เพิ่งเข้ามหา'ลัยได้แค่ 3 อาทิตย์ แต่รู้สึกว่าโง่กว่าเพื่อนมาก ไม่ชอบเลย :((
ตั้งกระทู้ใหม่
แต่พอมาตอนนี้เรารู้สึกว่าตัวเองโง่ โง่มาก ทุกคนเริ่มเรียนเรื่องใหม่พร้อมกัน แต่ทำไมเราไปช้ากว่าคนอื่น ทำไมเราทำไม่ได้ ทำไมเรื่องแค่นี้เรายังไม่เข้าใจ ทำไมคนอื่นเค้าเก่ง เค้าฉลาดกว่าเราทั้งนั้นเลย ทั้งๆที่เราพัฒนาตัวเองขึ้นมาก จากคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ จากคนที่ชอบลอกการบ้านเพื่อนตอนเช้า เราก้พยายามทบทวนบทเรียนให้มากขึ้น อดหลับอดนอนเพื่อทำการบ้าน แต่ทำไมผลที่ได้มันแย่กว่าคนอื่นแบบนี้ T^T
เราเศร้าอะ T_T อยากระบาย แต่ไม่อยากบอกที่บ้านเลยมาระบายในนี้แทน คนอื่นที่เพิ่งเข้ามหา'ลัยเป็นแบบเรามั่งมั๊ยอะ หรือว่าเราดันฟลุ๊คติดเข้าคณะที่มีแต่คนโหดๆ กันนะ =_=^^^ จากนี้ไปเราคงต้องขยันให้มากขึ้นสินะ ฉันจะไม่ยอมเป็นฐานให้คนอื่นหรอก ฉันต้องอยู่บนยอดเฟร้ย ฮึ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!! เซ็งงงงงงง ไปละ จุ๊ฟฟฟฟฟฟฟ
73 ความคิดเห็น
ยังเรียนไม่ถูกวิธีน่ะ จะเรียนแบบมัธยมไม่ได้แล้วนะ อยากเก่งใช่ไหม อยากเกรดเจ๋งใช่ไหม รีบหาข้อสอบเก่ามานั่งทำ แล้วเปิดหนังสือดูว่าอยู่เนื้อหาตรงไหน
ถ้ารู้สึกว่าคนอื่นเก่งกว่า ก็เข้ากลุ่มกับเค้าเลยค่ะ เกาะกลุ่มไว้ เราจะรู้ว่าคนไหนเก่งแล้วใจดี ไม่หวงวิชา(บางคนหวงวิชา กั๊ก) ให้เค้าติวให้ อยู่กับคนเก่งที่อยู่แล้วสบายใจ เราก็จะสบายใจ ได้เพื่อน และได้วิชาด้วยค่ะ
ยึดติดไปนะ มหาลัยไม่เหมือนมัธยมนะครับ ต้องได้เกรดดีกว่าคนอื่น ต้องเก่งกว่าคนอื่น ต้องเอาชนะคนอื่น ถามจริง...มีใจรักในสายวิชาที่เรียนรึป่าวครับ?
สู้ๆครับ ทถกคนก็เริ่มเหมือนคุณ
เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เลิกมองเรื่องเกรดเถอะ เหนือฟ้ายังมีฟ้า ตอนอยู่โรงเรียนคุณอาจจะเกรดดี แต่พอมาเรียนมหาวิทยาลัยแล้วคนที่เก่งๆกว่าคุณมีอีกเยอะ // อย่าไปแข่งกับคนอื่นให้แข่งกับตัวเอง มีแค่เราเท่านั้นแหละที่รู้ว่าควรจะทำยังไงให้ถึงเป้าหมาย สู้ๆๆๆๆ^^
อย่าไปยึดติดครับ - -" ตอนแรกพี่เข้าเรียนมหาลัยก็ติด 1ใน 10ของแซ็คที่เรียนสอบเข้าก็ได้ที่ 3 (ของสาขา) ตอนนี้เหรอ? เหอๆ ไร้สาระไปวันๆจนเทียบกับคนที่อ่อนกว่าไม่ได้แล้วครับ
ที่จะสื่อก็คือน้องไม่ต้องเครียด ยิ่งน้องรู้ตัวว่าต้องอัพตัวเองน้องจะยิ่งเก่งวิธีเรียนมันมีหลายวิธี ค่อยๆหาไป เดี๋ยวจะขึ้นมาเทียบหรือแซงพวกที่เก่งๆเองแหละครับ
แต่ห้ามขี้เกียจไปวันๆเด็ดขาดไม่งั้นจะตกมาอยู่ที่โหล่แบบคนแถวนี้บางคน
แนะนำให้ยึดกับสิ่งที่เป็นปัจจุบัน สิ่งที่เราทำได้ดีเมื่อครั้งอดีตอย่าไปยึดติดมาก จะเป็นการหลงตัวเองเสียเปล่าๆ ชีวิตมันเป็นการเรียนรู้อยู่ทุกวัน ให้ถามใจตัวเองว่าชอบหรือเปล่า หมายถึงในวิชาเรียน ไม่ใช่คะแนน ไม่มีอะไรเกินความพยายาม 'เรามาเรียนเพื่อให้มีความรู้' หมายความว่าตอนนี้เราไม่รู้เราถึงเรียน พยายามต่อไป คนอื่น เพื่อนๆทำได้ น้องก็ต้องทำได้นะคะ สิ่งที่เป็นปัจจุบันตอนนี้ ขอให้พัฒนามันไปเรื่อยๆค่ะ
ผมว่าอย่าไปซีเรียสเรื่องเกรด หรือว่าใครฉลาดกว่าใครเลยครับ
จบจากมหาลัยไปเกรดมีส่วนน้อยกว่าตอนจบมัธยมครับ
(ยกตัวอย่างให้ครับ สมมุติเราเลือกลงวิชาง่ายๆ เกรดเราออกมาสวย แต่วิชาที่ลงไม่ได้คล้องกับที่เราอยากนำไปใช้เลย พอจบออกมาเราก็มีเกรดที่สวยหรู แต่พอไปทำงาน ทำไม่เป็น กลายเป็นคนความรู้เฉพาะด้านน้อยมาก กับอีกคนที่เกรดจบมาไม่สวย แต่ได้ความรู้จากที่เราอยากเรียนเต็มที่ วิชาที่อยากเรียนยากขนาดไหนก็ขวนขวายเรียนให้จบ ได้ความรู้มา จบออกไปถึงแม้เกรดจะไม่สวยแต่พอทำงาน เราได้นำความรู้นั้นมาใช้ได้เต็มที่ แถมทำงานเก่ง งานดีได้เลื่อนขั้น อนาคตไกลแน่นอนครับ)
เรียนในมหาลัยจำไว้ครับ แข่งกับตัวเอง
พอมาเรียนมหาลัย ทุกคนเริ่มต้นพร้อมกัน ไม่มีใครเรียนมาก่อน เราเคยชินกับการไม่ฟังครูสอน ก็เลยอาจจะเรียนไม่รู้เรื่อง
อันนี้เราต้องปรับปรุงนะคะ ด้วยการตั้งใจฟังครูเรียนในคาบ เปลี่ยนทัศนคติใหม่ในการฟัง เราว่าน่าจะดีขึ้นนะคะ จขกท. สู้ๆค่ะ
ก่อนอื่นเธอต้องยอมรับความจริงก่อน ตอนที่เราเข้ามหาลัยใหม่ๆ เราสอบเข้าสายวิทย์-สุขภาพได้เพียงคนเดียวของ รร. ก็คือเราเป็นที่1ของ รร.นั่นแหละ ไม่มีใครเลยที่พูดว่าเราไม่เก่ง ทุกคนชื่นชม มั่นใจตัวเองเหมือนเธอ แต่พอ ปี1เทอม1จบลง เกรดที่ออกมาก็2.63 ช็อคค่าาาาาาา แต่หลังจากนั้นปลงได้ว่าเพราะเราเองที่มั่นใจเกินไป บางคำตอบที่คิดว่าถูก พอได้ไปถามเพื่อนดีๆแล้ว มันคือผิด เราอย่าไปนอยว่าเพื่อนเก่งกว่า การคบคนเก่งเป็นเรื่องดีแล้ว เค้าจะได้พาเราไปด้วย ไม่ได้หมายถึงเกาะไป แต่จับมือไปด้วยกันตะหาก พอคิดได้อย่างนั้น ปี1เทอม2 เกรดที่ออกมาคือดีขึ้นแบบสุด ซึ่งพอมันบอกกับเทอม1ก็ยังไม่พออยู่ เรายังเสียดายอยู่เลย เสียดายที่มั่นใจเกินตัว เสียดายที่หยิ่ง เสียดายที่ไม่คบเพื่อน T^T
คนตั้งกระทู้คืออะไร? เข้าใจว่าคุณกำลังเครียด แน่นอน คุณหวังอะไรกับมหาลัยให้ครูหรือระบบการสอนเหมือนเดิมเหรอคะ? เราค่อนข้างจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณเขียน(ค่อนข้างไม่ชอบใจด้วยซ้ำเพราะเหมือนคุณกำลังจะดูถูกคนอื่นๆด้วย) จากที่อ่านเหมือนคุณจะselfในระดับหนึ่ง บอกว่าต้องเป้นที่หนึ่ง ไม่ให้คนอื่นเหยียบ เราว่าคุณควรจะปรับมุมมองไม่งั้นคุณได้เก่งแต่แค่เกรดแต่จบออกมาทำอะไรไม่ได้ คือเราไม่ได้จะว่าคุณนะเพียงแค่ว่าจากสิ้งที่คุณเขียนมันบอกถึงตัวคุณได้ดีในระดับหนึ่ง เราแนะนำให้คุณปรับมุมมองไหม อย่าไปคิดว่าคุณจะต้องอยู่เหนือกว่าคนอื่นตลอดเวลา มันเป็นไปไม่ได้ คุณควรจะเรียนรู้จากจุดต่ำๆเช่นกันกับจุดสูงๆ ยอมรับว่าตัวเองโง่บ้างก็ไม่ตายนะค่ะ ลองอยู่ใต้คนอื่นเห็นเรียนรู้ จะได้เริ่มเปิดใจพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆแล้วทำให้ตัวเองฉลาดขึ้น
สุดท้ายยอมรับว่าเรามีอารมณ์ร้อนนิดส์หนึ่งตอนอ่านข้อความของคุณ อย่างไงก็ขอโทษที่ข้อความอาจจะดูเหมือนโจมตี แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากให้ลองพยายามดูค่ะ เราจะเอาใจช่วย ค่อยๆเรียนกันไปอย่ามอง(กด)เพื่อนว่าต่ำกว่าเราหรือเขาเก่งกว่าเรา มองเขาเป็นเพื่อนช่วยคิดช่วยเรียนแล้วenjoy with the uni life
ปล.ถ้าผิดพลาดประการได้ก็ขออภัยด้วยนะค่ะ สู้ๆเปลี่ยนความคิดพยายามตั้งใจเรียนมีเพื่อน(จริงๆ)เยอะๆ
เราเรียน สายวิทย์มาแล้วมาเรียนคณะ บริหาร คือเริ่มใหม่หมดเลย แถมเรียนแบบ อินเตอร์ เข้ามาแรกๆ รู้สึกด้อยมาก เพราะทุกคนจบนอกมา หรือเรียน นานาชาติมา ตอนแรกก็เรียนไม่เข้าใจเลย เกรดตกไปมาก ร้องไห้ คิดว่าคงไม่เหมาะกับด้านนี้ คิดจะซิ่ว ตอนหลังพยายามอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียนในห้อง ได้เกรดดีขึ้น ตอนนี้เรากลายเป็นคนติวให้เพื่อนแล้วจ้า สู้สู้ พี่อยู่ปี 2 ล้ะ สู้สู้จ้า :)
มัธยม เรียนพิเศษ มันผ่านตามาละ
มหาลัยซิ ของจริง
ต้องพยายามอ่านหนังสืออะ
ทำความเข้าใจ
สู้ๆค่ะ
อยากบอกว่าทุกคณะมันต้องเรียนรู้ใหม่หมดแหละครับ ต่อให้ ม.ปลายสายวิทย์-ตณิต ติดเข้ามหาลัยทางสายวิทยาศาสตร์ ยอมรับว่าปี1ยังพอกินบุญเก่าได้เพราะเรียนฟิ เคม แคล เหมือนมปลาย แต่พอปี 2 เข้าวิชาภาคมันก็ต้องเรียนรู้กันใหม่หมดครับวิชาในภาคมันคนละเลเวลเลย
ผมเห็นเพื่อนๆหลายคนเข้ามาปีหนึ่งหวังเกียรตินิยม เพราะคิดว่าเรียนเก่งมาตอน ม.ปลาย เข้ามาแป๊กครับ เรียนมหาลัยแนะนำให้ไปเป็นทีมพากันติวครับได้กันยกกลุ่ม ได้สังคม มีเพื่อนทำงานกลุ่ม บางคนผมเห็น 4 ปีแทบไม่มีสังคมกับคนอื่น เก่งจิงแต่อ่านคนเดียวเข้าสังคมกับคนอื่นไม่ค่อยได้ พอไปทำงานไม่รอดครับปรับตัวไม่เป็น
ชีวิตในระดับมหาวิทยาลัยจะแตกต่างจากชีวิตในระดับมัธยมเยอะครับ ในระดับมหาวิทยาลัยไม่มีรั้วมาคอยปิดไม่มีคะแนนมาเรียนจิตพิสัยคะแนนเก็บเยอะๆแบบมัธยมแล้วนะ สอบเพียวๆ บางมหาวิทยาลัยก็มีคะแนนเก็บ 10 ถึง 20 คะแนนเท่านั้น ฉะนั้น พี่อยากให้น้องทิ้งเกรดระดับมัธยมไปซะ ปล่อยวาง และ เดินไปข้างหน้าเรียนรู้และพัฒนาตัวเองในรั้วมหาวิทยาลัยแข่งกับตัวเองเปรียบเทียบกับตัวเอง อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ในมหาวิทยาลัยคนเรียนหลายพันคน บางคณะตัดเกรดรวมกันอิงกลุ่ม ฉะนั้น แน่นอนต้องมีคนที่เก่งและไม่เก่งปะปนกันไป คนเก่งก็จะได้ A คนที่ไม่ค่อยเก่งก็จะต้องเป็นฐานนั่นถูกต้องแล้ว วิธีที่จะทำให้เราเก่งและได้คะแนนดีขึ้นคือ คบเพื่อนที่เก่ง ไม่หวงวิชา และหมั่น การทบทวนข้อสอบเก่าบ่อยๆ เพราะคะแนนสอบเยอะจริงๆในระดับมหาวิทยาลัยเนี่ย ต้องทำใจ และ จะเรียนหนักและเจาะลึกขึ้นเรื่อยๆใน ปี 2 ปี3 และ ปี4 น้องยังต้องเจออะไรอีกมากมายนี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น อย่าไปเครียดพยายามสนุกกับสิ่งที่เราเรียนอะไรที่ไม่รู้แล้วมีโอกาสได้รู้ก็ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ๆ อยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ไม่มีใครเขาเอาอาหารมายัดใส่ปากให้คุณเหมือนตอนมัธยมแล้ว คุณต้องหัดกินเองถ้ากินไม่ได้ก็อดตาย อาจารย์ไม่มีใครมาโอ๋ มาปลอบ เหมือนมัธยมหลอกนะ อาจารย์มหาลัย เขาสอนๆๆ สอนเสร็จปล่อย นัดสอบนู้นนี่นั่น ตกคือตกเลย เขาจะไม่มาเทคแคร์เอาใจเหมือนมัธยม
เป็นเหมือน จขกท เลยครับ
สู้ ๆ ครับ
รู้สึกเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่างานเราห่วยมาก
ทำงานดีไซน์ออกมา ทำทั้งวันทั้งคืนอดหลับอดนอน
พอเอางานไปส่งเท่านั้นแหละค่ะ
โดนจวกเละเป็นขรี้เลยทีเดียวเชียว
ไหนจะวิชาอังกฤษที่ได้ไข่ต้มมากินเพียวๆ
ท้อแท้.....กลับหอเฟลไปสามวันค่ะ...ตอนนี้กำลังใจเริ่มกลับมา
ไม่อยากไปเจออาจารย์ดีไซน์อีกแล้ว...แค่เห็นหน้าก็จะร้องไห้แล้ว
ต้องอยู่บนยอดไม่ยอมให้คนอื่นเหยียบ? คำคำนี้มันเหมือนกับความทะเยอทะยานของคุณมันมีมากจนคุณต้องกำจัดคนอื่นๆทิ้งหมด แบบนี้ต่อให้คุณเรียนเก่งแค่ไหนก็ไม่มีใครอยากได้คุณเป็นเพื่อนหรอกครับ
จริงๆช่วงแรกๆเราก็เป็นนะคะ ทิฐิที่ว่าเรียนอะไรก็เข้าใจยังมีอยู่ แต่พอผลสอบออกมานี่เปลี่ยนเลยค่ะ ทิฐิที่ว่าต้องลบเลย พยายามคบเพื่อนที่เก่งดูแต่เหมือนจะไม่สำเร็จเพราะเทอมแรกเราหยิ่งไปแล้ว แต่ใช่ว่าเพื่อนที่คบปัจจุบันไม่เก่งนะคะ ก็เริ่มจากพอๆกันแล้วช่วยกันติว เราคณะนิติศาสตร์เลยมีอะไรให้ท่องเยอะ มีเพื่อนก็ช่วยกันหาเทคนิคจำ พอเทอมสองนี่เห็นผลเลยค่ะ ไม่ได้สุนัขกลับไปเลี้ยงเหมือนคราวก่อน ยิ่งขึ้นปีสองยิ่งเข้าสู่เนื้อหาจริง ท่อง ท่อง ท่องและเข้าใจ ท่องคนเดียวมันยากนะคะ หลายคนมาแชร์เทคนิคกันนี่ดูจะสบายขึ้นเยอะเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ
ถ้ารู้ว่าตัวแย่ไม่ทันเพื่อนและอยากจะมีคะแนนสอบดี อนาคตดี ต้องสู้นะคะ สู้ๆๆๆ
การใช้คำจองจขกท.เราพอเดาได้เลยว่าเป็นคนไงเลยนะเนี่ย5555
มันกะแม่นยุ 555
ชีวิตมหาลัย แค่นั่งอ่านหนังสือไม่พอหรอกค่ะ ต้องทั้งทบทวน ทั้งอ่านล่วงหน้า ทำแบบฝึกหัด ต้องคบกับเพื่อนให้มากๆ ยิ่งเพื่อนคนไหนเก่งๆก็เข้าไปตีซี้เลย(แต่ถ้ามันหยิ่งก็เชิดใส่ซะ) เพื่อที่เขาจะติวเนื้อหาให้เราได้ อย่าอายที่จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อน และที่สำคัญมากๆถ้าเราเรียนไม่เข้าใจจริงๆ อย่ากลัวที่จะถามอาจารย์ค่ะ
แบบมัธยมมันเป็นเเบบที่ไม่อ่านหนังสือก็ได้คะเเนนน่ะ เพราะทำคะเเนนกับพวกท่าทางนิสัยจากตัว เเต่ไม่ได้เเบบเรียนจริงๆนะรู้สึก
เกิดกะผมเหมือนกัน ตอนประถมเรียนเก่ง มีแต่คนชม พอขึ้นมัธยมเริ่มเปนสิว แล้วติดแกะ เปนแผลเปน แล้วก้หมดความมั่นใจ แล้วก้เรียนไม่ได้เรื่องไปเฉยๆ จากที่เคยยุบนๆ แต่ลงมากลางๆ แต่พอมาเหนกระทู้นี้ มีคนที่เกิดอาการแบบเดียวกันด้วย เริ่มมีกะลังใจไปต่อ สู้ๆนะคับ พยายามมั่งๆ
If you win, will your knowledge increase ? ....... No just pressure
สู้ๆๆนะคะน้องแต่เรื่องของพี่เป็นอีกแบบ1นะคะคิดว่าตอนเรียนมอปลายพี่โดดเรียนประจำเลยหนังสือสอบไม่อ่านคะพอมาต่อมหาวิทยาลัยขยันแค่เทอมแรกและไม่ค่อยอ่านหนังสือเลยแต่ในสิ่งที่พี่ทำคือเข้าเรียนทุกคาบไม่ขาดนั่งตรงแถวหน้าตลอดเพราะจะได้เห็นชัดฟังชัดๆเวลาอ.แก่ใบ้แนวข้อสอบเราจะหาจุดได้เร็วมากเลยคะแนนสอบก็ผ่านทุกครั้งบางวิชาก็ออกมาท็อปของห้องเลยเพราะพี่ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือทุกหน้าแต่พี่อ่านตรงจุดสำคัญตามอ.สอนอะคะบางครั้งการที่เราเรียนในม.สิ่งเร้ามันเยอะมากทั้งเสียงรบกวนจากเพื่อน ร่วมปีที่เรียนทีละหลายร้อยคน เวลาที่เราเล่นโทรศัพท์อีกละเพราะชะนั้นนั่งแถวแรกฟัง อ.สอนแค่นั้นเองคะ
ตอนพี่เรียน มัธยม เกรด 3.94 มานี่ 2 กว่าๆ 55 // พี่แนะนำว่า น้องไม่ได้โง่หรอก น้องแค่ยังปรับตัวไม่ทัน ก้ออย่างที่มีคนบอก มหาลัยไม่เหมือน มัธยม อย่าไปยึดติดว่าจะทไได้ไม่ได้มากครับน้องมาแรกๆ พี่ปรับตัวไม่ทันทำไรไม่ได้ แต่พี่หันไปหาเพื่อนครับ แล้วนั่งเรียนกับเพื่อน ุยกันแลกเปรี่ยนความคิดกับเพื่อน อีกเทอมเกรดพี่ดีขึ้นครับ 3+ สู้ๆ (การเรียนไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด)
โดนใจ......
รู้้สึกแบบนี้เหมือนกันค่ะตอนนี้ตอนม.ปลายเรียนสายวิทย์-คณิต พอเข้ามหาลัยมาเรียนด้านภาษารู้สึกตามไม่ทันเพื่อน....แอบเสียใจนิดๆน่ะค่ะทำไงได้ก็ต้องพยายามตั้งใจต่อไปค่ะ.....สู้ๆน่ะค่ะ
อย่าไปแข่งขันกับคนอื่นค่ะ ถ้าจะแข่งต้องแข่งกับตัวเอง มหาลัยก็แบบนี้แหละค่ ไม่ง่ายเหมือนมัธยม.. พี่ไม่ชอบทัศนคติที่น้องคิดว่าตัวเองโง่นัะ ถ้ารู้ว่าทำไม่ได้ก็ต้องพยายาม อ่านหนังสือเตรียมตัวก่อนไปเรียน ลองทำแบบฝึกหัดก่อนไปเรียน ลองดูบทเรียนว่ามันเกี่ยวกับอะไร ถ้าไม่เข้าใจก็หาในเนฺ็ทเอา แล้วอ่กอย่าง อย่าพยายามเหยีบหัวคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูสุงขึ้นนะคะ
ใช่แล้วๆๆ ต้องอยู่บนยอดเท่านั้น!! สู้ๆนะ เป้าหมายคือการเป็นแต่หนึ่ง แต่บางครั้งก็จงเรียนรู้การเป็นที่โหล่ไว้บ้างก็ดี "ไม่มีผู้ชนะที่ไม่เคยแพ้" (วันนี้รู้สึกหล่อจริงๆ)
เรียนมหาวิทยาลัยไม่ต้องคิดเรื่องเกรดมาก เกรดน้อยเเล้วค่ะ จริงอยู่ว่าคะเเนนก็สำคัญ เเต่สำหรับเราที่เรียนสายศิลป์มา จนถึงทำงาน ขอบอกเลยว่าสายนี้เน้นประสบการณ์เเละการลงมือทำมากกว่า วิชาการเอามาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้ จริงอยู่ว่าเกรดจะเป็นประตูให้ได้งานดี เเต่ถ้าลงมือทำจริงๆเเล้วไม่ได้อย่างที่เขาหวัง โดนว่าจบมาดีเเต่เกรดเเน่ค่ะ
อาจออกนอกเรื่องไปไกล จะบอกว่ามหาลัยต้องช่วยกันเรียนค่ะ ไม่มีใครเก่งไปคนเดียวโดดๆได้หรอก ต้องช่วยกันเรียนค่ะ ใครเก่งเรื่องอะไรก็ช่วยกันติวเรื่องนั้น อย่าไปคิดว่าต้องแข่งกัน เราทำอย่างนี้ตอนเรียน ซึ่งตอนเเรกเพื่อนในเอกมาจาก ตจว.กัน คะเเนนห่างกันคนละทิศละทางค่ะ เเล้วเราก็มาคุยกัน ใครเก่งภาษา เก่งตรรกะ ก็เปลี่ยนกันติว จบสี่ปี เเต่ละเทอมคะเเนนกลุ่มเราไม่ต่างกันมากเลยค่ะ 2.9 อัพ คนสูงสุด 3.6 เกียรตินิยมของกลุ่ม 2 คน สี่ปีนี้เรียนรู้ให้คุ้มค่ะ สู้ๆๆ
เราก็เป็นค่ะ ตอนเรียนมัธยม ทำอะไรก็ได้ที่ 1 ตลอด เวลาจะสอบหรือทำอะไรเพื่อนก็จะถามตลอด แต่พอเข้ามหาลัยรู้สึกว่าตัวเองดูอ่อนไปเลย อาจจะเป็นเพราะคณะที่เราเลือกนั้น เราอาจไม่ถนัดก็ได้นะ แต่เราก็ไม่ทันเพื่อนแค่ตอนช่วงแรกๆ นะ พออยู่ ปี 2 ปี 3 แล้วตอนนี้เวลามีงานอะไรเพื่อนก็จะมาถามเราตลอดเหมือนเดิมละ อิอิ สู้ๆนะ
สู้ๆนะน้อง ตอนที่พี่เข้ามหาลัยตอนแรกคิดว่าสายที่เลือกนี่โอเคกับตัวเองแล้วมั่นใจว่าวิชานี้คงจะทำให้เกรดดี แต่เอาเข้าจริงวิชาที่เราคิดว่าถนัดพอเรียนมหาลัยมันก็เหมือนกับเริ่มใหม่ทั้งหมด ที่เรียนมาช่วงก่อนๆ แทบล้างสมองกันเลยทีเดียว น้องลองเปิดใจกว้างๆนะ พี่ว่าอย่าเอาตัวเองไปเปรียบกับใครเลย แล้วก็ไม่ต้องเอาความสามารถคนอื่นมาเป็นบรรทัดวัดตัวเราด้วย เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน ลองแข่งกับตัวเองดีกว่านะ น้องจะได้มีความสุขกับชีวิตมหาลัย เรียนไปเรื่อยๆเอาที่สบายใจ ไม่ต้องคิดว่าเราต้องเป็นที่หนึ่งเสมอลองตามคนบ้าง ลองเป็นผู้รับจากคนอื่นบ้าง แล้วน้องจะไม่เครียดนะ ^^
ปล. เพราะพี่เคยเป็นแบบนี้ พี่เข้าใจดีนะ โลกมหาลัยมันกว้างลองเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆดูนะ ไม่มีอะไรเกินความสามารถของคนหรอก
ผมก็เป็นนะ เเต่ผมยึดหลักคำพูดที่ว่า "เมื่อใดที่เราว่าเราเก่งเราฉลาด เมื้อนั้นเเหละเราจะโงขึ้นมาทันที" คิดเอาเองนะครับไม่เเปลให้
ถ้ามีความทะเยอทะยานอยากอยู่บนยอดก็ดีแล้ว พยายามต่อไปเถอะ ใครตั้งใจแบบนี้จริงควรชื่นชม สมัยนี้มีแต่พวก "สอบตก อ๊ะ ไม่เป็นไร ช่างมัน" แล้วมาอ้างว่า "ไม่ยึดติดกับคะแนน" เต็มไปหมด ไม่ยึดติดกับคะแนนห่_ไร พวกแกแค่ขี้เกียจตั้งใจตะหาก จขกท.คิดอยากจะดันตัวเองขึ้นไปก็ดีแล้ว
แต่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ก็มากับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง(-Spiderแมง?) พอถึงมหา'ลัยในคณะจะมีแต่พวกที่เก่งวิชานั้นเต็มไปหมด ไม่เหมือนตอนอยู่มัธยม วิชาที่ตัวเองเก่งจะมีคนอื่นที่ไม่เก่งไว้ใช้ปลอบใจมากมาย แต่เข้ามหา'ลัยแล้วทุกคนจะเข้าได้เฉพาะคณะที่ตัวเองคะแนนดีทั้งนั้น หมายความว่าทุกคนเก่งวิชานั้นนั่นเอง แล้วคนที่ถนัดสายศิลป์มาเข้าคณะสายศิลป์เขาก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกับจขกท.นะ "ฉันตั้งใจจะเข้าคณะนี้มาทั้งชีวิต -พวกสายวิทย์หัวดีเรียนเก่งจะเก่งมาจากไหน ก็ไม่ยอมยกยอดเขาให้หรอกโว้ย! -ห่_เอ๊ย!(สบถไม่มีความหมาย)" พวกที่คิดแบบนี้มีถมไป
เอาตัวรอดดีกว่า สมัยนี้เกรดเริ่มด้อยความสำคัญลงเรื่อยๆ แล้ว หลายที่ทำงานเขาทดสอบความสามารถผู้สมัคร เกรดน่ะเขาก็ดู แต่ดูแค่ F มีกี่ตัว มีตรงไหนบ้าง แค่นั้น เกรดเฉลี่ยเขาดูพอผ่านๆ เห็น A เยอะๆ แล้วไง เกิดคนสัมภาษณ์เป็นคนที่ได้แต่ CCCCC แล้วไต่เต้ามาได้ เขายิ่งมีอคติกับพวกเกรดดีอีก(เคยคิดแบบนี้กันบ้างไหม ว่าเกรดดีจะทำให้ตกงาน?) เรียนมหา'ลัยแค่ 4 ปี เดินเตะฝุ่นหางานไม่เกิน 2 ปี แต่ต้องทำงานนั้นเป็นสิบยี่สิบปี เอาเนื้อหาเถอะเกรดช่างบรรพบุรุษมัน
เลิกมองเรื่อง ชื่อ โรงเรียนเก่า กับเกรด แล้วก็สายที่เรียนมาเถอะ
พวกนั้นมันบอกแค่ว่า พื้นฐานคุณเป็นยังไง
เราจะยกตัวอย่างเราให้ฟัง
เพื่อนเราคนนึงในสาขาเรียนจบโรงเรียนที่ติด1-10ของโรงเรียนที่ดีที่สุด
จบสายวิทย์ เกรดเฉลี่ย 3.5
เราจบโรงเรียนที่ไม่ติด1-100ด้วยซ้ำ จบสายศิลป์คำนวณ เกรด3.3
พอมาเรียนมหาลัย อยู่สาขาเดียวกัน ตอนแรกเพื่อนก็คนใจคนที่ดูเหมือนจะเก่งคนนั้น สุดท้าย พอเกรดออก เราได้ 3กว่าๆ เพื่อนได้แค่2 คนก็เลิกสนใจมันเลย
เราจะบอกว่า ไอพวกชื่อ ร.ร. สายที่เรียนมา รวมถึงเกรดตอนเด็ก มันไม่ช่งยอะไรคุณหรอก ถ้าคุณมาเรียนมหาวิทยาลัยแล้วยังทนงตัว ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับมัน ถ้าไม่ทบทวน คุณจะไม่มีวันได้ดีๆ
เป็นกำลังใจให้น่าาา
.... ....ไฟนติ้งงง
ลองปรับความคิดดูคับ
นกใหญ่ในกรงเล็กไม่สามารถโตได้อย่างเต็มที่
การที่เรามาอยู่ในสังคมที่มีคนเก่งเยอะๆมันเปิดโอกาสให้เราพัฒนาตัวเองคับ
นอกจากจะได้เรียนรู้ถึงศักยภาพของตัวเองว่าต้องพัฒนาอะไรอีกขนาดไหนไปได้ไกลอีกแค่ไหนยังได้เรียนรู้จากเพื่อนๆที่เก่งๆด้วยคับ
เค้าเก่งปล่อยเค้าเก่งอย่าไปอิจฉา เรียนรู้จากเค้าดีกว่าคับ
จะบอกว่า เรียนสายวิทย์มา จะคิดว่าตัวเองเก่งแบบสายศิลป์ไม่ได้ เพราะวิชาสายศิลป์ ใช้ความเข้าใจ วิเคราะห์ให้เป็น ไม่เน้นจำนะ เน้นเข้าใจ และประยุกต์ใช้นะ ลองเข้าใจตัวเองก่อนนะ การอ่านหนังสือดึกไม่ช่วยอะไร อ่านให้เข้าใจดีกว่า เนอะ
ที่หนึ่งแล้ว? แค่พยายามให้ดีที่สุดก็พอ ไม่ต้องเป็นที่หนึ่งหรอก กดดันตัวเองเพื่อ?
นี่แหละค่ะที่เรียกว่า การปรับตัวในมหาวิทยาลัย :)) แต่ละคนต้องลองปรับดูนะคะ จูนติดเมื่อไหร่ก็มันส์เลยค่ะ 555 เราเรียนกายภาพฯ วันนึงไปลองลงเรียนวัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศสดู มันมากเลยนอกจากได้เพื่อนใหม่ได้ภาษาเจออ.ต่างชาติ สนุกมากๆๆเลย เรียนตอนแรกก็ไม่ทันใครเค้าเลยค่ะ เรียนเป็นภาษาอังกฤษ(สำเนียงอ.ฝรั่งเศส) ตอนแรกๆเรียนไม่รู้เรื่อง อ.เค้าเหมือนรู้ก็เรียกถามๆ อึดอัดอับอายปนๆกันไป หลังๆเราอ่านหนังสือ ย้ายที่นั่งไปนั่งกลางๆเข้าเรียนทุกครั้ง พยายามตอบคำถามอ. สุดท้ายอ.ก็ให้Aเรานะ :)) แถมพาไปเลี้ยงอ.ฝรั่งเศสไปกันทั้งคลาสเลย พวกเราไม่โง่หรอกแค่ไม่ถนัด 555 โอเคป่ะ สู้ๆนะ
พยายามให้ดีที่สุด อย่าไปเทียบตัวเองกับคนอื่นซิครับ จบมาก็แยกย้ายกันไปทำงานแล้ว ก็ต้องแข่งกับตัวเองแล้วครับ ถึงเราชนะคนอื่นเราก็ไม่ได้อะไร อย่าไปสนว่าคนอื่นจะเก่งยังไงซิครับ
อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น ไม่มีใครดีกว่าใคร และก็ไม่มีใครด้อยกว่าใคร เอาจริงๆเราก้เคยเรียนได้อันดับดีๆในตอนม.ปลาย แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยมาเรากลับเป็นฐานให้คนอื่น ถึงจะมีท้อ มีเหนื่อยบ้างว่าทำไมเรียนไม่ได้เท่าเค้า แต่กลับมาคิดใหม่แล้วว่า จะเอาตัวเองไปเทียบกับเค้าทำไม คิดแล้วก็เหนื่อยก้ท้อ ทำไมไม่มาแข่งกับตัวเองล่ะ ว่าที่ผ่านมาเราทำให้กับมันสุดๆแล้วหรือยัง ไงก้สู้ๆนะ ตอนนี้เราก็กำลังต่อสู้กับตัวเอง ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามหรอก
เรียนเหมือนกัน
ครูเหมือนกัน
อวัยวะครบเท่ากัน
มีสมองเหมือนกัน
มีความสามารถเหมือนกัน
หนูอยู่ม.6 อ่ะตอนนี้เห้นกะทู้นี่แล้วทั้ง กดดัน ท้อแท้ ทั้งรู้สึกมีกำลังใจ เป็นคนเรียนอยู่ระดับกลางๆ อ่า ตกบ้าง ผ่านบ้าง แล้วนิสัยส่วนตัวแบบเป็นคนไม่ค่อยพูด พูดน้อย จะสนิทกับเพื่อนไม่ค่อยเยอะ เท่าไร แล้วเวลาเห็นเพื่อนคนอื่นไปไหนก็มีเพื่อนรู้จักเยอะแยะ เลย รู้สึกว่าตัวเองควรจะเข้าสังคมกับเพื่อนบ้างก็แต่พูดกับคนอื่นบ้าง มันจะยากอะไร แต่เพื่อนที่สนิท กันกับเราก็เป็นคนคุยเก่งนะ แล้วแบบเราเรียนไม่เก่งด้วยรึป่าว ไม่รู้??
แล้วไม่รู้สิ คิดว่าันมีผลต่อการเรียนใน มหาลัยมากอ่ะ เรียนก้องั้นๆๆ
เห็นด้วย
เกรด ไม่ใช่ตัววัดความสำเร็จในอนาคตจ้า เราก็ทำให้ดีที่สุดของเรา
แต่ถ้าเก่งคณิตวิทย์มากๆนี่ น่าจะไปสอบเป็นนักเรียนเหล่านะ
พี่เห็นน้องๆเขาไปสอบกันเยอะ ได้ใส่ชุดเท่มากเลย อนาคตแน่นอนด้วย
ถ้าปัจจุบันทางที่น้องเลือกมันไม่ใช่ ก็ลองค้นหาตัวเองดีๆ
เพิ่งจะเปิดเทอม ตอนนี้ยังเปลี่ยนแปลงอะไรทันอยู่นะ
ถ้าปล่อยเวลาผ่านไป มันจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจ้า
สู้ๆ
คุณอยู่ในสังคมแคบๆมาตลอด พอมาเจอสังคมที่กว้างขึ้น ด้วยความที่คุณเก่งในสังคมแคบๆจนอาจจะเรียกได้ว่าเหลิง ทำให้คุณรับไม่ได้เมื่อเจอคนที่เก่งกว่าแล้วคุณก็อยู่ต่ำกว่าเขา
ตอนที่คุณกำลังเทียบตัวเองกับคนอื่น แล้วคิดว่าชั้นจะต้องดีกว่า นั่นคือคุณกำลังอิจฉา
เราว่าคุณเริ่มนับ 0 ใหม่เถอะ เอาตัวเองเป็นหลัก ไม่ต้องไปเทียบกับใคร ทำให้ดีที่สุด ถ้ายังไม่ได้ก็เอาใหม่ เครียดไปแล้วมีอะไรดีขึ้น นอกจะตีนกา สุขภาพแย่ อ่านหนังสือเครียดๆไม่เข้าหัว บลาๆ
ให้กำลังใจตัวเอง ยังมีคนที่เรียนไม่เข้าหัวมากกว่าคุณเยอะ อย่าคิดว่าตัวเองไม่ได้เรื่องและอย่าคิดว่าตัวเองเทพเกิน
การเรียนรู้ไม่ได้มีแค่ในห้องเรียน ออกไปเดินดูข้างนอกบ้างก็ดี เรียนรู้สิ่งรอบๆตัว แล้วเอามาประยุกต์กับสิ่งที่เรียนดู
เวลาว่างๆก็ไปเที่ยวผ่อนคลายบ้าง อ่านหนังสือธรรมะก็ดีนะ :)
ประถม กับ มัธยม เรียนต่างกันลิบลับครับ
ประถม ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน
แต่มัธยม โจทย์จะมีความซับซ้อนมาก
มีเยอะมากครับ ที่ประถมเก่ง มัธยมไม่เก่ง
ยกตัวอย่าง ถ้าวัด IQ เต็ม 10
ประถม คนที่มี IQ ระดับ 4-10 จะถือว่าเก่งเท่ากัน ทำข้อสอบได้เท่ากัน เพราะยังไม่ซับซ้อน
มัธยม คนที่มี IQ ระดับ 7-10 จะถือว่าเก่ง ดังนั้นจะมีคนเก่งระดับประถมที่ IQ 4-6 จะกลายเป็นไม่เก่ง ในระดับมัธยม เป็นต้น
ท้อได้แต่อย่านานค่ะ ก่อนที่จะฉลาดก็ต้องโง่มาก่อนเนอะ
ถ้าไม่เข้าใจก็ถามเพื่อนก็ได้น่ะ ยิ่งมหาลัย ยิ่งช่วยเหลือกัน ก้ยิ่งสนิทกันด้วย ได้เพื่อนด้วยน่ะ สู้ๆน้าา
คือน้องคะ พี่ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเป็นแบบนั้น ตอนมัธยมติด 1 ใน 3 ของชั้น เกรดเฉลี่ยสวยหรู แต่พี่เข้ามาในสาขาด้วยคะแนนที่ตำ่สุดของบัณฑิตแนะแนว เพื่อนในกลุ่มพี่เก่งกันหมด พี่เป็นคนเดียวที่ตกมีนตลอด แต่ว่าทุกคนก็ช่วยพี่นะ พี่เป็นคนเดียวที่มี D มาเยือนตั้งแต่ปีแรกเลย (ดีนะที่ไม่F) แต่พอเริ่มปรับตัวได้ เริ่มชินกับการสอบ ก็เริ่มสนุกนะ พี่ก็แข่งกับตัวเองมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ได้เกียรตินิยม มาแบบงงๆ สุดท้ายแล้วพี่เชื่อว่าถ้าน้องมีความสามารถติดเข้ามาได้แล้ว ยังไงน้องก็ต้องเรียนได้แน่นอน เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้!!!!!!!!
เวลาเลือกคณะ เลือกที่ตัวเองชอบ รึเลือกที่ตัวเองถนัด?
ถ้าเลือกที่ถนัด ทำยังไงก็เข้าใจ จะพลิกถามยังไง ทำงานไหนส่งก็ดี
ถ้าเลือกที่ชอบ แต่ทำได้ไม่ดี ต้องหาแล้วล่ะว่าวิธีเรียนรู้แบบไหนที่จะทำให้เราเข้าใจ-ทำได้เท่าเพื่อน วิธีเรียนเหมือนเพื่อนคงไม่พอ
เพื่อนในคณะส่วนมากที่เก็ตไว ตอนเรียนมัธยมเขาใช้เวลากับการคิดในสายนี้มาตลอดรึเปล่า เข้าใจระบบวิธีการคิดมาแล้วอะไรแบบนี้
เรียนมหาวิทยาลัย ความเข้าใจในตัววิชานี้แล้วมองภาพออกว่าหลังจากจบไปแล้ว จะใช้สิ่งนี้ในการทำงานยังไง ต้องจินตนาการออกว่าเราต้องใช้มัน
ถ้าคิดภาพไม่ออกมันคือการเรียนไปวันๆ
มหาวิทยาลัยควรเป็นการเรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองอยากจะรู้ และอยากทำงาน ถ้าไม่สนุกกับมัน ย้ายไปเรียนสิ่งที่ตอนเรียนจะมีความภูมิใจว่าเป็นที่ 1 ส่วนตอนทำงานค่อยคิดหาอีกทีดีมั้ย
ลองเปลี่ยนความคิดสิคะ อย่าคิดอย่างนั้น ไม่มีใครเค้าคิดว่าคุณเป็นฐารหรอก เข้าใจค่ะว่าเคลียด แต่ว่าถ้าคิดอีกมุมนึงคิอคุณโตขึ้นในอีกระดับเพราะฉนั้นก็ควรพยายามให้มากกว่านี้และก็ถ้าไม่เข้าใจก็ถามเพิ่อนสิคะ จ้ะได้สนิทกะเพื่อนไปในตัวด้วย
ผมคิดว่านะ เพราะตอนมัธยมพึ่งการเรียนพิเศษมากไปรึปล่าวครับ พอเข้ามหาลัย เรียนอย่างเดียวตามเพื่อนไม่ทัน
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?