หากโลกนี้มีสันติภาพ(ความคิดเห็น)

[แค่ความคิดเห็น]

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าผู้เขียนนั้นมีทั้งคุณวุติและวัยวุติที่อ่อนประสบการณ์เหลือเกิน เพียงแต่มีความกล้าบ้าบิ่นและภูมิความรู้อันกระจอยจากหนังสือ และบทความที่สันหามาอ่านเท่านั้น ตัวผู้เขียนเองก็คิดว่าโลกนี้นั้นยังไม่มีสันติภาพอย่างแท้จริง ใจหนึ่งก็อยากสันติภาพได้ใจหนึ่งก็ขอให้ไม่มีจะดีกว่า(ถ้าถามว่าทำไมลองอ่านข้างล่าง) ก่อนอื่นก็ต้องหาความหมายของสันติภาพ ความหมายคือไร้ซึ่งการสู้รบและความรุ่นแรงใดๆทั้งสิน ความเห็นแก่ตัวก็ไม่มี

ลองตั้งคำถามดูสิว่าถ้ามีสันติภาพมาแต่โบราณกาลจะเป็นเช่นไร? โลกที่ไรซึ่งความเห็นแก่ตัว การแยงชิ่ง การแข่งขัน แบบนั้นโลกเราคงไม่ก้าวไปไหน แม้แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่มีสันติภาพ และในอนาคตก็คงไม่มีด้วยเช่นกัน ถ้าไม่สู้รบตบมือด้วยอาวุธก็สู้ด้วยเศรษฐกิจอยู่ดีมิใช่หรือ ขนานพี่บิ้กเมกาที่ต้องการสันติสุขก็ยังมีจรวด ขีปนานวุธ อาวุธนิวเคลียสเพียงเพราะกลัวประเทศอื่นจะลุกมาทำสงคราม เมื่อขาดความไว้ใจก็จะหาสันติสุขจากที่ใด แถมพี่เมกาแกก็ใช้อำนาจในทางที่ผิดอยู่หลายหน(เหล่าพวกตะวันออกกลางก็เป็นตัวอย่างที่ดีลองหาอ่านกันในอากู๋) เอ้าเลิกพูดถึงเรื่องชวนเครียดกันเถิดลองคิดเล่นๆว่าจะให้โลกนี้ไม่มีอาวุธเลยก็เลิกคิดได้ เพราะก้อนหิน ต้นไม้ แม้แต่ก้างปลาก็เป็นอาวุธได้ เอาเป็นว่าถ้าสู้ด้วยสงครามมันไม่มีอะไรดี ก็สู้กันด้วยเศรฐกิจจะดีกว่าเนอะ จะทะเลาะกันก็หาขอสรุปกันดีๆ ถ้าจะโลภจะเห็นแก่ตัวก็อย่าทำให้หน้าเกลียดนักแล ไม่หวังสันติภาพ หรือสันติสุข แต่หวังว่าจะแข่งขันกันในด้านอื่นจะดีกว่า พี่เบิ้มทั้งหลายก็อย่างเอาเปรียบน้องมากไปนักให้เราได้ผุดได้เกิดบ้างเถิด พี่ใหญ่กะอย่าพึ่งทะเลาะกันเพราะแค่คิดน้องก็เพลียจิต เดียวก็เอาแต่ยิงนิวเคลียสมันจะไม่เหลือเลยนะนั้น แถมดีไม่ดีอาจเป็นเหมือนไอสไตน์บอกไว้ก็ได้ว่า “ผมไม่รู้ว่าอาวุธในสงครามโลกครั้งที่ 3 จะเป็นอะไร แต่สงครามโลกครั้งที่ 4 อาวุธจะเป็นไม้และก้อนหิน” เพราะสิ่งที่เพียรสร้างมามันเป็นพันๆปีจะกลายเป็นศูนย์เอานะ ต้องเริ่มใหม่เป็นมนุยษ์ยุคหินแล้วพัฒนาใหม่แต่ต้นเหมือนตั้งไข่ใหม่แค่คิดก็เพลียอีกแล้วครับท่าน