Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จากเด็กแอด56จนเป็นเด็กซิ่ว57 รู้สึกแย่แค่ไหน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เราเป็นเด็กแอดปี 56 เราแอดติดคณะหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง พ่อกับแม่เราชอบมากอยากให้เรียนที่นี่ เราเลยตัดสินใจเรียนที่นี่เพราะไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร

หนึ่งปีที่ผ่านมาที่เราเรียนคณะนี้ เรารู้สึกแย่มาก แทบไม่มีความสุขเลย ที่นี่มีระบบรับน้องทั้งปี
เรียนก็ยากแล้ว เราต้องมาเจอสังคมแบบรุ่นพี่รุ่นน้องคล้ายๆกับแบ่งแยกชนชั้นประมาณนั้น
เราอดทนเรียนให้จบปีหนึ่ง ทั้งๆที่ใจเราไม่ไหวแล้ว พ่อกับแม่เสียเงินไปแสนกว่าตั้งแต่เราเข้าเรียนที่นี่มา พ่อกับแม่อยากให้เราอยู่ต่อ เราคุยกับพ่อแม่มาตลอด เล่าให้พวกท่านฟังในหลายๆเรื่อง เรารู้สึกว่าพ่อกับแม่ไม่เข้าใจ ไม่ยอมให้เราลาออก เราร้องไห้ทุกครั้งที่ต้องกลับเข้าหอ
ความรู้สึกมันแย่มาก จนสุดท้ายพ่อกับแม่ยอมให้เราแอด แต่มีข้อแม้ว่าเราต้องเรียนให้จบปีหนึ่งก่อน

เราแอดติดมหาลัยที่มีชื่อแห่งหนึ่ง แต่เป็นคณะที่หลายๆคนมองว่าเรียนไปทำไม จบไปทำอะไร
ไม่มีใครยินดีกับเรา แต่มันเป็นคณะที่เราฝันอยากจะเข้าเรียนมาตลอด ทุกคนบอกให้เราคิดดีๆ
เพราะที่ๆเราเรียนอยู่มีอนาคตที่มั่นคงกว่า เราอยากจะบอกทุกคนว่าเราคิดมาตลอดหนึ่งปี
ใจเราไม่อยู่แล้ว เราเหนื่อย เราเบื่อ คุยกับพ่อแม่ถึงเรื่องนี้ทีไรก็ต้องทะเลาะกันตลอด

พรุ่งนี้เป็นวันสอบสัมภาษณ์ พ่อกับแม่บอกให้เราไปเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จะไม่ยุ่งกับเราทุกๆอย่าง เราไม่เคยไปมหาลัยนี้ เราไม่รู้ว่าคณะที่เราจะสอบสัมภาษณ์อยู่ตรงไหนของมหาลัย
เราอยากจะให้พ่อกับแม่ไปด้วยขนาดไหนก็ไม่กล้าพูด พ่อกับแม่ชอบว่าเราอยู่ตลอดว่าดูแลตัวเองไม่ได้ พ่อกับแม่จะปล่อยเรา บอกเราว่าอยากทำอะไรก็ทำ แล้วก็ทำตัวเย็นชากับเรามาหลายวันแล้ว ไม่มีกำลังใจให้ ไม่มีคำพูดดีๆให้กับเรา เราเสียใจมาก มันแย่มากๆเลยกับที่เป็นอยู่ตอนนี้ เราไม่อยากกลับไปที่เดิมอีกแล้ว แต่เราก็ไม่อยากให้พ่อกับแม่เกลียดเรา

พรุ่งนี้เราจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เราจะเข้าคณะและมหาลัยนี้ให้ได้ เราจะต้องทำให้พ่อแม่หันมาชื่นชม แล้วก็ภูมิใจกับเราซักวันหนึ่ง

แสดงความคิดเห็น

90 ความคิดเห็น

สู้สู้ 7 ก.ค. 57 เวลา 00:31 น. 1

สู้สู้นะ เราก็ซิ่วมาเหมือนกัน
ตอนแรกก็เหมือนว่าที่บ้านจะไม่ยอมรับ
แต่ตอนนี้เขาก็โอเคขึ้นแล้ว

อย่าท้อนะเราเป็นกำลังใจให้ เชียร์ลีดเดอร์

0
Quaint 7 ก.ค. 57 เวลา 01:30 น. 4

สู้ๆค่ะ ท่านอาจกำลังเสียใจอยู่อ่ะค่ะ แต่จขกท.พิสูจน์ให้ท่านเห็นและภูมิใจได้นะ แช้วท่านจะเข้าใจจขกท.มากกว่านี้ค่ะ ((:

0
.... 7 ก.ค. 57 เวลา 02:34 น. 5

ก็ฟังพ่อแม่หน่อยนะ คิดดีๆ
เค้าก็ห่วงอนาคตพี่นั่นแหละครับ
พ่อแม่ที่ไหนก็อยากให้ลูกได้ดี
แต่การแสดงออกอาจจะแตกต่างกันไป
สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวพี่เองนั่นแหละว่าจะเอายังไง
เค้าบังคับพี่ไปตลอดไม่ได้หรอก
แต่จริงๆ ผู้ใหญ่เค้าผ่านอะไรๆมาก่อนนะ
ถ้าเรียนคณะที่อยากเรียนไป แต่อนาคตไปไม่รอด
ตอนนั้นจะเสียใจมากกว่านี้รึป่าว
ผมคงแนะนำอะไรมากไม่ได้หรอก ข้อมูลก็ไม่มี
ก่อนจะตัดสินใจอะไรพี่ก็คิดให้ดีๆก่อนละกัน
แต่ถ้าเลือกแล้ว ก็ทำให้มันถึงที่สุด สู้ๆนะครับ

0
toystory 7 ก.ค. 57 เวลา 02:47 น. 6

สุ้ๆนะค่ะ เราเคยผ่านจุดๆนั้นมาทั้งพ่อแม่ทั้งญาติจะไม่ให้เราลาออก แต่เกรดเราแย่กินรับไหว เค้าเลยเข้าใจค่ะ

0
jakawato saiduang 7 ก.ค. 57 เวลา 09:05 น. 8

ผมไม่ได้ซิ่วนะ แต่เลือกที่จะไม่ไปสอบสัมภาษณ์ เลือกเรียนเอกชน

คิดอยู่นานมากครับ จนตัดสินใจได้ ผมว่าทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราครับ 

สู้ๆนะ ผมก็รู้สึกหวิวๆ แปลกๆเหมือนกัน ที่เพื่อนๆรอสัมภาษณ์ 

แต่เราไม่ได้ไป อยากไปมาก แต่พอคิดไปถึงวันข้างหน้าแล้ว เราคงรู้สึกว่า

เราจะยอมเรียนในคณะที่ไม่ชอบ 4 ปีเลยหรอ เฮ้อ เศร้าจังครับ 5555

0
เงิงสะท้านโลกันต์ 7 ก.ค. 57 เวลา 12:00 น. 9

เราก็เป็นเด็กซิ่วปี57 เหมือนกัน แถมซิ่วไม่ติดคณะในฝันอีกต่างหาก ;-;
จขกท.สู้ๆ นะ ทำให้เค้าเห็นว่าคณะที่เราเรียนก็ทำให้เราประสบความสำเร็จได้
ที่พ่อแม่จขกท.ไม่อยากให้ซิ่วเพราะเป็นห่วงจขกท.มาก
เพราะต่อไปในอนาคตจขกท.ต้องอยู่ด้วยตัวเอง ท่านเลยอยากให้จขกท.มี
การงานที่มั่นคง แต่เราเข้าใจนะ ต่อให้มั่นคงยังไงถ้าไม่ใช่คณะที่เราชอบ
เรียนไปจบไปทำงานทำก็ไม่มีความสุขหรอก
ที่เราซิ่วก็เพราะเรียนแล้วไม่ชอบ ไม่ใช่ คิดว่าอนาคตคงต้องร้องไห้ทุกคืนแน่ๆ
แม่เราก็ไม่ได้บังคับหรอก แต่เค้าก็หวังกับเราไว้มากเหมือนกัน
อยากให้เราเข้าคณะดีๆ ใจเค้าก็ไม่อยากให้เราซิ่ว มันเสียเวลา เสียตังค์

แต่ตอนนี้ติดคณะที่ไม่ใช่คณะในฝันแต่การเรียนเราพอโอเคกับมัน
เราก็ยังเครียดอยู่เลย.. วันนี้เพิ่งไปสัมภาษณ์มาเสร็จก็คิดหนักอีก T_T
เป็นกำลังใจให้จขกท.นะคะ 

0
KKPP 7 ก.ค. 57 เวลา 13:09 น. 10

เป็นเหมือนกันเลยยย สู้ๆนะ จขกท. T^T ไหนๆก็ไหนๆอ่ะขอระบายหน่อยได้มั้ยอัดอั้นมานานละ มีอยู่ว่าเราเองแอดติดมหาลัยที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงเลยล่ะ เเต่เเม่กลับไม่ให้เราไปสัมภาษณ์ซะงั้น เราก็เเบบเอออแม่คงยุ่งล่ะมั้งก็เลยคุยกับเขาว่างั้นจะไปกับเพื่อน สุดท้ายเขาก็ยิ่งโกรธ จากนั้นก็เริ่มทะเลาะกัน 555555 เราซึมไปร่วม 2 วันเเหน่ะ ก่อนวันสัมภาษณ์ 1 วัน เราก็พยายามจะไปขอร้องแม่ใหม่ เเต่สุดท้ายก็เหมือนเดิมทะเลาะกันเหมือนเดิม พูดไปก็เหมือนพายเรือในอ่างน้ำ จนมาถึงวันสัมภาษณ์เราก็ไม่ได้ไปนั้นยิ่งทำให้เราเฟ้ลเข้าไปใหญ่ พอตกเย็น เเม่กลับมาพูดกับเราว่า "ถ้ายังอยากไปสัมภาษณ์อยู่ จะพาไปก็ได้นะ" คือรัยอ่ะ???? เราไม่เข้าใจ เราเเทบร้องไห้อ่ะ เจ็บใจสุดๆ จะรื้อฟื้นอีกทำไม แล้วนึกไงจะพาไปในวันสัมภาษณ์ซึ่งเขาหมดเวลาสัมภาษณ์กันไปตั้งนานเเล้วววว หนูรักแม่นะ เเต่เเม่เคยเข้าใจอะไรหนูบ้างมั้ยยยยย

เศร้าจัง

0
หัวอกเดี่ยวกัน 7 ก.ค. 57 เวลา 15:51 น. 11

เป็นเหมือนกันเลย เราก้อเด็กแอด 56 และซิ่ว 57 เราเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบมาตลอด 1 ปี เพียงเพราะมันจบแล้วมีงานทำเลยแต่เราฝืนใจเรียนมาก เพราะพ่อ แม่บังคับ พอมาแอดปี 57 ได้คณะที่ชอบและอยากเรียนทางบ้านกลับไม่อนุญาต พอเราพูดถึงก็จะเงียบ พูดแค่ว่าลืมมันไปซะ!! เราเสียใจมากๆๆๆ แต่ก้อได้แต่ทำใจเรียนและภาวะนาว่าวันหนึ่งอาจจะต้องขอบคุณพ่อกับแม่ที่เค้าบังคับเรา ยังงั้ยเราก้อเป็นกำลังใจให้ จขกท นะ สู้ๆๆๆ อะไรจะมีความสุขเท่าเรียนในสิ่งที่เรารักเนอะ ^^สู้สู้

0
CsChopsticks 7 ก.ค. 57 เวลา 18:14 น. 13

พี่เก่งมากที่พี่ยอมออกจากที่เก่า เพื่อมาเดินตามความฝันตัวเอง

ขอให้พี่ประสบความสำเร็จ อย่างที่ตั้งใจนะคะ
เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้พ่อแม่ได้เห็น

อยู่กับสิ่งที่ชอบ ยังไงก็ต้องทำออกมาได้ดีอย่างแน่นอน

สู้ ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้

0
guitar 7 ก.ค. 57 เวลา 18:14 น. 14

ซิ่วมาเหมือนกัน เนื้อหาเหมือน จขกท. เป๊ะ เลยอ่ะ แตกต่างแค่เราซิ่วตอนจบเทอม 1 ปรึกษาพาอแม่ ท่านก็ไม่ยอมให้ซิ่ว ผมเลยออกมาเองเลย กลับกรุงเทพใช้เงินตัวเอง จนพ่อแม่ใจอ่อน 5555555555 ตอนนี้ก็ได้เข้า คณะ กับ มหาลัยในฝันและ รักเลย

0
เด็กซิ่ว55 ยัน57 7 ก.ค. 57 เวลา 18:16 น. 15

พี่เป็นเด็กซิ่ว 55 จนถึง 57 ตอนแรกพี่ก็แอดไม่ติดแต่ติดรับตรงซึ่งก็เป็นสาขาที่คิดว่าเรียนได้แต่สุดท้ายก็โดนรีไทร์ออกมาจากนั้นก็สมัครรับตรงหลังแอดที่ยังเหลืออยู่ก็ไม่ติด พี่เลยต้องหยุดเรียนไปหนึ่งปีกว่ารวมถึงตอนนี้แล้ว พอรุ่น 57 แอด พี่ติดแอดที่มหาลัยแห่งหนึ่งแถบๆภาคเหนือ สุดท้ายตอนนี้พี่ก็ไม่ได้ไปสัมภาษณ์ เพราะแม่บอกว่าจะส่งพี่ไปเมืองนอกแทน พี่เสียดายคณะสาขาที่พี่ฝันไว้ คือเป็นสิ่งที่พี่อยากเรียนตั้งแต่เริ่มจะขึ้นปี1 แรกๆแล้ว ตอนนี้พี่ยังไม่รู้จะทำไง

แต่พี่ขอให้น้องสู้ๆนะ สักวันพ่อแม่ของน้องจะเข้าใจเอง.

0
ibuu 7 ก.ค. 57 เวลา 18:35 น. 18

ขอให้สู้นะ เราเข้าใจ เพราะเราก็อยากซิ่ว

แต่พ่อแม่เราก็เป็นแบบนี้อ่ะ คือเราไม่อยากเรียนเพราะไม่ชอบและไม่เก่ง
แต่พ่อแม่ก็บอกให้ทน พอเราได้เกรดไม่ดีตอนแรกเค้าก็ไม่เครียด
ปลอบใจว่ามันดีแล้ว

แต่หลังๆแม่เริ่มจะแขวะเรา ว่าถ้าได้เกรดดีกว่านี้ก็ดีสิ ทั้งที่เราพยายามแล้ว แต่เราไม่ใช่คนเก่ง เค้าบอกว่าเราพยายามไม่พอ ทั้งที่...
แล้วก็ชอบว่าเราว่า พอพูดเรื่องนี้ก็ชอบเงียบ หน้าบึ้ง
แล้วดูแม่พูดมันน่าไหมหละ ไม่ปลอบใจแต่มาตอกย้ำว่าเราพยายามไม่พอ
ที่ทนก็เพราะพ่อแม่นะ จริงๆ

แต่เรามองเพื่อนที่เรียนแย่กว่าเรา แต่มันก็สู้ เราก็เลยไม่อยากซิ่วทั้งที่ถ้าซิ่วคงได้เริ่มใหม่

ได้โอกาสมาแล้ว ทำให้เต็มที่นะ เป็นกำลังใจให้

0
เด็กซิ่ว57 7 ก.ค. 57 เวลา 18:36 น. 19

ของเราเป้ะมากๆกับเจ้าของ กท. เมื่อสัปดาห์ก่อนประกาศผลแอดออกมาปรากฎว่า พ่อกับแม่เราว่าเราเป็นฟืนเป็นไฟว่าจะเลือกทำไมยังไงก็ไม่ให้ซิ่วคือเราเครียดมากๆเลยนะ แต่เราก็พยายามตื๋อขอจนได้ไปสัมภาษณ์มาวันนี้ แม่เราไปกับเราด้วย โชคดีที่เจอ คณบดี แม่เราถามจนหมดจนมีข้อเปรียบเทียบกับที่เดิม จนพ่อเราอณุญาติให้ซิ่ว แม่เราถ้าพ่อให้แม่เราก็ตามใจแล้ว คือตอนนี้เรารู้สึกว่าบางทีถ้าให้คนที่มีความรู้ทางด้านนั้นมาอธิบายบางที อาจจะทำให้ทัศนคติของพ่อแม่เราเปลี่ยนไปด้วยนะ ตอนนี้ก็เตรียมลาออกจาก ม.เดิมละ ยังไง จขกท.ลองคุยกับทางบ้านดูว่าถ้าพ่อแม่ไปด้วยอาจจะไปถามพวกรุ่นพี่เป็นยังไงบ้างคณะนี้เรียนอะไร จบมาทำอะไร บางทีท่านอาจจะใจอ่อนก็ได้นะ สู้ๆครับจากเด็กแอด 56 ซิ่ว57 เหมือนกัน

0
.s q u i d  7 ก.ค. 57 เวลา 18:44 น. 20

สู้ๆนะคะ ท่านอาจจะยังไม่เข้าใจในตอนนี้ แต่ต่อไปท่านจะต้องเข้าใจพี่แน่ๆค่ะ
ท่านอาจจะเป็นห่วงหรือแค่กังวลน่ะค่ะ พ่อแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกติดในคณะดีดี มีงานดีดีทำ
เป็นกำลังใจให้นะคะ พิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าเราเรียนคณะนี้ยังไงก็มีงานทำแน่ๆ พอตอนนั้นท่านอาจจะสบายใจขึ้น :)

0
ขอให้โชคดี 7 ก.ค. 57 เวลา 18:49 น. 21

อืมม.. จากพยาบาล ไป มนุษยศาสตร์

พอเห็นชื่อสาขาที่น้องซิ่วมาพี่เข้าใจเลยว่าทำไมพ่อแม่น้องถึงไม่ชอบใจ ส่วนสาขาที่น้องซิ่วไปพี่อ่านต้นกระทู้ก็เดาได้ว่าต้องเป็นมนุษย์ศาสตร์ แล้วก็จริง

คืออย่างนี้น่ะครับ ในมุมมองของผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งเขาจะเชื่อกันว่าสาขาทางที่น้องอยากเรียนนี้มันหางานยาก ซึ่งก็ค่อนข้างจริง ในทางกลับกันพยาบาลเี่ยเป็นอาชีพที่ไม่ถือว่าสบายซะทีเดียว แต่ก็เป็นงานที่จัดว่าใช้มันสมอง เป็นงานที่มั่นคง เงินดี(ถ้าทำเอกชน) ดูเชิดหน้าชูตาได้ระดับหนึ่ง ในขณะที่คณะมนุษย์ศาสตร์อีกสี่ปีข้างหน้าอนาคตของน้องยังเป็นเครื่องหมาย "?" อยู่ ต่างกับพยาบาลที่มีจุดหมายชัดเจน

นี่คือสิ่งที่พ่อแม่น้องมองเห็นและมันก็เป็นความจริง (แต่ไม่ 100% เสมอไป)

ทุกวันนี้พี่ก็เรียนในสาขาที่ไม่ได้ชอบอยู่ ถึงขนาดเคยพูดตอนม.ปลายว่าเป็นสาขาที่ไม่ต้องเรียนก็ทำได้
สุดท้ายโชคชะตาก็พามาให้ต้องเรียน จนตอนนี้พี่อยู่ปี 3 แล้ว

พี่วางแผนไว้ว่าเมื่อเรียนจบ จะทำงานและเรียนต่อ ป.โท ไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะเรียนในสาขาที่ชอบ

สำหรับน้องพี่อยากแนะนำว่า การเรียนมันเป็นแค่ช่วงชีวิตสั้นๆ ถ้าทนกับมันได้แล้วน้องทำงานทางสายพยาบาลได้พี่ก็อยากจะให้น้องฝืนเรียนต่อไปเพื่อตัวน้องเอง แต่ถ้าน้องคิดว่างานพยาบาลมันทำให้น้องต้องเป็นทุกข์ รู้สึกไม่มีความสุขถึงขนาดต้องฝืนใจ ตอนนี้ที่น้องควรทำคือทำตามใจของน้องนั่นแหละ แล้วพิสูจณ์ตัวเองให้ได้ด้วยเกียรตินิยม ตั้งใจเรียน เพื่อที่จบมาจะได้งานที่ดี ถึงตอนนั้นพ่อแม่น้องคงเข้าใจแล้วหล่ะ

สรุปคือ น้องต้องแยกระหว่างชีวิตการเรียน กับชีวิตการทำงาน ถ้าน้องไม่ชอบเรียนพยาบาล แต่น้องพอจะเป็นพยาบาลได้ในอนาคต พี่ก็อยากให้น้องฝืนใจตัวเอง มันแค่ระยะเวลาสั้นๆถ้าเทียบกับชีวิตการทำงานหลายสิบปี แต่ถ้าน้องไม่ชอบเรียนพยาบาลแล้วก็ไม่ชอบงานพยาบาลด้วย การซิ่วคือคำตอบที่ดีแล้วครับ

0
ไอกรือ 7 ก.ค. 57 เวลา 19:02 น. 22

คิดให้ดีๆนะคะ 
รุ่นพี่จะเข้มงวดแค่ปี1 เท่านั้นเอง
ซึ่งทุกมหาลัยส่วนมากก็จะเป็นแบบนี้

0
ผ่านมาแล้วผ่านไป 7 ก.ค. 57 เวลา 19:08 น. 23

ว่ากันตามจริงเราอยากให้มองอนาคตเป็นตัวสำคัญมีความสุขไม่มีความสุขเราอาจจะบอกได้แค่ปัจจุบันจนลืมคิดถึงอนาคต อย่าพึ่งคิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลักนะครับคิดเผื่อ คนข้างเราด้วยไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ หรือว่าครอบครัวในอนาคตของเรา ถ้าคิดแล้วว่าจะเต็มที่กับสิ่งที่ชอบได้จนประสบความสำเร็จเป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นได้ๆ ก็เต้มที่เลยครับ แต่ถ้าคิดว่าตัวเราเป็นคนไม่จริงจังอนาคตไม่แน่นอน อยากจะขอให้เจ้าของกระทู้มองความมั่นคงที่เป็นปัจจุบันให้มากกว่านี้นะครับ

0
B.Bunniiz 7 ก.ค. 57 เวลา 19:13 น. 24

พี่คิดว่าพี่รู้นะคะว่ามันคือที่ไหน สู้ต่อไปนะ พี่ก็เคยผ่านจุดนั้นมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซิ่ว5555 คือมันเหนื่อยมากที่อยู่แล้วต้องฝืนตัวเอง พี่ก็อยากไปคณะคล้ายๆน้องนี่ล่ะ แต่แค่เดินข้ามฟากไปพ็ถึงละ สู้ๆนะ..พี่เค้าใจว่าอยู่ในที่ๆไม่ชอบแล้วมันลำบากแค่ไหน^^

0
บับเบิ้ล 7 ก.ค. 57 เวลา 19:18 น. 25

สู้ๆนะ เราก็เด็กซิ่ว57 เราแอดไม่ติดคณะที่เราหวังไว้จากแต่เดิมเรียนภาคปกติก็ต้องมาเข้าภาคพิเศษ เสียเงินเยอะกว่าเดิมมากในขณะที่เพื่อนเราซิ่วแล้วได้ดีกว่าเดิมทุกคน เรารู้สึกนอยนะ เสียใจมากด้วยที่ทำให้แม่ลำบากหาเงินมาจ่ายมากกว่าเดิม แต่แม่ก็ให้เราเลือกเรียนที่เราชอบเพราะเป็นความสุขของเรา ตอนนี้เราแค่คิดว่าจะทำมันให้ดีที่สุด ต้องพยายามให้มากที่สุดเพื่อที่แม่ของเราจะภูมิใจ เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาดูถูกเราได้

0
m'may-lim'34 7 ก.ค. 57 เวลา 19:42 น. 26

เราแอดปีนี้แต่เราอยากได้คณะที่เราอยากเรียนแล้วมีรับตรงหลังแอด
เราเลยบอกพ่อว่าถ้าได้รับตรงหลังแอดก็จะไม่เอารอบแอด
พ่อเราโกรธเรามากทะเลาะกับพ่อแล้วพ่อบอกจะไม่ส่งเราเรียนอะ 
แล้ววันสอบสัมภาษณ์เราก็ไปกับแม่ พ่อก็ไม่ได้ไปด้วยกัน 
เราเสียใจนะที่พ่อไม่เข้าใจว่าเราอยากเรียนในสิ่งที่เราชอบ  

0
~ล่องลอย~ 7 ก.ค. 57 เวลา 19:49 น. 29

สู้ๆนะคะ ชีวิตเราอีกทั้งชีวิต ถ้าไม่ใช่จริงๆก็ซิ่วเถอะค่ะ อย่าเสียใจ ส่วนเรื่องทางครอบครัวเดี๋ยวก็ดีขึ้นค่ะ ยังไงเขาก็พ่อแม่เรา เย็นชาใส่กันได้ไม่นานหรอกค่ะ

0
Sissis 7 ก.ค. 57 เวลา 19:53 น. 30

ปีนี้เราเรียนมหาลัย และเราอยากเข้ามนุษศาสตร์มาก แต่ที่บ้านให้เราสมัครบัญชีของมหาลัยมีชื่อมหาลัยหนึ่ง แล้วเราก็สอบรับตรงมหาลัยนี้ติด แต่เราอยากเรียนมนุษศาสตร์ เราก็เลยแอดด้วย (คณะที่เราสอบรับตรงติด เป็นภาคพิเศษ ไม่ตัดสิทธิแอด) เราก็เลยแอดแต่ก็แอดไม่ติดมนุษศาตร์อยู่ดี เราเลยตั้งใจว่าปีหน้าจะซิ่วไปเรียนมนุษศาสตร์ให้ได้

0
snookkermomo 7 ก.ค. 57 เวลา 19:57 น. 31

เจอแบบเจ้าของหัวข้อเลย ติดในมหาลัยที่มีชื่อเสียง พอเข้ามาเรียน มันเหมือนไม่ใช่เลย สังคมเพื่อนแย่มาก ระบบรุ่นพี่กับรุ่นน้องไม่มีความรักต่อกันเลยทะเลาะกันถึงขั้นตัดรุ่นกัน ส่วนเพื่อนสังคมเห็นแก่ตัว หาความจริงใจค่อนข้างยาก ต่อหน้าอย่างลัยหลังอย่างเพื่อนที่จะโอเคมันมีแค่คนเดียว เราร้องไห้ทุกวันเลยมันทนไม่ไหวอ่ะที่แบบจะอยู่กับเพื่อนคนนี้ มะนอึดอัด ไม่อยากมามอ ร้องไห้แทบทุกคืนว่าเมื่อไหร่จะหลุดจากจุดๆนี้ได้ๆ เราเลยซิ่วไปมหาลัยที่ตนใฝ่ฝัน สุดท้ายก็ติดแต่พ่อกลับมองว่าเป็นคณะที่จบมาหางานยากเราเลยสมัครมหาลัยนี้แต่สาขาใหม่ สมัครทุกอย่างก็ไม่ติด แอดก็ไม่ติด หลังแอดก็ไม่ติด จนล่าสุดความหวังสุดท้ายก็ของเราคือ รัฐศาสตร์ ขอไม่บอกนะว่ามอไหน เราเสียใจมากๆเลยที่แบบมันรับน้อยมากก เป็นคณะสังคมศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์ มันจะแบ่งสาขาออกไปอีก เป็นสาขาการปกครอง สาขารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสาขาบริหารงานยุติธรรมและความปลอดภัย ซึ่งในระเบียบระบุแค่ว่ารับตามการสละสิทธิ์ของเด็กแอดมินชั่น ซึ่งเพื่อนเราโทรไปถามที่คณะว่าจะรับกี่คน เขาบอกว่ารับสาขาละ10คน ตอนนั้นเราก็ไม่เชื่อนะ รอให้ประกาศก่อนผลปรากฏว่ารับ40คน ตัวสำรองอีก10คน แบบเสียใจมากอ่ะที่ต้องกลับไปอยู่สังคมแบบเดิมมอเดิม ถ้ามีการรับเยอะกว่านี้เราจะไม่เสียใจเลย แต่แบบมันทำร้ายจิตใจไปไหมคนสมัครเป็น100แต่เอาสาขาไม่กี่คน พึ่งประกาศวันนี้ซึ่งจริงๆต้องประกาศพน. อยากให้มหาลัยเข้าใจคนที่ไม่มีที่เรียนหรือเด็กที่ต้องการจะซิ่วเข้าในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝั่นบ้างเศร้าจัง

0
Practicable 7 ก.ค. 57 เวลา 20:11 น. 32

สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คะ
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนคะ จขกท.จะต้องทำให้ทุกคนภาคภูมิใจได้แน่ๆคะ
เพราะถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เราชอบ ยากแค่ไหนใจเราก็สู้ไปแล้วละคะ 

0
deksil 7 ก.ค. 57 เวลา 20:14 น. 33

เราเป็นเด็กแอด 56 และเด็กซิ่ว 57 เช่นกัน
ตอนที่เราเข้าไปเรียน เราเรียนได้ แต่เราไม่ได้ชอบ เราก็ตั้งใจซิ่วมาตลอดทั้งปี ทนเรียนปี1 จนมาปีนี้เราแอดติดคณะวิศวะ เราขอพ่อแม่ไปเรียน ขอโอกาสให้เราลองดู แต่พ่อแม่เราไม่อนุญาต บอกให้เรียนที่เดิม เพราะคณะวิศวะมันไม่เหมาะกับคนอย่างเรา จขกท.ยังดีนะที่มีโอกาสไปสัมภาษณ์ เราอยู่ต่างจังหวัด แอบพ่อแม่ไปไม่ได้ เราเสียใจร้องไห้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เราต้องทนเรียนในคณะที่เราไม่ได้ชอบ สังคมที่เราไม่ได้ต้องการอีกตั้ง5ปี เราบอกพ่อแม่ว่าเราทนไม่ไหว เราไม่ชอบ พ่อแม่ก็ไม่สนใจ คุยเรื่องนี้ต้องเปลี่ยนเรื่อง ไม่ก็ทะเลากันทุกที ยังไงก็สู้ๆนะจขกท. ได้เรียนในที่ๆเราชอบ เป็นอะไรที่โคดดี ^^

0
เด็กแอด 56 7 ก.ค. 57 เวลา 20:40 น. 35

หลายคนมีความฝัน แต่น้อยคนที่จะได้ทำตามความฝัน

หลายคนอยากเป็น แต่ก้ไม่มีโอกาสได้เป็น

บางที่ความฝันมันก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น แต่ถ้าหากไม่มีความฝันเราก็จะไม่เกิดความพยายาม

เราเป็นเด็กแอด 56 ที่คิดว่าจะซิ่วในปีนี้ แต่เราก็ไม่ซิ่ว เพราะตอนนี้เราคิดว่าความฝันมันทำหลังเราเรียนจบก็ได้ แต่ความมั่นคงเราต้องสร้างมันตั้งแต่วันนี้ เพราะเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เรายังมีครอบครัว มีพ่อมีแม่ที่คอยพึ่งหวังว่าเมื่อเราเรียนจบมีงานทำมั่นคง ท่านจะได้พึ่งพาเราได้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือตัวเรานั่นเอง ที่พ่อแม่เลือกสิ่งเหล่านี้ให้เราก้เพื่อตัวเราเอง เพราะพ่อแม่ไม่อยากให้เราทนกับการไม่ได้ ไม่มี ความลำบาก การตกงานที่พร้อมจะเข้าจู่โจมเราทุกเมื่อ สิ่งเหล่านี้เองที่มันจะเป็นตัวบั่นทอนความฝันของเราให้สลายไปในที่สุด ยุควัตถุนิยมเช่นนี้ แค่ความฝันบางทีมันอาจจะยังไม่พอ มันต้องหาความมั่นคงในชีวิตด้วย

หนึ่งคนทำตามความฝันได้สำเร็จก็ยินดีด้วย หนึ่งคนก็ตายเพราะความฝัน คุณคิดว่า คนรอบข้างมองคนสองคนนี้ด้วยความคิดยังไง โลกนี้ไม่ได้สดสวยงดงาม ทางเดินราบรื่น จบมาหางานทำได้เลย มีเงินใช้ มีแฟน แต่งงานมีลูก เลี้ยงลูก แก่และก็ตาย ชีวิตยังมีตัวแปรอีกหลายอย่างที่สามารถทำให้มันสะดุด ผิดแผน และทำให้เราล้มลง


เราอยากให้คิดถึงอนาคตให้มากๆๆ อย่ามองแค่วันนี้หรือพรุ่งนี้ ให้มองไปอีกสิบปี ยี่สิบปี ลองจินตนาการถึงตัวเองในอนาคตดูสิว่าถ้าหากเลือกระหว่างสองทางนี้มันจะเป็นยัง


เราเชื่อว่าพ่อกับแม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ แม้ว่ามันจะไม่ได้ดีที่สุดในความคิดของลูกก็ตาม


จากนี้ก็แล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วหล่ะนะ ขอให้โชคดีกับสิ่งที่เลือก

0
nasa ofmedia 7 ก.ค. 57 เวลา 20:49 น. 36

เห็นใจกับ จขกท. นะครับ
พยาบาลอ่ะถ้าชอบก็ดี แต่ถ้าไม่ชอบก็อย่าเรียนเลย จบมาใช่ว่าจะไม่ลำบาก ไหนจะต้องเข้าเวร ต้องอยู่กับคนป่วย 
เลือกที่เราชอบอ่ะดีแล้ว
ส่วนเรื่องพ่อแม่ ก็ลองคุย ปรับความเข้าใจกัน และเราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ด้วยว่าที่เราเลือกอ่ะ ดีแล้ว

0
Xesta 7 ก.ค. 57 เวลา 21:09 น. 37

มันมีทางเลือกสองแบบ

ฟิกมหาลัยคณะที่เรียน แล้วค่อยยืดหยุ่นสิ่งที่อยากทำในอนาคต
กับ ฟิกอนาคตที่เราจะอยุ่กับมัน แล้วค่อยหาทางแก้ยืดหยุ่นมหาลัยคณะที่เรียน

ก็ต้องเลือกเอา

0
เด็กแอด56 7 ก.ค. 57 เวลา 21:12 น. 38

สู้ๆนะ เราเข้าใจเธอ เพราะเราก็เป็นเหมือนกัน
เราเรียนอยู่ที่สถาบันแห่งหนึ่ง ใกล้บ้านแต่เราไม่ชอบเลย เราร้องไห้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา จนวันสุดท้ายที่จบปี1 เราลำบากใจมากที่ต้องทนเรียนที่นี่ต่อ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้อยากเรียน เราเคยพูดเรื่องนี้กับพ่อแม่ แล้วทะเลาะกันจนวันนึง แม่เราร้องไห้ เราโครตรู้สึกผิดเลยอ่ะ ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่คุยเรื่องนี้กับพ่อแม่เราอีกเลย จนพ่อแม่เราคิดว่าเราปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้ แต่ไม่เลยเรากลับเครียดมากกว่าเดิม กดดันมากกว่าเดิม เพราะเราไม่สามารถพูดบอกใครในบ้านได้ว่าเราไม่อยากเรียนที่นี่ ทุกครั้งที่เราไม่ไหวจริงๆจะมีเพื่อนกลุ่มเก่าๆตอนมัธยมมาคอยปลอบคอยให้กำลังใจ จนเราทนมาได้จนจบปี1 เราเลยตัดสินใจแอด ทั้งๆที่ไม่ได้บอกพ่อแม่ แต่มีแค่พี่สาวกับน้องสาวเราที่รู้ พอวันประกาศผลแอด เราติดอันดับ1 ที่เราเลือกไว้ เป็นคณะเดิม แต่เป็นสถาบันใหม่(เราโอเคกับคณะที่เราเรียนอยู่นะ แต่ที่เราไม่ชอบและรับไม่ได้คือสังคมภายในสถาบัน แล้วก็อีกหลายๆอย่างที่เราไม่ชอบที่นี่ซึ่งมันเยอะมากจริงๆ เยอะจนมันทำให้เรารู้สึกว่าเฮ้ยนี่เรามาเรียนนะ เราไม่ได้มาติดคุก ขนาดแค่การทำเรื่องขอกลับบ้าน ยังทำยากเลย ทั้งๆที่บ้านเราเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึง แต่ตอนทำเรื่องนี่สิ ทำ 3-4 ชม.)ตอนแรกเราตั้งใจจะไปสอบสัมภาษณ์ เราตั้งใจมาก เราคิดจะออกจากที่นี่ให้ได้เพียงอย่างเดียว แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปสัมภาษณ์ เพราะถ้าเราติดก็ไม่มีใครจ่ายค่าเทอมให้เรา ไม่มีคนจ่ายค่าทุนคืน2เท่าให้กับสถาบันเก่าของเรา เรารู้สึกแย่ที่เราต้องทนเรียนที่นี่ต่อไป เราคิดเรื่องนี้ทุกวัน เราอยากให้ครอบครัวเราเข้าใจเราแบบครอบครัวคนอื่นบ้าง เราอยากคิดอยากทำอะไรด้วยตัวเอง

สุดท้ายเราขอโทษเด็กแอด57นะ เราไม่ได้ตั้งใจจะแอดเล่นๆเราจริงจัง เพราะเราไม่มีความสุขเลยที่ได้อยู่ที่นี่ แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปสัมภาษณ์ มันทำให้ตัดโอกาสเด็กที่อยากเข้าคณะเดียวกับเราสถาบันเดียวกับเราไปตั้ง1คน

เราไม่อยากเปิดเทอมเลย เราไม่อยากกลับเข้าไปอยู่ในนั้น เราเบื่อ เราไม่มีความสุข มันทำให้ชีวิตเราดูแย่ไปเลย ชีวิตมหาลัยที่เคยวาดฝันไว้ตอน ม.ปลาย มันหายไปหมดเลย มันไม่ใช่แบบนี้ที่เราคิดไว้ เราว่าที่ๆเราอยู่นี่มันไม่ได้เรียกว่าการใช้ชีวิตในช่วงมหาลัยแบบที่มันควรจะเป็นเลย เรารู้สึกแย่จริงๆ และต้องรู้สึกแบบนี้ไปอีก3ปี ซึ่งไม่สามารถที่จะระบายให้กับคนในครอบครัวเราฟังได้เลย ไม่มีใครเข้าใจเรา ไม่มีใครมารับรู้ถึงความรู้สึกเราว่ามันแย่ขนาดไหน
เศร้าจัง

0
เด็กแอด56 7 ก.ค. 57 เวลา 21:29 น. 39

พึ่งมาอ่านทุกความคิดเห็นหมด คือคณะของเรากะเจ้าของกระทู้ คณะเดียยวกันเลย หัวอกเดียวกัน แต่เรา เลือกที่จะแอดคณะเดิม แต่สถาบันดีกว่าเดิม เพื่อให้พ่อแม่เรายอมรับ และเข้าใจเรา แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเข้าใจเรา แถมโดนกลับมาอีกด้วยว่า"จะซิ่วไปเรียนคณะเดิมทำไมให้เสียเวลา" โด่ววววว เรายอมเสียเวลาเรียนซ้ำดีกว่าอยู่ในที่ที่เราไม่มีความสุขเลย ทำไมไม่เข้าใจเรากันบ้าง ถ้าเราhappyจริงเราคงไม่เลือกที่จะแอดใหม่หรอก สุดท้ายเราก็อดไปสัมภาษณ์ และต้องทนอยู่ที่เดิมอีก3ปี เฮ้อ!!

0
เด็กแอด57 7 ก.ค. 57 เวลา 21:43 น. 40

สู้ๆนะคะ หนูก็เป็นอีกคนนึงที่เวลาทำอะไรเกี่ยวกับการเรียนก็ต่อสู้มาคนเดียวตามลำพังตลอดค่ะ ไม่มีเงินจะเรียนบ้างปัญหาครอบครัวบ้างสาระพัดค่ะ แต่เราต้องต่อสู้ต่อไปเพื่ออนาคตของตัวเองนะคะ สู้ๆค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
B.Bunniiz 7 ก.ค. 57 เวลา 22:21 น. 41

เด็กน้อย..( ไม่สบายใจอะไรคุยกะพี่หลังไมค์ไ้ด้เลยนะ คือถ้าไม่มีใครเข้าใจหรือให้ระบายจริงๆมาพูดกับพีี่ก็ได้ ตอนนี้พี่อยู่ปีหนึ่งพี่ก็ทำทุกอย่างเพื่ออกจากที่นี่ให้ได้เหมืนกัน ต่ตอนนี้ปีสี่พี่โอเคแล้ว ถ้ามีอะไรคุยกับพี่ได้เลยนะคะ^^ พี่คิดว่าหนูเรียนที่เดียวกับพี่นะ

0
bluebunny 7 ก.ค. 57 เวลา 22:25 น. 42

พี่คล้ายๆหนูเลย (ไม่รู้ จขกท จะได้อ่านไหมนะ)
พ่ออยากให้เรียนบัญชี ทีนี้หนูบังเอิญไปสอบติดบัญชี ม นึงเข้า แล้วมันได้ทุนด้วย ที่บ้านก็สนับสนุนกันใหญ่ แต่ในใจหนูอะ อยากเป็นครู หนูก็ไปสอบนะ แล้วก็ติดรับตรงศึกษา-ภาษาไทยของ ม ประจำภาคเลยด้วย แต่เชื่อมั้ย ไม่มีใครยินดีกับหนูเลยซักคน มีแต่คนบอกว่าเรียนแล้วไม่ดีบรรจุยากลำบากนู้นนี่นั้น ที่แย่ที่สุดคือเขาบอกว่าหนูไม่เหมาะที่จะเป็นครู พ่อยิ่งหนักเลยทำเหมือนหนูไปก่อปํญหาเพิ่ม มันกลายเป็นว่าการที่หนูสอบติดเป็นการสร้างปัญหาให้กับทุกคน สุดท้ายหนูก็ต้องสละสิทธิ์ คะแนนแกทแพทหนูค่อนข้างจะสูงนะ คือ แพท5 ได้245 คิดคะแนนรวมแล้วได้ 23xxx แต่สุดท้ายหนูก็ไม่ได้แอด ต้องมาเรียนคณะบัญชีของพ่อ ทุกวันนี้ยังร้องไห้อยู่เลย

พี่สู้ๆนะ ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองแล้วล่ะ
เด็กแอด57ค่ะ

0
ฟุ้งฟิ้ง 7 ก.ค. 57 เวลา 23:14 น. 46

เราก็เด็กแอด56ติดพยาบาล ก็ไปเรียนไปนอนหอห่างบ้านก็อึดอัดเจอเพื่อนไม่ค่อยดีไม่ค่อยจริงใจกฏระเบียบเยอะต้องเคารพรุ่นพี่แบบมากๆๆๆทำไรก็ไม่ได้ไปไหนก็ไม่ได้คือเราไม่ใช่คนเที่ยวไม่ใช่เด็กเกเรแต่แบบเราก็อยู่ไม่ไหว มันแย่เกินโทรมาร้องไห้กับแม่ทุกวันทุกวันจริงๆ พอขอพ่อลาออกซิ่วพ่อก็บอกเพิ่งเริ่มเรียนเองเรียนไปก่อนให้จบเทอม จนจบเทอม1ปิดเทอมก็ไม่มีอะไรพอเปิดเทอมเข้าหอเท่านั้นและน้ำตาแตกเหมือนเราต้องไปทนอยู่กับมันอีกแล้ว ก็เลยไม่ไหวแล้วขอพ่อว่าขอซิ่วจริงๆเถอะ แต่ของเราดีตรงที่พ่อแม่เราอนุญาติ ออกมาก็เครียดวันๆอยู่แต่บ้านอ่านหนังสือแต่ตอนนี้เราก็ติดคณะสัตวแพทย์และ :) ถามว่าแม่โอเคไหมแม่ก็บอกคณะนี้จบไปคนเขาก็ไม่พาสัตว์มารักษามากหรอกสมัยนี้แต่เราก็ฟังเขาแต่ก็นะเราชอบของเรา ปล.เรายอมรับพยาบาลจบไปมีงาน100%แต่ก็ต้องใช้ความอดทนสูงมากทีเดียวนะ ถ้าใจไม่รักที่จะบริการดูแลจริงๆเราว่าคงเรียนทำงานกันอย่างไม่มีความสุขน่ะ สู้ๆนะเราว่าเลือกที่ตัวเองคิดว่าจบไปแล้วจะทำงานอย่างแฮปปี้อย่าเพิ่งคิดว่าจบไปแล้วจะไม่มีงานทำ ทุกปัญหามีทางออกเสมอแหละ

0
NookNick 7 ก.ค. 57 เวลา 23:28 น. 48

หนูเด็กแอด 57 นะ กลับกันอ่ะหนูติดมนุษย์แต่กลับอยากได้สายที่เกี่ยวกับวิทย์สุขภาพมากซึ่งหนูไม่ติด ไม่ว่าจะรับตรงหรือแอดก็ตาม หนูยังคิดอยู่เลยว่าจบไปจะทำอะไร งานหายากมั้ย ตอนนี้หนูก็สับสน หนูคุยกับพ่อแม่ทุกครั้งว่าอยากซิ่ว ตอนแรกหนูคิดอยากจะเปลี่ยนคณะตอน ปี 2 ซึ่งมันต้องลงไปเก็บเกรดบางวิชากับปี 1 แล้วสังคมมันก็คงยากที่จะเข้าไป ทั้งเพื่อนปีเดียวกันที่พึ่งเข้ามารู้จัก และรุ่นน้องอีก หนูเลยตัดสินใจจะซิ่วแทน ไม่รู้ว่าจะได้มั้ย หนูเครียดไม่ต่างกันเลยค่ะ คิดอยู่ทุกวันว่าทำไมตัวเองทำไม่ได้ กลัวเรียนแล้วไม่มีความสุข พี่สู้ๆ นะคะ ^^

0
summersakuradee 7 ก.ค. 57 เวลา 23:33 น. 49

เรากก็เข้าใจทั้งคู่นะ เราเคยเรียนคณะที่ไม่ชอบเเล้วพ่อแม่บอกให้เรียนจบปีหนึ่งก่อนเหมือนกัน
ความรู้สึกของเราเหมือน จขกททุกอย่างเลย เบื่อกิจกรรม เบื่อรุ่นพี่เรียนก็ยาก กลับหอไปก็ไม่อยากออกไปไหนเที่ยวก็ไม่สนุก เเล้วมาเจออะไรที่เป็นควาฝันเนี่ยมันสุดยอดไปเลยใช่ป่ะ
เเต่ในมุมมองของพ่อแม่นะ คือเค้าอยู่ในวัยที่มัยเลยความฝันมามากเเล้วอ่ะ ชีวิตเค้าตอนนี้มีแต่ความจริง ดูเหมือนเค้าจะมองโลกในแง่ร้ายนะแต่ความจริงมันเป็นอย่างที่เค้ามอง เราจะทำไง
ตอนนี้อาจจะเครียดนะเเต่เตือนไว้ก่อนว่าอย่าตึงใส่กัน เราก็พูดกับเค้าด้วยความจริงอีกช้อที่เค้าอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับที่เราจะไปเรียน หาหลักฐานมา หาบุคคลตัวอย่างมาเค้าก็น่าจะเข้าใจเรามากขึ้นนะทีนี้ สุดท้ายนี้สนับสนุนให้ทำในสิ่งที่ชอบนะเพราะเด็กซิ่วอย่างพวกเราได้ผ่านการฝืนทำมาแล้ว ยินดีด้วยที่ได้คณะที่ชอบ สอบสัมภาษณ์ชอให้เป็ยไปด้วยดี

0
DoubleJay Amornwarawong 7 ก.ค. 57 เวลา 23:44 น. 51

เราก็เหมือนจขกท เลยค่ะ ตัวเราเองก็แอดได้พยาบาลทั้งๆที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากเรียนอะไร รู้แต่ว่าตอนที่เข้ามาใหม่ๆไม่มีความสุขเลยค่ะ
กลับหอทุกครั้งก็ไม่มีความสุข ยิ่งเจอสังคมที่มีแต่ผู้หญิงยิ่งอยากออก
กฏระเบียบเราก็เฉยๆค่ะ แต่ก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
แต่สิ่งที่ทำให้เราอึดอัดมากที่สุดก็คงจะเป็นระบบสังคม ระบบรุ่นพี่รุ่นน้องที่นี่แหละค่ะ
แถมช่วงที่เริ่มฝึกก็ร้องไห้แทบทุกวัน อยากจะลาออกตลอด

ตอนนี้เราก็จะขึ้นปี 4 แล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ก็ได้แต่ปลงเรื่องที่รู้สึกว่าไม่โอเค
พยายามมองมันในแง่ดี จะได้สบายใจเราเองด้วยค่ะ

จขกท.เองก็สู้ๆนะคะ ขอให้จขกท.พยายามเพื่อตัวเอง เพื่ออนาคตเราเองด้วย

0
อยากเรียนจิตวิทย 8 ก.ค. 57 เวลา 00:53 น. 52

ผมก็คล้ายกับ จขกท ผมสอบตรงติดคณะที่มีชื่อเสียงคณะหนึ่ง แต่ใจผมไม่ได้อยากเรียนคณะนี้เท่าไหร่ แต่สอบตามความนิยม แต่ความจริงผมอยากเรียน จิตวิทยา แต่พ่อแม่ ท่านไม่ยอมให้ผมเรียน เพราะคงไม่มีงานรองรับ

0
ไอหมอก 8 ก.ค. 57 เวลา 03:50 น. 53

พยาบาล จบมามีงานเลย ไม่ต้องแย่งกันเท่าไร ถ้าได้รพ.หลวง พ่อ แม่เบิกได้ ถ้า มนุษย์ศาสตร์ จบไป แย่งงานกันเพียบ งานน้อย คนจบเพียบ ถ้าคุณยังรั้น คุณจะเห็นผล ก็ตอน คุณจบไปแล้วนะ ว่าเพื่อน ที่คุณจากมา มีงานทำ แต่คุณ ยังต้องไปแย่งหางานกับชาวบ้านเขาต่อไป ในชีวิต จริง ในรั่ว มหาลัย เรื่องแค่เนี่ย จิ้บๆ แต่ชีวิตการทำงานละ คนละเรื่อง ปัญหา ร้อยแปด เพื่อนร่วมงานที่คอยจ้องเลื่อยขา โดนถีบ โดนกด ต้องเอาใจ สุดท้าย ใครทนไม่ไหว ก็ลาออก ที่ทำงานมีเด็กรุ่นน้อง มาอยู่ด้วย จบวิศวะ มาเงินเดือน 5000 เพื่อนจบมาด้วยกันทำเอกชน ได้ 15000 ตัวเองมานึกน้อยใจ ที่เงินเดือน น้อยกว่าเพื่อน เวลาเจอเพื่อนก้อาย พอทำใช้ทุนเสร็จ ลาออก ok สมใจ ได้เงิน เดือน 30000 พอตอนหลังไต่เต้า จนได้ 100000 นึง พอเงินเดือนสูงก็โดนปลด ตอนนี้ที่เจอ ต้องมาเป็นเซลแมน กลับมาขายของหน่วยงานเก่า ส่วนเพื่อนที่มาทำพร้อมกัน แต่กัดฟันสู้ไม่ลาออก เงินเดือนอย่างต่ำ ก็แค่ 85000 อัพ+ ....... ถ้ามี OT ก็แสนอัพ หน่วยงานพยาบาล ที่ทำงานก็รับ ถ้า อยู่ OT ด้วยละก็ ไม่อยากจะพูด -เพื่อนอิจฉาก็แล้วกัน ถ้าหนูกัดฟันเรียนต่อ ช่างมันฉันไม่แคร่ แล้วเมื่อ อีก 4 ปี ข้างหน้า หนูจะคิดได้ว่า พ่อ กับแม่ ท่านตัดสินใจถูก ที่ท่านมองอนาคตไว้ ให้เรา

0
เด็กซิ่ว56 8 ก.ค. 57 เวลา 10:17 น. 55

คุณ จขกท เหมือนผมครับ ผมเป้นรุ่น56 อยากแต่ซิ่วไป57 เหมือนทุกอย่างที่พ่อบังคับ แล้วเราไม่ชอบ ไม่ว่ายังไงก้ทำใจชอบไม่ได้จริง ถึงมันจะเป้นอนาคตที่ดี แต่ ถ้าเราไม่ว่าไม่ใช่ทางมันจะเรียนมีความสุขหรอครับ และใช่เหมือนกัน ว่าถ้าผมเลือกคณะอื่น เค้าก็จะตัดหางปล่อยวัดเหมือนกัน555 (รู้สึกเหมือนโดนตั้งกำแพงขังมั้ย)เค้าจะรู้ได้ยังไงว่าเราไปทางนี้แล้วเราจะล้มเหลว เป้นกำลังใจให้ครับ ผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันเยี่ยมถ้าหากว่าเราคิดว่าทางเลือกที่เราเลือกมันถูกต้องแล้ว จงเชื่อมั่นในศรัทธาแล้วก้าวเดินไปหามันครับ จงอย่าใด้สนใจคำพูดที่คอยตัดกำลังใจต่างๆนาๆดั่งปิศาจร้ายที่คอยกัดกินวิญญาณ ในทางเดินที่ปล่าวเปลี่ยวมืดมิดสองข้างทางเต็มไปด้วยปิศาจร้าย จงอย่าได้กลัวที่จะก้าวเดินเพราะเราอยู่ข้างท่านเสมอ แม้จะล้มเหลว แต่นั่นก็แสดงให้เราเห็นแล้วว่าท่านพยายามดีแล้ว(ว่าไปนั่น555) เพราะเค้าไม่ใช่ตัวเราเค้าไม่รู้หรอกว่าเรารู้สึกยังไง ตอนนี้ได้แต่ปลอบคนอื่น แต่ทางฝั่งนี้สิกำลังจะชิหายเลี๊ยว

0
ธีติ 8 ก.ค. 57 เวลา 10:18 น. 56

ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำอะไรด้วยตัวเองเป็นบ้าง ... คนอื่น ๆ เค้าก็ไปกันเองได้ ทำไมเราจะทำอะไรเองบ้างไม่ได้

0
แมวขนเดกรียน 8 ก.ค. 57 เวลา 11:17 น. 58

แบบว่าก้อเปนเดกซิ่วน่ะนะเลยค่อนข้างเข้าใจ แต่เราคิดว่าถ้าเราเลือกแร้วก้อเดินต่อไปเถอะ แสดงให้พ่อแม่เหนว่าเราทำได้ แต่บางครั้งเราก้อต้องเข้าใจพ่อแม่ด้วยเพราะเขาก้อทำงาน เขาก้อเหนื่อยเขาอาจมีปัญหาที่พูดกับเราไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องเริ่มช่วยตัวเองบ้าง แบบประมาณว่าลองหาทางไปมหาลัยดูอะไรเงี้ย โดยอาจจะถามว่าต้องเดินทางยังงัยและก้อไปเอง ประมานนั้น สู้ๆๆเยี่ยม

0
junee 8 ก.ค. 57 เวลา 12:08 น. 59

ใช่คณะพยาบาลแถวๆ ถนนอังรีดูนังต์ปะะ
เราอ่านแล้วนึกถึงคณะพยาบาลตั้งแต่แรกเลยอ่ะะ lol

ตัดสินใจดีๆๆนะะ <3

0
yokjow 8 ก.ค. 57 เวลา 12:28 น. 60

เราก็ซิ่วเหมือนกันเป็นกำลังใจให้นะ และของระบายด้วยพ่อเราก็เหมือนกันเราเข้าใจพ่อนะว่าอยากให้เราเจอสิ่งที่ดี เราซิ่วจากม.บูรพา เราอยากเรียนสถาปัตยกรรมมานานแล้วปีแรกสอบไม่ติด(แล้วเราซิ่วอีกรอบไม่ได้แล้วบ้านเราไม่ได้รวยแล้วเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว) แต่เราลองสอบแล้วสอบก็ไม่ติดเลยซักที่เดียว แอดก็ไม่ติดอะไรเลยเมื่อไม่กี่วันมานี่เราคุยกับพี่สาวๆเราบอกว่าเรียนเอกชนก็ได้แล้วจะได้เรียนคณะที่เราอยากเรียนด้วย(พ่อเราแต่งงานใหม่ไปอยู่บ้านอื่นตอนนี้เราอยู่กับพี่สาวสองคนพ่อส่งเงินเป็นรายอาทิตย์ให้พี่สาวทำงานแล้วแต่ก็เพิ่งตั้งตัว) แล้วตอนเราบอกพ่อว่าจะเรียนเอกชนพ่อบอกว่าจะไม่จ่ายค่าเทอมหรือค่าอะไรให้เลยยกเว้นค่ารายอาทิตย์ไปหาเอาเองทุกอย่างไปทำเอาเอง!(พ่อเราแอนดี้การเรียนเอกชนเพราะพี่เราก็เรียนเอกชน)เรากำลังไปดูเรื่องกู้ กรอ แล้วสมัครอยู่เราไม่รู้หรอกว่ามันจะรอดมั้ย (เพราะค่าเรียนรายทางของสถาปัตยกรรมมันเยอะ)แต่เราก็จะพยายามที่ทำให้เราทำตามฝันได้เราอาจคิดว่าแบบเด็กๆ "เราไม่อยากทำงานเพื่อให้ได้เงินไปวันๆแต่เราอยากทำอะไรที่ทำให้ชีวิตเรามีความหมาย" ขอเป็นกำลังใจให้เด็กซิ่วละกันเพราะพวกเค้าจะกดดันมากไม่ว่าจะเป็นสังคมรอบข้างที่มองมา พ่อแม่ เราเจอเราเข้าใจ และถ้าเรียนเอกชนยังจะถูกมองด้วยสายตาแย่ๆจากคนรอบข้างอีก T^T เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ด้วยเศร้าจัง

0