ไม่ทราบว่าการว้ากน้องจากพี่ปี3มันช่วยเรื่องการเรียน หรือการทำงานด้านไหนหรอคะ???
ตั้งกระทู้ใหม่
ถ้าอยากให้สามัคคีมันก็มีตั้งหลายวิธี
อยากให้น้องเคารพมันก็ไม่จำเป็นต้องตะคอก ซ้ำยังจะทำให้น้องเกลียดเอาได้ง่ายๆด้วย
และถ้าจะบอกว่าตอนทำงานจะเจอหนักกว่านี้ ขอโทษค่ะพวกคุณแก่กว่าฉันแค่ปีสองปี ฝึกงานก็ยังไม่เคย
มั่นหน้ามั่นโหนกที่ไหนมาพูดคะ
กิจกรรมคณะฉันไม่เข้าแล้วค่ะ รำคาญพี่ว้าก เรียกร้องความสนใจ
คุณหญิงนฤมล
9 ส.ค. 57 เวลา 11:30 น.
14,184
views
366 ความคิดเห็น
แค่นี้ยังทนไม่ได้
จบไปทำงานเป็นลูกน้องเขา เจ้านายด่าที มีผลต่องานเลยนะ เพื่อนร่วมงงานไม่เอาด้วย ตกเป็นที่นินทา
การว้าก นี่แหละ คือการจำลองสถานการณ์ทำงานจริง ที่ต้องเจอแรงกดดัน
ย้ำว่า "ต้องเจอ" แน่ๆ ถ้าคุณจะไปเป็นแรงงานตามบริษัท
ถ้าไปทำธุรกิจของตัวเอง ก็อีกเรื่อง สบาย
รูปแบบการอดทนทุกคนต่างกันครับ รับน้องกับงานมันคนละแบบ
มันเทียบไม่ได้หรอกครับ
ถ้าว๊ากแบบนิ่งผมเห็นด้วยแต่ไม่ควรตะโกน
เพื่อนต่างชาติผมมาเห็นระบบรับน้องแบบนี้ยังตกใจ
เค้ากังวลว่าพวกเด็กนักศึกษาจะเกิดปัญหาเลย ถามเป็นชุดว่าใครรับผิดชอบ แล้วอาจารย์อยู่ไหน ได้รับการปฐมเบื้องต้นเปล่า
ถ้าว๊ากขนาดมีเด็กเข้าโรงบาลจะทำไง อันนี้ผมก็ห็นด้วยเช่นกัน
เพราะมันมีเคสนี้เกิดขึ้นทุกปี อาจารย์ควรดูด้วยนะครับไม่ใช่ให้นักศึกษาดูกันเอง
เด็กๆปีหนึ่งบางคนไม่กล้าบอกพ่อแม่เพราะกลัวพี่มีปัญหา น้องๆควรแคร์พ่อแม่มากกว่าพี่นะครับ
การว๊ากมันมีเหตุผลแต่บอกแบบกันดีๆก็ได้ครับ และการวางตัวด้วยช่วยให้เหมาะสมกับสถานที่หน่อยครับ
ผู้ปกครองของรุ่นน้องอาจฟ้องร้องได้นะครับ พวกข้อหาทำร้ายจิตใจ ระวังหน่อยนะครับ
การว้ากเป็นการโชว์พาวของรุ่นพี่ที่ไม่มีสมอง
จะมีพวกที่มโนบอกว่าเกี่ยวกับการฝึกความอดทน
ถ้าเราเชื่อก็จะกลายเป็นว่าเราไม่มีสมองไปด้วย
ฝึกทหารสิเรียกว่าอดทน การว้ากคือการแสดงความโง่ของรุ่นพี่
และแสดงความโง่ของรุ่นน้องที่ยอมไปโดนมันว้ากด้วย
ป.ล. ไม่เชื่อว่า คห.1 เคยทำงานบริษัท ถ้าเคยทำจริงๆ
คงเป็นบริษัทที่ห่วยมาก บริษัทดีๆเจ้านายเค้าไม่ด่าลูกน้องกันหรอก
เค้าจะสั่งสอน ตักเตือนแบบผู้ใหญ่ๆ ยกเว้นจะทำผิดซ้ำซาก
ทำตัวขี้เกียจ ไม่คิดจะพัฒนา นั่นแหละถึงโดนด่า
ที่จริงแล้ว อ.หลายที่เขาก็บอกให้รุ่นพี่คิดให้สร้างสรรค์ จะยกเลิกไปก็ได้ถ้าคิดว่ามันไม่ดี บางที่ที่มีรุ่นพี่ฉลาดเยอะหน่อยก็ยกเลิกแล้วไปจัดรูปแบบอื่นแทน แต่บางที่ที่รุ่นพี่มีโง่เยอะก็จะบอกเหมือนเดิมว่าประเพณี แล้วก็มีเหตุผลอีกร้อยแปดพันเก้า
ต่อมาไม่นานรุ่นหลังก็ยกเลิกไปจัดแบบสร้างสรรค์ไม่เจ็บคอแทน นั่นคือคณะหนึ่งในจุฬา น้องรุ่นหลังอาจจะไม่รู้ประวัติเพราะยกเลิกไปแล้วว
ที่จริงพี่ก็เป็นว๊ากเกอร์มา รับมาแบบหนักหน่วงทั้งคณะทั้งในหอ แต่พอตัวเองเป็นเองถึงได้รู้ว่ามันโง่จริงระบบนี้ กุเสียงแหบจะตาย555
ทำงานจริงไม่ได้ใช้อะไรพวกนั้นหรอก มันเป็นเรื่องแต่ละบุคคลไป จุดหลักการรับน้องจริงๆคือให้รุ่นน้องรู้จักกันให้มากสุด เรื่องอื่นเป็นรองไม่สำคัญเท่าไร
ขอร้องล่ะ อย่าอ้างว่าพอเข้าทำงานจะโดนว๊าก
ออกจากโลกปากต่อปาก สักที เรื่องจริงว๊ากอะไรนั้น
ในชีวิตทำงานไม่มีจริงหรอก แต่มันเจอหนักกว่านี้
ถ้าหัวหน้าไม่พอใจคุณเขาไม่มาว๊ากให้เปลืองน้ำลายหรอก
เขาจะมีใบๆหนึ่งให้คุณเซ็นต์ นั้นก็ใบลาออก
เราว่า ถ้าว๊ากแบบนิ่งๆ มีเหตุมีผลอ่ะ มันโอเคนะ สำหรับเรา มันสามารถคุมน้องได้จริง เพราะตอนนี้เรารับน้องอยู่ มีทั่งพี่ที่ว๊ากนิ่งๆ ใช้เสียงดังพอประมาณคือเอาให้น้องฟัง น้องสนใจก็พอไม่ตะคอก มีเหตุมีผล ทั่งพี่ที่ว๊ากแบบแหกปาก ตะคอกๆๆ พยายาม ที่จะตะโกนตะคอก เราว่าพี่แบบหลัง ตลกอ่ะ พยายามทำเสียงใหญ่ๆ ตะคอก ตะโกน แหกปาก ดูก็รู้ว่าพยายามประดิษฐ์ให้น้องกลัว แต่เราไม่กลัวอ่ะ เราตลก ฮะๆ
แต่แบบ คห1 เราว่าโครตไม่จริงอ่ะ เจ้านายเขาไม่มากดดันด้วยการเสียงดัง ตะคอกใส่หรอก ไม่ด่าด้วย เขาตำหนิค่ะ ถ้าไม่ปรับปรุง ซองขาว จะตามมา จบ
คห.1 คือทำงานแล้วป่ะ หรือยังเป็นรุ่นพี่ที่ไปฟังเค้ามาอีกที
ทำไม "ต้องเจอ" ถ้าทำดี ก็ไม่โดน แต่ถ้าทำงานห่วยแตกซ้ำๆซากๆมันก็โดนแน่อยู่แล้ว
แล้วอีกอย่างมันคนละฟีลเลย
อิพี่ว้ากนี่คืออยู่ดีๆเรียกมาด่า แล้วบอกว่าฝึกไว้ มัน"ต้องเจอ" ไร้เหตุไร้ผลสิ้นดี
แต่เจ้านายด่านี่คือเราทำงานผิดซ้ำๆจนเค้าโกรธ
ถ้ามันมีบริษัทนั้นฉันก็ไม่ทนหรอกค่ะ
1.เสียสุขภาพจิต
2.เจ้านายดูไม่มีการศึกษา
เอะอะอะไรก็อ้างว่าให้ทนแรงกดดันได้ มันมีตั้งหลายวิธีปะ ที่ไม่ใช่ว้าก ตะคอก ตะโกนขึ้นกู- ทำเหมือนไม่มีการศึกษา พ่อแม่คนในครอบครัว ยังไม่ทำขนาดนี้เลย แล้วคุณเป็นใคร กฎระเบียบมหาลัยเดี๋ยวนี้ก็มีบอกให้รับน้องในความเหมาะสม แล้วคิดจะทำตามปะ รู้หรอกว่าเป็นแค่ละครฉากหนึ่ง พี่ว้ากก็แค่ตัวโกงที่สร้างขึ้นมา แต่ถามหน่อย เพื่ออะไรรร มีอะไรที่เป็นประโยชน์ มีสาระ กว่านี้ให้ทำตั้งเยอะ ส่วนตัวโดนมา ไม่อยากทนเหมือนกัน คิดว่ามันไม่มีความจำเป็นเลย กับการรับน้องแบบถ่อยๆ
แต่ว่า...นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่พวกพี่ว้ากมันมาว้ากหรอกครับผมว่า เหตุผลหลักคือมันเป็นประเพณี(ที่น่ารำคาญ)มากกว่า
ทุกคนก็ต้องตาย
เพราะงั้นต้องมาซ้อมตายไว้ก่อน แบบนี้ปะ
ของบางอย่างมันไม่ต้องซ้อมก็ได้นะ
แล้วไม่ใช่ว่าเจอมาก่อน ในอนาคตจะรับได้มากกว่า เพราะรูปแบบมันก็ไม่ได้เหมือนกันตรงไหนเลย
เจอมาเยอะแล้ว
พวกที่น้ำตาแตก ออกจากงาน เพราะทนแรงกดดันไม่ได้เนี่ย
สุดท้ายก็กลายเป็นหวาดกลัวสังคมทำงาน นั่งให้พ่อแม่เลี้ยงอยู่ที่บ้าน
โลกนี้มันมีคนหลายรูปแบบนัก บางทีพี่ว๊ากยังวีนแตกน้อยไปด้วยซ้ำเมื่อเจอมนุษย์ป้าวีน =_=
รุ่นพี่มีสิทธิ์ตัดสินว่าใครอยู่ในมหาลัยได้หรือใครต้องออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมก็ไม่ได้มีปัญหากับการรับน้องนะ รับน้องมันก็แค่กิจกรรมๆนึงที่คนที่อยู่คณะหรือสาขาเดียวกันมาทำร่วมกัน ตัวกิจกรรมมันจะไปทำอะไรได้ คนที่จัดกิจกรรมต่างหากที่ทำให้กิจกรรมมันงี่เง่าแถมยังงี่เง่ามากขึ้นทุกวัน - -
เพิ่งโดนมนานุดป้าเฉ่งมาหรอ
ถามน้า ไหมล่ะ น้าอายุ 40 ปี แล้ว
ทำงานมา ร่วม เกือบ 20 ปีแล้ว
ถ้ารวม part time ก็ 21 ปีแล้ว
น้าบอกได้แค่ว่า น้าไม่ชอบ แบบที่
พวกเด็ก ๆ ทำหรอก คนวัยทำงาน
มันมีวุฒิภาวะ มากกว่า จะมาตะคอก เรื่องไร้สาระ นะ
ส่วนพวกลูกค้า ที่เอาแต่ใจ มันมีอยู่แล้ว
เพียงแต่ ถ้ารู้จัก ใช้เหตุผล พูดคุย
ไม่ใช่ ใครเสียงดังกว่า ชนะ
มันก็ได้ข้อสรุป นะ
แต่ก็มี พวกเอาแต่ใจสุด ๆ อันนั้น
ก็ต้องชั่งน้ำหนัก ว่าจะยอมได้แค่ไหน
แต่ไม่ใช่ว่า จะยอมทุกเรื่องแน่นอน
แล้วก็นะ ถ้าเจ้านาย มาตะคอกเอา ตะคอกเอา
เป็นน้าก็ไม่ทน บ้าสิ จะไปนั่งทน ทำไม
หัวหน้า ที่ไม่มีเหตุผล หรือ แม้แต่
เป็นเจ้าของบริษัท ก็เหอะ
ความกดดันในการทำงาน ส่วนใหญ่
มาจาก เพื่อนร่วมงาน นั่นมากกว่า
เจ้านาย นี่ยังน้อยเลย ถ้าเทียบกับ เพื่อนร่วมงาน
ซึ่งแน่นอน ว่ามันก็เกี่ยวกับเรื่อง
จับกลุ่ม เข้าพวก แบบนี้ ซึ่งสำหรับน้า
คิดว่า มันค่อนข้างไร้สาระ ไม่เกี่ยวกับงาน
เท่าไหร่ ด้วยซ้ำ
เอาเป็นว่า น้าเห็นด้วย กับคุณนฤมล
ว้าก ไม่ว้าก มันไม่มีผล กับตอนทำงานจริงหรอก
สิ่งที่จะมีผลแน่นอน คือ
1. ทำงานนั้น ได้หรือเปล่า ความสามารถ
เข้ากับงานที่ทำได้ไหม นี่ข้อแรกเลย แต่จริง ๆ
ก็ค่อย ๆ ปรับได้ ยกเว้น จะไม่เอาไหน จริง ๆ
2. อดทน ส่วนใหญ่ ก็เรื่องเพื่อนร่วมงาน นี่แหละ
น่าปวดหัว กว่าเจ้านาย เสียอีก
3. การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อันนี้
บางคนก็ไปเรียนต่อ หลังเลิกงาน บางคน ก็อ่านหนังสือเพิ่ม
แบบน้า เป็นต้น (คือ น้าเงินเดือนน้อย ไหนต้องเลี้ยงพ่อแม่อีก
เลย เรียนเอาเอง ทางอินเตอร์เนต)
คือ อันนี้ มันช่วยเพิ่ม กำลังใจ ถ้าเราเก่งขึ้น เราทำงานได้มากขึ้น
น้าเองทำบัญชี แต่เรียนพวก เทคโนโลยี ของคอมพิวเตอร์ด้วย
(น้าเรียนเขียนโปรแกรม แล้วก็ การใช้ operating system)
พวกนี้ ก็ได้ใช้ เวลาเจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงาน คอมพิวเตอร์ มีปัญหา
เราก็ช่วยแก้ไขได้บ้าง (แม้ไม่ทั้งหมดนะ)
4. หัด เข้าวัดฟังธรรม ทำให้จิตใจผ่องใส
เพิ่มทัศนคติ ที่ดี ในการทำงาน
(ข้อนี้ ขัดกับการ ว้าก โดยสิ้นเชิง น้าถึงบอกไง
ว่ามันไร้สาระ)
ก็แล้วแต่ จะเชื่อ น้าหรือไม่ ก็ตาม
ชีวิต เป็นของ พวกเด็ก ๆ ไม่ใช่ของน้า
อ้าว สวัสดีค่ะพี่ปีสาม
วันนี้น้องๆไปไม่ครบเลยมาจิกเด็กๆในเว็บนี้หรอคะ?
ฉัันคิดถูกแล้วมั้งคะที่ไม่ทนรุ่นพี่แบบนั้น
เคยทำงานหรือ ก็ไม่ใช่ อุปทานหมู่ทั้งนั้น
ถ้าการรับน้องแบบนี้มันดีจริงไหนเธอลองลิสต์ส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมอย่างไร
เอาผลวิจัยที่เชื่อถือได้ออกมาด้วยนะคะ
อย่าดีแต่เห่า
โอ้ยคุณ ถ้าไม่ชอบจิงๆ รับแรงกดดันไม่ไหว ม.เอกชนก็มีนะ :)
อ๋อไม่เป็นไรค่ะ พอดีกิจกรรมมันไม่บังคับฉันก็ออกมาเรียบร้อยละ
ใช่ค่ะ รุ่นพี่ไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำ
แต่เดี๋ยวนี้จะใช้วิธีการทางอ้อมแทน อย่าง ทำโทษเพื่อน(เพราะไปเอาคืนกับคนไม่มาไม่ได้)
ฉันสงสัยค่ะว่าโลกที่1ทำไมเขาไม่มีอะไรแบบนี้แต่ก็ยังเจริญกว่า
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?