ซิ่วแน่ๆ แต่มีปัญหา ใครก็ได้ช่วยหาทางออกให้ที !!!
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์อยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้สมัยมัธยมปลาย ผมเรียนสายวิทย์-คณิตมาครับ
ที่เลือกเรียนนิเทศศาสตร์เพราะตัวเองเป็นคนเฮฮา ชอบดูหนัง ดูละคร บันเทินเอ็นเตอร์เทน เลยคิดว่าคณะนี้แหละต้องใช้แน่ๆ อยากอยู่นอกกรอบ
ในใจตอนนั้นก็เสียดายความรู้พวกวิทย์คณิตที่เราเรียนมา เรียนพิเศษมาเยอะมาก ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะไม่ได้ใช้มัน แค่เดินมาสมัครก็เข้ามหาลัยได้แล้ว เสียดายมาก เสียดายเวลา และเสียดายความทุ่มเท ดิ้นรน ของตัวเอง
พอมาเรียนนิเทศได้สักพัก ที่เคยคิดว่าไม่มีทางซิ่วแน่ๆ ก็เริ่มมีคำถามครับ "ตกลงเราแค่ชอบเสพสื่อ หรืออยากผลิตมันวะ" ตอนนี้ผมมีคำตอบคือขอแค่เสพไปวันๆดีกว่า จะให้ไปผลิตคงไม่ใช่ พอคิดได้แค่นั้นหละครับ ใจมันกลับมาอยู่ในกรอบทันที มันเรียกร้องบอกว่าเรียนอาชีพวิทย์-คณิตเถอะนะ ของรัฐ เช่น ครู หมอ เป็นต้นจบมามีงานมั่นคง มีเงินเดือน
ตอนนี้ผมจึงตัดสินใจแล้วว่าจะซิ่วไปเรียน ไม่ครู ก็หมอครับ เป็นอาชีพที่ผมทำได้และมีอินเนอร์กับมัน แต่รู้ตัวช้าไปสักนิดเพราะเขาจะสอบเก็บคะแนน 2-3 เดือนที่จะถึงนี้แล้ว
ผมก็พอมีความรู้เก่าอยู่บ้าง แต่การที่เราจะซิ่ว เราก็ต้องกลับมารื้อฟื้นความรู้เดิมต่อยอดความรู้ใหม่
ปัญหาคือ ผมอยากอ่านหนังสือเยอะๆใน 2-3 เดือนนี้ แต่ทุกวันนี้ผมต้องไปเรียนนิเทศ 5 วัน ใน 1 สัปดาห์
แต่ยังไงก็ตามผมก็จะซิ่วแน่ๆ เลยคิดว่าแล้วเราจะไปเรียนนิเทศทำไม แต่ใจก็ตัดไม่ได้ครับ เสียเงินค่าเทอมไป 4 หมื่นกว่า
เอ๊ะ!!แต่ถ้าไปเรียนมันทุกวันก็ไม่มีเวลาอ่านหนังสือเตรียมซิ่วนะ แล้วเรียนนิเทศมีกิจกรรม หนังสั้นไรอีกเยอะแยะ เอาเวลาไปเยอะเลย
ใจอยากหยุดเรียน แต่พอจะหยุดเรียนมันก็เด้งขึ้นมาบอกว่าแล้วตัง 4 หมื่นที่เสียไปหละ
ข้อดี ถ้าไม่ติดหมอ หรือ ครู ก็ยังมีนิเทศสำรอง
ข้อเสีย ทำให้มีเวลาอ่านหนังสือน้อย
หยุดเรียนนิเทศแล้วไปอ่านหนังสือซะ
ข้อดี ทำให้มีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น
ข้อเสีย ถ้าไม่ติดหมอ หรือ ครู ก็ไม่มีนิเทศสำรอง
ติดหมอเนี่ยไม่แน่ใจ แต่ติดครู ทำได้แน่ !!!
รบกวนช่วยหาทางออกให้กับผมด้วยครับ ผมยังไม่ได้ปรึกษาพ่อแม่ พี่ น้อง เลย อยากรู้มุมมองคนอื่นครับ
25 ความคิดเห็น
จากที่อ่าน เห็น จขกท บอกว่าจะซิ่วแน่ๆ เราว่าในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ซิ่วเลย
เงิน 4 หมื่น มันมากก็จริง แต่เทียบไม่ได้กับอาชีพที่จะต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต
ถ้าทำงานแล้ว เงิน 4 หมื่น หาทีหลังก็ได้ แต่อาชีพ โอกาสที่จะได้เลือกมันไม่ได้มีมากเลย
ถ้าเรียนไป อ่านไป มันยากที่จะทำให้ออกมาดีได้ทั้งคู่
ยกเว้นว่า จขกท บริหารเวลาเก่ง แบ่งเวลาทำกิจกรรมต่างๆได้ (ซึ่งมันก็ยากอ่ะ ต้องมีวินัย)
ถ้าหยุดเรียนนิเทศแล้วออกมาอ่านหนังสือ มันอาจจะเสี่ยงก็จริง
แต่อย่างน้อย ถ้าซิ่วแล้วไม่ติด ก็ยังสามารถกลับมาเรียนนิเทศอีกได้ (หมายถึงสมัครใหม่)
อีกอย่าง จขกท มั่นใจว่าติดครูแน่ ก็ไม่ต้องกลัวค่ะ ยังไงก็ก็คงต้องมีที่เรียนแน่ๆอยู่แล้ว ^^
ผมเป็นเด็กซิ่วคนนึงครับ ซิ่วจาก วิศวะ มา แพทย์แผนไทย ซึ่งมันคนละสายการเรียนเลย ผมเรียนวิศวะตามแผนการเรียนทุกอย่างแล้วผมก็ทำกิจกรรมเหมือนเด็กปี1ทั่วไปที่เค้าทำกัน ก็อ่านหนังสือตามปกติ แล้วพอเข้าเทอม2ก็เข้ามาทำงานสโมสรนักศึกษา ก็ได้เป็นทั้งผู้จัดกิจกรรมและผู้เข้าร่วมกิจกรรม แทบไม่มีเวลานอนเลย นอนเฉลี่ย 4-6 ชม บางคืนก็ไม่ได้นอนเลยช่วงนี้เกรดตกแทบไม่ได้อ่านหนังสือ เเล้วพอช่วงซัมเมอร์กิจกรรมน้อยลง จึงทำให้มีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น แต่ก็เรียน 5 วันต่อสัปดาห์ ตั้งเเต่8โมงเช้า-4โมงเย็น ผมอ่านหนังสือ 6โมงเย็นถึงตี1 ตี2 สุดท้ายก็ซิ่วติดแพทย์แผนไทย ซึ่งผมอยากจะเเนะนำว่า ถ้าหากจัดเวลาอ่านหนังสือดีๆ เรียนตามปกติ ก็จะดีมากเลย หรือไม่ก็ คงหน่วยกิตขั้นต่ำตามที่มหาลัยกำหนด แล้วเอาเวลามาอ่านหนังสือก็จะช่วยได้ครับ ไม่อยากเเนะนำให้ลาออกก่อนเพราะ คุณจะไม่มีประสบการณ์การใช้ชีวิตในมหาลัย ประสบการณ์ในมหาลัยถือเป็นก้าวเเรกของประสบการณ์ใช้ชีวิตการทำงาน ถ้าคุณทำได้ถือว่าคุณได้เปรียบกว่าคนอื่นนะครับ ถ้าคุณเป็นเด็กกิจกรรม ด้วยเเล้วคุณจะได้ทักษะหลายๆอย่างนอกเหนือจากความรุ้
#โทษทียาวไปอยากบอกว่ามันคุ้มที่จะทำ
เราก็เป็นคนนึงที่จะซิ่วปีนี้นะ ตอนแรกเราคิดว่า อ่านหนังสือไปด้วยเรียนไปด้วยคงได้ แต่พอมาเรียนจริงๆ กิจกรรมเยอะมาก เทอมสองนี่คงจะหาเวลาไปอ่านเตรียมสอบยากอะ เราเลยตัดสินใจดรอปเทอมสองแทน(เราจะแอด) ถ้าเราทำอะไรสองอย่างพร้อมกัน แล้วถ้าเกิดมันได้ไม่ดีทั้งสองอันล่ะ สู้ทำอย่างเดียวให้มันเต็มที่ไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ คหสต นะ สู้ๆนะ จขกท
ผมว่าลาออกมาเลยดีกว่าครับ เพราะผมเองก็ซิ่วแล้วผมเข้าไปเรียนได้แค่อาทิตเดียวผมก็ลาออกเลยมันไม่ใช่ตัวผมเลยคับ ผมติดวิทยาศาสตร์ สถิติ มหาลัยแห้่งหนิ่งย่ายบางเขน แต่ใจจิงอยากเรียนวิศวะมากเปนความฝันเลยคับแต่ดันติดรับตรงอันนี้สะก่อนเลยถูกตัดสิทแอด คับ ตอนแรกคิดว่าจะเรียนได้แต่เข้าไปเรียนคือแบบไม่ชอบคับ ผมขอแนะนำลาออกเลยคับจะไดีมีเวลาอ่านหนังสือได้เต็มที่คับสู้ๆคุับ จุฟๆๆ
อยากซิ่วเหมือนกันค่ะ
กะว่า เรียนจบเทอมหนึ่งแล้วลาออกเลย
เพราะเราเองเป็นคนจัดเวลาไม่เก่ง เลยกะทุ่มอ่านหนังสือเต็มที่ ตอนสอบแกทแพทรอบสองจะได้ ได้คะแนนดีหน่อย อีกอย่าง คะแนนปีที่แล้วเรามีต้นทุนมาค่อนข้างดี มีสิทธิ์ลุ้นน เราเลยกล้าเสี่ยงที่จะออก
นี่ก็เพิ่ง กลางภาคเอง ใจจริงเราอยากออกเลย แต่มันมีกิจกรรมมหาลัย และมีงานที่ต้องทำเป็นกลุ่ม เราเลยจะอยู่ช่วยเพื่อนก่อน งานเสร็จ ก็คงสอบไฟนอลพอดี เรากะว่าจะลาออกหลังสอบปลายภาคเสร็จ ไม่เดือดร้อนใครด้วย และก็จะได้เรียนให้คุ้มกับค่าเทอมที่เสียไป พอดี ค่าเทอมเราค่อนข้างแพงอ่ะ เสียดายยย T^T
อ้ออ อีกเหตุผล ก็คือ เราไม่อยากจ่ายค่าเทอม เทอมสอง ไม่อยากเสียไปฟรีๆ เพื่อคงสภาพ นศ เพราะเราแน่ใจว่าเราจะซิ่ว พอออกมาแล้วก็ต้องมีแรงฮึด ถ้าเราไม่ขยันพอ ผลเป็นยังไงก็คงรู้ๆกันอยู่ สู้ไปด้วยกันนะ ;)
ซิ่วเลยยค่ะ ถ้าไม่ใช่จริงๆ ตอนนี้เราก็ซิ่วิออกมาเเล้ว เพราะอยู่ต่อไปก็เท่านั้นในเมื่อมันไม่ใช่ อีกอย่างทำให้เสียเวลาอ่านหนังสือเเละเสียค่าใช้จ่ายระหว่างเรียน เช่น ค่ากิจกรรม ค่าหอพัก ค่าเดินทาง ค่ากินค่าอยู่ นี่คิดเเล้วเลยตัดสินใจลาออกค่ะ ตอนนี้มีเวลากับเเกทเยอะค่ะ ทำให้เรารู้ว่าบกพร่องตรงไหน ควรแก้ไขยังไง มีเวลาให้ตัวเองเยอะ รู้สึกเหมือนได้เวลาเตรียมตัวเต็มที่ค่ะ ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจนะค่ะ สู้ๆค่ะ -:)
ถ้าที่บ้านมีฐานะการเงินดี ซิ่วแล้วไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากก็ซิ่วเถอะครับ 4หมื่นอย่างที่ คห บนๆบอกไม่ตายก็หาใหม่ได้ ดีกว่าเอาอนาคตไปจมกับสิ่งที่ไม่ได้รักหรือชอบมันจริงๆ ลำบากใจตัวเองเปล่าครับ
สู้ๆๆน่ะ เราเป็นกำลังใจให้ ในเมื่อค้นพบตัวเองแล้ว ก็เริ่มเลย ว่าแต่ซิ่ว จะสอบเข้าไรหรอ เราก็ซิ่วน่ะ อยากสอบเข้า หมอ ทันตะ
เราก็จะซิ่วแบบไม่ลังเลอะไรอะไรคือเรียนแล้วมันไม่ใช่ รอเวลามากเลยทั้งจะอ่านหนังสือสอบของมหาลัย
ทั้งจะสอบแกทแพท เครียดมากเลย แต่เราจะออกเทอมสองเลยถ้าเรียนไปก็คงไม่มีเวลาอ่านหนังสือเยอะ
หมอ ทันตะ ครู เภสัช สู้ๆนะ
ถ้าเรียนแล้วไม่ใช่ก็อย่าฝืนเลยค่ะ พี่เคยฝืนมาสี่ปีเต็มๆค่าเทอมทั้งหมดปาไป 240000 เทอมละสามหมื่นแปดเทอมค่ะ ไม่เคยมีความสุขกับการเรียนเลยเกรดเฉลี่ยได้ไม่ถึงสองแเรียนไม่จบด้วยค่ะค่ะออกมาเรียนรามสบายใจมากค่ะตอนนี้ เกรดเฉลี่ยพุ่งขึ้นมาเป็นสามกว่าๆทุกเทอม
อย่าไปเสียดายเงินค่ะถ้ายื้อเวลาไปมากกว่านี้ก็จะเสียทั้งเงินและเวลาไปเปล่าๆ
เราก็ซิ่วนะ พอเรามั่นใจ เราก็ออกมาเลย เราก็เสียค่าเทอมไปแล้วเหมือนกัน แต่เราว่า ในเมื่อมันไม่ใช่ เราก็ออกมาอ่านหนังสือ ออกมาหาความรู้เกี่ยวกับที่เราจะเรียนดีกว่า เราคิดอย่างนี้นะ เราเรียนสถาปัตย์ ตอนนี้ก็จะซิ่วไป จิตวิทยาอ่ะ เพราะว่าเราชอบ และคิดว่ามันใช่จริงๆ เราก็เตรียมตัวสอบเหมือนกัน ยังไงก็สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้..
เหมือนเราเลย เราก็เปนเหมือนกันเรียนสายวิทย์มาทุ่มเทเรียนพิเศษทั้งวิทย์คณิตเยอะมาก แต่กลับมาเข้ามหาลัยเอกชน ซึ่งตอนแรกคิดว่ามันจะใช่พอเรียนไปแล้วรู้ว่ามันไม่ใช่เราไม่มีพื้นฐานเลย (เรียนบริหารอินเตอร์ค่ะ) คือเราเรียนสายวิทย์มา เรื่องภาษาเราก็ไม่เก่ง เพื่อนคนอื่นๆรู้สึกเค้าเก่งกันมาก คนนี้ได้ทุนAFS อีกคนไปอยู่นอกแต่เด็ก ใหม่ๆเราคิดว่าเดี๋ยวอยู่ๆไปเราอาจจะพัฒนามากขึ้นจนสามารถทำได้ เพราะเมื่อก่อนเราโง่อิ้งมากๆเลยฟังไม่ออกพูดไม่ได้แปลไม่ออก(โง่มากๆก็เราสนใจแต่วิทย์มาตลอด-3-) แต่ตอนนี้เราว่าเราเริ่มมีพัฒนาการ ฟังออกบ้างพูดได้บ้างนิดหน่อยแต่ก้ยังไม่กล้าอยู่ดี เราเคยคิดว่าเราเรียนไม่กี่เดือนก้มีพัฒนาการแล้วพยายามอีกหน่อยคงทำได้แน่นอน แต่อีกใจนึงคือเราไม่ชอบและท้อด้วย เราเลยคิดว่าเราจะซิ่ว แต่ค่าเทอมก็ค้ำคอเราเหมือนกันเสียดายเหมือนกัน จนตอนนี้เรายังไม่รู้เลยว่าชอบอะไร กะว่าจะเรียนไปด้วยลองสอบใหม่ด้วย แต่ความรู้มันก็ตัองรื้อฟื้นอย่างที่จขกทว่า แต่ยังไงก้พยายามเข้านะ หัวอกเดียวกันน่ะ
ตอนนี้อยู่ปี 2 แล้วกำล้งสอบมิดเทอม. คิดว่าจะซิ่วอยู่เหมือนกัน มีมาจากหลายๆสาเหตุ ทั้งเพื่อน วิชาที่เรียน เวลา คอบครัว และอีกหลายๆปัจจัย แต่เราก็ยังไม่ได้บอกที่บ้านว่าจะซิ่ว กลัวโดนว่า เพร่าะนี่ก็ปี2 แล้ว แอดใหม่เสียเวลา เสียเงิน สาขาที่เรียนอยู่ก็โหด ดรอปไม่ได้เลย ดรอปก็เป้ออีก ตอนนี้เครียดมาก ไม่รู้จะเอายังไงดี ใครมีคำแนะดีๆ ช่วยหน่อยนะค้ะ
ในความเห็นเราๆว่า เตรียมตัวสอบเถอะ เรียนไปก็ำม่ช่วยอะไจะถ่วงเวลาอ่านหนังสือสอบเปล่าๆ
ผมเรียนได้เดือนเดียวซิ่วแล้วคับ
ผมอยู่ในสังคมวุ่นวายมั่กๆ ขึ้น btsแทบเบียดกันตาย
เรียนในคณะที่ชอบแต่ไม่ชอบบรรยากาศสิ่งแวดล้อม
ไม่ชอบสังคมนะที่นี้
ตัดสินใจถอนวิชาหมดทุกตัว อ่านหนังสือใหม่หมดเตรียมแอด
ปล.ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ไม่ชอบชีวิตคนเมือง tt แต่กลับได้มาเรียนในใจกลางเมือง
น้องต้องเลือกแล้วล่ะค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเอง
ถ้าตัดสินใจเลือกแล้ว ต้องไม่เสียใจทีหลัง และต้องมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองจะทำ
ตัดสินใจแล้ว อย่าลังเลอีก เอาอย่างไหนก็เอาให้ขาด
เงินที่จ่ายไป ไม่สูญเปล่าแน่นอนค่ะ เพราะอย่างน้อย น้องก็ได้รับประสบการณ์และโอกาสที่จะได้เลือกสิ่งที่ใช่
ที่สำคัญก็ได้เพื่อนด้วย (สำคัญสุดเลย)
ผมว่าจะซิ่วเหมือนกัน ที่เรียนอยู่มันไม่ใช่เลย
เอาเทอมรี้เตรียมตัวอ่านหนังสือและทำงานพาสทามเก็บเงินส่งตัวเองเรียน
เอาเป็นว่าเอาใจช่วย จขกท ด้วยคนครับ
ถึงเวลาที่ต้องเลือกแล้วค่ะ ทำสองอย่างพร้อมกันไม่ดีหรอกนะคะ ถ้าพี่บอกตัวเองได้ว่านิเทศไม่ใช่ละ พี่ก็จำเป็นต้องตัดใจแล้วทุ่มเต็มที่ให้กับเป้าหมายที่พี่ยอมทิ้งนิเทศไป แน่นอนมันเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง แต่มันก็จำเป็นไม่ใช่เหรอ ในเมื่อพี่ไม่อยากเรียนนิเทศแล้ว แต่เก็บไว้เป็นตัวสำรองเพื่อความปลอดภัย ลองคิดดูนะคะ
ถ้าพี่อ่านหนังสือไปบ้างเรียนนิเทศบ้างกังวลบ้างลังเลบ้าง แล้วไปสอบหมอหรือครูไม่ติด สุดท้ายหันหน้ากลับมาหาตัวสำรองอย่างนิเทศที่พี่ไม่ชอบ นั่นหมายความว่าที่พยามอ่านหนังสือไปไม่มีความหมายเลยนะคะ
ถ้าพี่คิดว่าถึงตอนนั้นจะยอมฝืนใจเรียนนิเทศให้ได้ พี่พยามฝืนตอนนี้เลยไม่ดีกว่าเหรอคะ จะได้ไม่เสียเวลาแล้วต้องผิดหวังอีก
แต่ถ้าพี่ยอมทิ้งนิเทศไปแล้วทุ่มสุดตัวกับหมอหรือครู อ่านให้แม่นให้แน่ใจว่าทำดีที่สุดแล้ว มันไม่มีอะไรเกินความพยามหรอก สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ใจ คนหมดใจเหมือนหมดพลัง ฝืนไปก็ไม่มีความสุข
อย่างแรกพี่ต้องมีเป้าหมายก่อน ทิ้งความกังวลเลิกลังเลได้แล้ว พูดง่ายแต่ทำยาก มันเสี่ยง แต่ก็พระเจ้าตากสินท่านยังทุบหมอข้าวหม้อแกง ถ้าไม่ชนะยึดเมืองได้ก็ไม่มีข้าวกิน นั่นเสี่ยงยิ่งกว่า แต่ท่านก็ทำสำเร็จ เพราะมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีกำลังใจ มีปัญญา ก็ชนะได้ค่ะ
สู้ๆนะคะ เอาใจช่วยค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?