[รู้ว่ารกแต่ก็อยากถาม] อยากทราบว่าทุกท่านเขียนนิยายเพราะเป็น 'ธุรกิจ' หรือ 'งานอดิเรก' ครับ ?
ตั้งกระทู้ใหม่
อาจเป็นคำถามที่ฟังดู 'แปลก' นะครับ
แต่ผมอยากรู้ว่าเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในบอร์ดว่า...
ทุกท่านเขียนนิยายเพราะอะไรครับ?
'ธุรกิจ' หรือ 'งานอดิเรก' ?
ไม่ได้เก็บข้อมูลทำรายงานนะครับ เพียงแต่อยากรู้เฉย ๆ
เพราะอย่างผม...อยากทำให้มันเป็นธุรกิจ อยากเป็นนักเขียน แต่เพิ่งเป็นมือใหม่
ตอนนี้เลยเป็นงานอดิเรกไปก่อน
แล้วสำหรับเพื่อน ๆ ล่ะครับ ?
เขียนเพราะอะไรกันเอ่ย ?
- แมวสีหมอก -
แต่ผมอยากรู้ว่าเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในบอร์ดว่า...
'ธุรกิจ' หรือ 'งานอดิเรก' ?
ไม่ได้เก็บข้อมูลทำรายงานนะครับ เพียงแต่อยากรู้เฉย ๆ
เพราะอย่างผม...อยากทำให้มันเป็นธุรกิจ อยากเป็นนักเขียน แต่เพิ่งเป็นมือใหม่
ตอนนี้เลยเป็นงานอดิเรกไปก่อน
แล้วสำหรับเพื่อน ๆ ล่ะครับ ?
เขียนเพราะอะไรกันเอ่ย ?
- แมวสีหมอก -
ธุรกิจสิขอรับ !
งานอดิเรกก็พอแล้วจ้า
งานเขียนคือ 'เงิน' ถ้าไม่เขียนก็อดตายครับ !
พอดีว่างเลยอยากจับปากกาเขียนเผยแผ่จินตนาการ เผื่อว่าจะได้ค่าขนม(?)จากสำนักพิมพ์จ้า
26 ความคิดเห็น
แต่ด้วยภาระหน้าที่ตอนนี้ก็คงได้แค่งานอดิเรกครับ จะเปลี่ยนเป็นเงินได้รึเปล่าค่อยว่ากันอีกทีถ้ามีโอกาส
ให้มันเป็นงานอดิเรกก็พอครับ คงจะเป็นเรื่องธุรกิจได้ยากเพราะภาระหน้าที่ที่ต้องทำในตอนนี้...(แค่หาเวลาแต่งสักย่อหน้ายังยากเลยครับ)
ถ้าไม่ได้เปิดบริษัทตัวเองด้านนี้ หรือถูกผูกขาดโดยสำนักพิมพ์
ยังไงก็ไม่มากไปกว่างานอดิเรกหรอกครับ
งานอดิเรกครับ งานที่ทำประจำอยู่ตอนนี้ก็เงินดีอยู่แล้วครับ พอเพียงสำหรับการใช้ชีวิตอย่างเพียงพอ
ธุรกิจครับ
ตอนแรกบอกตรงๆ ไม่ชอบหรอกการเขียนนิยาย เขียนเพื่อเงินอย่างเดียว แต่มาวันนึง วันที่มีนักอ่านชอบนิยายของเรา ก็ได้รู้ว่านี่เองคือความสุขในการเขียนของผม และผมก็รักการเขียนตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
สำหรับผมถ้าชอบ ก็ต้องทุ่มเทมันให้หมดหน้าตักไปเลย เพื่อให้ผมเขียนหนังสือไปได้เรื่อยๆ มันเลยเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลกันแบบ
อยากเขียนหนังสืออย่างเดียวไปเรื่อยๆ >>
ต้องมีเงินมากพอจุนเจือครอบครัวได้ >>
หนังสือที่เขียนต้องขายได้ >>
หนังสือที่ขายได้ของผม คือหนังสือที่เขียนเพื่อตอบสนองความต้องการของนักอ่าน แต่มันก็มีเงื่อนไขอีกหลายอย่างนะ
- ผมต้องอยากเขียนนิยายแนวนั้นด้วย
- นักอ่านต้องมีกลุ่มใหญ่พอ
- นักวาดประจำของเราสามารวาดแนวนี้ได้
- สนพ. สามารถพิมพ์ได้
- มีปัจจัยภายนอกส่งเสริมการขาย
----------------------------------------------------------
พอบรรลุจุดหมายทั้งหมด ก็ออกจากงานมาเป็นนักเขียนอย่างเดียวครับผม หยุดเขียนก็คืออดตายทั้งครอบครัว
ผมเป็นนักเขียนคนแรกที่เสนอต้นฉบับ พร้อมกับแผนการธุรกิจหนังสือนะเออ เอาจริงๆ เขียนนิยายไม่เก่งหรอกครับ ถนัดด้านการบริหารและการตลาดมากกว่า แต่ดันหลงรักงานเขียนจนต้องเบนเข็มมาอย่างช่วยไม่ได้
ตั้งใจเขียนเป็นงานอดิเรกค่ะ แต่ถ้าได้ค่าขนมด้วยก็โอเค ^_^ เพื่อนยังแซวบ่อยๆว่า "เป็นงานอดิเรกที่จริงจังมาก" ค่ะ เพราะเราเขียนทุกวัน ยังกะต้องปั่นส่งสนพ.ทีเดียว ฮา
งานอดิเรกค่ะ
ค่าใช้จ่ายเยอะ เลยต้องหางานประจำทำ
และไม่เก่งขนาดปั่นได้หูดับตับไหม้ปีละหลายๆเล่มด้วยค่ะ
งานอดิเรกค่ะ คิดว่าคงไม่มีใครยอมจ่ายตังค์ซื้อนิยายเราแน่ๆเพราะมันยังไม่ดีขนาดนั้นยังต้องฝึกอีกเยอะ แล้วเราก็ชอบให้มันเป็นอดิเรกมากกว่าด้วย
งานอดิเรกครับ เพราะจุดมุ่งหมายในการเขียนนิยายของเราจริงๆแล้ว คืออยากปลดปล่อยจินตนาการที่มีมากเกินไปของเราออกมาให้เป็นเรื่องเป็นราว ฮ่าๆๆๆๆ
ตอนนี้ก็ไม่ได้หวังว่านิยายเรามันดังหรือขายได้รึเปล่า ขอแค่มีคนเข้ามาอ่านทุกเดือนเยอะๆ มีคนมาเม้นให้ในนิยายเราก็พอแล้ว ถ้าขายได้ก็ถือว่าเป็นกำไรชีวิตจากจินตนาการของเราเองครับ ^_^
อาชีพหลัก
ตอนนี้เป็นงานอดิเรก แต่ก็หวังให้มันกลายเป็นธุรกิจเข้าสักวัน
เอาจริง ๆ แล้วอยากอยู่ฝั่งซ้ายมากเลยค่ะ...
ที่เลือกด้านนี้เพราะความอยาก แต่จะเป็นได้ไหม ก็ไม่รู้ (ฮา)
ผมมองผลสัมฤทธิ์ของการเขียนนิยายอย่างหนึ่ง คือการได้รับผลตอบแทน
เหมือนกับงานวาด ถ้าวาดแล้วได้เงิน ก็ถือว่าเราได้ก้าวข้ามจากทำงานที่ชอบ(งานอดิเรก)ไปสู่ทำงานที่ชอบและได้รับผลประโยชน์จากงานนั้น
ซึ่งทั้งหมดนั้น ผมยังไม่เคยได้ตังค์จากทั้งการเขียนและการวาดเลย (ฮา)
ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างทั้งชีวิตประจำวัน อย่างเช่นเรื่องการเรียนปัจจุบันที่เป็นความใฝ่ฝันไม่แพ้เรื่องการเขียนที่ต้องให้เวลาทุ่มเท เรื่องสุขภาพ หรืออื่น ๆ มันทำให้ผมเลือกที่จะยกงานเขียนเป็น "งานอดิเรกที่ใช้ความทุ่มเทอย่างมาก" แทนการมองเป็นธุรกิจครับ
เพราะในความคิดนักหัดเขียนอย่างผม การจะสร้างนิยายได้ระดับตีพิมพ์ขายเป็นอาชีพหลักเลยนี่ไม่ใช่อะไรที่ง่าย ๆ ไหนจะเป็นในเรื่องของการสร้างพล็อตที่น่าสนใจ การศึกษาข้อมูลเพื่อสร้างความสมจริงและเหตุผล โอกาสในการตีพิมพ์ สำหรับผม คิดว่าเรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลานานมาก ละเอียดอ่อนมาก จะให้เขียนออกมาเป็นเชิงธุรกิจ หรือเขียนแล้วคาดหวัง + มั่นใจเลยว่าเรื่องนี้จะขายเลี้ยงชีพได้ ปี ๆ หนึ่งจะได้ตีพิมพ์เท่านี้เล่มเท่านั้นเล่ม
คงไม่ไหวครับ...
สรุปคือทุ่มเททำเท่าที่ไหวในฐานะงานอดิเรก แล้วถ้าเกิดได้ตีพิมพ์หรืออะไรก็ว่าไป ผมก็ดีใจถ้าเกิดเห็นมันออกมาเป็นรูปเล่ม ส่วนตัวเงินนั้นจะได้มากหรือน้อยก็จะคิดเสียว่าค่าขนม ค่าตอบแทนเล็ก ๆ ให้กับเราซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์งานมีกำลังใจในการเขียนต่อไปเท่านั้น
แต่เหนือสิ่งอื่นใด แค่เห็นคอมเมนต์นักอ่าน แม้จะไม่ได้มีมากมายอะไร แต่ตอนนี้ แค่นี้ก็ดีใจละ
ตอนนี้ได้แค่งานอดิเรกค่ะ เพราะไหดองยังไม่แตก ^_^(คุณภาพดีเกิ้น...)
แต่ก็หวังว่ามันจะเป็นธุรกิจได้สักวัน
ทั้งสองอย่างอะครับ แต่หลังๆ ผมหันมาทำหนังสือขายเอง คงต้องเรียกว่าธุรกิจละมั้ง
นิยายที่เขียนก็มีทั้งแบบที่ตัวเองอยากเขียน และแบบที่คนอ่านอยากอ่าน(ไว้ขาย) แต่ไม่ว่าจะเขียนแนวไหนผมก็ยังสนุกกับการเขียนอยู่ ไม่ได้รู้สึกว่าโดนบีบบังคับอะไร โดยสรุปแล้วชีวิตตอนนี้กับการเขียนหนังสือ ผมว่ามันก็สนุกไม่ต่างกับตอนท่ี่ทำงานอดิเรก
Too many business already. My hands are overflowing.
ทั้งสองอย่างเหมือนกัน แต่ก็อย่างพี่จิ้ง หลังๆ มาทำนิยายทำมือด้วยก็เลยตีซะว่า เพื่อธุรกิจ ล่ะกัน
แต่แน่นอนว่านิยายที่เขียนเราต้องรักต้องชอบจริงๆ จะขายได้มากได้น้อย เราไม่ค่อยเกี่ยงอยู่แล้ว ตอนนี้มีงานประจำแล้วอีกต่างหาก อะไรเสริมได้ก็เสริมไป
เขียนด้วยใจรัก แต่ก็อยากมีเงินใช้ ทำงานที่รักแถมได้เงินใช้ด้วย ดีออก
แต่ชีวิตมันไม่ได้ง่ายแบบนั้นนะสิ
ลงไปว่าธุรกิจก็แล้วกัน
ค่อยเป็นค่อยไป สักวันมันจะกลายเป็นธุระกิจ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?