Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[ทำไม] เด็กกรุงเทพฯ(บางส่วน)ชอบดูถูกคนต่างจังหวัด?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ปัญหาสังคมมาใส่ในไลฟ์สไตล์(ไม่ก็ปัญหาวัยรุ่น)เช่นเดิม -w-

จากที่เราอ่านกระทู้หนึ่ง มันแสดงให้เห็นว่ามีเด็กบางส่วนมีความคิดดูถูกดูแคลนคนที่อยู่ต่างจังหวัดราวกับว่าเขามาจากยุคดึกดำบรรพ์ไม่ใช่ประเทศเดียวกัน

ตามอ่านได้ในกระทู้นี้ค่ะ >> http://www.dek-d.com/board/view/3384243/


เราอ่านแล้วก็นึกสงสัย "มีคนแบบนี้อยู่จริงๆ หรือ? นึกว่ามีแต่ในละครซะอีก" นี่สินะที่เขาพูดกันว่า "เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย" แสดงว่าพวกงานเขียนทั้งหลายคงเอามาจากความจริงตรงนี้ละมั้ง

มันเป็นเรื่องที่น่าหดหู่มาก เราอ่านแล้วนึกถึงงานเขียนของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องโคลนติดล้อที่เราเพิ่งเรียนไปตอนเทอมหนึ่งเลย ซึ่งถ้าหากมองดูดีๆ แล้ว งานเขียนชิ้นนี้มีอายุมามากกว่าร้อยปี จุดประสงค์หลักที่เขียนขึ้นเพราะต้องการให้เห็นถึงปัญหาที่ทำให้ประเทศไทยนั้นก้าวหน้าช้ากว่าที่ควรเป็น ซึ่งเปรียบได้กับโคลนที่ติดล้อเกวียน โคลนนั้นเปรียบก็คือปัญหาที่ถ่วงล้อซึ่งคือความเจริญก้าวหน้าของประเทศให้หมุนได้ช้ากว่าปกติ และเมื่อมาอ่านในสมัยนี้ก็พบว่ามันยังเป็นปัญหาอยู่เหมือนเดิมมากว่าร้อยปีเช่นกัน

มันมีตอนนึงเขียนเกี่ยวกับความนิยมเป็นเสมียน มีเนื้อหาประมาณว่า

"คนไทยที่ได้รับการศึกษามักคิดว่าอาชีพเสมียรเป็นอาชีพที่มีเกียรติกว่าการทำไร่ทำสวน นิยมเข้ารับราชการและใช้ชีวิตในกรุง ดิ้นรนด้วยค่าแรงเพียงนิด และพยายามทำงานปากกัดตีนถีบเพื่อรักษาการดำรงตำแหน่งเดิมและพยายามมากขึ้นเพื่อเลื่อนขั้น ไม่สนใจที่จะกลับภูมิลำเนาเพื่อที่จะทำการเกษตรซึ่งจะก่อประโยชน์ให้ประเทศได้มากกว่า"

คนพวกนี้มักลืมไปว่าประเทศของเรานั้นหลักๆ ก็คือการทำการเกษตร เพราะภูมิประเทศที่เหมาะแก่การปลูกต้นไม้ พืชผลออกดอกสวยงาม ซึ่งบางประเทศที่แห้งแล้งเขาอิจฉาประเทศที่เป็นแบบเราเสียด้วยซ้ำ แต่คนในประเทศบางกลุ่มเนี่ยสิ กลับมองไม่เห็นถึงความได้เปรียบตรงนี้และมองว่าการทำสวนทำนามันต่ำต้อย เทียบไม่ได้เลยกับการที่พวกเขาได้นั่งทำงานอยู่กับโต๊ะในเมืองใหญ่ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย

สรุปก็คือคนบางกลุ่มหลงไปกับแสงสีและความเจริญ จนลืมรากเหง้าของประเทศ! อย่าลืมสิว่าประเทศเรามีพืชผักผลไม้หลายอย่างกิน มีข้าวกินเพราะทำนาในประเทศ ไม่ต้องไปนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ไฉนกลับไม่เห็นคุณค่าตรงนี้กัน?

สมัยนี้ก็ยังคงป็นอย่างนั้นอยู่ ดังที่ในกระทู้ด้านบนเล่าสิ่งที่เขาเจอมา เด็กพวกนั้นรังเกียจที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สกปรก เต็มไปด้วยดินโคลน และติดอยู่ในวังวนแห่งความเจริญ เทคโนโลยีรวมไปถึงอำนาจของ 'เงิน'

อายุแค่นี้ทำเป็นไฮโซวัตถุนิยมอวดของแพงๆ ทำงานซื้อด้วยตัวเองก็ไม่ใช่ แต่ก็ยังอวดด้วยความภูมิใจเหลือเกิน ชอบดูถูกคนอื่นแบบนี้บอกได้เลยไม่มีทางเจริญหรอก ไม่มีบริษัทไหนอยากรับลูกน้องที่มีทัศคติแบบนี้เข้าทำงาน ถึงทุกอย่างคุณสมบัติจะดีพร้อมแต่ถ้าเขารู้ว่าเป็นคนนิสัยแบบนี้ ถ้าเป็นเราเราก็ไม่อยากรับหรอก พวกนี้ส่วนมากจะ"เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ" มีดีแต่ปาก อีกอย่างคือสงสารพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมา(หรือพ่อแม่ก็เป็นเหมือนกันหว่า?) เป็นจริงๆ นะ ผู้ใหญ่บางคน โตจนมีลูกมีหลานแล้วยังรังเกียจ ดูถูกคนต่างจังหวัดอยู่เลย

เด็กพวกนี้เอาไปเรียนรู้ภูมิปัญญาไทยไม่เหมาะหรอก น่าจะส่งไปอยู่ชายแดนหรือประเทศที่แล้งๆไม่มีอันจะกิน ให้รู้สำนึกกันไปข้างมากกว่า เผื่อจะได้ซึมซับขึ้นมาบ้างว่าประเทศไทยมันดีแค่ไหน

เด็กบางคนที่มาจากต่างจังหวัดถึงกับต้องปกปิดว่าครอบครัวตัวเองนั้นทำนาทำสวน บางคนก็เกลียดที่พ่อแม่ประกอบอาชีพนี้ และอายที่พ่อแม่ไม่ได้เรียนจบปริญญาเหมือนพ่อแม่เด็กคนอื่นๆ ที่อยู่ในเมืองหลวง เพราะกลัวเพื่อนจะล้อ จริงๆ แล้วมันไม่เห็นจะน่าอายตรงไหนเลย ยังต้องภูมิใจและขอบคุณพวกท่านด้วยซ้ำที่อุส่าทำงานหาเงินส่งเราเรียนหนังสือ นั่นแสดงว่าพ่อแม่หวังดี อยากให้เราได้ทำงานสบายๆ กว่าที่พวกเขากำลังทำ และเพื่อที่จะทำอย่างนั้นได้จึงต้องเรียนสูงๆ กว่าที่พ่อแม่เป็นอยู่ ซึ่งตรงนี้มีเหตุผลเดียวเท่านั้นที่พวกเขาทำอย่างนี้ นั่นก็คือ "รัก" คิดดูสิ ถ้าไม่รักเขาก็ไม่ต้องลำบากทำงานส่งเราไปเรียนหนังสือหรอกถูกไหม?

บางทีเราก็แปลกใจเล็กๆ นะ ว่าทำไมงานที่ต้องลงทุนลงแรงเยอะ กลับได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าบางคนที่แค่นั่งพูดให้คนฟังเฉยๆ ก็ได้เงินมาง่ายๆ โลกนี้ช่างไม่ค่อยยุติธรรมซักเท่าไหร่... ชาวนาเขาทำนาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเป็นเดือนๆ เพื่อให้เรามีข้าวสวยๆ กินกัน หรือคนงานที่วันๆ ต้องนั่งก่ออิฐฉาบปูน รวมไปถึงปีนตึกไปทำงานสูงๆ เสี่ยงๆ อย่างเช่นเช็ดกระจก ทาสีตึก คนพวกนี้เหนื่อยสายตัวแทบขาด เหงื่อไหลเป็นแกลลอนๆ บางทีก็เสี่ยงตายด้วย แต่ทำไมกลับได้เงินน้อยกว่าคนทำธุรกิจขายตรงบางคนที่แค่ใช้ปากพูดๆ ไม่นานก็ได้ค่าคอมมิชชั่นมากินมาใช้เสียแล้ว เราเคยเอาเรื่องนี้ไปถามพ่อ พ่อเราก็บอกว่า "มันเป็นอย่างงี้แหละ งานที่ใช้สมองและกลยุทธ์มากกว่าก็จะหาเงินได้มากกว่า" และนั่นก็เกี่ยวเนื่องไปถึงคำว่าทำงานสบายๆ ที่เรากล่าวถึงไปเมื่อย่อหน้าที่แล้วด้วย เพราะส่วนมากงานที่ใช้แค่สมองและกลยุทธ์ หลายๆ งานแทบไม่ต้องลงแรงอะไรมากเลย อย่างเช่นผู้บริหารหรือนักธุรกิจที่วางแผนการตลาดให้คนมาซื้อสินค้าเขาเยอะๆ โดยแค่นั่งอยู่ในห้องแอร์ก็ทำได้ และได้เงินเยอะด้วย

และอย่าว่าแต่ดูถูกคนต่างจังหวัดเลย บางทีดูถูกเพื่อนกันเองด้วย "นี่แน่ะ บ้านฉันรวยอย่างงู้น บ้านฉันมีอย่างงี้" "ทำไมเธอไม่ซื้อมาใช้บ้าง" "อุ๊ยเชยจัง!" อะไรประมาณนี้ สร้างความหมั่นไส้และคันส้น-ีนให้เพื่อนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ใครรู้ตัวว่าชอบอวดรวยใส่เพื่อนมากๆ ระวังโดนดักตบเพราะความหมั่นไส้นะจ๊ะหนู

เคยลองคิดเล่นๆ กันไหมว่า ถ้าหากเด็กรุ่นใหม่ไม่มีใครอยากทำไร่ทำสวนซักคน ใครจะสืบทอดต่อ? และถ้าหากคนรุ่นก่อนๆ ไม่ทำหรือไม่มีแรงจะทำแล้ว "จะเป็นยังไงต่อไป?"

รู้กันไหมว่าเดี๋ยวนี้คนที่อยากเข้ามาทำและเต็มใจทำมากๆ ก็คือ "ชาวต่างชาติ(บางกลุ่ม)" เพราะบ้านเขาเรียกได้ว่าหน้าหนาวมันจะหนาวมากจนปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น รู้ไหมว่าบางคนที่เราได้ไปคุยเขาบอกว่า

เขาชอบประเทศไทย เพราะที่นี่อุดมสมบูรณ์ต่างจากบ้านเขา เขาชอบช้างที่เป็นสัญลักษณ์ของบ้านเมืองเรา แต่คนไทยไปทำอะไรก็ไม่รู้ ไปเลี้ยงแพนด้าจากจีน! แล้วช้างไทยล่ะ? ช้างไทยไม่ได้รับการอนุรักษ์ดีเท่าที่ควร ช้างไทยยังคงโดนใช้งานหนัก โดนฆ่าเพื่อเอางาไปขาย สำหรับคนไทยบางคนช้างมีไว้เพื่อตัดงามันไปขายอย่างเดียวหรือ? แล้วใครที่สมัยอดีตช่วยไทยรบชนะศึกมาหลายศึกจนเป็นเอกราช? แพนด้าหรือ? ไม่!! ช้างไทยต่างหาก แต่ทำไมต้องไปทุ่มทุนให้แพนด้ากันขนาดนั้น ใช้งบเป็นล้านหลายล้านไปแบบที่ว่าบางทีมันเกินจำเป็นด้วยซ้ำ ก็รู้ว่าต้องเชื่อมสัมพันธไมตรี มันน่ารัก ไม่ได้พบเจอได้ตามป่าบ้านเรา แต่ไม่เห็นต้องเห่อขนาดนั้น เงินทุนที่ใช้ไปเพื่อแพนด้าครอบครัวหนึ่งน่ะ มันพอที่จะเอาไปใช้สร้างโรงเรียนและปรับปรุงชุมชนให้เจริญได้อีกตั้งมากโข

ซึ่งอันนี้ก็รู้ว่าเรานอกประเด็นแล้ว แต่มันก็ยังเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ว่า "มีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่เห็นค่า" หลายสิ่งแล้วที่คนไทยทำเช่นนั้น เช่น กระเป๋าสานที่ย่อยสลายได้ คนไทยไม่ใช้ ไปใช้แชนแนล หลุยส์วิตอง ฯลฯ ที่มันแพงๆ แถมบางยี่ห้อเกิดจากการเข่นฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์โลกตาดำๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังจระเข้ หนังวัว หนังควาย ฯลฯ เราคิดมานานแล้วนะ ว่าทำไมของพวกนี้ทำที่ไทย ภูมิปัญญาไทยแท้ๆ แต่ทำไมกลับเป็นฝรั่งที่เห็นคุณค่าของมันมากกว่า ทำไมล่ะ? คนไทยกลัวใช้แล้วเชยหรอ เลยต้องหาของแพงๆ มาใช้ทั้งๆ ที่มันก็ถูกสร้างมาเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันนั่นก็คือใส่ของ! ไม่ใช้ไว้สะสมหรือเอาไว้อวด แบบที่ไฮโซหลายๆ คนเขาทำกัน นั่นมันผิดวัตถุประสงค์ไปหน่อยไหม? อย่างน้อยถ้าอยากใช้ก็น่าจะใช้จนมันเยินเป็นใบๆ ไปสิ นี่อะไร ใบที่ซื้อเมื่อเดือนก่อนด้ายยังไม่ทันหลุดสักเส้น เดือนนี้ซื้อใหม่อีกแล้ว นอกจากจะแพงแล้วยังทำให้โลกร้อนอีกด้วย สารพัดประโยชน์จริงๆ(ประชด)

จขกท.ก็เป็นคนนนท์กึ่งกรุงเทพฯ คนหนึ่ง ที่ไม่เคยคิดจะดูถูกพวกเขา กลับขอบคุณซะอีกที่เขาทำให้เรามีของกินเหลือทิ้งเหลือขว้างกันขนาดนี้ อีกอย่างคือเราชอบบรรยากาศที่ต่างจังหวัดมากนะ มันไม่มีควันพิษแบบในเมือง มีต้นไม้เห็นแล้วรู้สึกร่มเย็น ตื่นมาเช้าๆ เจอท้องฟ้าแสงแดดต้นไม้ก้อนเมฆที่สวยงามไม่ใช่ตึกรามบ้านช่องคอนโดขึ้นผุดงอกเป็นดอกเห็ดเต็มเมืองแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่างจังหวัดแล้วไปมาหาสู่หรือเดินทางไปมาทำธุระลำบากและบ้านเกิดอยู่ที่นี่เราคงย้ายไปนานแล้ว เพราะนอกจากความเจริญกว่า(เลยทำให้มีคนอยู่ในนี้เยอะก็เลยกลายเป็นจุดรวมของหลายๆ อย่าง)แล้วก็ไม่มีอะไรดีเพิ่มเติมพอที่จะนึกได้อีก

จากทั้งหมดที่เขียนมา เราแค่อยากจะสื่อว่าทำไมคนบางคนในประเทศถึงไม่ค่อยเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมีกันบ้าง? อยากจะให้คนพวกนี้สำนึกกันได้ซักนิดว่าโชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดในประเทศไทย ได้เป็นคนไทย แต่ไหงถึงมาดูถูกกันเองแบบนี้? อยากจะหวังให้ปรับเปลี่ยนตัวเองซะใหม่ แต่มันคงยากเพราะส่วนมากจะทิฐิหนา ฉะนั้นใครที่เป็นคนใกล้ตัวของคนพวกนี้ก็ได้แต่ทำใจล่ะค่ะ อย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า "เจริญทางด้านวัตถุ แต่จิตใจต่ำทราม" แบบนี้ก็คงไม่ค่อยทำให้น่าคบหาซักเท่าไหร่นอกจากพวกเดียวกัน

และท้ายที่สุด เราอยากจะทิ้งท้ายไว้ว่า

"ความเจริญรอบตัวเป็นแค่ปัจจัย แต่ละคนจะเป็นยังไงก็อยู่ที่สันดานล้วนๆ"

ป.ล.ยาวเหยียดอีกแล้ว ขอบคุณคนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้นะคะ



[จากความเห็นเด็กนักเรียนคนหนึ่ง]

==================
กระทู้อื่นที่เขียน
[18+] #ไม่เข้าใจ มีคนสอนก็ยังผิด มีหลายตัวอย่างก็ยังพลาด >> http://www.dek-d.com/board/view/3381049/

[ผู้ใหญ่ vs เด็ก] 'ความต่างระหว่างวัย'
http://www.dek-d.com/board/view/3381950/

[แอบบ่น] การอ่านหนังสือของคนไทย >> http://www.dek-d.com/board/view/3381742

[New!] "อินชอนเกมส์" ความโกงไม่เข้าใครออกใคร
http://www.dek-d.com/board/view/3387889/
==================

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

สาวน้อยแก้มนิ่ม. 29 ก.ย. 57 เวลา 21:29 น. 1

     ต้องเข้าใจปัญหาของคนที่ดูถูกคนอื่นค่ะ
พ่อแม่ก็มีส่วน นิสัยก็มีส่วน สังคมที่หล่อหลอมมาก็มีส่วน
พี่จะไม่เจาะจงว่าเป็น กทม. นะ คือพี่อยู่ กทม. แต่ไม่เคยเจอค่ะ
ดันไปเจอที่อื่นซะงั้น 5555
  
    พี่เกลียดคนขี้อวดมาก จริงๆพี่ไม่ค่อยคบกับคนแบบนี้ 
เลยไม่ค่อยเจอ  พอพี่ไปเจอเท่านั้นแหล่ะพีคมาก โอ้โห 
เค้าถามพี่ว่า เธอใช้ไอโฟนป่ะ ตอนนั้นประมาณ 3g ได้
พี่ก็อ๋อ ไม่ได้ใช้ค่ะ
(ยังเด็กอยู่ใช้ไรมากมายพอดีพี่เก็บเงินซื้ออย่างอื่นอยู่ เครื่องเก่าพี่ก็ยังดีด้วย) 
เท่านั้นล่ะ พี่โดนยาว จนแบบนี่กุทำไรผิดเนี่ย แค่ไม่ซื้อนี่นะ 55555

    ในเรื่องความนิยมเป็นเสมียน
มันค่อนข้างจะเป็นค่านิยมของคนสมัยก่อนด้วยค่ะ
ใครๆก็อยากให้ลูกหลานรับข้าราชการ ประมาณนั้นค่ะ
สบาย มันดูโก้ ดูหรู แถมมันมั่นคงค่ะ  
อย่างที่เราก้รู้ๆกันว่าอาชีพชาวนานั้นเหนื่อยและมีหนี้สินเยอะ
จึงไม่ค่อยมีใครอยากทำ
(อันนี้พี่ถามจากคุณตาพี่มา)

    ถ้าพี่มองในมุมของพี่นะ พ่อแม่ทุกคนรักลูกค่ะ พี่คิดว่าถ้าเลือกได้คงไม่อยากให้ลูกเหนื่อย อยากให้ลูกทำงานสบายกันทั้งนั้น


0
Olives_15 29 ก.ย. 57 เวลา 22:43 น. 2

เป็นชาวนาเหนื่อยอันนี้หนูรู้ แต่เรื่องมีหนี้สินเยอะเนี่ยมีกันมาตั้งแต่เมื่อก่อนเลยหรอคะ -w-;;!

หนูอ่านโคลนติดล้อแล้วนึกถึงอารมณ์ของ ร.6 หลังจากเห็นผลว่าคนไทยที่ได้รับการศึกษาแล้วติดค่านิยมไม่ยอมกลับไปช่วยครอบครัวทำนา ฟิลลิ่งที่หนูมโนได้คือท่านกุมขมับแล้วก็คิดว่า "นี่กูคิดถูกใช่มั้ยที่สนับสนุนให้พวกเอ็งได้เรียนกัน" หนูอ่านแล้วตีความไปในทางที่ว่าทำนาถึงจะเหนื่อยแต่ก็ดีกว่าดิ้นรนด้วยค่าแรงที่ฟิตมาก(ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีค่ะนึกออกแต่คำนี้ แหะๆ) เหมือนตอนแรกก็แค่หวังดีอยากให้ได้เรียนเพื่อเพิ่มความรู้กันแต่กลายเป็นว่าติดค่านิยมไปแล้วซะงั้น อะไรแบบนี้อ่ะค่ะ

ป.ล.ข้าราชการสมัยนั้นคือมีบำเน็จบำนาญแล้วใช่ไหมคะ
งงจัง

0
ไอซ์ 3 ต.ค. 57 เวลา 21:40 น. 3

ชอบกระทู้นี้มากค่ะความคิดเห็นเหมือนกันเลย ชอบประโยคที่พูดถึงช้างมากค่ะ สงสารช้างมากเดี๋ยวนี้คนไทยนะคะ นำช้างออกมาเดินตามท้องถนนแดดก็แรง ปกติอยู่ตามป่าตามเขามันจะร่มรื่นกว่าเอาช้างออกมาเพื่อหาเงิน แล้วช้างตัวนึงอ่ะคะ วันนึงไม่ได้เดินวันละ โลสองโล เดินเป็น 10,30 กิโล ช้างเป็นสัตว์ที่กอบกู้เอกราช แต่แบบเปิดสวนสัตว์หมีแพนด้าช่วงๆ หลินหุ้ยอาไรไม่รู้

0
PmAm14 7 ต.ค. 57 เวลา 13:39 น. 4

เห็นด้วยฮะความคิดเหมือนกัน ทำไม่ชอบดูถูกคน ตจว.จังเลย
อีกอย่างเรื่องชาวนานี้ถ้าไม่มีพวกเขาพวกเราจะมีข้าวกินไหม ?
แบบมีของดีอยู่แล้วกลับไม่เห็นค่า เฮ้ออ เพลีย

ปล.พี่ติดตามกระทู้น้องมาเยอะละชอบทุกอันเลย เขียนกระทู้ดีๆแบบนี้มาอีกนะ สู้ๆ (5 กระทู้แล้วบ่)

ปล.2 พี่เป็น ตจว.นะ ^^ยิ้มฟันขาว

0