คิดยังไงกับนักเขียนที่ไม่เคยเขียนนิยายจบสักเรื่อง แต่เปิดเรื่องไว้มากมาย
ตั้งกระทู้ใหม่
เอาในเวปเด็กดีนี่แหละ เห็นหลายคนเลย เรียกร้องแอด เรียกร้องเม้นท์ ติดป้ายไล่นักอ่านเงา แต่พอไปดูหน้านิยาย พบประวัติการเปิดเรื่องไว้เยอะแยะมากมาย แต่ไม่เคยเขียนจบสักเรื่อง แต่เรียกร้องจะให้ตัวเองมีเม้นท์ เยอะๆ กัับแฟนคลับเยอะๆ
คุณคิดยังไงกับนักเขียนประเภทนี้ แล้ว-ประเภท เปิดมากมาย บางคนเปิดเป็น 20 เรื่อง แต่ไม่เคยจบสักเรื่องนี่ จะให้คนอ่านเขามั่นใจได้ไง งงเนอะ
17 ความคิดเห็น
ที่พูดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าเข้าข้างนักเขียนนะครับ แต่รูปการณ์มันค่อนข้างจะ win-win ในตัวอยู่แล้ว และมันก็เป็นปัญหาอมตะที่ไม่มีทางแก้ไขด้วย เนื่องจากมันเกี่ยวโยงกับสิทธิ์ส่วนบุคคลและปัจจัยอื่นๆ อีกหลายปัจจัยที่ยากจะหยิบยกมาอธิบายได้ทั้งหมด
มันจึงมีคำพูดที่ว่า "นักเขียน หากไม่ได้เป็นนักอ่านด้วย ย่อมไม่เข้าใจนักอ่าน ส่วนนักอ่าน หากไมไ่ด้เป็นนักเขียนด้วยตัวเอง ก็ไม่มีวันเข้าใจนักเขียน"
แต่คำคมที่ผมชอบที่สุดคือ... "ทั้งนักเขียนและนักอ่าน ต่างก็ 'เอาแต่ใจ' ด้วยกันทั้งคู่" ด้วยเหตุผลนั้นจึงได้เห็นกระทู้นักอ่านบ่นนักเขียน และนักเขียนบ่นนักอ่านอยู่บ่อย ๆ ไงล่ะครับ ^ ^
ปล. ผมเองก็เปิดไว้หลายเรื่องนะครับ แต่ไม่ได้เรียกร้องคอมเมนต์อะไรแล้ว ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อยู่มานานจนปลงแล้วครับ หลงไปกับมายาของตัวเลขและมโนว่าตัวเองดังแบบเด็ก ๆ หรือนักเขียนหน้าใหม่บางคนไม่ไหวแล้ว
"เรียกร้องแอด เรียกร้องเม้นท์ ติดป้ายไล่นักอ่านเงา" กับ "เปิดเรื่องหลายๆเรื่อง" นี่มันน่าจะเป็นคนละประเด็นกันนะครับ
ผมก็เปิดหลายเรื่องนะ แต่ไม่เคยเรียกร้องโน่นนี่ บางอันก็เปิดไว้จองชื่อเรืองเฉยๆ แต่ก็หมักเค็มลงไหดองไว้หลายเดือน
นักอ่านมีสิทธิ์จะเลือกอ่าน นักเขียนก็มีสิทธิ์จะเลือกเขียน มันเป็นสิทธิ์ของแต่ละคนน่ะครับ
เป็นสิทธิ์ของเขา ถ้านักอ่านไม่ชอบก็จะไม่มาอ่านเอง
อันนี้ข้าน้อยทำเจ้าค่ะ นี่ก็ว่าจะเปิดๆๆๆไว้อีกอยุ่
สำหรับข้าน้อยมันเป็นการวางขอบเขตไว้ว่า จะแต่งเรื่องนี้นะ
ในบางครั้งเราก็ไม่ได้มีอารมณ์ที่จะแต่งนิยายเพียงเรื่องเดียว
ในหลายๆเวลา เราก็มีหลายๆอารมณ์ หลายๆไอเดีย
วันนี้อารมร์นี้แต่งเรื่องนี้ วันนี้อารมณ์อีกแบบแต่งเรื่องนั้น
ทุกกคนอยากจะแต่งให้จบ แต่ว่า อารมณ์ เวลา ปัจจัยหลายๆอย่าง มันคือสิ่งสำคัญมาก ซึ่งข้าน้อยคิดว่า นักเขียนเองก็คงไม่อยากจะดองสักเท่าไหร่ ฮะฮะฮะ
อีกส่วนหนึ่งที่ข้าน้อยอยากจะบอกว่า มันเป็นสิทธิ์ในการทำของนักเขียน และก็เป็นสิทธิ์ของนักอ่านด้วยเช่นกันว่า ท่านจะยังเลือกอ่านอยู่ไหม
ใจเขา ใจเรา เจ้าค่ะ
มันเป็นสิทธ์ิของเขา ...
เราเปิดไว้หลายเรื่องเหมือนกันค่ะ แต่ไม่เคยขอคอมเม้นท์จากนักอ่านเลย สำหรับเราเป็นการวางแผนล่วงหน้าว่าถ้าเรื่องที่แต่งอยู่จบจะต้องแต่งเรื่องอะไรต่อหรือไม่ก็เป็นตัวช่วยต่ออารมณ์เวลาที่เราไม่อารมณ์แต่งเรื่องหลัก เราว่านี่เป็นสิทธิส่วนบุคคลนะคะ
เริ่มเรื่องนั้นง่ายดายราววาดเขียน แต่ให้จบได้ดั่งใจฝันนั้นยากยิ่ง
การแต่งตอนจบ,อวสาน นั้นถือเป็นด่านสำคัญของนักเขียนเลยนะครับ เพราะการจบหมายถึงการปิดท้าย เป็นบทสรุป เป็นความหมายของเรื่องราว อาจจะจบแบบเจ้าชายเจ้าหญิง หรือจบแบบเศร้าหมองก็ตามแต่ โดยมากตอนจบจะเป็นบทสรุปของทุกสิ่งทุกอย่างของเรื่องราว ไม่ได้แต่งกันง่ายๆนะครับ
ยิ่งเป็นตอนจบที่จะทำให้นัก่อ่านที่ติดตามมาทั้งหมด พึงพอใจอย่างตรงกันเนี่ย ยากมาก ถ้าเทียบตามลำดับ เริ่มเรื่องนั้นง่ายสุด เดินเรื่องจะยากขึ้นมาระดับหนึ่ง แล้วตอนจบนี่แหละที่จะยากที่สุด
ตรงจุดนี้ผมก็เข้าใจนะ เพราะว่าตอนนี้ผมเองก็ยังหาทางลงของนิยายตัวเองไม่ได้ ปล่อยให้คนอ่านรอเก้อ แต่คุณ จขกท เองก็ต้องเข้าใจนักเขียนด้วยว่าเขาเองก็มีความลำบากใจแบบนักเขียน คุณ จขกท อาจจะลำบากที่ต้องรอตอนจบที่สมบูรณ์แบบ แต่นักเขียนเองก็ลำบากที่จะสร้างตอนจบที่สมบูรณ์แบบเหมือนกันครับ
ถ้าสุดท้าย คุณรอตอนจบของนักเขียนไม่ไหว ผมขอแนะนำวิธีที่ผมใช้เป็นประจำคือ มโนตอนจบขึ้นมาเองแล้วก็รอตอนจบที่แท้จริง ผมทำแบบนี้กับนิยายที่ผมตามแล้วนักเขียนกลายเป็นธาตุอากาศบ่อยๆ ได้ผลดีทีเดียวอย่างน้อยก็ไม่ค้าง
ส่วนเรื่องเปิดเรื่องเอาไ้เยอะๆแล้วไม่ยอมต่อให้จบ
เราก็ทำนะ เปิดเอาไว้ ลงเอาไว้ ปั่นเสร็จก็ลงเก็บไว้
พอดีไวรัสชอบเล่นงานคอมตลอด ก็เลยฝากข้อมูลไว้ตามเว็บไซต์(เห็นเป็นแหล่งฝากข้อมูลไปซะแล้ว) ทุกวันนี้นิยายแต่ละหมวดของตัวเองแยกกันลงคนละเว็บ (แต่เว็บเด็กดีนี่ข้าพเจ้าลง หมวดมั่วไปหมดละ)
เราก็เปิดไว้หลายเรื่องนะ เพราะมันไม่ผิด เราอยากเปิด เราก็เปิด แต่งจบไหม ก็ไม่จบ ส่วนเรื่องไล่รักอ่านเงาเราไม่เคยไล่เลย ชอบเสียด้วยซ้ำ
ผมว่ามันเหมือนการลองเชิงนะ เราไม่รู้แน่ชัดหรอกว่าตลาดกำลังต้องการอะไร ดังนั้นการโยนส่งๆ ลงมาก่อนเพื่อดูเสียงตอบรับก็เป็นวิธีการที่น่าสนใจจะหยิบยกเรื่องใดมาเขียนก่อนสำหรับบางคนน่ะครับ
ต้องแยกประเภทก่อนครับ เพราะนักเขียนบางคนเปิดเรื่องเยอะๆเพราะอยากหัดแต่งอยากเพิ่มทางเลือก อยากฝึกฝนแนวใหม่ๆ รวมไปถึงอยากลองเปิดตลาดนิยายด้านอื่นๆบ้าง
พวกนี้จะแต่งอย่างเดียว ไม่ค่อยเน้นลูกอ้อน ไม่ค่อยใส่ใจกับคนอ่านนัก เพราะอยากเน้นเขียนเป็นหลัก แบบนี้ผมถือว่าเป็นสิทธิของเขาครับ และมองว่าดีด้วยซ้ำ... เพราะจะได้ตอบโจทย์ได้เองว่าที่สุดแล้วเขาถนัดหรือชอบงานเขียนในลักษณะไหนกันแน่ได้ด้วยตัวเอง
แต่ถ้าเป็นประเภทที่เขียนแล้วเบื่อ เลิก หาเรื่องอื่นมาเขียนเพราะอิ่มตัวไว เซ็งไม่มีคนอ่าน ท้ายที่สุดงานภายใต้ความสับสนรวนเรดึงดูดให้ผู้อ่านมาอ่านได้ไม่มากอย่างที่คิดก็กดดันด้วยแปะป้ายข่มขู่หรือขับไล่ อันนี้ก็ได้แต่ปลงครับ... ไม่คิดด่าหรอกครับ เพราะค่อนข้างเชื่อว่านักเขียนลักษณะนี้ท้ายที่สุดก็จะแผ่วแล้วเลิกไปเอง ไม่ค่อยได้เป็นพิษภัยอะไรนัก เว้นแต่จะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับนักเขียนใหม่ล่ะนะ
เราเอง
ก็แบบว่า...ตันเรื่องไหนก็ไปแต่งอีกเรื่อง ตันสองเรื่องก็ดองมันซ้าาาา
วะฮ่าฮ่าๆ
เราเอง
ก็แบบว่า...ตันเรื่องไหนก็ไปแต่งอีกเรื่อง ตันสองเรื่องก็ดองมันซ้าาาา
วะฮ่าฮ่าๆ
ด่าเราหรือเปล่าอ่ะ...=[]=
การเปิดเรื่องใหม่หลาย ๆ เรื่องเป็นสิทธิ์ของนักเขียนครับ =w= คนเราก็มีอารมณ์เบื่อนะ พอเบื่อก็เปิดเรื่องใหม่ เปิดได้สักพัก เบื่ออีกแล้ว เปิดเรื่องใหม่ดีกว่า เป็นเรื่องปกติ
เห็นด้วยค่ะ เพราะเคยฝืนเขียนทั้งๆที่ไม่มีอารมณ์เขียนผลคือมันออกมาแย่มากๆจนต้องลบแล้วเขียนใหม่เลย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?