวคาทอลิกเชื่อว่าไม่มีการกลับชาติมาเกิดใหม่ และมีดินแดนไฟชำระ ชำระตัวเราให้บริสุทธิก่อนไปพบพระเจ้า ถ้าตกนรก หรือ ขึ้นสวรรค์ ก็จะอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล

ข้อ8 พระสันตะปาปา
พระสันตะปาปานั้น เปรียบเสมือนพระมหากษัตริย์ของชาวคาทอลิก โดยพระสันตะปาปาสืบทอดต่อกันมาจากนักบุญเปโตร ซึ่งเป็นพระสันตะปาปาองค์แรก ที่มีคนบอกว่าพระองค์ถือกุญแจไปสวรรค์นั้นคือการที่พระองค์เรียกร้องให้คนทำความดีและปฏิบัติตนอยู่ในความเชื่อเพื่อให้ได้ไปยังสวรรค์ ไม่ได้มีกุญแจไปสวรรค์จริงๆ-*- และที่บอกว่าพระองค์เป็นตัวแทนพระเยซูบนโลกนี้ก็ไม่ใช่ แต่พระองค์ทรงทำตัวเองให้เป็นแบบพระเยซู โดยการที่จะไม่กระทำบาปใดๆเลย อาจจะมีพลาดพลั้งบ้าง และคำพูดของพระสันตะปาปาเทียบเท่าพระคำภีร์ก็ไม่ใช่ แต่พระองค์ทรงเรียกร้องหรือเทศน์สอนโดนมีพระคัมภีร์เป็นที่ยึดตั้ง พระสันตะปาปาไม่เคยมีองค์ไหนเปลี่ยนข้อพระคำภีร์ หรือว่า ตัดข้อพระคัมภีร์เลย พระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ซึ่งพระองคืเป็นคนประหยัดมาก แบบประหยัดสุดๆ แต่บริจาคให้สถานที่ต่างๆทั่วโลก พระองค์ปราบปราบการทุจริตในนครรัฐวาติกัน
สรุป :: พระสันตะปาปาคือกษัตริย์ของชาวคาทอลิก เป็นคนยึดรวมจิตใจของชาวคาทอลิก แต่พระองค์ก็คือคนธรรมดาคนนึงที่อยากจะให้เราทุกคนเป็นลูกที่ดีและเดินทางอยู่ในทางของพระเจ้า

ข้อ9 พระคัมภีร์
อันนี้ยอมรับว่าชาวคาทอลิกอาจจะไม่ค่อยแม่นหรือได้อ่านพระคัมภีร์บ่อยนัก แต่เราไม่ได้ห้ามอ่านพระคัมภีร์ หรือห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพระคัมภีร์ แต่พระคัมภีร์ในคาทอลิกนั้น จะมีการอ้างอิงเอกสารต่างๆเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะอ้างจากภาษาต้นฉบับ(ฮีบรู ละติน กรีก) และความเชื่อมโยงแต่ละข้อพระคัมภีร์ เอาจริงๆ ทำให้คนขี้เกียจอ่าน -*- 5555 รวมทั้งเราด้วย แต่ในปัจจุบัน มีการสนับสนุนให้อ่านพระคัมภีร์มากขึ้นเพื่อที่เราจะได้ทำไปปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น เราอ่านพระคัมภีร์เพื่อนำมาปฏิบัติ แต่เราไม่ได้อ่านเพื่อท่องจำเฉยๆ
สรุป :: ไม่ได้มีการห้ามอ่านพระคัมภีร์ และในปัจจุบันมีการสนับสนุนให้อ่านพระคัมภีร์มากขึ้นด้วย


ก็ประมาณนี้ เราคิดไม่ออกแล้วง่า - -' ใครมีอะไรสงสัยทิ้งคำถามไว้ได้นะ เราจะมาตอบ
ปล.ที่เราตั้งกระทู้นี้ก็เพื่ออยากให้คนเข้าใจคาทอลิกมากขึ้น เพราะบางอย่างเราไม่ได้เป็นแบบที่คุณคริสต์ และอยากจะให้ลองมองคาทอลิกในแง่ดีบ้างก็เท่านั้นเอง :)
พระเจ้าสถิตกัท่านนะ
ขำ

แสดงความคิดเห็น

10 ความคิดเห็น

เรารักพระคริสตเจ้า 7 ม.ค. 57 เวลา 15:51 น. 2

ทิ้งชื่อเฟส หรือ ไลน์ ไว้ให้เราได้มั๊ยอ่า เดี๋ยวเราแอ๊ดไป ^^ อยากมีเพื่อนเป็นโปรแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเหมือนกัน ซึ้ง

0
ร่างทรงแม่ชี@Palm สาขาเด็กดี 8 ม.ค. 57 เวลา 01:30 น. 3

ถ้าชาวพุทธหลายๆคน มีความคิดความเข้าใจแบบข้อแรกก็คงจะดีนะคะ
ทุกวันนี้พระพุทธรูปจากตัวแทนศาสดาแทบจะกลายเป็นแก้วสารพัดนึกไปแล้ว
มีอะไรก็แห่แหนไปขอพระพุทธรูปตั้งแต่แมวตายยันแช่งเมียน้อย
ธรรมมงธรรมะไม่เคยจะสนใจกันหรอก

//บ่นๆ

0
FullMoon_Joker 10 ม.ค. 57 เวลา 23:40 น. 5

ท่านศาสนทูตมูฮำหมัด(ขอความสันติสุขและความจำเริญของพระเจ้าประสปแด่ท่าน) ได้กล่าวไว้ว่า  "มีผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกนี้สามคน คนแรกคือมัรยัม(พระนางมารี) มารดาของอีซา(เยซู) คนที่สองคืออาซียะฮ. มารดาบุญธรรมของมูซา(โมเสส) คนที่สามคือฟาติมะฮฺ บุตรสาวของมูฮัมหมัด และฟาติมะฮฺนั้นคือส่วนหนึ่งของฉัน หากนางโกรธผู้ใด ฉันก็โกรธผู้นั้นด้วย"  

ผมขอ Facebook เจ้าของกระทู้ได้ไหมครับ อยากแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องศาสนาคริสต์กับยิว (เราเป็นอิสลาม)

0
supawit 18 มี.ค. 57 เวลา 17:21 น. 6

ผู้คนนับล้านบูชาและเคารพนับถือไม้กางเขน. สารานุกรมบริแทนนิกา เรียกไม้กางเขนว่า “เครื่องหมายสำคัญของศาสนาคริสเตียน.” ถึงกระนั้น คริสเตียนแท้ไม่ใช้ไม้กางเขนในการนมัสการ. เพราะเหตุใด?
เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งคือ พระเยซูคริสต์ไม่ได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน. คำภาษากรีกที่มักแปลกันโดยทั่วไปว่า “ไม้กางเขน” คือสเตารอส. คำนี้โดยพื้นฐานแล้วหมายถึง “เสาหรือหลักที่ตั้งตรง.” เดอะ คอมแพนเนียน ไบเบิล ชี้แจงว่า “[สเตารอส] ไม่เคยหมายถึงไม้สองท่อนวางตัดกันที่มุมใดๆ... ไม่มีอะไรในภาษากรีกของ [คัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่] ที่บ่งชี้ถึงไม้สองท่อนเลยด้วยซ้ำ.”

ในข้อความหลายตอน ผู้เขียนคัมภีร์ไบเบิลใช้อีกคำหนึ่งสำหรับเครื่องมือประหารพระเยซู. คำภาษากรีกนั้นคือซีลอน. (กิจการ 5:30; 10:39; 13:29; กาลาเทีย 3:13; 1 เปโตร 2:24) คำนี้เพียงแต่หมายถึง “ท่อนไม้” หรือ “แท่งไม้, ไม้ตะบอง, หรือต้นไม้.”

เพื่ออธิบายเหตุผลที่มีการใช้เสาธรรมดาสำหรับการประหารชีวิต หนังสือไม้กางเขนและการตรึงพระเยซูบนไม้กางเขน (ภาษาเยอรมัน) โดยเฮอร์มันน์ ฟุลดา กล่าวว่า “ในที่ซึ่งเลือกไว้สำหรับเป็นที่ประหารชีวิตต่อหน้าสาธารณชน ต้นไม้ไม่ใช่จะหาได้ทุกแห่ง. ดังนั้น จึงมีการปักหลักไม้ธรรมดาลงไปในดิน. มือของผู้ร้ายจะถูกจับมัดหรือตอกเหนือศีรษะและบ่อยครั้งเท้าที่เหยียดอยู่ก็จะถูกมัดหรือตอกติดกับหลักนี้ด้วย.”
แต่ข้อพิสูจน์ที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในบรรดาข้อพิสูจน์ทั้งหมด มาจากพระคำของพระเจ้า. อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “พระคริสต์ทรงซื้อเราให้พ้นคำแช่งสาปในพระบัญญัติโดยทรงเป็นผู้ถูกแช่งสาปแทนเรา เพราะมีคำเขียนไว้ว่า ‘ทุกคนที่ถูกแขวนไว้บนเสาเป็นคนที่ถูกแช่งสาปแล้ว.’” (กาลาเทีย 3:13) ในข้อนี้เปาโลยกพระบัญญัติ 21:22, 23 ขึ้นมากล่าว ซึ่งพูดอย่างชัดเจนถึงต้นไม้ ไม่ใช่ไม้กางเขน. เนื่องจากเครื่องมือประหารชีวิตแบบนั้นทำให้คนเรา “ถูกแช่งสาป” คงจะไม่เหมาะสมที่คริสเตียนจะประดับบ้านของตนด้วยภาพของพระคริสต์ที่ถูกตรึง.

ไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าตลอดช่วง 300 ปีแรกหลังจากที่พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์ คนเหล่านั้นที่อ้างตัวเป็นคริสเตียนได้ใช้ไม้กางเขนในการนมัสการ. แต่ในศตวรรษที่สี่ คอนสแตนติน จักรพรรดินอกรีตได้เปลี่ยนมาถือศาสนาคริสเตียนที่ละทิ้งความเชื่อแท้ และส่งเสริมให้ใช้ไม้กางเขนเป็นเครื่องหมายของศาสนาคริสต์. ไม่ว่าคอนสแตนตินจะมีเจตนาเช่นไรก็ตาม ไม้กางเขนก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพระเยซูคริสต์เลย. ที่จริง ไม้กางเขนมีต้นตอมาจากพวกนอกรีต. สารานุกรมคาทอลิกฉบับใหม่ ยอมรับว่า “ไม้กางเขนพบได้ทั้งในวัฒนธรรมก่อนยุคคริสเตียนและวัฒนธรรมที่ไม่ใช่คริสเตียน.” แหล่งอ้างอิงอื่นๆได้เชื่อมโยงไม้กางเขนเข้ากับการนมัสการธรรมชาติและพิธีร่วมเพศของพวกนอกรีต.

ถ้าเช่นนั้น ทำไมมีการส่งเสริมเครื่องหมายนอกรีตนี้. ดูเหมือนว่า เพื่อทำให้พวกนอกรีตยอมรับ “ศาสนาคริสเตียน” ได้ง่ายขึ้น. อย่างไรก็ตาม คัมภีร์ไบเบิลได้ตำหนิอย่างชัดเจนว่าการแสดงความเลื่อมใสศรัทธาต่อเครื่องหมายใดๆก็ตามของพวกนอกรีตนั้นเป็นสิ่งผิด. (2 โครินท์ 6:14-18) พระคัมภีร์ยังห้ามการไหว้รูปเคารพทุกชนิดด้วย. (เอ็กโซโด 20:4, 5; 1 โครินท์ 10:14) ฉะนั้น ด้วยเหตุผลที่ดีคริสเตียนแท้จึงไม่ใช้ไม้กางเขนในการนมัสการ.*

1
สรา​วุฒิ​ 10 ม.ค. 62 เวลา 02:11 น. 6-1

ผมเคยได้อ่านบทความนี้แล้วจากแหล่งที่มาคือ

https://howlingpixel.com/i-th/การตรึงพระเยซูที่กางเขน


ซึ่งบทความที่ลัทธิ​พยานพระยะโฮวาได้กล่าวอ้างนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะใน พระธรรม มธ.27:32-35 ได้กล่าวว่า "เมื่อออกไปแล้วก็พบชาวไซรีนคนหนึ่งชื่อซีโมน จึงเกณฑ์ให้เขาแบกกางเขนของพระองค์ไป เมื่อมาถึงที่หนึ่งซึ่งเรียกว่ากลโกธา แปลว่าที่กะโหลกศีรษะ เขาทั้งหลายเอาเหล้าองุ่นผสมกับของขมมาถวายพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชิมแล้วก็ไม่เสวย เมื่อตรึงพระองค์ที่กางเขนแล้ว พวกเขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน "

สิ่งที่เปโตรได้กล่าวยกตัวอย่าง​ในพระธรรม​เฉลย​ธรรม​บัญญัติ​มานั้นในสมัยของผู้เขียนพระธรรมนั้นยังไม่มีการตรึงกางเขน


และอีกข้อที่สำคัญมาก​

แหล่งข้อมูล​คือ ลัทธิ​พยานพระยะโฮวานั้นไม่เป็นที่ยอมรับของคริสต์ชน(ลัทธิเทียมเท็จ)​


จาก :นักศึกษา​พระคริสต์ธรรม​

0
NayLoveTOPnYONG 12 เม.ย. 57 เวลา 09:15 น. 7

เฮ้อออออ เรามันคนส่วนน้อยเนอะ ที่จะรู้

เราก็ไม่รู้จะทำยังไงนะ

เค้าคิดกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่าพระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน

เครียดๆ

0
J.torch.SA 3 ต.ค. 57 เวลา 07:13 น. 8

เราขอถามเรื่องฑูตสวรรค์ประจำตัวหน่อยได้มั๊ยอ่ะคะ คือเรานับถือพุทธนะแต่ว่าร.ร.เก่าเป็นร.ร.คาทอลิก เราเลยสวดมนต์ได้และเชื่อในพระเจ้า แต่เราไม่เคยเข้าโบถส์ อย่างเรานี่จะมีฑูตสวรรค์มาดูแลมั๊ยอ่ะคะ

ขอบคุณมากกกกกครัช :3

0
ไข่มด 19 มิ.ย. 58 เวลา 23:54 น. 9

เราก็คาทอลิก เหมือนกัน
บางอย่างที่รู้มา ก็คลุมเครือ
ขนาดก๋งเราเป็นบาทหลวง
เรายังไม่ค่อยเข้าถึงอย่างถูกต้องที่สุดเลย
แต่ยอมรับ ความศรัทธา ทำให้บังเกิดผลดีในชีวิต
อาแมนตั้งใจ

0
ชาร์ลี 14 มี.ค. 60 เวลา 00:58 น. 10

ขอตอบในฐานะเป็นคริสเตียนนะครับ

ผมพอจะเข้าใจกับทุก ๆ แต่ยกเว้นข้อ 2 เกี่ยวกับการขอนักบุญและแม่พระ


คือผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องทำแบบนั้น เพราะอ่านแล้วดูเหมือนคาทอลิคไม่ไว้วางใจในอำนาจขององค์พระเยซูคริสต์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์เลย เราสามารถทูลขอสิ่งต่าง ๆ จากพระบิดาได้โดยอาศัยพระนามของพระองค์ เรามีอำนาจนั้นในมืออยู่แล้วและจะไปขอกับคนอื่นทำไม ในความรู้สึกของผมมันเข้าค่ายหมิ่นพระเจ้า(องค์พระเยซูกับพระวิญญาณบริสุทธิ์)เลยนะ เพราะว่าพระองค์นำคำขอของเราไปทูลต่อพระบิดาอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีพระวิญญาณบริสุทธิ์คอยทูลขอให้อีกแรง


โรม 8:26 “ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรจะอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ”


อย่างไรก็ตามพระบิดาทรงรู้ก่อนอยู่แล้วว่าเราต้องการอะไรก่อนที่จะทูลขอเสียอีก


ขอพระเจ้าทรงอวยพร

2
lovejesus 22 เม.ย. 60 เวลา 23:33 น. 10-1

การวิงวอนต่อนักบุญเเม่พระมีมาตั้งเเต่สมัยคริสตชนยุคเเรกๆแล้วเป็นความเชื่อที่สืบเนื่องมาจากอัครสาวก มีหลักฐานทางโบราณคดีที่เเสดงให้เห็นถึงการสวดวิงวอนต่อแม่พระเเละนักบุญมรณสักขีเพื่อให้ทั่นเหล่านั้นวิงวอนพระเจ้าให้ ในพระคัมภีร์มีคำสอนที่ให้คริสตชนภาวนาต่อพระเจ้าให้กันเเละกัน การขอให้ผู้อื่นอธิษฐานเผื่อ "คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นบังเกิดผลมาก"

0
lovejesus 22 เม.ย. 60 เวลา 23:40 น. 10-2

“คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล” (ยากอบ 5:16) “พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดจงอธิษฐานเผื่อเรา” (2ธส.3:1)

0