คน′เกาหลีใต้′ มีสิทธิสูญพันธุ์!ภายในปีค.ศ.2750!?
คอลัมน์ ไฮไลต์โลก
โดย มนต์ทิพย์ ธานะสุข hilight@matichon.co.th
อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งจะเขียนถึงความเสี่ยงกลายเป็นเมืองร้างของหลายพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่นอันเป็นผลจากปัญหาอัตราการเกิดต่ำสวนทางกับประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด
วันนี้ขอฉายซ้ำปัญหาทำนองเดียวกันที่อาจเกิดกับเกาหลีใต้ได้เช่นกัน หากไม่คิดหามาตรการป้องกันจัดการให้ดี เนื่องจากมีรายงานการคาดการณ์ออกมา เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนว่าภายในปี ค.ศ.2750 หรืออีก 736 ปีข้างหน้า ชาวเกาหลีใต้ทั้งหมดอาจสูญพันธุ์ไปจากโลก หากอัตราการเกิดของประชากรเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในระดับต่ำเยี่ยงปัจจุบัน
การคาดการณ์ข้างต้น ได้มาจากการศึกษาและการจำลองสถานการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มประชากรของเกาหลีใต้ ที่จัดทำโดยสำนักงานวิจัยสมัชชาแห่งชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่า หากสภาพการณ์ทางประชากรในเกาหลีใต้ยังคงเป็นไปเหมือนปีที่แล้ว คืออัตราการเกิดในประเทศยังคงอยู่ที่ ทารก 1.19 คนต่อผู้หญิง 1 คน ก็จะทำให้ประชากรเกาหลีใต้ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 50 ล้านคน จะสูญพันธุ์ไปภายในปี ค.ศ.2750
ภายใต้การจำลองสถานการณ์การเกิดของทารกที่ยังอยู่ในอัตราต่ำดังข้างต้น จะทำให้ประชากรเกาหลีใต้ลดลงเหลือ 50 ล้านคนในปี ค.ศ.2056 และภายในปี ค.ศ.2100 จะหดลงเหลือ 20 ล้านคน ซึ่งจะอยู่ประมาณเดียวกับยุคที่เกาหลีใต้ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงปี ค.ศ.1930
ปี ค.ศ.2200 เกาหลีใต้จะเหลือประชากรอยู่ราว 3 ล้านคน และ 1 ล้านคนในปี ค.ศ.2556 จนกระทั่งถึงกาลสูญพันธ์ในปี ค.ศ.2750
ปูซาน เมืองท่าสำคัญที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดเมืองหนึ่งของเกาหลีใต้ ขณะที่มีการไหลออกของคนวัยหนุ่มสาวและวัยกลางคนอย่างรวดเร็ว จะกลายเป็นเมืองแรกของเกาหลีใต้ที่ร้างผู้คน และจะเห็นการเกิดของประชากรในเมืองปูซานคนสุดท้ายในปี ค.ศ.2413 ส่วนชาวโซล (เมืองหลวงเกาหลีใต้) คนสุดท้ายจะเกิดมาดูโลกในปี ค.ศ.2621
อัตราการเกิดต่ำในปีที่แล้วของเกาหลีใต้ ถือว่าต่ำกว่าระดับที่ต้องการให้มีการเติบโตของประชากรอย่างยั่งยืนอยู่มาก และยังต่ำกว่าอัตราการเกิดของจีน ทั้งๆ ที่จีนบังคับใช้นโยบายลูกโทนหรือให้แต่ละครอบครัวมีลูกได้เพียง 1 คน และยังต่ำกว่าญี่ปุ่น หนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเช่นกัน
แนวโน้มนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของความไม่สมดุลทางประชากรที่น่าห่วง ซึ่งหลายประเทศกำลังเผชิญ แน่นอนว่าทุกสิ่งอย่างบนโลกเยอะไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี การรักษาสมดุลเอาไว้จึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุด
มติชนรายวัน
ฉบับวันที่ 17 ก.ย. 2557
112 ความคิดเห็น
มันก็พูดยากนะคะ เพราะ ในจีน มันมีประชากรเยอะมานานแล้ว ให้อยู่ในเกณฑ์ต่ำต้องใช้เวลา อย่างเกาหลีใต้จะมาแรงคือการเป็นนักแสดง นักร้อง แต่บ้านเขาแฟนคลับบางส่วนไม่สนับสนุนให้มีแฟน และแฟนคลับบางกลุ่มก็บ้ามากที่ฆ่าตัวตาย เพื่อเรียกร้องความสนใจจากสตาร์ของพวกเขา และหลายๆที่ก็เกิดความเครียดจากเรื่องต่างๆ เพราะเกาหลีใต้เศรษฐกิจเติบโตไม่นานนัก ถ้าเศรษฐกิจโตพอ ทัศนคติอาจจะต้องเปลี่ยน เพื่อให้ลูกรับช่วงตำแหน่ง ก็อาจจะทำให้มีบุตรมากขึ้นก็ได้ค่ะ
ของพี่ไทย นี่ ทำแท้งเกลื่อน ไม่รู้ว่าชอบวางไข่ไปไหน เดือดร้อนเด็กที่ยังไม่เกิดมาดูโลกด้วยการสังเวยชีวิตเพราะความมักง่ายของคน
แต่ที่เกาหลีก็ไม่แน่หากเวลานานไปความคิดเขาอาจจะเปลี่ยน ค่านิยมก็อาจจะเปลี่ยน ทำให้อยากมีลูกมากขึ้นก็ได้ ก่อนหน้านั้นเขารณรงค์ควบคุมการเกิดแทบตาย คราวนี้อาจรณรงค์เพิ่มจำนวนบุตรต่อบ้านได้รางวัล ทุน บลาๆ ก็เป็นไปได้ อนาคตไม่แน่ไม่นอน
เกิดอยากรู้ต่อค่ะ
ประเทศไหนที่จะไม่มีปัญหานี้แน่นอน จีน ไทย อินเดีย
เข้ามากระทืบไลค์เพราะชื่อคุณนั่นแหละ
ติ่งเกาหลีบางคนเขาก็รักของเขา ไม่ได้รบกวนใครนะคะ
ฟังดูน่าใจหายจังค่ะ ยิ่งเรื่องประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นนี่...
ดีๆ จะได้ไม่มีติ่งเกาหลี...แล้วถ้าเป็นคุณๆ คุณชอบ นักแสดงเมืองไทย ชอบนักร้องไทย บ้าง ความรู้สึกไม่ได้แตกต่างกันหรอกค่ะ มีความชอบเหมือนกัน แล้วแต่จะชอบมากหรือจะน้อย...ใจเขาใจเรา นะค่ะ #ติ่งเกาหลีก็ไม่ได้จะไม่ดีทุกคน
ทำไมคะ ติ่งเกาหลีแล้วยังไง แล้วคุณเป็นติ่งไหนคะ สาวกพวกแอปเปิ้ล หรืออนุรักษ์ไทยแท้ หรือคุณไม่เคยใช้ผลิตภัณท์ของเกาหลีเลย เช่นซัมซุง อย่างนั้นใช่ไหมคะ เพราะถ้าคุณใช้ก็ไม่ต่างอะไรกับติ่งที่คุณอ้าง เราไม่ใช่ติ่งเกาหลี หรือติ่งไหนทั้งนั้น แต่บางทีเราก็รู้สึกรำคาญ พวกที่แอนตี้เกาหลีเหมือนกัน จะแอนตี้หรือติ่งก็ไม่ต่างกันเลย
มันก็เกินไปนะคะ...
คนจีนอยากมีบุตรเพิ่ม ด้วยเหตุผลของการมีทายาท สำรอง ไว้อีกคนด้วยค่ะ
ตอนเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่โรงเรียนในจีน พ่อแม่หลายคนนี่แทบจะตายตามลูกเลย เพราะนั้นคือ ลูกคนเดียว จะให้มีแรงมาท้องใหม่เอาวัยตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ทำเอาหลายตระกูลหมดสิ้นทายาทสืบสกุลกันเลย เขาถึงอยากให้รัฐบาลช่วยอะลุมอะล่วยในการมีลูกคนที่สองด้วย
ไหนจะเหตุผลของการมีลูกผู้หญิงคนแรกด้วย คนจีนส่วนหนึ่งก็ยังเชื่อเรื่องยังไงลูกชายก็คือผู้สืบทอดสกุล ถ้ายังใช้กฎหมายลูกคนเดียว พ่อแม่บางคนจำต้องฆ่าหรือทำแท้งลูกสาว เพื่อจะให้มีลูกชายสืบสกุลในท้องต่อไป (ถ้ายังได้ลูกสาวอีกก็ต้องทำแท้งต่อ...เฮ้อ กรรม)
ตอนนี้เหมือนรัฐบาลเค้าจะยอมเรื่องลูกสาวได้ คือ ถ้าบ้านไหนมีลูกสาวคนแรก เค้าอนุญาตให้ท้องลูกคนที่สองได้อีก เพื่อลุ้นจะมีลูกชายค่ะ (แต่ถ้าเกิดเป็นลูกสาวอีก จะว่าไงหว่า ทำแท้งอีกฤา?)
ผู้หญิงเกาหลีที่แต่งงานจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้สามีและ 'ครอบครัวสามีทั้งหมด' เราว่านี่ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาไม่อยากมีลูกไม่อยากแต่งงานนะคะ เพราะผู้หญิงของเขาก็ไม่ได้ก้าวตามหลังผู้ชายมากเกินไปพึ่งพาตัวเองได้แถมยังรู้จักป้องกันตัวซะอีก .. การจะให้ต้องไปตามใครงกๆ แถมกฎหมายสามีทำร้ายภรรยาให้ถือว่าเป็นการสั่งสอนไม่มีความผิดนี่มันก็ ..
การมีลูกคนนึง ก็คือมีค่าใช้จ่ายตามมาแล้วค่ะ สวัสดิการเกาหลียังไม่เท่าสิงคโปร์หรือประเทศในยุโรปเหนือ อังกฤษ ที่ว่าถ้ามีลูก รัฐจะออกนโยบายจูงใจ เช่น สวัสดิการเลี้ยงดู หรือให้เงินค่าเลี้ยงดูกับพ่อแม่ เป็นแรงจูงใจให้มีลูกเยอะๆ แต่เกาหลีใต้ ยังไม่เคยได้ยินนโยบายขนาดนั้น อีกอย่างค่าครองชีพในเกาหลี ต่อให้แปลงเป็นเงินไทยถือว่าถูก แต่ถ้ากินอยู่ในบ้านเมืองเค้าก็ถือว่าแพง ยิ่งญี่ปุ่นด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีลูกกันทีคิดค่าใช้จ่ายหนักเลย...ไหนจะคนรุ่นเจเนอเรชั่นเรา ที่มองว่า การมีลูก ต้องใช้เงินในการเลี้ยงดูสูง เลี้ยงดูมาจะดีหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอาเงินไปทุ่มทุนกับอย่างอื่น หรือเลี้ยงสัตว์เลี้ยงดีกว่า
ผมว่ามันแรงไปนะครับ ความชอบของแต่ละคนนั้น มันพูดยากครับ เป็นเรื่องของใครของมัน ไม่ควรก้าวก่ายครับ
เพราะสาเหตุนี้รึเปล่าคะ ? เลยมีการจ้างแม่อุ้มบุญที่ไทย ?
ติ่งเกาหลีเเล้วยังไงคะ เราทำงานหาเงินได้เองนะคะไม่เคยเดือดร้อนใคร ถ้าว่างๆก็ลองมาติ่งด้วยกันนะเพื่อจะติดใจอย่าโลกเเคบค่ะ
เพราะไม่ชอบติ่งเกาหลีเลยเห็นว่าการสูญพันธุ์ของชนชาตินึงเป็นเรื่องดี?
"ดีๆ" งั้นเหรอคะ? นี่คือเรื่องดีเหรอคะ ถึงคุณจะเกลียดติ่งยังไงแต่ในฐานะมนุษย์ด้วยกันแล้ว การที่มนุษย์ประเทศหนึ่งจะ "หายไป" มันดีเหรอคะ??
นี่กำลังพูดถึงเรื่องอนาคตไม่ใช่หรือ ปัจจุบันเขามีการควบคุมการกำเนิดบุตร แต่ถ้าหากคนเขากำลังสูญพันธุ์ อนาคตมันก็ไม่แน่เสมอไปจริงหรือไม่ ถ้าห่วงแต่ว่ากลัวเสียเงินเขาก็ต้องยอมรับการสูญพันธุ์ ถ้าเขากลัวยังไงเขาก็คงหามาตรการทำแน่นอน หากไม่ใช่เรื่องการเพิ่มจำนวนบุตรในครอบครัว การแต่งงาน ก็คง ให้หญิงสาวรับอสุจิ(บริษัทผลิตอสุจิจากพันธุกรรมยอดเยี่ยม)ให้ตัวเองมีท้องลูกอัจฉริยะ เหมือนที่มีการวิจัยอยู่
ถ้ามองในปัจจุบัน ที่ว่า อะไรๆก็แพง สูง ยังไม่มี ตอนนี้เกาหลีคนเขาก็ยังไม่สูญพันธุ์นี่นา อนาคตอีกยาวไกล เรามองการแก้ปัญหาในหลายๆแง้ไว้ป้องกันก็น่าจะดีนะคะ ข้าพเจ้าคิดแบบนั้น (แต่ในใจจริงๆคิดว่า ประชากรทั้งโลกมันเยอะเกิดไปต่อกำนวนอาหารแล้วละ ฮะฮะฮะ)
ใช้หัวพิมพ์รึเปล่าคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?