Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จำใจเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบมา2ปี แต่ซิ่วไม่ได้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาชั้นปีที่2ของมหาลัยแห่งหนึ่งฝั่งธน ผมเป็นนักศึกษาที่จบสายศิลป์มาครับ โดยตอนที่ผมเรียน ม.ปลาย ผมเป็นคนที่ไม่ชอบการคำนวนซักเท่าไหร่ แต่ถ้าจให้เรียนก็เรียนได้ ตอนปลายปี ม.6 ผมสามารถสอบเข้าได้หลายมหาลัยหลายอย่าง เช่น รัฐศาตร์ มธ นิติ มข นิเทศ มศว บริหาร ราชมงคล ทุกสนามสอบผมเสียเงินค่ายืนยันสิทธ์ทุกมหาลัย แต่ที่เสียเงินไปนั้นเพราะต้องการความแน่นอนขงมหาลัย และจะได้สบายใจว่ามีที่เรียน ทุกสนามที่ผมสอบมาเป็นการสอบตรงบ้าง ยื่นคะแนนบ้าง โครงการพิเศษบ้าง แต่ด้วยหลายเหตุผลทางครอบครัวที่ผมไม่สามารถไปเรียนมหาลัยเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านครอบครัว ด้านการเดินทาง เพราะผมต้องอยู่ใกล้แม่ เพราะต้องคอยช่วยท่าน เพราะท่านอยู่คนเดียว ผมมีน้องนะครับแต่เด็กมาก ทั้งห่วงแม่ห่วงน้อง ทั้งคิดถึงตัวเอง คิดแล้วคิดอีก จนมาถึงรอบแอดมิชชั่น ผมยื่นคะแนนแอดไปมหาลัยใกล้บ้าน ปรากฏว่าติด ละมหาลัยนี้เป็นมหาลัยทางด้านเทคโนโลยี ผมลืมบอกว่า แม่ผมไม่ชอบนิติ รัฐศาสตร์ นิเทศ เพราะแม่และคนทางครอบครัวเขากลัวผมหางานยากเมื่อจบออกไป แต่แม่ไม่เข้าใจว่าผมจบสายศิลป์มา ผมจึงยื่นแอดมิชชั่นคณะวิศวะไป ซึ่งสาขาวิชานี้ไม่ได้กำหนดสายการเรียน พอผลออกมา ผมแอดติด ละผมเอาไปบอกแม่ แม่ดีใจมากที่ผมติดวิศวะ แม่ไปเล่าให้คนนั้นคนนี้ฟัง ผมเห็นแม่ยิ้ม แม่ดีใจ ตอนที่คนอื่นชมแม่ ผมก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะนานแล้วที่ผมไม่ได้เห็นแม่ยิ้มแบบนี้ ละตอนนั้นผมมั่นใจแน่วแน่ว่าผมต้องเรียนที่นี่ ้วยเหตุผลคือ ใกล้บ้าน และ แม่ชอบ เมื่อถึงวันรายงานตัวผมก็ไปจ่ายเงินค่าเทอม ค่าต่างๆหมดเยอะเหมือนกัน และคำพูดที่แม่บอกผมว่า "ครั้งนี้ คงเป็นที่สุดท้ายละนะ แม่ไม่มีเงินอีกแล้ว" ตอนนั้นผมก็ตอบส่งๆไปว่าผมเรียนที่นี่แระดีละ พอเปิดเทอม มา ด้วยการที่ผมเรียนสายศิลป์มา ซึ่งเป็นสายศิลป์จริงๆที่ไร้การคำนวน วาดแต่รูป เรียนแต่ภาษา ไม่มีวิชาคณิตในหัว และแน่นอนว่าการเรียนวิศวะ วิชาแรกที่สำคัญและจำเป็นที่สุดคือ แคลคลูลัส และฟิสิก สองวิชานี้ทำผมอึ้งไปเลย ผมพยายามทำใจให้รักมัน อ่านทบทวน แต่ด้วยพื้นฐานที่ผมมีมันน้อย การจะเริ่มต้นใหม่มันเลยช้า และมหาลัยที่ผมเรียนถือได้ว่าข้อสอบยากมาก เมื่อผมรู้ว่าข้อสอบยาก ผมเลยแก้ปัญหาโดยการไปเรียนพิเศส แต่การเรียนพิเศษ ติวเตอร์เขาบอกว่าอย่างน้อยเราต้องมีพื้นฐานในการคำนวนบ้าง โดยที่ผมนั้นไม่มีเลย ทำให้การเรียนยิ่งลำบาก ผมพยายามอยู่เทอมหนึ่ง วิชาทั้งสองวิชาผมผ่านมันมาด้วยดี (D) เกรดดีนั้นเอง ทำให้เกรดผมในเทอมแรกที่ผมคิดว่ามันจะดีกลับดิ่งต่ำลงจนสถานะผมตอนนี้คือวิทยาทัณย์ หรือเกรดต่ำกว่าปกตินั้นเอง ความรู้สึกตอนที่ได้เห็นเกรด น้ำตาซึมเลย เราเคยสอบได้ที่1 ของห้องมานะ เกรดเราสูงนะตอนที่เราเรียนม.ปลาย แต่ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ละในตอนนั้นความคิดที่ว่าจะซิ่วเลยเข้ามาในหัว ละลองมานั่งคิดว่าจะเอาไงต่อไป ถ้าฝืนไปก็คงไม่ดี ทันใดนนั้นคำพูดของแม่ก็ลอยเข้ามา "ครั้งนี้ คงเป็นที่สุดท้ายละนะ แม่ไม่มีเงินอีกแล้ว" ผมเลยไม่รู้จะทำไรดี ผมเลยเรียนต่อมาอีกเทอมหนึ่ง เกรดที่ออกมากลับต่ำกว่าเดิม ทำให้สถานะผมตกที่นั่งลำบาก ด้วยกลัวว่าจะโดนรีทาย เพราะเกรดตกมาสองเทอมแลวว ผมจึงไปปรึกษากับอาจารย์เขาบอกว่าต้องจัดการลงทะเบียนใหม่เพื่อรักษาสถานะภาพ ผมก็เลยทำตามเขาดรอปวิชาที่ไม่ไหวไว้ เอาวิชาที่เรียนได้มาแทนเพื่อจะได้เก็บเกรด ลืมบอกอีกอย่าง มหาลัยผมเปิดปิดไม่เหมือนมหาลัยทั่วไปครับ เปิดสิงหา ปิดพฤษภา พอฤดูกาลสอบนั้นสอบนี่มาถึง ผมเลยกะจะยื่นคะแนนใหม่ แต่สอบไว้เฉยๆนะครับ ยังไม่บอกแม่ ผมเลยไปสอบตรง มศว. ผลปรากฏว่า ผมสอบติดครับ แต่วันรายงานตัวผมดันมาตรงกับวันสอบในคลาสของมหาลัยที่เรียนปัจจุบัน ผมเลยเลือกที่จะมาสอบในคลาสก่อน พอพลาดสอบนั้นไป ผมเลยยื่นแอดมิชชั่นอีกรอบ ผลออกมาผมก็ติดอีกติดในคณะที่ผมชอบด้วย แต่ปัญหามันอยู่ตรงตอนไปสัมภาษณ์ครับ ผมต้องนั่งรถไปสัมภาษณ์ไกล ละตอนนั้นมันได้แน่ๆ ละต้องจ่ายเงินค่ายืนยันสิทธ์ด้วย ผมเลยลองไปถามแม่เล่นว่า "ผจะย้ายมหาลัยนะ แม่ตอบมาอย่างเรวๆ พอเถอะ"คำพูดของแม่ทำให้ผมอึ้ง จุกไปเลย ผมเลยตัดสินใจว่าถึงเราจะไปสัมภาษณ์แต่ยังไงเราก็ไม่มีเงินไปจ่ายแน่ๆผมจึงตัดสินใจไม่ไปครับ ผมจึงจำเป็นต้องเรียนต่อปีสองที่นี่ แล้วแต่ละวิชาที่ปีสองของวิศวะต้องเรียนยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆต้องอาศัยทักษะและความรู้เบื้องต้นมาก่อนทั้งนั้น ทำให้ผมลำบากอีกรอบ แล้ววิชาปฎิบัติแต่ละวิชา ผมจะทำไม่ได้ ละถึงทำด้ก็ออกมาไม่ได้จะโดนอาจารย์ตัดคะแนนบ่อยครั้ง เช่นคะแนนเต็ม10 ผมจะโดนตัดตัดเหลือ5 บ้าง เหลือ4บ้าง ละมันเป็นหลายวิชา พอคะแนนรวมออกมาผมรั้งท้ายเพื่อนเลย ผมเรียนไปพอไม่รู้ไม่ทัน ไม่เข้าใจ ผมถึงกับน้ำตาซึม ไม่รู้จะบอกใคร บอกอาจารย์ไปก็กลัวเพื่อนไม่พอใจ เลยเก็บมันไว้ ผมเป็นแบบนั้มาสองปีครับ ที่ผมอยู่ที่นี่ได้คงเป็นเพราะผมชอบทำกิจกรรมละมั้ง ผมจะทำทุกกิจกรรมที่มันทดแทนเรื่องหนักใจ เพราะการทำกิจกรรมของผมมันทำให้ผมปลดปล่อยจากหลายๆอย่าง แต่ก็ไม่เสมอไปครับ บางครั้งมานั้งคิดว่ามันสายเกินไปไหมที่จะทำไร หรือว่าคิดจะไปก็คิดถึงคำของแม่ เพราะฐานะเราก็ไม่ได้รวยอะไร ผมจะทำไงดี ที่มาเล่านี้เพราไม่รู้จะบอกใคร บอกแม่ไม่ได้เพราะกลัวแกไม่ไหวเอา เลยขอพื้นที่เล็กแห่งนี้พอได้ระบายความในใจออกมาบ้าง ขอบคุณที่นั่งอ่านเรื่องไม่เป็นเรื่องของคนๆหนึ่งที่ไม่มีทางไป อยากขอแค่คำปรึกษา ว่าผมต้องทำไงดี ซิ่วไหม หรือเรียนต่อไป......เศร้าจัง

แสดงความคิดเห็น

>

13 ความคิดเห็น

hellobaitoeii 25 พ.ย. 57 เวลา 02:12 น. 1

ไหวมั้ยอ่ะ จะเสียดายสองปีที่เรียนมา หรือจะเสียดายอีกสองปีที่ต้องเรียนต่อ แต่อันนี้หนักหนาสาหัสจริงๆ เป็นหนูหนูคงซิ่วอ่ะ ใจมดมาก ให้อยู่กับสิ่งที่ไม่ได้รักนอกจากเราจะไม่มีความสุขแล้ว ผลที่ได้มันยังออกมาไม่ดีเท่าที่ควรอีกด้วย รออ่านจากหลายๆความเห็นก่อนนะคะ เผื่อความเห็นอื่นจะพอช่วยอะไรได้บ้าง

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

Timon9 25 พ.ย. 57 เวลา 08:38 น. 3

เสียดายเงินที่ยืนยันสิทธิ์ไป น่าจะคุยกับแม่ให้รู้เรื่องก่อนค่อยยืนยันนะ แต่ไม่เป็นไรมันผ่านมาแล้ว
เราอยากบอก จขกท.ว่า เราซิ่วมาจากพยาบาลบรมฯ เราอยู่ปี2แล้วนะ คือที่บ้านเราฐานะปานกลางถึงค่อนข้างจน ติดหลายที่แต่เลือกบรมเพราะเขาให้ทุนปีละ 30000 แต่ถ้าลาออก ต้องชดใช้ 2 เท่า -_______________- พ่อแม่เราก็ดีใจ ยิ้ม บอกชาวบ้านหมดเลย ลูกสาวเรียนพยาบาล ได้ทุนเรียนด้วยนะ 
จนสุดท้ายเราก็ยอมเรียนให้พ่อแม่ แล้วเราท้อ เกรดเราก้อได้ 2.89 เราเรียนไว้ แต่จิตใจเราไม่ไหวเลย แล้วถ้าจบมาต้องอยู่ในสภาพนั้นจนแก่ เราก็ไม่ไหว จนสุดท้ายเรายอมเปิดใจคุยกับพ่อแม่ พ่อแม่ก็ยอม แล้วต้องจ่ายคืน 120,000 ตอนนี้ยังไม่ได้จ่าย ไม่มีเงินจ่าย 55555 T________________________T
พ่อแม่เราไม่ว่าเราเลยนะ ให้กำลังใจด้วย เรารู้สึกแย่ที่ทำตัวเป็นภาระ แต่พ่อแม่เราบอกว่า ออกตอนนี้ยังดีกว่าอยู่ปี 3 ปี 4 ค่อยออก ตอนนี้หนูต้องสู้แล้วสอบให้ติดที่ที่อยากเข้าให้ได้ เราอยากเข้าบัญชี เกษตร บางเขน 
ตอนนี้เราก็อ่านหนังสืออยู่ พภึ่งสอบแกทแพทเสด รอสอบ 7 วิชาสามัญ พอสอบเสดจะไปหางานพิเศษทำ 
สู้ๆนะจขกท. เราเป็นกำลังใจให้ ถ้าไม่ไหวก็บอกแม่ เชื่อเหอะ ยังไงแม่ก็เข้าใจ ^^ 

0
Timon9 25 พ.ย. 57 เวลา 08:39 น. 4

ขอโทษนะคะ รู้จักคำว่า กาลเทศะหรือเปล่า

ปล.เห็นกระทู้ของจขกท.แล้วเจอคอมมเมนต์แบบนี้แล้วอารมณ์มันขึ้น!!!!!!
โกรธแล้วนะ

0
traveller 25 พ.ย. 57 เวลา 09:46 น. 5

ปัญหาเรื่องเงินให้ลองขอทุนเรียน หรือกู้เงินรัฐบาลเรียน และ ทำงานพารทไทม์ สอนเด็กประถมก็ได้ นะคะ เพื่อแบ่งเบาภาระแม่ เวลาไม่มีเงินจะยิ่งเครียด อล้วจะพาลเรียนไม่รู้เรื่อง เพื่อนและรุ่นพี่ดีๆ ก็สำคัญ ควรมีไว้ปรึกษา และช่วยติวให้ยามจำเป็น จะบอกว่า คยมีวิชาที่ยากมาก อ่านยังไงก็ไม่เก็ท ก่อนสอบให้เพื่อนที่เก่งมว๊าก เกียรตินิยม เหรียญทองอ่ะ สอน 15 นาที เกทเลย น้องควร หยุดทำกิจกรรมทางมหาวิทยาลัยแล้ว ใช้เวลาทบทวน ดีๆ ว่า ควรโฟกัสอะไรในชีวิตก่อน เมื่ออะไรๆ เข้าที่แล้ว มันจะดีขึ้นเอง จร้า

0
เด็กน้อยในกองหนังสือ 25 พ.ย. 57 เวลา 10:03 น. 6

สถานะเดียวกันเลยครับ แปลกใจตอนที่คุณเจ้าของกระทู้เรื่องแอดคณะวิศวะครับ ทำไมไม่เลือกแอดคณะอื่น? มหาวิทยาลัยที่คุณเจ้าของกระทู้เรียนน่าจะมีคณะอื่นนะครับ ลองรีไอดีดูครับ รีไปเรียนคณะที่ชอบในมหาวิทยาลัยตัวเอง

ผมอยู่ในสถานะเดียวกันตรงที่ จะออกก็ออกไม่ได้ มันทรมานมากๆกับการเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ พอบอกพ่อกับแม่ผมเจอประโยคเดียวจอดเลย "ไม่อายคนละแวกบ้านหรือ? ไม่กลัวพ่อแม่อายเขาหรือไง? แล้วหนูไม่อายหรือ?" เพราะละแวกบ้านผมเขาชมแม่ทุกวันเลย ที่ผมสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านภาคเหนือ(ซึ่งผมไม่รู้เลยว่ามหาวิทยาลัยนี้ดัง จนได้เข้ามาเรียน) แล้วเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบเกลียดหมดเลยทุกวิชา เพราะมันมีแต่งานกลุ่ม

อันนี้ผมแนะนำเลยนะครับถ้าเจ้าของกระทู้จะลาออกแล้วซิ่ว หามหาวิทยาลัยที่เขามีทุนการศึกษาครับ ถ้าคุณเจ้าของกระทู้เรียนจบมัธยมปลายมาเกรดสวย หาทุนได้ไม่ยากเลย ไม่ก็ลองกู้ กยศ ครับ แต่ถ้าเอาสบายลงมาหน่อยก็รีไอดีครับ ผมว่าจะทำอยู่เหมือนกัน ทุนการศึกษามีทุกมหาวิทยาลัยครับ ลองยื่นดู

ผมท้อแท้ถึงขนาดไม่เข้าเรียนสองอาทิตย์มาแล้ว มั่วข้อสอบในห้องสอบหวังให้เกรดต่ำก็ทำมาแล้ว แต่สรุกเกรดสูงสุดในกลุ่มเพื่อนที่มันอ่านหนังสือเข้าเรียนกันแทบตายอีก เซ็งมาก

ลองหาทุนการศึกษา หรือกู้ กยศ ดูครับ แต่ผมแนะนำว่าถ้ามหาวิทยาลัยคุณเจ้าของกระทู้มีคณะที่อยากเข้า รีไอดีเลยครับทำได้เหมือนกัน 

สู้ๆครับคุณเจ้าของกระทู้ ผมเป็นกำลังใจให้ ผมก็อยากออกนะ ถึงแม้จะเรียนได้ก็ตามแต่มันแบบ มีอะไรไม่ชอบเยอะไม่ว่าจะงานกลุ่ม และสภาพสังคมที่นี่ ทำให้ผมไม่อยากอยู่เท่าไหร่ อิอิ

0
เจเจ 25 พ.ย. 57 เวลา 11:49 น. 7

อย่าเก็บไว้น้อง บอกแม่ไปเหอะ น้องเรียนศิลป์แบบไม่มีคำนวณไรมาเลย ไงก็ไม่รอดหรอก อย่าปล่อยให้สายกว่านี้ พี่จบวิศวะมา รู้ว่ามันยากแค่ไหน แต่พี่เรียนสายวิทย์คณิตมาโดยตรงก็เลยไม่มีปัญหา

0
นิสิตฝั่งธน 25 พ.ย. 57 เวลา 23:43 น. 9

ด้วยมหาลัยนี้ ส่วนมากจะเน้นเทคโนโลยีครับ เลยไม่มีคณะไหนที่เหมาะเลย และอีกอย่างเหตุผลคือ ผมเรียนโดยการกู้ กนศ ครับ ถ้าจะไปที่ใหม่ ต้องจ่ายเงินค่ายืนยันสิทก่อน และทางครอบครัวก็าไม่ได้เพราะแม่ทำงานคนเดียวครับ

0
FinalXtreme 26 พ.ย. 57 เวลา 04:44 น. 10

เราคิดว่าถ้าเทอมนี้เกรดวิชาคำนวณมันตกต่ำอีก ก็ซิ่วออกมาเลยดีกว่านะ และไปหางานอะไรสักอย่างทำเก็บเงินเตรียมไว้เลยดีกว่า (พาร์ทไทม์ตามร้านอาหารหรือเซเว่นก็ได้)

ดูจากที่นายพูดมา เราคิดว่าถ้าย้ายมาเรียนสายเดิมน่าจะดีกว่านะ เพราะถ้าเรียนก็น่าจะได้ทุน ถ้าไม่พอก็สามารถหาจ็อบมารับทำได้ด้วยนะ เพื่อนกับรุ่นพี่เราหลายคนก็ทำงานส่งตัวเองเรียนกันเยอะอยู่ บางคนก็เป็นติวเตอร์(มีทั้งแบบสอนที่ รร.กวดวิชา ไปจนถึงแบบเป็นติวเตอร์ส่วนตัว) บางคนก็รับงานแปล บางคนก็ไปเป็น MC ตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ไปเป็นผู้ช่วย อ. หรือไปรับงานในมหาลัยเองก็มี บางคนร้องเพลงเก่งหน่อยก็ไปเข้าชมรมดนตรีแล้วพาพวกในชมรมไปรับจ็อบเล่นตามร้านอาหารด้วยซ้ำ ฮาๆๆๆ

ยิ่งพวกติวเตอร์ ถ้าได้ภาษาที่ไม่มีสอนทั่วไปนี่ก็จะได้เงินดีมาก(แต่ต้องสอนเป็นนะ) จริงๆแค่ญี่ปุ่นถ้าสอนดีๆหน่อยก็ได้เงินดีในระดับนึงแล้วละ

สู้ๆ

0
โอ้ยมันเจ็บหัวใจ 26 พ.ย. 57 เวลา 14:01 น. 11

ซิ่วเลยค่ะ อยู่กับสิ่งที่เราไม่ชอบ ยังไงมันก็ไม่มีความสุขอ่ะค่ะ
ลองเปิดใจคุยกับแม่ดูแบบจริงจัง เราว่าแม่ต้องเข้าใจอยู่แล้วล่ะค่ะ

สู้ๆนะคะ เราเองก็จะซิ่วปีนี้เหมือนกันเยี่ยม

0
เพื่อสุขแท้จริง 27 พ.ย. 57 เวลา 00:41 น. 12

ถ้าไม่ชอบซิ่ว เลยครับ
ผมชอบ แต่ไม่ใช่ ก็ยังซิ่ว
มองถึงอนาคต ข้างหน้า
คุณจะเป็นอย่างไร จะอยู่ยังไง
ทุนมีเยอะ กยศ กรอ ก็ดี ของ มหาลัยก็ดี
ชอบและ ตั้งใจซะอย่าง อะไรก็จะดีเอง
ผมเชื่ออย่างนั้น สู้ๆครับ ผม
จาก.เด็กวิดวะซิ่วตอนปี 3 เกรดรวม 3.4

0
Audi 27 พ.ย. 57 เวลา 23:50 น. 13

หนูจบวิทย์-คณิต มาแล้วเรียนต่อ วิทย์ฯ สอบแต่ละครั้งได้คะแนนน้อยมาก หนูเลยตัดสินใจบอกแม่ว่าไม่ไหวแม่หนูว่าล้อเล่น(เพราะหนูเป็นคนติดตลก) พอหนูลาออกจากมหาวิทยาลัยเท่านั้นละแม่ไม่พูดกับหนูเลย พอกลับมาได้3วันก็ไปสอบแกแพท
พอหลังสอบแกทแพทยายรู้ว่าจะซิ่วตามมาด่าเลย สักพักแม่เริ่มเข้าใจกลับมาพูดและให้กำลังเหมือนเดิม
สู้ๆนะพี่ ตอนแม่ไม่พูดกับหนู หนูก็ท้อเหมือนกัน
ปัญหามีทางออกเสมอ
โกรธแล้วนะ

0