Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิวอนิเมะแมวๆ Spring Anime 2014 รับวันสงกรานต์นรกแตก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีทุกท่าน ต่อไปนี้คือการรีวิวการ์ตูนอนิเมะประจำ Spring 2014  ที่ผมดูตลอดในช่วงวันสงกรานต์ เท่าที่จะดูได้ (แต่ก็ดูไม่หมดอยู่ดี) และอย่างที่หลายคนคิด ผมแทบไม่ได้สนุกอะไรกับวันสงกรานต์เลย ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน ส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับบ้านดูอนิเมะอย่างที่เห็น

ผมไปอ่านเพจหนึ่งมา เขาเขียนว่าริวิวไทยเริ่มไม่ค่อยได้เรื่องทุกวัน ส่วนรีวิว สปอย เอาแต่โพสภาพกางเกงใน ไม่ก็นม เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีวิเคราะห์อนิเมะละเอียดเหมือนเมื่อก่อนเลย แหม....เขาน่าจะมาเจอบทความผมน่ะนั้น (เออ....ผมไม่ได้ตั้งเพจ นี้หว่า)

สำหรับอนิเมะซีซั่นนี้ โดยภาพรวมค่อนข้างใช้ได้เลยแหละ ค่อนข้างมีหลากหลายไม่ได้เน้นทางใดทางหนึ่ง แน่นอนหลายคนก็เล็งอนิเมะที่ชอบไว้แล้ว ส่วนจะถูกใจหรือไม่นั้นก็แล้วแต่คน แต่อนิเมะที่น่าจะดังเปรี้ยง หรือม้ามืดนั้น ผมเห็นแล้วว่าไม่น่าจะมี ซึ่งผมก็มีความเห็นกับอนิเมะหลายเรื่องแตกต่างจากคนอื่นเหมือนกัน

 

 



http://www.anime-th.com/spring-2014/

 

แสดงความคิดเห็น

>

57 ความคิดเห็น

Doggiebiz 15 เม.ย. 57 เวลา 20:59 น. 1
Bokura wa Minna Kawaisou 



เรื่องราวของ Kazunari Usa หนุ่มมัธยมปลายที่ต้องมาอาศัยอยู่คนเดียวในหอพัก Kawaisou เพราะครอบครัวต้องไปทำงานที่อื่น และพบว่าที่นี่มีแต่คนแปลกๆ ลามกอาศัยอยู่ แต่ในบรรดาผู้พักอาศัยเหล่านั้น ก็มี Kawai Ritsu รุ่นพี่ที่แอบชอบอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย…

ซีซั่นนี้มีอนิเมะแนวโชวโจแจ่ม ๆ หลายเรื่องพอสมควร และเรื่อง Bokura wa Minna Kawaisou ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมชื่นชอบประจำซีซั่นนี้ (ส่วนเรื่อง Isshuukan Friends เห็นว่าก็ดีแต่ผมไม่ดู เพราะไม่ถูกกับพล็อตแนวนี้สักเท่าไหร่) 

เนื้อหานั้นหากอ่านจากเรื่องย่อแล้วก็เป็นพล็อตแนว Romantic-Comedy ในหอพักที่เรื่องอื่นเคยทำมาก่อนแล้วมากมาย มุกตลกในเรื่องก็ทำให้อมยิ้มได้เสียเป็นส่วนใหญ่  แต่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดของเรื่องนี้เห็นจะเป็นเรื่องงานภาพที่ราวกับหลุดมาจากอนิเมะของชินไคก็ว่าได้ ทั้งการเล่นสีและแสงเงาที่ตัดกันชัด แต่กลับดูนุ่มนวลชวนฝัน เป็นอนิเมะที่ผมคิดว่าภาพสวยที่สุดประจำซีซั่นนี้ก็ว่าได้ ซึ่งก็ได้งานภาพนี่ล่ะที่ทำให้เนื้อหาที่สุดแสนจะธรรมดาโดดเด่นขึ้นมาได้ 

ตัวอย่างฉากที่ผมชอบก็คงจะเป็นฉากเล่นฟองน้ำในตอนที่สองนี่ล่ะ ซึ่งหากคุณภาพเมะเป็นแนวธรรมดาอย่างเรื่อง Soredemo Sekai wa Utsukushii ผมคงไม่รู้สึกอะไรมากมายกับฉากนั้น ทว่าด้วยงานภาพที่สวยมากของเรื่องนี้ทำให้ผมอินกับฉากนั้นมากครับ ดูแล้วรู้สึกอยากร้องว้าว ๆ ไปพร้อมกับตัวละครในฟองน้ำเลย ทำไมนะเหรอ... ก็เพราะมันสวยจริง ๆ ไงล่ะ เป็นฉากที่ทำออกมาแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมตัวละครในเรื่องถึงได้สนุกขนาดนั้น ฉากนั้นทำเอาผมถ่อไปซื้อกลีเซอร์ลีนมาเล่นฟองน้ำเลยล่ะ (แต่ก็ยังไม่ได้ทำนะ ฮา) 

สรุปแล้วเยี่ยมครับ ดูแค่ภาพก็คุ้มแล้ว ตามต่อแน่นอน

ปล. ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนเขียนคนเดียวกับเรื่อง Love Lab นะเนี่ย 
0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:12 น. 2

Captain Earth


               Captain Earth เป็นอนิเมะแนวขับหุ่นยนต์กู้โลกออริจินอล ทีมงานสร้าง เป็นทีมงานเดียวกับผู้สร้างเรื่อง Star Driver

 โดยเรื่องราวของมานัตสึ ไดอิจิเด็กหนุ่มที่สูญเสียพ่อไปหลายปีก่อน และชีวิตตอนนี้หมดแต่การเล่นเกม จนเกรดตกลง จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน มานัตสึ ไดอิจิ ได้เห็นรุ้งประหลาดบนท้องฟ้าเหนือเกาะ Seed  เขาเชื่อว่าเคยเห็นมาก่อนตั้งแต่เด็ก รวมทั้งการพบเด็กชายและสาวปริศนา และน่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อ เขาเลือกที่จะไปเกาะแห่งนั้น และได้ขับหุ่นยนต์ที่เรียกว่า Earth Engine ต่อสู้กับรุกรานหุ่นยนต์จากดาวยูเรนัสที่เรียกว่า Kiltgang เรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้น

เห็นเขาว่าผู้ผลิตหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเป็นอนิเมะหุ่นยนต์แห่งปี 2014 ให้ได้ ถ้าถามว่าตอนนี้เป็นได้หรือยัง ผมก็ตอบไม่ได้ เพราะยังอยู่ตอน 1-2 อยู่ แต่ถามว่าตอนหนึ่งมีแรงจูงใจใม่ ผมก็ตอบว่าระดับหนึ่ง อย่างน้อยภาพสวยก็ดึงดูดคนดูได้ ส่วนตัวละครนั้นพระเอกงั้นๆ รองพระเอกผมม่วงก็น่าสนใจอยู่ แต่แปลกที่สุดคือนางเอกผิวสีแทน (บางคนเรียกผิวสี มันดำขนาดนั้นเลยเหรอ) ก็แปลกดีไม่ได้เห็นนางเอกผิวแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ดูเรื่องนาเดีย ซึ่งสาเหตุที่นางเอกมีสีผิวแบบนี้ก็เพื่อสื่อว่าเธอเป็นจุดศูนย์กลางของโลก มีความลับของโลก หรือมีพลังอำนาจอะไรซุกซ่อนอยู่  

ส่วนตัวหุ่นนั้น มีหน้าตาเหมือนกัปตันเรือ (ส่วนหัวของหุ่นจะเหมือนกับหมวกกัปตันเรือ) จะว่าเท่อยู่หรอก แต่ก็เหมือนกับที่ผ่านมา คือหาจุดเด่นไม่ค่อยเจอ หุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยมีจุดเด่นให้น่าจดจำสักเท่าไหร่ ไม่เหมือนสมัยก่อน เห็นแล้วรู้เลยว่ามาจากเรื่องอะไร

การดำเนินเรื่องยังคงเป็นตามสูตร "Chosen One" หรือ "ผู้ที่ถูกเลือก" ประมาณว่าพระเอกเป็นคนธรรมดา และไปเจอเหตุการณ์อะไรสักอย่าง เหตุการณ์มันพาไป จนพระเอกไปขึ้นไปขี่หุ่นยนต์ และต่อสู้กับศัตรูรุกรานปริศนา เพื่อปกป้อง พล็อตเริ่มต้นสูตรสำเร็จ ที่เดี๋ยวนี้การ์ตูนแนวหุ่นยนตร์ หรือพวกแนวผู้กล้าปราบปีศาจนี้ชอบเอาพวกมุกแบบนี้มาใช้เนอะ (ใช้จนเบื่อ) แต่ชีวิตจริงมันไม่ค่อยสวยหรูสักเท่าไหร่ดูอย่างเดวิด มอยส์นี้สิเป็นผู้ถูกเลือก กลายเป็นผู้ที่ไม่ใช่ซะแล้ว (ออกไปซะเดวิด มอยส์ เราไม่ต้องการคุณ)

นอกเรื่องไปซะได้  ส่วนใหญ่แล้วแนวหุ่นยนตร์จะดีหรือไม่ดี มันตัดสิน อยู่ที่กลางเรื่องแหละเป็นตัวตัดสิน   ซึ่งส่วนใหญ่ที่ผ่านมาอนิเมะแนวหุ่นยนต์นี้ออกไปทางค่อนดี แต่ยังไม่เห็นที่จดจำ แถมเรื่องจดจำดันห่วยแตกอีก ทำไปได้

สรุป Captain Earth เป็นอนิเมะตอนแรกที่ยังคงแบบสูตรสำเร็จคงแนวแบบนี้ปัจจุบัน ภาพสวย นางเอกผิวสีแทน ก็พอทำให้หลายคนตาม ส่วนผมไม่ตาม เพราะส่วนตัวไม่ถูกกับแนวหุ่นยนต์ที่สู้บนอวกาศระเบิดตูมตามแบบนี้มากนัก ปกติไม่ได้ดูแนวแบบนี้อยู่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นอีกเรื่องที่หลายคนไม่ผิดหวัง (หากช่วงกลางดำเนินเรื่องไม่น้ำเน่าน่ะ) แต่จะจดจำเป็นตำนาน หรือประสบความสำเร็จถล่มทลายหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  (อนิเมะมี 25 ตอน) 

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:14 น. 3

Kenzen Robo Daimidaler


               ผมจะโดนคนอื่นถีบหรือเปล่า หากบอกว่าตอนแรกของอนิเมะแนวหุ่นยนต์บ้าพลังนี้ สนุกกว่า
Captain Earth ไปก้าวหนึ่ง

ในขณะที่ Captain Earth พยายามเน้นการดำเนินเรื่องช้าๆ ให้สม 25 ตอนของมัน แต่  Kenzen Robo Daimidaler มี 12 ตอน ดังนั้นการดำเนินเรื่องเลยรวดเร็วฉับไว และปล่อยจุดขายของมันด้วยการจงใจเอจจิแบบไม่แคร่สื่อ แบบชัดเจน ยิ่งกว่าแช่แป้ง แต่อย่างไรก็ตามแม้เรื่องนี้จะสนุกกว่าเรื่องกัปตัน แต่จะติดตามดูนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

Kenzen Robo Daimidaler เป็นอนิเมะต้นฉบับ มังังแนวโรบอต, คอเมอดี้ปนแฟนเซอร์วิส กล่าวถึงเด็กหนุ่ม มาดันบาชิ โคอิจิ ผู้ที่มีอนุภาค Hi-ERo (Ero เอโระ = เรื่องอย่างว่า) ที่เป็นต้นกำเนิดพลังให้กับอาวุธจักรกล Daimidaler และต้องมาช่วยเหลือโซนัน เคียวโกะ เข้าร่วมกับองค์กร Prince Beauty Parlor รวมทั้งต่อกรกับกลุ่มจักรวรรดิเพนกิลที่รุกรานมนุษยชาติ แต่พลังของพระเอกจะปลดหล่อยได้ จะต้องทำการหื่นกับพวกผู้หญิง (ซึ่งผู้รับชะตากรรมนี้คือ นางเอกนมใหญ่นั้นเอง)

อนิเมะ ยังคงดำเนินเรื่องแบบสูตรสำเร็จแนวหุ่นยนต์ทั่วไป พระเอกเป็นผู้ถูกเลือก โดนตามล่า สาวๆ แต่สิ่งนี้เหมือนจะเป็นการจงใจให้ดูซ้ำซากมากกว่า แบบต้องการให้อารมณ์การ์ตูนสมัยเก่า ไม่ว่าจะเป็นเพลงเปิดเนื้อเรื่องให้อารมณ์การ์ตูนสมัยเก่า การออกแบบพระเอก ก็อารมณ์พระเอกหุ่นยนต์เก่าๆ   เพียงแต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือมุกตลกหื่นได้โล่เท่านั้น  และฉากเซอร์วิสมีพอประมาณ เน้นเด้งดึ๋ง สมแล้วที่ผู้กำกับมีประสบการณ์ทำแนวหุ่นยนต์ แนวหื่น เป็นอย่างดี (เคยกำกับ High School DxD) แต่ก็งั้นๆ แหละ

                แต่อย่างที่พูดมา อนิเมะยังคงเน้นเรื่องสูตรสำเร็จแนวหุ่นยนต์ แถมยังเพิ่มมุกโบราณอีกด้วยซ้ำ แน่นอนว่าคนที่ดูแนวหุ่นยนต์ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจมากนัก แม้จะมีฉากเซอร์วิสเพิ่มเข้ามาก็ไม่ได้ช่วยให้จงใจอยากดูสักเท่าไหร่ ที่เลวร้ายคือการออกแบบไล่ตั้งแต่ตัวละคร ไปจนถึงตัวหุ่น ตัวละครพระเอกออกแบบเชยอยู่แล้ว (ตามสไตล์พระเอกแนวหุ่นยนต์โบราณ) และสำคัญเรื่องนี้น่าจะฮาเร็ม เพราะพระเอกมันจะต้องหื่นๆ สาวเยอะๆ เพื่อจับหุ่น  แต่อนิจจา มีนางเอกคนเดียว และคู่รักปัญญาอ่อน (หมายถึงคู่รักที่ชอบรักกันแบบไม่แคร่สื่อ จนคนรอบข้างหมั่นไส้)  น่าเบื่อสิ้นดี แนวแบบนี้ต้องมีสาวๆ หลายคนสิว่ะ ได้เลือกชิม มีแค่นางเอกคนเดียวจะไปมันอะไร

แต่ที่เลวร้ายคือทั้งๆ อนิเมะนี้น่าจะเป็นอนิเมะขายหุ่นยนต์ (หรือขายมุกเอจจิกันแน่) เพราะว่าตัวหุ่นออกแบบไม่น่าอวยเลย คือมันไม่เท่ หุ่นผู้ร้ายไม่เท่าไหร่ แต่ฝ่ายพระเอกนี้สิเหมือนหุ่นลูกกระจ๊อกตัวโกง มากกว่าจะเป็นหุ่นฝ่ายพระเอก (เท่าที่ดูฉากเพลงเปิดเรื่อง ดูเหมือนมีการรวมร่างเป็นหุ่นเท่ด้วย)

สรุป เป็นอนิเมะแนวเอจจิ แต่ไม่ฮาเร็ม (เซ็ง) พูดตามตรงว่าพระเอกไม่เห็นเท่อะไรเลย ลูบนมแล้วปล่อยพลังเนี้ยน่ะ ไม่แปลกใหม่อะไรเลย ผมดูตอนแรกก็พอแล้วล่ะ 

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:17 น. 4

Date A Live II


             Date A Live หรือเดทสาวกู้โลกเป็นอนิเมะแนวตลกโรแมนติก ไซไฟ ฮาเร็ม ต่อจากภาคแรก และคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นภาพ การดำเนินเรื่องเหมือนเดิม (มีจำนวน 10 ตอน=นิยาย 3เล่ม) ไม่ต้องเดาเลยว่าตัดบานแน่นอน

สำหรับอนิเมะภาค 2 น่าจะเหมือนภาคเดิม คือ เป็นช่วงนิยายเล่ม 5,6,7 โดย Date A Live เป็นเรื่องราวของอิสึกะ ชิโด้  เด็กหนุ่มชั้นม.ปลายธรรมดา (มั้ง??) ที่เริ่มมือกับ“โคโทริ” น้องสาว (ไม่ร่วมสายเลือด) ยับยั้ง “เทพธิดา” (หรือจะเรียก “วิญญาณ” ก็ได้ ตามสะดวก”) การที่จะหยุดเธอนั้นเขาจะต้องจีบเธอให้ติด และให้เธอหันมารักโลกให้ได้ แล้วพระเอกจะทำอย่างไรในเมื่อเขาไม่ได้เป็นเทพจีบสาว หรือมีประสบการณ์ความรักเลยแม้แต่น้อย ปัจจุบันพระเอกจีบได้สองคน (ไม่นับน้องสาว) และยังเทพธิดาคนอื่นๆ อีกเพียบ และภาคนี้ เพิ่มคู่แฝด และไอดอล พร้อมศัตรูหัวขาวตัวโกงอีกต่างหาก

Date A Live (ซึ่งอนิเมะภาค 1 และ 2 ได้ลิขสิทธิ์แล้ว ของโรส)  เป็นอีกเรื่องที่บอร์ดแห่งหนึ่งอวยกันมาก (ในขณะที่ชิโด้พยายามทำให้สาวสามัคคีสันติภาพกัน แต่ผู้ชมจะเอาสงคราม) และโพสนม อย่างเมามันอีกเรื่อง (ไม่ค่อยพูดถึงรูทอะไรสักเท่าไหร่)  อาจเป็นเพราะอนิเมะเรื่องนี้การออกแบบตัวละครมันโดดเด่นดี น่ารัก อลังการ แถมเพิ่มพลังพิเศษเข้าไป โมเอ๊ โมเอะ (แต่อย่าลืมเพราะเนื้อเรื่องด้วย ที่ทำให้หลายคนอวยตัวละคร ให้ความสำคัญกับเนื้อเรื่องสักนิด ดีกว่านมน่ะครับ)

เออ...ช่างเถอะ บ่นนิดหน่อย ก็ยังคงมาตรฐานเดิมจากภาคก่อนๆ สิ่งที่ผมเขียนเหมือนเดิมคือเป็นอนิเมะที่ตัดทอนต้นฉบับพอสมควร คำแนะนำคือดูไลท์โนเวลมาก่อน ค่อยมาดูอนิเมะ  เพราะอนิเมะตัดทอนรายละเอียดมาก แม้ว่าเนื้อหารวมไปถึงฉากมุกตลกสำคัญยังอยู่ก็เถอะ 

สำหรับตอนแรก ดูเหมือนยังไม่เข้าเรื่องสักเท่าไหร่ ยังอยู่ในรูทสาวเดเระเดเระอยู่ ยอมรับเลยว่าปวดหัวพระเอกเป็นบ้า ใครว่านางเอกเดเระเดเระนี้เป็นรูทที่ง่ายนี้ คิดใหม่ได้เลย งอนง่าย โกรธง่ายหายเร็ว นี้แหละนางเอกม่วง

ปล. แอบรำคาญเพลงประกอบแทรกนิดหน่อย

ยอมรับว่าเดี๋ยวนี้ไม่ได้ตามไลท์โนเวลเรื่องนี้สักเท่าไหร่ หลังจากเห็นพระเอกจับดาบ เห็นตัวโกงผมขาวเลือดมันขึ้นหน้า (ฮาเร็มก็ไม่ใช่ แล้วชอบไปทำลายฮาเร็มคนอื่น) และสงครามอวย เกิดอาการงอน ไม่อยากตามต่อ นิยายก็ซื้อมาดองไม่ได้อ่านเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว (แกะพลาสติกก็ไม่แกะด้วย) เอาเป็นว่าอนิเมะก็จะดูแบบข้ามๆ ไม่ได้อยากตามสักเท่าไหร่ จบข่าว

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:18 น. 5

Mekaku City Actors


            Mekaku City Actors (Kagerou Project) (มี 11 ตอน ไม่ได้รับการยืนยัน)  หรือ Kagerou Days (ไม่รู้จะเรียกอะไรดี เอาเป็นว่าตามอนิเมะละกัน) เท่าที่ค้นข้อมูล  Kagerou Days เริ่มต้นมาจากเพลง Vocaloid ในชื่อชุด Kagerou Project  เปิดตัวเมื่อปี 2011 (เนื้อหาของเพลงจะเป็นการเล่าตัวละครที่มีพลังวิเศษ (?) ซึ่งอยู่บนโลกเดียวกัน และเกี่ยวเนื่องกัน ตัวเพลงจะเล่าเป็นบทๆ  ของตัวละครนั้นๆ (และเกือบทุกตอนล้วนมีการวนลูปเข้ามาเกี่ยวข้อง) ตัวเพลงได้รับความนิยมมาก จนเกิดแฟนฟิค จิ้นวาย จิ้นคู่รัก ไปจนถึงการทำเป็นมังงะ ไลท์โนเวล (มี 2 เล่ม) และอนิเมะตามมาดังกล่าว

โดยตัวละครหลักๆ คือ คิซารากิ ชินทาโร่ นีทและฮิคคิโคโมริติดมา 2 ปี ที่ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ วันหนึ่งเขาได้เป็นมาสเตอร์ของ เอเนะ AI ที่มีชีวิตจิตใจอาศัยอยู่ในคอมพิวเตอร์ของเขา และวันหนึ่งชินทาโร่ออกจากบ้านครั้งแรกในรอบ 2 ปี เพื่อไปซื้อแป้นคอมในห้าง แต่อนิจจาที่นั้นชินทาโร่กลับถูกผู้ก่อการร้ายจับเป็นตัวประกัน แต่สถานการณ์ดังกล่าวเขาก็ได้พบพรรคพวกที่มีชะตากรรมประหลาดร่วมกันในเวลาต่อมา

เปิดออกมาตอนแรก ผมรู้เลยว่าใครเป็นคนกำกับ แหม แทบไม่ต้องเดาเลย ดูงานภาพ องค์ประกอบต่างๆ โลกแปลกประหลาด ภาพปะ การเผาแบบมีศิลปะ คุยและก็คุย คุยแหลก หงอนไก่ชัดๆ ใช่แล้วครับ ทั้งหมดนี้คือลายเซ็นของผู้กำกับ Bakemonogatar และ “คุณครูผู้สิ้นหวัง” นั้นเอง

นอกจากองค์ประกอบลูกเล่นที่ผู้กำกับทำแล้ว สเน่ห์ของเรื่องนี้อยู่ที่การดำเนินเรื่อง  ที่มึน มึน และมึน แน่นอนว่าหลายคนดูตอนแรกแอบ งง แน่นอน ความจริงเรื่องนี้จงใจให้คนอ่าน งง ครับ นี้แค่ตอนแรกเท่านั้น เดี๋ยวตอนหน้า มาฆ่ากันเถอะ วนลูป ย้อนอดีต เชื่อเลยว่า โครต งง แ แต่ความ งง ได้กลายเป็นสิ่งที่เป้นแรงขับให้หลายคนอยากติดตาม รวมไปถึงผมด้วย อารมณ์ประมาณว่า นี้คือเรื่องอะไร สิ่งที่ต้องการสื่อคืออะไร ปมปัญหาตัวละครคืออะไร และเมื่อไหร่จะบรรจบกัน  หลายคนตามมังงะเพราะเหตุนี้แหละ ส่วนเหตุผลรองน่ะเหรอ ตัวละครน่ารักครับ (ฮ่า)

แน่นอนตามสไตล์ของผู้กำกับที่มีคนชอบและคนเกลียด แถม AI เอเนะนี้พูดมาก กวนประสาท (แต่สำหรับผมน่ารักน่ะ) แต่หากใครดูประวัติเรื่องราวของเธอ จะได้รู้ว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ แต่ตัวละครคนอื่นนี้ พวกผู้ชายไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ แต่พวกผู้หญิงน่ารักดีน่ะ

หลักๆ เนื้อหาอนิเมะดำเนินเรื่องคล้ายมังงะ Kagerou Days  (ต้นฉบับจริงๆ คงเป็นไลท์โนเวลมั้ง อันนี้ผมไม่รู้สักเท่าไหร่) ซึ่งใครอ่านก็พอรู้ระดับหนึ่งว่าต่อไปจะดำเนินเรื่องแบบไหน หากใครยังไม่รู้จักเรื่องนี้ก็ขอบอกว่าเป็นแนวการวนลูป อาจย้อนกลับไปกลับมา ไม่ว่าจะเป็นอดีตของพระเอก อดีตทวินเทลฟ้า และตัวละครคนอื่นๆจะแยกการดำเนินเรื่องแตกต่างกัน ก่อนที่จะมาปะติดปะต่อที่หลัง มันอาจจะ งง มาก ก็ขอให้ตั้งใจดู เพราะเสน่ห์แบบนี้แหละ ถึงได้น่าติดตาม

ถ้าตอนหน้าตามแบบมังงะล่ะก็ ตอนหน้าคงมันแน่.....

ปล. ชอบชินทาโร่Xน้องสาว

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:21 น. 6

Mangaka-san to Assistant-san


             Mangaka-san to Assistant-san (The Comic Artist and Assistants) หรือในชื่อไทยว่า นักเขียนการ์ตูนสุดป่วนและผู้ช่วยสุดแก่นเป็นอนิเมะจากมังงะ (ลิขสิทธิ์สยาม ภาคแรกมี 10 เล่มจบ และปัจจุบันมีภาคสอง แต่นานๆ ครั้งจะมา เพราะคนเขียนมีผลงานทวินเทลกินกล้วยอยู่) ผลงานของ Hiroyuki ซึ่งก่อหน้านั้นมังงะเรื่อง Doujin Work ก็เคยถูกทำเป็นอนิเมะ และได้รับคำวิจารณ์จากผมว่า “ไม่เหมือนต้นฉบับ”

สำหรับเรื่อง Mangaka-san to Assistant-san เป็นเรื่องแนวชีวิตประจำวันฮาๆ ของนักเขียนการ์ตูน “ไอโตะ”  นักเขียนการ์ตูนเกรด 3 (หมายถึงนักเขียนไม่เป็นที่นิยม) ประจำการ์ตูนรายสัปดาห์ดัง “โกโก้” (หากเทียบ อารมณ์ประมาณ จัมป์)  เนื้อหาการ์ตูนของไอโตะเป็นแนวเลิฟคอมมาดี้ ที่ทุกหน้ามีแต่กางเกงในผู้หญิงเต็มไปหมด เพราะไอโตะชอบกางเกงในผู้หญิงเป็นชีวิตจิตใจ (จนเกือบเป็นโรคจิต) ทำให้ไม่เป็นที่นิยมมากนัก (เพราะนิตยสารของไอโตะส่วนใหญ่คนอ่านเป็นเด็กประถม) แต่ไอโตะก็ยังทำผลงานด้วยใจรักอยู่ทึกวัน  แถมอยู่ท่ามกลางสาวน่ารักที่เป็นผู้ชาย 3 คน และ บก. น่ารักอีกคน ทำให้ชีวิตของไอโตะมีสีสันมากขึ้น

การ์ตูนมังงะตลกมีทั้ง 4 ช่องจบ และ ตอนสั้นๆ ไม่กี่หน้า พอทำเป็นอนิเมะก็ประมาณ 13 นาทีกว่า (รวมเพลงจบ เพลงเปิด)ถือว่าประทับใจระดับหนึ่ง อีกทั้งทำตรงต้นฉบับ (แต่ไม่ทำครบทุกตอนในมังงะ น่าจะเป็นการเลือกตอนบางส่วนในมังงะมากกว่า)

เนื้อหาของการ์ตูน แม้จะเป็นเรื่องของนักเขียนการ์ตูน แต่ไม่ได้เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการเขียนการ์ตูนมากนัก แต่เป็นเรื่องของชีวิตของคนหนึ่งที่มีความสุขในการทำงานอะไรมากกว่า

 คือผมชอบมังงะเรื่องนี้น่ะ ชนิดว่าหากใครมาถามมังงะแนวฮาเร็มละก็ ผมแนะนำเรื่องนี้เลย คือมันสื่อถึงความสุขของคนหนึ่งที่อ่านแล้วมีความสุขด้วย แม้ว่าพระเอก (เจ้าโตะ) มันจะหื่น บ้ากางเกงใน เขียนการ์ตูนไม่ได้รับความนิยม หลายคนชอบดูถูกว่าเป็นนักเขียนเกรดต่ำ  แต่ไอโตะก็ไม่เคยโกรธใคร ผมนับถือความตั้งใจของไอโตะน่ะ  คือมันทำงานด้วยใจรัก หากไอโตะไปวาดการ์ตูนแนวอื่นๆ ก็คงประสบความสำเร็จไปนานแล้ว แต่ไอโตะไม่ทำ ยอมวาดแนวกางเกงในเพราะ มันมีความสุข คนแบบนี้ผมนับถือน่ะ (ฮ่า)  อีกทั้งหากทำอะไรแล้วก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ แถมอยู่ใกล้กับสาวๆ ที่เข้าใจเจ้าโตะ ที่สามารถรับความหื่นเจ้าโตะ (ได้ระดับหนึ่ง) ผมว่าเจ้าโตะเป็นชายที่มีความสุขที่สุดในโลกจริงๆ (ชนิดว่าไม่มีนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นคนไหน น่าอิจฉาเท่าไอโตะอีกแล้วล่ะ)

อย่างไรก็ตามอนิเมะข้อตำหนิอย่างคือเสียงพากย์ เจ้าโตะนี้แตกต่างจากผมคิดไว้มาก คือมันไม่ใช่เสียงของคนอายุ 20 กว่าๆ (ไอโตะอายุ 22 ปี) พึ่งจบมัธยมปลายสักเท่าไหร่ เสียงเหมือนเด็กวัยรุ่นมากกว่า แถมคนพากย์ผมก็ไม่ไม่มีประสบการณ์พากย์ตัวละครหื่นๆ มาก่อน อีกต่างหาก (คนพากย์เสียงพระเอก Sword Art Online)   และนอกจากนี้มันตรงต้นฉบับ และมังงะแปลไทยพึ่งจบมาหมาดๆ เรื่องนี้พึ่งผ่านสายตาคนไม่นานนัก (แม้ว่าต้นฉบับญี่ปุ่นอยู่ในช่วง 2008-2012 ก็เถอะ) ไม่รู้ว่าคนอ่านมังงะเรื่องนี้จะตามอนิเมะหรือเปล่า แต่ผมตามอยู่แล้ว เพราะสาวซึน (สองคน) เรื่องนี้โครตโมเอะ ไม่ว่าจะเป็น “มิฮาริ” (เสียงพากย์ออกไปทางแหลมสูงตามสไตล์ซึนเดเระ) และ “เซนะ” เตี้ย แบน ซึน กางเกงในลายหมี ซึ่งทั้งสองมีบทบาทประทับใจผมมากๆ  ในมังงะมาแล้ว 

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:22 น. 7

Kanojo ga Flag o Oraretara


            Kanojo ga Flag o Oraretara หรือ If Her Flag Breaks หรือแปลว่า “อลวนรักหักแฟล็ก” เป็นอนิเมะจากไลท์โนเวลแนวฮาเร็ม คอเมดี้ (ลิขสิทธิ์มังงะและนิยายโดยรักพิมพ์) ที่ตีพิมพ์อย่างต่อเนื่อง และพึ่งทำเป็นอนิเมะ

เรื่องราวของ “โซตะ” หนุ่มผู้มีความสามารถพิเศษในการมองเห็น ธงของคนอื่นได้ โดยธงที่ว่าจะปรากฏออกมาเมื่อคนๆ นั้น เจอเหตุการณ์ที่ต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่จะส่งผลต่อชีวิตของคนนั้นชนิดที่เรียกว่าพลิกผันกันไปซักทาง ไม่ว่าจะเรื่องความรัก เพื่อน ชัยชนะ หรือแม้แต่ความตาย ซึ่งนายโซตะ ก็ได้ย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียน Hatagayaในกรุงโตเกียว และได้รู้จักกับสาวมากมายหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “เจ้าหญิง, คุณหนู, พี่สาว, เพื่อนสมัยเด็ก ไปจนถึงหุ่นยนต์!!

ยอมรับเลยว่าจะดีหรือร้าย Kanojo ga Flag o Oraretara เป็นอนิเมะที่ผมติดตามแน่นอนในซีซั่นนี้ เพราะอะไรน่ะเหรอ เรื่องนี้ถือว่าเป็นฮาเร็มพูนสุขน่ะสิ เรื่องราวของพระเอกที่คิดว่าตัวเองเป็นตัวซวย ตัวโชคร้าย ที่พยายามไม่สนิทกับคนอื่น แต่แล้วโชคชะตาทำให้เขาได้มาพบเจอเหล่าสาวๆ (เยอะด้วย) ที่ทุกคนแอบชอบเขา (และพระเอกรู้จากธง) และทุกคนก็มีเรื่องหนักใจให้เขาแก้ปมอีกต่างหาก ส่วนเนื้อหาจุดหมายพระเอกนั้น ผมก็ยังคง งง อยู่   (จุดหมายของพระเอกคือเขาเห็นธงแห่งความตายปักหัวตนเอง แสดงว่าอีกไม่นานเขาจะตาย สิ่งที่จะเปลี่ยนชะตากรรมได้เขาก็ต้องมีคนที่เป็น เจ้าหญิงอัศวิน, จอมเวทย์, นักบวช และนินจา ซึ่งทั้ง 4 อยู่ในหมู่ฮาเร็มของเขา แถมมีองค์กรลับ สาวปริศนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย)

และยอมรับว่า หลังจากดูตอนแรกค่อนข้างน่าผิดหวังอย่างมาก ทั้งๆ ที่เป็นอนิเมะฝีมือผู้กำกับคนเดียวกับ Nazo no Kanojo X แท้ๆ สงสัยผมหวังมากไปหน่อย คืออนิเมะตอนแรกดำเนินเรื่องไม่ตรงต้นฉบับอย่างแรง ภาพเผา หน้าตัวละครบิดเบี้ยว การเคลื่อนไหวไม่ลื่นเลย และที่ขัดตาคือคาแร็คเตอร์พระเอกในเรื่องนี้ แตกต่างจากผมคิดมาก เพราะเท่าที่ดู (เสียดายผมยังไม่ได้ไลท์โนเวล เลยไม่รู้ว่าพระเอกออกแบบตรงหรือเปล่า) พระเอกน่าจะมืดมน และการออกแบบหน้าจะดูธรรมดาหน่อย แต่นี้หน้าออกสำอางและแคะเกินไป ทำให้ไม่เข้กันอย่างบอกไม่ถูก และเสียงแหลมสูงของตัวละครหญิงที่ฟังแล้วระคายหูพอสมควร

นอกจากดำเนินเรื่องไม่ตรงต้นฉบับแล้ว อย่างเร่งเนื้อหาเข้าไปอีก คือมันดำเนินเรื่องตัดฉากอะไรมากมาย ตัดจนเรียบกลายเป็นผ้าธรรมดา (ทั้งๆ ที่ต้นฉบับเป็นผ้าเนื้อดีแท้ๆ ) การเรียงลำดับเรื่องราวถือว่าเป็นสิ่งที่รับไม่ได้มากๆ เมื่อเทียบกับการดูต้นฉบับ อย่างตอนแรกนั้น ผมพึ่งเคยเห็นฉากไคแมกซ์ก่อนจบเล่มหนึ่งมาใส่ตอนที่ 1 คือโผล่ออกมาแนะนำสาวผมม้าเจ้าหญิง คุณหนู และตัดมาเป็นอีเวนท์ปักธงคุณหนูอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่ฉากแนะนำตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นพี่สาว สาวดุ้น ย่าใหญ่ ประธาน ฯลฯ ต้องมาก่อนอีเวนท์ปักธงคุณหนูแท้ๆ  (ตอนที่ 2 จะเริ่มแนะนำตัวละครเหล่านี้)

แม้อนิเมะเรื่องนี้จะมีหลายอย่างน่าตำหนิ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็จะดูเรื่องนี้แหละ เพราะมันเป็นแนวฮาเร็มที่ผมชอบจากการดูมังงะนี้น่า

ปล. สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ ฉากแรกตอนเปิดตอน จะเห็นไอดอลอยู่ในหน้าจอทีวี เธอก็เป็นหนึ่งในฮาเร็มพระเอก (สรุปคือรูทไหน พระเอกเก็บหมด เหนือกว่าพี่เทพตรง มันมีสาวดุ้น) เพียงแต่เนื้อหาอนิเมะซีซ่นนี้บทเธอไม่รู้จะถึงหรือเปล่า เพราะเธอปรากฏในเล่ม 8 

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:23 น. 8
 

 Fuuun Ishin Dai Shougun


              ผลงานเรื่องใหม่ของสตูดิโอ J.C. Staff และ A.C.G.T. กำกับโดยวาเคชิ วาตานาเบะ เป็นแนวอนิเมะหุ่นยนต์บ้าพลัง และหื่นนม ผิดจากเนื้อเรื่องแรกที่ปล่อยออกมาสิ้นเชิง คือประมาณว่า “ ยุคปลายเอโดะ ที่ญี่ปุ่นเคยถูกกรณียึดครองโดยชาวต่างชาติ โดยมีหุ่น โอนิกามิ ปรากฏขึ้น ทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไป” ก็นึกว่าแนวบู๊ ก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แต่พอมาดูตอนแรก ชัดเลย แนวขายนม

Fuuun Ishin Dai Shougun ให้อารมณ์ยุคซามูไรในโลกคู่ขนาน ที่ในช่วงปฏิรูปเมจิในปี 1868  โดยเนื้อเรื่องเปิดฉากยิ่งใหญ่ เมื่อเคย์อิจิโร่ทำการยึดนางาซากิอย่างง่ายดาย ซึ่งตอนแรกก็นึกว่าแนวสงครามกลางเมือง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ซะงั้น เคย์อิจิโร่ปรากฏตัวอย่างกับขุนศึกซามูไร ก็แค่เด็กแว๊น (แต่งชุดแนวโครต) ท้าตีคนอื่นไปทั่ว จนเป็นที่หวาดกลัวของเด็กแว๊นแถวๆ นั้น แถมเจ้าตัวไม่ถูกกับผู้หญิง หากแตะต้องผู้หญิงจะเกิดลมพิษจับ มันเลยเป็นหนุ่มซิ่ง แถมเจ้าหนุ่มก็เติบโตในโรงอาบน้ำ ทำให้วันๆ ไม่ได้ค่อยทำอะไร จนเกิดอาการเบื่อกิจประจำวันของตนเอง

จนกระทั่งวันหนึ่ง เคย์อิจิโร่ได้พบสาวนางหนึ่ง เป็นนินจาอิงะที่ส่งมาคุ้มครองเขา จากศัตรูที่หมายเอาชีวิต โดยเคย์อิจิโร่ก็ได้รู้ว่าเขาคือทายาท “โตกุกาว่า” และเขาสามารถขับถหุ่น โองิกามิ หุ่นต์ยักษ์ที่มีมาแต่โบราณ ที่มีแต่หนุ่มซิงเท่านั้นขับได้

หลังจากได้ดู Fuun Ishin Dai Shogun (Dai-Shogun – Great Revolution) พูดตามตรงว่าเห็นแต่นม (แต่ไม่ค่อยเมานมนัก) เอาเถอะก็ไม่แปลกแต่อย่างใดที่อนิเมะซีซั่นหนึ่งจะมีแนวขายนมเด้งดึ๋งสักเรื่อง สองเรื่อง และเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในเรื่อง

เรื่องนี้เต็มไปด้วยนมเด้งดึ๋ง สาวเปลือยกายมากมาย (ยังอุตส่าห์มีสาวนมแบนราบอีกน่ะ) และหมอกศีลธรรม  ดีอย่างคือมันไม่ค่อยเมานมเท่าไหร่ แต่เรื่องสองแง่สองง่ามนี้เยอะเป็นบ้า

แน่นอนว่าแนวพวกนี้ขายภาพ มากกว่าเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องเชยระเบิดมาก จำพวกพระเอกเป็นทายาทคนดัง ถูกปองร้าย แล้วได้ใครบางคนมาปกป้องช่วยเหลือ เห็นมาเยอะแยะ ฃแม้จะมียุคปฏิรูปเมจิญี่ปุ่นผสมกับเครื่องจักรไอน้ำเข้ามาให้ดูแปลกใหม่บ้างก็ตาม ส่วนตัวหุ่นเอง ก็ไม่ได้เท่อะไรมากมายนัก พระเอกก็โครตเชย พวกบ้า อารมณ์ร้อน รักความยุติธรรม ขับหุ่นครั้งแรกเก้งๆ ก้างๆ เดี่ยวก็เก่งทีหลัง พวกตัวโกงหน้าตาดี มีราศี เจอมาเยอะแล้วล่ะ

สิ่งดีๆ เรื่องนี้มีอย่างเดียว คือมันตลกเกย์ นอกนั้นแป๊กเยอะ ต้องปล่อยใจพอสมควร ทั้งตอนเห็นแต่สาวเปลือย และนม หุ่นออกมานิกดหน่อย ตอนหน้าคงจะเริ่มเข้าเรื่อง แล้วก็ขายนมต่อ (แน่นอน โดยไม่ต้องคาดเดาแต่อย่างใด)

ตรงไปตรงมา สำหรับผมตอนเดียวก็เพียงพอ  

 
0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:26 น. 9

Gokukoku no Brynhildr


             Gokukoku no Brynhildr หรือ "Extreme-Black Brynhildr " (Valkyrie Brynhildr) เป็นการ์ตูนฮาเร็ม ไฟไซ ดราม่า โลกแสนโหดร้าย ผลงานของันเบะ มาโมรุ ที่มีผลงานก่อนหน้าคือ Elfen Lied   อนิเมะยัยหูแมวโหดนั้นแหละที่ผมขอบอกเลยว่า “ทุกคนต้องดู” หากใครที่อยากจะเข้าถึงอนิเมะญี่ปุ่น

เนื้อเรื่องเป็นเรื่องจอง มุราคามิ  (ผมเรียกพระเอกคนนี้ว่า พระเอกกินทีนเป็ด)ได้สูญเสียเพื่อนสมัยเด็กที่เขาชอบคือ คุโรเนโกะ จากอุบัติเหตุที่เขาทำให้เธอตาย และด้วยความเสียใจและตราบาป ทำให้เขาตั้งใจเรียนหนังสือเพื่อให้สักวันเขาจะได้ไปทำงานนาซ่า เพื่อพิสูจน์ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง อันเป็นสัญญาที่เขากับเธอทำไว้ตั้งแต่วัยเด็ก

10 ปีต่อมา มุราคามิได้กลายเป็นเด็กชั้นมัธยมปลาย ในโรงเรียนชั้นนำ จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่ห้องของเขา มีเด็กสาวย้ายโรงเรียนมาใหม่ชื่อ คุโรฮะ เนโกะ และเมื่อเขาพบกับเธอขณะแนะนำตัวในห้องเรียน เขาก็ต้องตกใจเมื่อเด็กสาวคนนี้หน้าตาเหมือนเพื่อนสมัยเด็กที่ตายแล้วไม่มีผิด หากแต่ปรากฏว่าเด็กสาวคนดังกล่าวปฏิเสธว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา และบอกว่าพวกเราเพิ่งเจอกันครั้งแรกเท่านั้น และนั้นเองเป็นจุดเริ่มต้น เพราะ “เนโกะ” ไม่ใช่คนธรรมดา หากแต่เธอเป็น “ผู้ใช้เวทมนต์” นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้มุราคามิได้เข้าไปสู่เรื่องราววุ่นวายในเวลาต่อไป

Gokukoku no Brynhildr ยังคงเป็นอนิเมะที่เนื้อหาคล้ายๆ Elfen Lied   กล่าวคือพระเอกเป็นคนที่จิตใจดีงาม (เรื่องนี้ท่านจะได้เห็นพระเอกร่ำไห้แบบไม่อายใครหลายฉากแน่นอน)  ที่ได้พบมนุษย์พันธุ์ใหม่ “สาวใช้เวทมนต์”  การทดลองมนุษย์ที่แสนโหดร้าย การต่อสู้ระหว่างมนุษย์พลังพิเศษด้วยกันเอง ทำให้เนื้อหาน่าติดตาม และตื่นเต้นมากขึ้น

แม้ว่าพลังความโหดร้ายในช่วงแรกของ  Gokukoku no Brynhildr จะดูน้อยกว่ายัยหูแมวโหดก็ตาม (ตัดฉากพระเอกร่ำไห้กับร่างโชกเลือดเพื่อนสมัยเด็กออก)  แต่สิ่งหนึ่งที่มาทดแทนคือการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม โดยเฉพาะประเด็นจิตใจของพระเอก ความรู้สึกผิดบาป การตัดสินใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ฮาเร็มสาวกลายพันธุ์ (น่าจะเป็นร่างทดลองอะไรมากกว่า) เพื่อชีวิตประจำวันปกติ และสิ่งไม่ลืมคือลายเซ็นของคนแต่ง ที่ชอบ “ใจร้าย” กับตัวละครในเรื่องตลอด แบบว่าเรื่องเหมือนมีความหวัง แสงสว่างส่องเข้ามา แต่กลายเป็นว่าจะต้องมีอะไรบางอย่าง ทำลายแสงที่ว่านั้นอย่างโหดร้ายสิ้นดี

Gokukoku no Brynhildr เป็นอนิเมะที่ผมไม่แนะนำให้คนไม่ชอบดราม่าโครตๆ ได้ดู ใครไม่ชอบการตายของตัวละครนี้ห้ามเลย  แต่กระนั้นก็เป็นอนิเมะที่ผมอยากแนะนำในซีซั่นนี้ด้วยซ้ำ

หลังจากที่ได้ดูอนิเมะตอนแรก ผมเดาได้ว่าเนื้อหาอนิเมะน่าจะมีการดัดแปลงพอสมควรเพื่อให้เหมาะกับข้อจำกัดของอนิเมะ และไม่น่าไปถึงตอนล่าสุดของมังงะ (ซึ่งใกล้จะอยู่ช่วงใกล้จบแล้วล่ะ) เห็นได้จากการตัดฉากเปิดเรื่องของมังงะออก ซึ่งก็ดีเหมือนกันเพราะไม่งั้นหลายคนได้ตับแตกแน่นอน ขนาดผมยังเศร้าไม่หายเลย

อนิเมะเปิดตัวอย่างน่าสนใจ ผมชอบน่ะ  แม้ว่าจะตัดฉากบางส่วน การนำดัดแปลงฉากบางฉาก แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำลายต้นฉบับมังงะมากเกินไป อีกทั้งภาพสวย เพลงเปิดก็ทำออกมาน่าดึงดูด ที่ชอบคือเพลงปิดเรื่องมันให้อารมณ์ของฮาเร็มเหมือนเกินจะกล่าว (เรื่องนี้ฮาเร็มครับ เพียงแต่ความรักทีพระเอกมีต่อสาวๆ ในเรื่อง คือการปกป้องพวกเธอ เพื่อรอดพ้นภัยอะไรมากกว่า)  และยังมีสอดแทรกมุกตลกนิดๆ หน่อยๆ โทนก็ยังคงเป็นแบบ Elfen Lied เพียงแต่คราวนี้ตัวตนของ “ผู้ใช้เวทมนต์” จะดูลึกลับกว่าของพวกหูแมวโหด และเรื่องนี้นางเอกไม่ได้โหด ยันเดเระแบบลูซี่ด้วย ทำให้ลดความดราม่าแบบนี้ลง ทำให้เป็นดราม่าที่ผมเชื่อว่าหลายคนรับได้มากกว่า

                กระแสของ Gokukoku no Brynhildr อาจน้อยไปนิด เพราะมังงะอยู่ในช่วงใกล้จบแถมคนเขียนยังใจร้ายอีก แต่กระนั้นก็มีอนิเมะที่ผมอยากให้หลายคนได้ดูประจำซีซั่นนี้ครับ มันน่าติดตามดี  และน่าจะปรับเปลี่ยนให้ดูแล้วสบายใจกว่ามังงะ อันนี้ก็ดูว่ากระแสจะดีหรือไม่ด้วย
0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:27 น. 10

No Game No Life


            No Game No Life เป็นอนิเมะดัดแปลงจาก Light Novel เขียนและวาดภาพประกอบนิยาย โดยคุณ Kamiya Yuu เคยวาดภาพประกอบเรื่อง Itsuka Tenma no Kurousagi ไลท์โนเวลที่เคยทำเป็น อนิเมะมาก่อน (DARK RABBIT ผู้พิทักษ์เจ็ดชีวิต ของบงกช) ก่อนจะมาแต่งและเขียนนิยายเรื่องนี้ด้วยตนเอง เ ไลท์โนเวลในไทยลิขสิทธิ์เป็นของทาง A-Plus

No Game No Life  เป็นอนิเมะแนวผจญภัย, คอเมดี้ และแฟนตาซีกลายเป็นอนิเมะอวยสำหรับบอร์ดแห่งหนึ่ง เป็นที่เรียบร้อย (ความจริงมีกระแสมานานแล้วละ) ด้วยกางเกงในลายทาง น้องสาวโมเอะ (ส่วนพี่ชายไปไหนก็ไปเถอะ)

สองพี่น้อง โซระพี่ชายวัย 18 ปี และชิโระ น้องสาววัย 11 ปี ที่เป็นทั้ง NEET และ ฮิคิโคโมริ รู้จักกันนามแฝง? ?(คุฮาคุ ตามชื่อ ว่างเปล่า + สีขาว เลยได้สเปซว่าง) เป็นทั้งเกมเมอร์ออนไลน์ไร้พ่ายโค่นผู้เล่นกว่า 1,200 คนแล้วยังขึ้นอันดับ Top ของเกมกว่า 280 เกม จึงเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว ทั้งๆ ที่ตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองไร้จุดมุ่งหมายของชีวิต ล้มเหลวการเข้าสังคมบนโลกใบนี้ (โซระเป็นเด็กอัจฉริยะบริสุทธิ์ ส่วนชิโร่เก่งเรื่องไหวพริบและการนำไปใช้) ทั้งสองเบื่อโลกใบนี้ และตัดสินว่าโลกแห่งความเป็นจริงนั้น เป็น เกมที่ไร้ค่าสำหรับทั้งสอง จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเด็กที่เรียกตัวเองว่า พระเจ้ามาเชิญทั้งสองไปในโลกแฟนตาซี ที่ปราศจากความรุนแรงและสงคราม แต่ทุกสิ่งต้องตัดสินกันด้วย เกม

นิยามผมคือนี้คืออนิเมะที่ขี้โกงที่สุดในซีซั่นนี้ ขี้โกงยังไงน่ะเหรอ คือตอนแรกผมไม่สนใจเลยสักนิด พูดตามตรง เห็นหน้าพระเอกแล้วรับไม่ได้สุดๆ หน้ามันพอๆ กับเจ้าโอตากุจาก Chaos;Head เพียงแต่เจ้าพระเอกเรื่องนี้ออกแบบเท่นิดหน่อย และมีสิ่งเดียวที่ผมรับได้ และทำให้ผมติดตามคือ น้องสาว แม่เจ้าเว้ย น่ารักโครต!!! บวกกับกางเกงในลายทาง โมเอะโครตๆ ดูหน่อยเป็นไง

เนื้อหาสอดแทรกอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกที่ถูกสังคมปฏิเสธ (หากได้อ่านไลท์โนเวล จะพบว่าทั้งคู่พยายามปรับตัวเข้าสังคม แต่ไม่สามารถทำได้ น้องสาวโดนรังแก ส่วนพี่ชายก็ไม่ชอบสังคมแบบญี่ปุ่น) ไม่ใช่แค่แนวหลงโลกต่างมิติอย่างเดียว  ซึ่งปกติแนวนี้มักออกไปทางพระเอกได้พลังพิเศษมาโชว์เกรียมโลกต่างมิติ แต่นี้ตรงกันข้าม เพราะเนื้อหาเรื่องนี้อยู่ที่การเล่นเกม (แน่นอนว่า ผมแนะนำให้ทุกท่าน รู้กติกาเกมไพ่โป๊กเกอร์ และมหากรุกเล็กน้อย)

อนิเมะภาพสวย แต่ภาพออกไปโทนชมพูและม่วง จนมีหลายครั้งที่ผมแสบตาบ้าง เท่าที่ดูข้อมูลเห็นว่าผู้กำกับเป็นผู้หญิง Atsuko Ishizuka ที่มีผลงานอนิเมะแนวแฟนตาซี ที่เน้นภาพสวย  แถมสตูดิโอ Madhouse ก็ถือว่าเป็นบริษัทอนิเมะชั้นนำอยู่แล้ว พอมาทำอนิเมะ ใส่ภาพโลกแฟนตาซีได้แสนยิ่งใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก หยองจริงๆ

               ที่น่าสนใจคืออนิเมะนี้เป็นอนิเมะไม่กี่เรื่อง ที่สร้างให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ตกต่ำครับ ไม่เชื่อไปดูนิยาย การ์ตูนแนวโลกแฟนตาซีก็ได้ เกือบทั้งหมดสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ยิ่งใหญ่หมดแหละ ส่วนเผ่าไม่ใช่คนอย่างเอลฟ์ คนแคระ ต้องตกเป็นเบื้องล่าง แต่อนิเมะต่างกัน ในเมื่อโลกที่พระเอกอยู่ห้ามทำสงครามและใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ทุกสิ่งทุกอย่างต้องตัดสินด้วยเกม ซึ่งมันไม่เข้าทางมนุษย์น่ะสิ เพราะมนุษย์ยิ่งใหญ่ได้เพราะสงคราม แต่กลายเป็นว่าพอไม่มีสงครามก็เด็กอมมือดีๆ นี้เอง เล่นอะไรก็แพ้อมมนุษย์หมดเพราะอมมนุษย์มีญาณวิเศษและพลังพิเศษนี้น่า

               เรียกได้ว่าตอนแรกประทับใจมาก ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ ภาพสวย การดำเนินเรื่องน่าติดตาม เข้าใจเนื้อหาได้

ติอย่างหนึ่งคือพระเอกเหมือนไม่ใช่เป็นนีท เพราะคนเป็นนีทหรือพวกเก็บตัว จะพูดคุยไม่ค่อยเก่ง พระเอกไม่น่าจะพูดกับคนในโลกแฟนตาซีได้คล่องขนาดนี้ แต่ตรงนี้หยวนๆ ได้เพราะเรื่องนี้อธิบายเหตุผลไว้แล้วว่าพระเอกมันเก่งต่อหน้าน้องสาว หากน้องสาวไม่อยู่ใกล้มันก็นีทกระจอกดีๆ นี้เอง

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:28 น. 11

Kindaichi Shounen no Jikenbo R  


                Kindaichi Shounen no Jikenbo R  หรือ Kindaichi Case Files หรือ หรือชื่อไทย คินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น แนวสืบสวนสอบสวน เป็นอนิเมะฉลองครบรอบ 20 ปีของการ์ตูนเรื่องนี้โดยจะยังคงใช้เนื้อเรื่องมังงะชุด 20 ปีคินดะอิจิ (โดนตอนแรกคือ “วังมังกร”) เป็นเรื่องราวของเด็กมัธยมปลายคนหนึ่ง ชื่อคินดะอิจิ ฮาจิมะ หลานชายของอดีตนักสืบที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นนาม คินดะอิจิ โคสุเกะ และเขามักยึดบุคลิกของคุณปู่เป็นต้นแบบ โดยเขามักกล่าวประโยค ขอเอาชื่อคุณปู่เป็นเดิมพันและไปไหนกับเพื่อนสมัยเด็กมักมีคนตายที่นั้น ตัวซวยชัดๆ

และความรู้สึก ผมดูอนิเมะตอนแรก พูดตามตรงน่ะ โครตผิดหวังเลย

ผิดหวังแรกคือผมนึกว่าอนิเมะจะใช้คดีฆาตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่มีในมังงะ ให้เหมาะสำหรับการกลับมาคินดะอิจิมากกว่า หากแต่ใช้ฉบับมังงะชุด 20 ปีคินดะอิจิ แถมคดี “วังมังกร” คดีแรกนั้น ดูยังไงไม่น่าจะเป็นคดีที่เหมาะสำหรับเปิดเรื่องเลยพับผ่า เพราะเป็นคดีที่ขาดมนต์สเน่ห์ของคินดะอิจิมาก  (สำหรับคดีแรกคดี “วังมังกร” หากใครเก่งความรู้รอบตัว วังมังกร ที่ตัวละครในเรื่องพูดถึงคือ “เกาลูน” แดนอาชญากรรมฮ่องกงที่ถูกทำลายทิ้งเมื่อหลายปีที่แล้ว)

ความจริงแล้วช่วงหลังคินดะอิจิฉบับมังงะไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ยิ่งซีรีย์ 20 ปียิ่งไปใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นเปลี่ยนไป จากตอนแรกคินดะอจิตัวอ้วนป้อมๆ มาโดนนี้หนุ่มน้อยขี้เล่น (เหมือนนักสืบ Q ผลงานก่อหน้า)  มิยูกิสาวน่ารักโครตๆ (อันนี้ชม ไม่ได้ประชด

แต่อย่างไรก็ตามที่เลวร้ายที่สุดคือ คดีฆาตกรรมต่อเนื่องของคินอะอิจิไม่ได้อารมณ์เหมือนแต่ก่อน สมัยก่อนนี้ได้อารมณ์พิศวง ประหลาด อารมณ์คดีฆาตกรรมโรคปิดตายได้อย่างน่าขนลุก ขนาดเฉลยทริคยังอดตะลึงไม่ได้เลย  และที่สำคัญเหตุผลที่ฆาตกรก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องก็แอบสงสารฆาตกรไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งก็ต้องชมคนคิดเนื้อเรื่อง โยซาบุโร่ คานาริ(Yozaburo Kanari) ด้วย

อย่างไรก็ตามช่วงหลัง ได้เปลี่ยนคนคิดเนื้อเรื่อง จากโยซาบุระมาเป็น เซย์มารุ อามางิ(Seimaru Amagi) ทำให้เนื้อหาของเรื่องอ่อนไปเยอะ ลดพลังไปเยอะ อีกทั้งบรรยากาศอารมณ์ก็หายไปอีก  ทริคก็เป็นมีแต่ข้อบกพร่อง และอ่อนเกินไป

และที่แปลกและตลกคืออนิเมะ 20 ปี ใช้ทีมงานสร้างทีมเดียวกับอนิเมะคินดะอิจิภาคแรกเลย ผู้กำกับก็ยังคงเป็น มิจิฮิโกะ ซึวะ และทีมพากย์เสียงตัวละครก็ยังคงใช้คนเดิม คนพากย์ไม่เท่าไหร่ แต่ภาพอนิเมะมันเป็นลายเส้นของมังงะภาคเก่า แตกต่างจากลายเส้นมังงะซีรีย์ 20 ปีโดยสิ้นเชิง  ใครที่อ่านมังงะมาก่อน คงมองยังไงก็ไม่เนียนตาเลยสักนิด  ดูแล้วขัดมาก

                สรุปคือเป็นอนิเมะ 20 ปีการกลับมาของคินดะอิจิ มันไร้ซึ่งรสชาติสิ้นดี แต่ผมก็ดูน่ะ ดูตรงคดีที่ชอบ และคดีที่วิบูลย์กิจยังตีพิมพ์ไม่ถึง (รวมเล่มไม่มา) 

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:30 น. 12

                Inugami-san to Nekoyama-sa

                
              เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่เล่าเรื่องชีวิตประจำวันของ คุณอินุกามิที่ชอบแมวทั้ง ๆ ที่ชื่อหมาและนิสัยเหมือนหมา และ คุณเนโกะยามะที่ชอบหมาทั้ง ๆ ที่ชื่อและนิสัยเหมือนแมว อนิเมะสร้างจากมังงะการ์ตุนแก๊ก 4 ช่องจบของ Kuzushiro (มังงะพึ่งออกรวมเล่มมาได้แค่ 2 เล่ม เป็นอนิเมะซะแล้ว)

การ์ตูนสั้น 3 นาทีกว่าๆ  มุกตลกสไตล์ประจำวันโรงเรียนที่มีพวกผู้หญิงเป็นตัวเอก แนวที่พบเห็นโดยทั่วไป ขำบ้างไม่ขำบ้าง (เพราะผมเห็นมุกแบบนี้เยอะแล้ว) ออกไปทางยูริแบบอ่อนๆ และดูเหมือนผมจะแก่แล้ว เพราะสมองตามการ์ตูนไม่ทันเลย มันไปเร็วมาก จนไม่รู้อะไรเป็นอะไร ส่วนน้องแมวน่ารักดี  ชอบลายเส้นของมังงะมากกว่า

                ปล. อยากให้การ์ตูนเรื่องลาสต์บอสXฮีโร่ (Lasboss x Hero)  ผลงานของคนเขียนคนเดียวกัน ทำเป็นอนิเมะง่ะ 

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:31 น. 13

Mahou Shoujo Taisen


              อนิเมะผลิตโดย Gainax  โปรเจ็คที่ถูกสร้างจาก 2.5 Chigen TV (TV 2.5 มิติ) เกี่ยวข้องกับสาวน้อยเวทมนตร์ในเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งตัวละครที่ชนะจากการประกวดครั้งที่สองที่เว็บ Pixiv จะได้ปรากฏในอนิเมะด้วย (บ้านเราก็มี ไทย-โมเอะ อะไรนี้แหละ) เป็นอนิเมะสั้นๆ 4 นาทีกว่าๆ (รวมเพลงปิด) ที่ไม่มีอะไรมากกว่า การที่เห็นเด็กสาว (ที่บอกว่าเป็นสาวเวทมนต์ของจังหวัดมิยากิ) กำลังตามล่าสิ่งมีชิวตน่ารักบางอย่างแบบเปิ่นๆ กับกฎหมายจราจร จบ!!  (มี 26 ตอน!!)

แน่นอนว่าผมไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่น และไม่เคยไปประเทศญี่ปุ่นด้วย (แต่น้องสาวผมไป) แต่ก็พอเดาได้ว่าการออกแบบตัวละครสาวน้อยเวทมนต์ต้องการสื่อถึงประเพณีที่มีสีสันของจังหวัดมิยากิ นั้นคือเทศกาลทานาบาตะ แม้ว่าอนิเมะเรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่ตลกบ้าบอ แต่มันก็เป็นสื่อที่น่าสนใจในการให้ความรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ เพียงแต่ยังขาดความน่าติดตามและความคิดสร้างสรรค์ในการดำเนินเรื่องเท่านั้น 

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:33 น. 14

Ryuugajou Nanana no Maizoukin

                
               Ryuugajou Nanana no Maizoukin  (แปลเป็นไทยก็ สมบัติที่ถูกฝังของริวกาโจ นานานะ) อนิเมะแนวอภินิหารน, โรแมนติก และตลก ม้ามืดของซีซั่นนี้ (และคงจะมืดสำหรับผมต่อไป) มีทั้งหมด 11 ตอน สร้างจากไลท์โนเวล ของ Outorino Kazuma และวาดภาพประกอบโดย Akaringo

                อนิเมะเปิดออกมาเรียกความประทับใจจากผมพอสมควร ด้วยภาพเด็กสาวในชุดนักเรียนกำลังลุยดันเจี้ยนแบบอินเดียหน้าโจร (อินเดียนาโจนส์) ก่อนที่ภาพจะตัดมาเป็นภาพ “เมืองแห่งการศึกษาบนเกาะกลางทะเล”  ซึ่งเหตุการณ์ผ่านไปหลายปี   ยามะ จูโกะ  หนุ่มอายุ 16 ปี นักเรียนมัธยมปลายปีที่ 2 ที่อยากเดินทางเกาะที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อศึกษาต่อ และบังเอิญต้องมาอยู่หอพักราคาถูกร่วมกับผีสาวชื่อริวกาโจ นานานะที่อดีตเป็นเด็กของเกาะที่ถูกฆาตกรรมโดยไม่สามารถหาตัวผู้ลงมือได้ จนกลายเป็นผีนีทสิงอยู่ในห้องพระเอก วันๆ เอาแต่เล่นเน็ตเกมออนไลน์ และกินพุดดิ้ง  นอกจากนี้ เขาก็ยังต้องมาผจญภัยกับคนในชมรมที่ต้องการไปหาสมบัติที่มีพลังลึกลับที่เธอนำไปซ่อนตามที่ต่างๆ ของเกาะ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย

                ภาพสวย คมชัด แม้หน้าตาพระเอกหากไปอยู่การ์ตูนเรื่องอื่นๆ เป็นได้แค่เพื่อนพระเอกตัวประกอบเกรดบีเท่านั้น  แต่ปัญหาคือตลอดหนึ่งตอนผมก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าอนิเมะเรื่องนี้เป็นแนวอะไร และมีจุดขายอะไรกันแน่ (จะเป็นผจญภัย, ตามล่าไขปริศนา หรือแอ็คชั่น ??)

                สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ดูได้เพลินๆ ตลอดหนึ่งตอน คือการบอกเล่าเรื่องราวสถานที่พระเอกอยู่ และตัวของผีนานานะ (ส่วนตัวละครอื่นๆ โผล่มาสั้นๆ เท่านั้น) เล่าตั้งแต่ประวัติก่อตั้งเกาะ โรงเรียนพระเอกอยู่ ซึ่งก็ดูสมจริง และดูเป็นไซไฟอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว และเริ่มเล่าประวัตินานานะ

                อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกเอาไว้  อนิเมะเรื่องหนึ่ง ที่ตอนแรกไม่ค่อยมีอะไรมากมายนัก แต่กระนั้นอนิเมะสอดแทรกประเด็นมากมายเชิญชวนให้คนดูติดตามต่อ แต่ปัญหาคือมันไม่ใช่แนวถูกจิตผมเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาพระเอก (ไม่ถูกใจเจ๊)  กลุ่มตัวเอก (แต่ผมชอบสาวผมทองน่ะ) ไปจนถึงเนื้อเรื่อง ไปจนถึงสถานที่ดำเนินเรื่อง 

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:34 น. 15

JoJo's Bizare Adventure Part 3: Stardust Crusaders


             อนิเมะจากมังงะ JoJo's Bizare Adventure Part 3: Stardust Crusaders โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 3 : นักรบละอองดาว เป็นภาค 3การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ของฮิโรฮิโกะ อารากิ เมื่อ 1987-2004 ซึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

เนื้อเรื่องเริ่มต้นขึ้นในปี 1989 คูโจ โจทาโร่ (โจโจ้) หลานของโจเซฟ โจสตาร์ขังตัวเองไว้ในห้องขังเนื่องจากตนค้นพบว่าตัวเองมี "วิญญาณร้าย" เข้าสิง แต่โจเซฟซึ่งเดินทางมาจากนิวยอร์กได้ชี้แจงให้ฟังว่าแท้จริงแล้ว "วิญญาณร้าย" นั้นคือพลังพิเศษประจำตัวบุคคลซึ่งเรียกว่าสแตนด์  พร้อมกับข่าวการคืนชีพของดีโอ ศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากมหาสมุทรแอตแลนติคหลังจากการหลับใหลมานานกว่า 100 ปี ซึ่งตระกูลโจสตาร์จะต้องเดินทางปราบมัน และแล้วการผจฯภัยก็เริ่มต้น

โจโจ้ 3 เป็นอนิเมะสร้างจากมังงะในตำนาน ซึ่งเป็นการ์ตูนจัมป์ไม่กี่เรื่องที่ผมติดตามตั้งแต่ภาค 1 จนมาถึงปัจจุบันก็มาถึงภาค 8 แล้ว ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย คนเขียนก็กล้าทำหลายสิ่งหลายอย่างกับการ์ตูนเรื่องนี้ ได้อย่างน่าชมเชย โดยกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง กล้าฆ่าตัวละคร กล้าดำเนินเรื่องหักมุม ถือได้ว่าเป็นคนเขียนที่กล้ามากที่สุดในวงการ และการตัดสินใจของคนเขียนก็ทำให้โจโจ้ยังคงโลดแล่นจนถึงปัจจุบัน (ไม่เหมือนคนเขียนบางคนดัดสินใจผิดพลาด กลายเป็นสิ้นชื่อในวงการ)

                โจโจ้ภาค 3 นั้นถือว่าเป็นภาคดังที่สุดในซีรีย์โจโจ้ พร้อมกับนิยามใหม่คือ “สแตนด์” ซึ่งถือนำมาใช้ครั้งแรก ส่วน “สแตนด์” ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือเทพประจำตัวของผู้ใช้ที่มาพร้อมกับพลังวิเศษ ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นมุกที่ลื่อชื่อของญี่ปุ่น ที่การ์ตูนหลายเรื่องเอามาเป็นแบบอย่าง  หากแต่สแตนด์ในภาคแรกๆ จะเน้นแบบบู๊บ้าพลัง ตามสไตล์จัมป์ยุคแรกๆ  ก่อนที่ภาคหลังๆ จะซับซ้อนขึ้น พลังซ่อนเงื่อนมากขึ้น ไม่ได้บู๊แบบบ้าพลัง แต่จะเน้นกลยุทธ์วางแผนแทน (ซึ่งพวกศัตรูมักมีสถานการณ์ได้เปรียบเสมอ)

                ดังนั้นโจโจ้ภาค 3 ดูเอามันอย่างเดียว ตรรกะอะไรก็ขอให้จับมันลงถังไปซะ ใครอยากเห็นนางเอกก็ผ่านไปเถอะ(เพราะเรื่องนี้ไม่มีนางเอก)  แน่นอนว่าส่วนใหญ่ที่หลายคนดูคงอ่านมังงะมาแล้ว  คงไม่ต้องลุ้นอะไรอีก แน่นอนว่าอนิเมะก็อาจจะเร่งเนื้อเรื่องไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ขัดใจแต่อย่างใด (และผมเชื่อว่าน่าจะตัดบางส่วน บางฉากของมังงะออกด้วยน่ะ เพื่อเหลือเนื้อเรื่องที่สำคัญอะไรมากกว่า)

                สำหรับอนิเมะยังคงใช้ทีมงานเดียวกับอนิเมะโจโจ้ภาค 1-2 เพียงแต่คุณภาพดีขึ้น ภาพสวยระดับหนึ่งเล่นสี เล่มมุมกล้อง แถมยังมีตัวอักษรประกอบ “ผ่าง” ตามมาจนกลายเป็นเอกลักษณ์อีกต่างหาก ตัวละครก็ดูแล้วได้อารมณ์มากขึ้น แต่พูดตามตรงว่าผมได้ดูอนิเมะ ผมดูแล้วโครตฮ่าตลอดตั้งแต่แรกจนจบ ทั้งๆ ที่อนิเมะโจ้โจ้ 3 ไม่ใช่อนิเมะตลกเลยแม้แต่น้อย จะไม่ให้ตกลกได้ยังไง ไม่ว่าจะเป็น ตัวละครหน้าเก๊ก ตัวใหญ่กว่าพวกตัวประกอบ และตัวละครโครตใส่อารมณ์บ้าพลัง  ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์โกรธ อารมณ์ตกใจ หรือแม้แต่ตอนปล่อยสแตนด์นี้อย่างกับโปเกมอน (ชมครับชม) ถ้าโกรธเบ่งกล้าม แล้วผมทองนี้ไม่แปลกใจอะไรเลย

                สรุปเป็นอนิเมะดูเอามัน อย่าไปคิดมากนัก (ผมก็ไม่ได้คิดมากเท่าไหร่) จงปล่อยใจ เดี๋ยวความฮ่า ความสนุกจะบังเกิด

0
cammy 15 เม.ย. 57 เวลา 08:39 น. 16

                ยังไม่จบ เพราะผมยังต้องดู ยัยแบกโลงศพ (Hitsugi no Chalka), สาวนักฆ่า (Akuma no Riddle) และ ยัยเล่นแร่แปรธาตุ (Atelier Escha) อีก ซึ่งตอนเย็นจะไปเขียนอีกรอบครับ ผมขอตัวไปดูอนิเมะเท่าที่จะดูได้ก่อน == 

          รีวิวน้อยก็โดนว่าคิโม่ย พอรีวิวยาวๆ ก็บอกว่ายาวไปไม่อ่าน == ชีวิต

0
Mr.Saka 15 เม.ย. 57 เวลา 09:09 น. 19

จำได้ว่าตอนอ่านเล่ม 1 ใหม่ ๆ ยังอยู่ประถม แถมพี่ยังห้ามไม่ให้อ่านตอนจบมานั่งวิเคราะห์กันเป็นเรื่องเป็นราวว่าใครคือฆาตกร...

เป็นการ์ตูนที่ต้องใช้การสังเกตมาก ๆ เพราะมีคำใบ้ซ่อนอยู่ตลอด (ไม่เหมือนโคนัน เรื่องนั้นเดาตัวฆาตกรยากมาก บางบทคนอ่านไม่มีสิทธิ์เดาถูกเลยว่าใครคือฆาตกร)

20 ปีแล้วเหรอ... สัมผัสได้ถึงความแก่ของตัวเองขึ้นมาทันทีครับ

0