Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำไมชุดนักเรียนชายถึงเหม็น และเป็นสาเหตุของสิวที่แผ่นหลัง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

เป็นปัญหาที่น้องชายเจอมาครับ ใส่ชุดนักเรียนวันนึงไม่ต่ำกว่า6ชม. แถมยังเตะบอลกับเพื่อน ตากฝนกลับบ้าน สุดๆครับ เสื้อถอดมาอย่างเหม็น แถมหลังยังเต็มไปด้วยสิว เผื่อน้องๆนักเรียนมีปัญหาเดียวกับน้องชายผม เราลองมาดูกันว่า เสื้อผ้าที่มีแบคทีเรีย เชื้อรา ควรจะแก้อย่างไร

บทความต่อไปนี้
ใครจะรู้ว่าโรคยอดฮิตของคนเมืองอย่าง "โรคภูมิแพ้" ตัวการสำคัญมาจากเชื้อโรคและไรฝุ่นในผ้าและเครื่องนุ่งห่ม โดยข้อมูลจากศูนย์บริการและวิจัยไรฝุ่นศิริราช ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้ระบุว่าอัตราความชุกของโรคภูมิแพ้อยู่ระหว่างร้อยละ 10-50 ของประชากรทั้งประเทศหรือเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศมีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิ แพ้ ทั้งยังมีอัตราแนวโน้มการเกิดโรคภูมิแพ้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและยัง ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ง่าย ๆ มร. ซีตาราม นูรานิ Seetharam NP จากฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทยูนิลีเวอร์ กล่าวถึงเชื้อโรคและไรฝุ่นว่า

"ส่วน ใหญ่แล้วตัวไรฝุ่นจะอยู่ในบ้าน โดยเฉพาะห้องนอน โดยมักแฝงตัวและสะสมอยู่ในผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม หรือแม้แต่เสื้อผ้าที่เราสวมใส่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าที่หมักหมมหรือเก็บอยู่ในตู้นาน ๆ อย่างเสื้อกันหนาว ที่หยิบมาใช้แค่สอง-สามเดือนต่อปี รวมถึงเสื้อผ้าที่อับชื้น ซึ่งทั้งหมดอาจเป็นสาเหตุหลักของต้นตอของโรคภูมิแพ้ อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปมักจะคำนึงถึงแค่ความขาวสะอาดที่มองเห็นด้วยตาเปล่าเท่านั้น แต่ยังไม่ค่อยใส่ใจและให้ความสำคัญกับการดูแลความสะอาดอย่างแท้จริงทั้งๆ ที่ชีวิตเราต้องสัมผัสอยู่กับผ้าเกือบตลอด 24 ชั่วโมง"

  พญ. วรรณวิพุธ สรรพสิทธิ์วงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวถึงอันตรายจากไรฝุ่นว่า "ไรฝุ่นคือสารก่อภูมิแพ้อันดับ 1 คิดเป็นอัตราส่วนสูงถึงร้อยละ 70-90% ของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ในประเทศไทย เนื่องจากมีภูมิอากาศร้อนชื้นเอื้อต่อการเจริญเติบโตได้ดี โดยไรฝุ่นจะผลิตสารก่อภูมิแพ้อย่าง มูลของไรฝุ่น ออกมาหลังจากอยู่อาศัยบนผ้าสำหรับเครื่องนอนอย่าง ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หรือปลอกหมอนซึ่งเมื่อร่างกายของเราสัมผัส มูลของไรฝุ่นจะเข้าไปกระตุ้นอาการภูมิแพ้ให้รุนแรงขึ้นซึ่งมีตั้งแต่ระดับ ที่น่ารำคาญ เช่น คัดแน่นจมูก ไอ จาม น้ำมูกไหล มีผื่นคัน คันตา คันในคอ หรือที่เรียกกันว่าโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) ไปจนถึงระดับที่อาการรุนแรงขึ้นมาในคนที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้อย่างคนที่ป่วย เป็นโรคหอบหืดที่เราเรียกว่า อาการจับหืดเฉียบพลันซึ่งมีอันตรายถึงแก่ชีวิต โดยมูลของไรฝุ่นจะเข้าไปกระตุ้นให้ทางเดินหายใจหดตัว ทำให้หายใจไม่ออก ยิ่งหากได้รับเชื้อราเข้าไปด้วยแล้ว อาจยิ่งกระตุ้นอาการหอบหืดให้รุนแรงยิ่งกว่าเดิมจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากไปพบแพทย์หรือได้รับการช่วยเหลือไม่ทันเวลา"


        ทำความสะอาดตู้เสื้อผ้า อย่าปล่อยให้ไรฝุ่นยึดพื้นที่ในตู้เสื้อผ้า ควรทำความสะอาดด้วยการดูดฝุ่นและเช็ดเป็นประจำ เพื่อลดความชื้นและกำจัดมูลของไรฝุ่นและดูแลไม่ให้เกิดเชื้อราซึ่งเป็นแหล่ง อาหารสำคัญของไรฝุ่น

        เก็บเครื่องนอนและเครื่องนุ่งห่มในที่แห้งและมีประตูปิดมิดชิด เพราะเชื้อโรคและไรฝุ่นมักเติบโตได้ดีในที่อับ และมีความชื้นสูง


        เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ช่วยขจัดลึกถึงเชื้อโรคและไรฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ เพราะข้อมูลจากสถาบันโรคภูมิแพ้แห่งประเทศอังกฤษ (Allergy UK) เผยว่าอุณหภูมิน้ำที่สามารถขจัดไรฝุ่นนั้นต้องมากกว่า 60 องศาขึ้นไป แต่น้ำสำหรับการซักผ้าด้วยมือหรือแม้แต่เครื่องซักผ้าปกติมีอุณหภูมิเพียง แค่ 30-40 องศา การใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ขจัดเชื้อโรคและไรฝุ่นจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ขจัด ไรฝุ่นและมูลของไรฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น

        ตากผ้ากลางแดดจัดนานติดต่อกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพื่อ ฆ่าไรฝุ่นและลดสภาวะการฟักตัวของไรฝุ่นบนเสื้อผ้า สำหรับคุณแม่ ควรดูแลเสื้อผ้าท่อนบนเป็นพิเศษ เพราะเป็นส่วนที่สัมผัสกับลูกน้อยมากที่สุด

          สำหรับหนาวนี้ที่กำลังมาถึง เตรียมรื้อเสื้อกันหนาวที่เก็บอยู่ในลิ้นชักหรือตู้เสื้อผ้าข้ามปี และเริ่มทำความสะอาดด้วยการ แช่แข็งเสื้อกันหนาวหรือแจ็คเกตในถุงพลาสติกข้ามคืน ก่อนซักและตากเสื้อกันหนาวกลางแดดจัดก่อนสวมใส่ เพื่อ กำจัดไรฝุ่นที่อาจหมักหมมและแพร่พันธุ์เป็นจำนวนมากบนเสื้อกันหนาวในช่วงที่ ถูกเก็บอยู่ในลิ้นชักหรือตู้เสื้อผ้าตลอดหลายเดือนก่อนช่วงฤดูหนาว


          รู้จักเจ้าวายร้ายตัวจิ๋วบนเสื้อผ้าอย่าง "ไรฝุ่น" ต้น ตอหนึ่งของโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นเรื้อรังของคนทั่วโลกและคนไทยกันแล้ว ก็อย่าลืมหมั่นดูแลเสื้อผ้าให้ขาวสะอาดและปราศจากเชื้อโรคและไรฝุ่นกันให้ดี ด้วยเคล็ดลับจำขึ้นใจง่ายๆ คือ "อะไรซักได้ ต้องซัก ตากแดดได้ ต้องตาก" เพราะการซักผ้าเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสุขอนามัยที่ดี เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้คุณและคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณปลอดภัยจากเชื้อโรคและไรฝุ่น



5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเชื้อโรค และไรฝุ่น

- เชื้อโรคนั้นแอบสะสมอยู่มากในเครื่องซักผ้า เพราะคนส่วนใหญ่มักซักผ้ารวม ๆ กัน ซึ่งน้ำสกปรกที่ถูกล้างออกมาจากการซักผ้ายังสามารถแพร่เชื้อโรคได้ต่อไปอีก โดยมันจะเกาะอยู่ตามพื้นและผนังโดยรอบของเครื่องซักผ้า ดังนั้นเราจึงควรแยกผ้าที่คาดว่าน่าจะมีเชื้อโรคอยู่มากอย่าง ผ้ากันเปื้อน ผ้าเช็ดโต๊ะ อย่าซักรวมกับผ้าอื่น ๆ เด็ดขาด !

- ห้ามนำผ้าที่เปียกฝนลงไปกองสุมไว้ในตะกร้าร่วมกับผ้าอื่น ๆ เด็ดขาด เพราะนั่นคือต้นเหตุของการเกิดกลิ่นอับชื้นและเชื้อราบนเสื้อผ้า

- ไรฝุ่นชอบหลบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด และอากาศร้อนชื้น ดังนั้นเสื้อผ้าที่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักหรือตู้เสื้อผ้าที่มืดทึบจึงมักเป็น อาณาจักรที่ไรฝุ่นชอบใช้ในการแพร่พันธุ์

- แสงยูวีจากแสงแดดสามารถฆ่าไรฝุ่นได้ เมื่อถูกแสงโดยตรงเป็นเวลานาน 30-60 นาที แต่พวกมันมักฉลาดกว่าที่คิด ด้วยการแอบเข้าไปซ่อนในผ้าที่มีเส้นใยกำบังมาก ทำให้แสงยูวีไม่สามารถเข้าไปฆ่าได้ เนื่องจากไม่สามารถทะลุทะลวงเส้นใยจนถึงไรฝุ่นได้ ดังนั้นจึงไม่ควรตากผ้าหรือเครื่องนอนเพียงอย่างเดียว ต้องซักและทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ช่วยขจัดเชื้อโรคและไรฝุ่นร่วม ด้วย

- เครื่องดูดฝุ่นสามารถช่วยลดได้แค่มูลของไรฝุ่น แต่ยากที่จะดูดตัวไรฝุ่นออกมาด้วย เพราะตัวไรฝุ่นจะใช้ขายึดเกาะรวบเส้นใยไว้อย่างเหนียวแน่น จึงควรที่จะซักทำความสะอาดและตาก เสื้อผ้า เครื่องนอนต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า


บทความจาก : http://women.kapook.com/view96126.html

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น