Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

การศึกษาไทย ที่หลักสูตรไร้หัวใจให้นักเรียน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

การศึกษาของไทยที่บังคับ นักเรียนให้เรียนอย่างเยอะ

จขกท เป็นนักเรียนน่ะครับ ก็ได้ลองไปศึกษาการเรียนของต่างประเทศดูเขาเป็นยังไง สิ่งที่แตกต่างคือ
     นักเรียนต่างชาติเรียนเท่าที่ได้ใช้ แต่นักเรียนไทยเรียนเพื่ออะไร ข้อนี้สำคัญลองมาดูกัน วิชาคณิตศาสตร์เช่น เหตุผลรูปสามเหลี่ยมสี่เหลี่ยม พหุนามการ บวก ลบ คูณ หาร พหุนาม รากที่ต่างๆ สมการ อสมการ เศษส่วนพหุนาม วงกลม คอร์ดต่างๆ พาลาโบลา ทฤษฎีปีทาโกรัส คุณเอามาใช้อะไรบ้าง นี้คือประเด็น หลายคนบอกเรียนไปเพื่อประดับความรู้ ถามก่อนน่ะครับมีใครถามคุณบ้างว่า หนูพหุนามข้อนี้ตอบยังไง? ไม่มีใครถามแบบนี้หรอก มีแต่เขาจะถาม หนูเล่นไวโอลินเป็นไหม(สมมุติ)? เล่นได้ อ่าเก่งจัง . . . มันจะอย่างนี้มากกว่าไหม ปีทาโกรัสเรียนไปใช้อะไร? เรียนไปใช้หาส่วนหลังคาบ้านค่ะ/ครับ ถามอย่าง วิศวะกรมีไว้อะไร ทำไมไม่ให้เรียนตอนที่เขาได้ใช้ในทางอาชีพล่ะ วิทยาศาสตร์บ้าง ความเร็ว อัตราเร็ว เซลล์ โคมโมโซม อะไรบลาๆๆ เรียนไปเพื่อ? เอาไว้ให้ตอนที่เขาเรียนมหาลัยแล้วได้ใช้ในอาชีพไม่ดีกว่าเหรอ ความจริงทุกวันนี้น่ะ บวก ลบ คุณ หาร ได้ก็เอาตัวให้รอดในชีวิตประจำวันได้แล้ว ถ้ามันไม่เกะกะวิชาที่เรียนอ่ะน่ะ นักเรียนไทยเรียนเครียดและมากไปไหม ครูคนเดียวยังสอนให้ทุกวิชาไม่ได้ แล้วประสาอะไรกับนักเรียน อยากถามใครคิดหลักสูตรการสอน อยากทราบว่าคนคิดถึงหัวอกคนที่เรียนบ้างไหม ไอ่พหุนามเนี้ย ในชีวิตกรูได้ใช้อะไรเนี้ยและอื่นๆด้วย บอกเลยน่ะถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่น่ะจ้าง 1000 ชาตินักเรียนไทยไม่เก่งเท่าเขาหรอก เพราะ

1.คุณตัดอิสระตัวนักเรียน
2.เรียนแต่ทฤษฎี(คณิต ฯลฯฉ
3.นักเรียนไม่มีเวลาว่างในการใช้ชีวิต เพราะต้องทำการบ้าน เรียนกวดเพิ่มทั้งนี้เพราะเนื้อหาสอบเข้าที่ต่างๆมันเยอะตามที่เรียน ต้องเก่งไว้ก่อน
4.ยอแต่พวกเรียนเก่ง พวกไม่เก่งคุณไม่แลแม้แต่หางตา
5.เรียนไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ เรียนไปแค่ใช้สอบบบบบ แล้วก็จบบที่สอบ ไม่ได้ใช้ในชีวิตเท่าไร เมื่อไรจะเปลี่ยนสักที หลักสูตรแบบนี้
ฯลฯ

 

แสดงความคิดเห็น

>

90 ความคิดเห็น

OverOzone 13 ม.ค. 58 เวลา 18:37 น. 1

เขาคงมีเหตุผลว่าให้ปูพื้นฐาน(แต่ไม่แน่ใจว่านี่คือปู?)เพราะถ้าเราไปเรียนถมกันที่มหาลัยมันจะหนักนะ
แต่ก็นั้นแหละมันก็ทำให้ตัดอิสระของนักเรียน ไม่สามารถให้ตัวนักเรียนได้ออกไปหาสิ่งที่ใช่กับตัวเอง ยกยอคนที่เก่งแค่ในตำราและการสอบ

0
.... 14 ม.ค. 58 เวลา 01:15 น. 2

ความรู้เรียนกันได้ แต่การนำความรู้มาใช้ต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง และครูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือธรรมชาติ

0
4thjt4jnh 14 ม.ค. 58 เวลา 05:49 น. 3

ไม่น่ะคงเข้าใจว่า มันเรียนไปบางอย่างมันใช้ไม่ได้ จริงเลยน่ะ ลองคิดดูสิครับ คุณเอาตัวประกอบของพหุนามไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อะไรบ้าง มันมองไม้เป็นทางเลยน่ะครับ

0
.... 14 ม.ค. 58 เวลา 10:12 น. 5

คณิตศาสตร์เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง เหมือนกับคุณจะขันน็อตสักตัว คุณไม่รู้หรอกว่าถึงเวลาใช้จริงต้องใช้อะไรไปขัน ต้องใช้ไขควงหัวแฉก(มีหลายขนาด) ไขควงหัวแบน(มีหลายขนาด) ประแจแหวน(มีหลายเบอร์) หรือประแจหกเหลี่ยม(มีหลายเบอร์) คุณทำได้แค่เตรียมเครื่องมือให้พร้อม คือไม่จำเป็นต้องเก่งทุกอย่าง แต่ถึงเวลาใช้คุณมีเครื่องมือให้เลือกใช้เยอะย่อมดีกว่ามีเครื่องมือให้เลือกใช้อย่างจำกัด การศึกษาตามหลักสูตรไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้น ยิ่งเรียนยิ่งแคบลง เหมือนรูปทรงปิรามิด เจาะลึกไปเฉพาะทาง

0
incognito 14 ม.ค. 58 เวลา 13:37 น. 6

มีทั้งส่วนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยนะ
ถามว่าทำไมไม่ไปเรียนตอนเข้ามหาลัย
คิดว่าน่าจะเป็นเพราะอยากให้ค้นหาตัวเองเจอ
แม้แต่ตอนนี้เอง เด็กม.6 สายวิทย์เรียนมาทุกอย่างตามที่ว่ามา
หลายคนยังเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเข้าคณะอะไร
แต่ก็เห็นด้วยที่ว่าเรียนเยอะเกินไป และทำให้ไม่ได้ใช้
ก็รกสมองอยู่อย่างนั้น น่าจะปรับให้เรียนเนื้อหาน้อยลงบ้าง
1.คุณตัดอิสระตัวนักเรียน
นั่นก็เพราะถ้าให้อิสระเกินไปจะเจอแบบนี้
ต่างประเทศไม่ต้องใส่เครื่องแบบนร. แต่เขาก็รู้ว่าควรใส่ชุดสุภาพ
ถ้าเป็นเด็กไทยก็จะมีใส่เสื้อกล้าม ขาสั้น รองเท้าแตะฟองน้ำมาเรียน
ต่างประเทศให้เวลาว่างตอนบ่าย เขาก็หางานอดิเรกทำ เล่นกีฬา อ่านหนังสือ
เด็กไทยไม่เล่นเกมเป็นบ้าเป็นหลัง ก็แว๊น สก๊อย ดูดหรี่ ติดยา ยกพวกตีกัน
อย่าคิดว่าไม่เยอะนะ มันยังมีอยู่ แต่ไม่ค่อยเป็นข่าวแล้ว (เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วมั้ง)
2.เรียนแต่ทฤษฎี
สายสามัญต้องเน้นทฤษฎีไว้ก่อน เพราะต้องใช้ในการเรียนต่อ อยากปฏิบัติหนักๆเชิญต่อสายอาชีพ
3.นักเรียนไม่มีเวลาว่างในการใช้ชีวิต เพราะต้องทำการบ้าน เรียนกวดเพิ่มทั้งนี้เพราะเนื้อหาสอบเข้าที่ต่างๆมันเยอะตามที่เรียน ต้องเก่งไว้ก่อน
การบ้านเยอะนี่ไม่เถียง 555 แต่เรื่องเนื้อหาเยอะนี่ ถ้ารู้ว่าจะเข้าคณะอะไร เวลาอ่านก็อ่านแค่วิชาที่ใช้สอบ ก็ไม่หนักมากนะ
4.ยอแต่พวกเรียนเก่ง พวกไม่เก่งคุณไม่แลแม้แต่หางตา
เขาคงมองว่าถ้าเรียนให้ดียังทำไม่ได้ แล้วอย่างอื่นจะไปทำอะไรได้
แม้คุณจะชอบหรือเก่งดนตรีกีฬา จะฝึกให้สุดโต่งเลยก็ได้
แต่อย่างน้อยคุณก็ควรจะมีปริญญาสักใบ มันบ่งบอกอะไรได้มากกว่าแค่ความรู้
5.เรียนไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ เรียนไปแค่ใช้สอบบบบบ แล้วก็จบบที่สอบ ไม่ได้ใช้ในชีวิตเท่าไร
เพราะเอาไปใช้ในวิชาชีพที่สูงกว่านี้ ถ้าคุณคิดว่าไม่ได้ใช้ ก็ลาออกไปทำอาชีพที่ไม่ได้ใช้ครับ มีเยอะแยะ

0
sss555 14 ม.ค. 58 เวลา 17:07 น. 7

ถ้าตัดพวกวิชาที่ว่ามา จะให้เรียนอะไรกันล่ะครับ สิ่งที่เราจะได้มาจากการเรียนหนังสือไม่ใช่แค่ความรู้นะครับแต่สิ่งที่เราจะได้มากกว่าคือ ความพยายาม ความขยัน ความมีระเบียบวินัย เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมในการเรียนมหาลัย การที่เค้าชื่นชมคนที่เรียนเก่ง ก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลกอะไรเพราะการที่เค้าจะเรียนเก่งได้ก็มาจากความขยัน ประเทศที่เรียนหนักกว่าเราก็มี เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี แต่ละประเทศก็มีมีวิธีพัฒนาการศึกษาที่แตกต่างกันไป ไม่ใช่ว่าผมชอบระบบการศึกษาไทยนะ ผมเองก็รอการเปลี่ยนแปลงอยู่ แต่เหตุผลของ จขกท ก็เกินไปหน่อย

ปล.ผมก็เรียนไม่เก่งนะ

0
chanyeol_lala 14 ม.ค. 58 เวลา 18:55 น. 9

คิดเหมือนจขกท.เหมือนกัน555เคยสงสัยน่ะว่าเวลาซื้อข้าวนี่เค้าจะบอกว่า4x-3y+Xกำลังสองเมื่อxเท่ากับด้านที่ยาวที่สุดของรูปสามเหลื่อมมุมฉากเมื่อด้านประกอบมุมฉากเป็น2และ3ตามลำดับ หรอ? สูตรต่างๆที่ท่องจำเข้าห้องสอบพอสอบเสร็จก็ลืมหมดแล้ว

0
ฉันติ่งเกิร์ลกรุ๊ป 14 ม.ค. 58 เวลา 19:11 น. 10

ตอนนี้เรียนม.4 สายวิทย์-คณิต เท่าที่เรียนมาก็คิดว่ามันต้องได้ใช้หมดเลยนะเนื้อหาแต่ละวิชาที่เรียนมันก็ต่างมีประโยชน์ทั้งนั้น ถึงมันจะเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ แต่ก็ต้องเอาไปใช้ในสายอาชีพของเราในอนาคตเหมือนกัน เช่นหมอ ก็ต้องเก่งเรื่องคำนวณ เรื่องทฤษฎีแบบละเอียดยิบมากๆ ถ้าไม่รู้เรื่องก็จะไปรักษาคนไข้ได้ยังไง จะไปรับผิดชอบชีวิตคนอื่นได้ยังไง ใช่ไหม? การศึกษาไทยก็ไม่ได้แย่มากนะ แต่เรื่องสอบวัดผมอะไรมันเยอะไปหน่อย ทุกวันนี้เหมือนเรียนไปเพื่อสอบยังไงไม่รู้ = = สอบกลางภาค สอบไฟนอล เดี๋ยวขึ้นม.5 ม.6 ก็เจอ 7วิชาสามัญที่ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 9 แล้ว ไหนจะ gat-pat o-net บลาๆ ไม่เข้าใจว่าจะเยอะไปไหน แล้วก็วันหนึ่งนี่เรียนวันละ 8 คาบเลย เกือบเอาตัวเองไม่รอดอยู่แล้ว กลัวจะจำที่เรียนมาไม่ได้ พยายามทบทวนอยู่ตลอด TT

0
apblocdy 14 ม.ค. 58 เวลา 19:21 น. 11
เรียนเนื้อหาที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน เอาไปทำมาหากินไม่ได้...นี่แหละการศึกษาไทย
0
Felinonajang 14 ม.ค. 58 เวลา 19:47 น. 13

ถ้าเข้ามหาลัยแล้วไม่ได้อยู่คณะพวกที่ต้องเรียนสังคม เช่น อยู่วิศวะ ก็ควรตัดๆออกไป พวกสังคม พละ อะไรแบบนี้ เพราะมันไม่ได้ใช้ ถ้าแต่ถ้าไม่มีพื้นฐานพวก คณิต ฟิสิกส์ เคมี เลย ไปเริ่มตอนมหาลัย พี่ว่าไม่ทันแน่ๆ ตายก่อนพอดี ขนาดมีพื้นฐานกันมาก่อน ยังเกือบหวุดหวิดเอฟกันหลายชีวิตเลย 
พวกวิทย์ คณิต ภาษา ยังไงก็ตัดไม่ได้หรอกมันสำคัญ 

0
MaMa SuJu 14 ม.ค. 58 เวลา 21:22 น. 14
เราเป็น นักเรียน ม.6 
ที่ตอนนี้จะเป็น นักสอบ อยู่แล้ว
ถามว่าเรียนเก่งไหมก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่ต้องทนเรียนๆๆๆๆ ในแต่ละวันต้องทำการบ้านๆๆๆๆ ทำงานส่งๆๆๆๆ 
เวลาใช้ชิวิตเหมือนเพื่อนคนอื่นที่เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องเรียนก็ไม่ค่อยมี ต้องทำงานบ้านแล้วก็อ่านหนังสือ เจียดเวลานอนมาทำสิ่งที่อยากทำ หนึ่งอาทิตย์ทำงานเจ็ดวันเหมือนคนได้เงินเดือนเลย - -" 
ที่ต้องดิ้นรนขนาดนี้เพราะอะไรรู้ไหม?

"....เพราะค่านิยมที่ว่าการเรียนต่อในมหาลัยดีๆ คือเครื่องยืนยันการรันตีว่าจบออกมาแล้วจะมีงานทำแน่ๆ...."

ซึ่งมันก็ไม่ได้จริงเสมอไป หรือคิดว่ายังไงกันบ้าง??

0
Bubble prim 14 ม.ค. 58 เวลา 22:22 น. 16

เห็นด้วยนะ ยิ่งคณิตพีทาโกรัสเนี่ย อื้อหืออออ #จะให้นักเรียนสร้างบ้านเหรอ?




0
Black_Pheonix 14 ม.ค. 58 เวลา 22:30 น. 17

ที่จขกท. พูดมาก็มีส่วนถูกนะ การศึกษาไทยไม่สนใจคนที่เรียนไม่เก่ง กลับแต่จะ

ปัดไสไล่ส่ง แทนที่ครูจะต้องเป็นฝ่ายช่วยนักเรียนกลับปัด(บางคน) บอกว่าเด็กมัน

เลว บางครั้งเด็กอาจมีปัญหาส่วนตัวก็ได้ เช่น ครอบครัวมีปัญหา


ส่วนเรื่องเรียนหนักอ่ะ ไม่เถียงเลย แต่เรียนไปแล้วไม่ใช้ดิ น่าคิด โดยเฉพาะ

ม.ปลายซึ่งเป็นช่วงที่ต้องเตรียมศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย อยากเป็นหมอ อยาก

เป็นวิศวะกร ฯลฯ ก็ต้องเรียนสายวิทย์ใช่ป่ะ

แต่ทำไมต้องท่องบทอาขยาน ต้องจำผังกลอนชนิดต่างๆ ต้องอ่านวรรณคดี

วิเคราะห์วรรณคดี ต้องมานั่งสมาสคำ สนธิคำ ต้องอ่านประวัติศาสตร์

ไทยสากล เศรษฐศาสตร์ หน้าที่พลเมือง การเมืองการปกครอง ภูมิศาสตร์ ในวิชา

สังคม ทั้งหมดนี้เป็นวิชาทางศิลป์ทั้งสิ้น

สายวิทย์จะต้องเรียนมันถึง 3 ปี เลยหรอ ??? ผมว่ารวบๆ มันเหลือซักปีนึงก็มาก

แล้วนะ แล้วอีก 2 ปี ก็หนักไปทางฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เลย และเรียนภาษาอังกฤษ

ควบคู่ไป (ก็เลยไม่แปลกไงที่มหาวิทยาลัยรับคนเรียนสายวิทย์เข้ามาเรียนสาย

ศิลป์ได้)

แม้แต่เย็บปักถักร้อย ขายของ ในวิชาการงานฯ หรือกระทั่งเล่นดนตรี

ไทย สากล วาดภาพ ในวิชาศิลปะ สุขะ+พละด้วย

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่วิชาการเลย เป็นวิชาปฏิบัติ

ควรเรียนถึง 3 ปีหรอ ??? มหาวิทยาลัยยิ่งไม่ได้ใช้หนักเลย (ถ้าไม่ใช่คนเรียนสาย

ศิลปกรรม) ผมว่าเปลี่ยนเป็นเลือกเสรีจะดีกว่าไหม ??? เพราะทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่

กับความสนใจของผู้เรียน



ปล. ทั้งหมดนี้ คหสต.

0
ABCDEF 15 ม.ค. 58 เวลา 00:56 น. 18

เราไม่เห็นด้วยกับการเรียนไปแล้วไม่ใช้น่ะ คือ เรามองว่าความรู้ถ้าเราไม่ติดตัวไว้เราก็ไม่มีวันได้ใช้มันแต่ถ้าเรามีเราก็จะได้ใช้มันเอง

สมมติเราเป็น นร ม4 ถามว่าถ้าเราไม่ได้เรียน เลข ไม่ได้เรียน ฟิสิกส์ เราก็จะไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นยังไงเราก็จะไม่เลือกที่จะเอาความรู้ไปใช้ต่อยอดในการเรียนพวกสายวิศวะไรแบบนี้ใช่ป่ะ แต่ถ้าเรารู้ว่าเรื่องพวกนี้เป็นยังไง อย่างน้อยเราก็มีข้อมูลไว้เอาไปต่อยอดเพิ่มขึ้น ก็ได้เปรียบกว่าคนที่ไม่รู้ใช่ป่ะ แล้วไหนจะเรียนเพื่อเป็นความรู้ทั่วไปติดตัวในการดำรงชีวิต เรียนไปเพื่อพัฒนากระบวนการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลอีกล่ะ คนเราบางทีเจอสถานการณ์ที่เราต้องประยุกต์ใช้ความรู้พวกนี้สักวันใครจะรู้

แต่ข้ออื่นเราเห็นด้วยน่ะว่า -การเรียนรู้มันต้องอยู่ที่ นร.เองว่า อยากจะเเสวงหา อยากจะจัดระบบว่าจะสนใจสิ่งนี้สิ่งนั้นไม่ใช้ยัดๆให้จน นร.เกลียดการเเสวงหาความรู้แบบที่เป็นอยู่

0
ABCDEF 15 ม.ค. 58 เวลา 01:07 น. 19

เสริมนิดนึงว่าเรามักจะให้สิทธิพิเศษกับวิชา"สายศิลป์"ว่าได้ใช้ใน ชีวิตประจำวันมากกว่า แบบ เราควรจะรู้สิทธิขั้นพื้นฐาน, ควรจะรู้เศรษฐศาสตร์, ควรจะรู้ศิลปะ, ควรจะรู้สถานการณ์ปัจจุบัน แต่เราไม่ค่อยมองวิชา"สายวิทย์"ในฐานะเดียวกัน ซึ่งเรา จากมุมมองเด็กสายวิทย์มองว่า เห้ย มันก็สำคัญไม่ต่างกันน่ะ การที่เรามองสิ่งต่างๆอย่างเป็นระบบ มองสิ่งต่างๆว่ามันเป็นกลไกลแบบวิทยาศาสตร์ว่ามันมีที่มาที่ไปยังไงมันก็จำเป็นในการดำรงชีวิตน่ะ แล้วความรู้พวกนี้มันก็ไม่ได้ว่าจะถูกทิ้งไว้ไม่ได้ใช้เลย เช่น เราเคยเห็นคนที่ออกข่าวไปใช้ยาขายใน net อ้างสรรพคุณเวอร์แล้วแพ้ ถ้าเขามีความเข้าใจในกลไกลการทำงานของร่างกายมนุษย์สักนิดนึงเขาก็อาจจะไม่ต้องมาเจ็บตัวเพราะถูกหลอกก็ได้ ตอนนี้ จขกท อาจจะบอกว่าก็เรื่องพวกนี้มันได้ใช้ในชีวิตประจำวันก็ใส่ให้เรียนสิ นั่นก็เพราะ เรารู้เเล้วว่ามันมีประโยชน์ยังไง แต่ถ้าเราไม่รู้มาก่อนเราก็อาจจะปฏิเสธการสอนเรื่องพวกนี้ใน รร. ด้วยเหตุผลว่าไม่ได้ใช้เหมือนกันก็ได้ จริงป่ะ

0
Meisa 15 ม.ค. 58 เวลา 08:22 น. 20

เคยอ่านบทความของอาจารย์คนหนึ่งนะว่าหลักสูตรที่ให้เรียนครบทุกวิชาน่ะ เพราะเขาให้ฝึกคิดรอบด้าน ไม่ได้เรียนไว้เพื่อสอบอย่างเดียว ศาสตร์แต่ละศาสตร์มันมีการคิดที่แตกต่างกัน วิชาที่เรียนมันทำให้ได้ใช้สมองทุกส่วนทั้งศาสตร์และศิลป์ และอีกแง่หนึ่งคือสำรวจตัวเองด้วยว่าชอบศาสตร์ไหนเพื่อจะได้ต่อยอดต่อไป

ที่การศึกษาไทยยังสู้ชาติอื่นไม่ได้เราว่ามันอยู่ที่ระบบการจัดการทั้งการจัดการเรียนการสอนของครูการวัดผลประเมิน
ผล ค่านิยมของคนสังคม การเมืองคือเยอะน่ะมันเกี่ยวข้องกับการศึกษาทั้งนั้น

ต่างประเทศก็เรียนเยอะนะโดยเฉพาะประเทศในเอเชียแต่การจัดการเรียนการสอนน่ะจะมีความน่าสนใจในขณะที่ไทยเน้นการสอนแบบบรรยาย แล้วต่างประเทศจะมีการวัดผลในเนื้อหาเท่าที่ครูสอนไปแต่ของไทยคือเน้นข้อสอบยากโดยบางทีมันก็เกินกว่าที่ครูสอน รวมทั้งระบบการจัดการมีประสิทธิภาพกว่าด้วย

0
.... 15 ม.ค. 58 เวลา 10:26 น. 22

ถ้าควบคุมการเปิดปิดหลอดไฟ เปิดปิดวาล์วน้ำ แค่ตรรกศาสตร์พื้นฐานก็พอ แต่การควบคุมบางอย่างเช่นหุ่นยนต์เดินสองขา ต้องใช้ความรู้หลายอย่างและซับซ้อนกว่ามาก

0
Arsari 15 ม.ค. 58 เวลา 13:29 น. 23

มีคนหนึ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่า"แม่ส่งเรามาเรียน ไม่ใช่มาสอบ เดี๋ยวฟ้องแม่เลย"(?)
ปล.เป็นเพื่อนเค้าเอง

0
เจ้าชายแสงจันทร์ 15 ม.ค. 58 เวลา 14:17 น. 25

ผมเองคนหนึ่งก็คิดว่าการเรียนของไทยมันเน้นแต่หลักทฤษดีมากเกินเช่นกัน
แต่นำมาปกิบัติได้แค่บางเรื่องเท่านั่น

ตั้งใจ

0
Joker world 15 ม.ค. 58 เวลา 16:22 น. 26

เห็นด้วยเหมือนกันครับ
ผมเห็นว่าการศึกษาไทยทำให้คน แต่เรียนๆๆ เพื่อเอาเกรดสวยๆ
ไม่ได้ดูว่าอนาคตอยากเป็นอะไร แค่เรียนให้เก่งก็จะมีคนชม มีคนรัก
พอจบมาก็เคว้งคว้าง และสุดท้ายก็ไปทำงานเป็นลูกจ้าง
ตั้งใจ

0
กะสั่รรง 15 ม.ค. 58 เวลา 18:14 น. 27

ขอถามนิดนึงน่ะครับ เอาสักอย่าง....อ่ะตัวประกอบของพหุนาม เอานาม ได้เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันหริอไม่ ถ้าได้ใช้ให้เขียนเหตุผลหน่อยครับว่าวิชาชีพไหนที่ต้องใช้พหุนาม ตัวประกอบของพหุนาม

0
trhh 15 ม.ค. 58 เวลา 18:16 น. 28

โลกสวยไปไหมครับ ถามก่อนถ้าหลักสูตรนี้ดีจริง ทำไมนักเรียนไทยถึงฉลาดไม่สมดุลกันแบบนี้ ถามว่าก็เพราะตัวนักเรียนเองไม่สนใจ ขอตอบน่ะครับ ก็ทำไมไม่ทำหลักสูตรให้น่าสนใจและเจริญกว่านี้

0
ผิดตลอด 15 ม.ค. 58 เวลา 18:17 น. 29

ใช่เลย ข้อ 4
เป็นตั้งแต่อนุบาล เด็กคนไหนอ่านออกเขียนได้ตั้งแต่ อ.1 'อูยย ลูกรักของครู'
ตอนประถม ใครเก่งคณิตเกินวัยแบบไปสอบแข่งขันได้ 'นี่แหละ ลูกศิษย์ที่น่าภูมิใจ'

แต่ไม่รู้ทำไม ตอนมัธยม อุตส่าห์นั่งหน้าห้อง ตั้งใจเรียน คะแนนดี ครูกลับเมิน สนใจแต่พวกหลังห้อง "อย่าคุยสิ เรียนได้แล้ว" แทนที่จะสนใจคนที่กำลังเรียนอยู่ตรงนี้ ฮือฮือ

0
trhh 15 ม.ค. 58 เวลา 18:18 น. 30

ข้อ 4 จขกท คงคิดว่าคนที่ติดแพทย์ ได้หน้า มีแต่คนยอ แล้วไอ่ที่ติดครูล่ะ เกษตรล่ะ ไม่เก่งพอที่จะได้รับการยกย่องเหรอ

0
gues 15 ม.ค. 58 เวลา 18:19 น. 31

ยากจนส่วนใหญ่ ครูเองก็ทำไม่ได้น่ะ
ถ้าครูมีคุณภาพ ก็คงดี
ถ้าทำให้คนมีคุณภาพมาเป็นครูเยอะๆ ได้ ก็คงดี

0
ไิา่ั 15 ม.ค. 58 เวลา 18:21 น. 33

อ่านแต่เนื้อหาที่สอบ อ่าวววแล้วกลางภาค ปลายภาคออกเนื้อหาที่เรียน มันก็ออกหมดที่เรียนน่ะสิครับ มันก็เยอะอยู่ดี แล้วคะแนนต่ำ เกรดตก ถามว่าจะเอาอะไรไปสู้เขา

0
ไิา่ั 15 ม.ค. 58 เวลา 18:23 น. 35

ค้นหาตัวเองเจอหน้าจะให้นักจิตวิทยา ครูแนะแนวสอนน่ะครับ คือประเด็นมันอยู่ที่ทำหลักสูตรอย่างไรให้นักเรียนฉลาดดด หรือได้เอาหลักสูตรไปใช้ในชีวิตที่แท้จริงเพื่อให้ดำรงชีพอย่างมีความสุขมากกว่าน่ะครับ

0
สิกขามรณา 15 ม.ค. 58 เวลา 18:26 น. 37

เห็นด้วยแค่นิดเดียวนะ ยอมรับว่าการศึกษาไทยทำร้ายนักเรียนมาก เรียนเพื่อสอบ เรียนไปเรียนมา มีแต่คู่แข่ง

ขอแย้งตรงที่ ตรีโกณ พหุนาม เซลล์ โครโมโซม และอะไรทั้งหลายแหล่ที่ จขกท. ยกมา ถึงจะดูไม่มีประโยชน์ตอน ม.ปลาย แต่มันต้องใช้จริงๆ ถ้าคุณเรียนต่อในคณะสายวิทย์ทั้งหลาย ถ้าบอกว่สไม่คิดจะเรียนคณะสายวิทย์อยู่แล้ว กรุณาอย่าแย้งนะคะ ไม่ว่าคุณจะเรียน ม.ปลายสายวิทยฺด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ คุณก็ต้องยอมรับกับการเจอเนื้อหามากมายมหาศาลอย่างนี้

สำหรับที่ประเทศนี้ยกยอแต่คนเก่ง เราเห็นด้วยกับ จขกท. นะ

แล้วก็การศึกษาไทยน่ะ แก้ที่หลักสูตรคงไม่ช่วยอะไร แก้ที่ความคิดของคนที่จะปูแนวทางการศึกษาน่าจะดีกว่า

0
แเิะ 15 ม.ค. 58 เวลา 18:33 น. 39

คือน่าจะสอนว่า ส้ม1 ผลเหมือนมารวมกันส้มอีก 1 ผล จะได้กี่ผล.......2 ผล ก็ถามต่ออีกว่า ส้ม1 ผลเหมือนมารวมกันส้มอีก 1 ผล จะได้กี่กอง......1 กอง แล้วก็ให้ข้อคิด นักรียนคงไม่มีใครร้ายหรือเลวหรอก

0
nnnn 15 ม.ค. 58 เวลา 19:10 น. 40

เออคือกูผิดปกติหรอเวลาว่าอ่านหนังสือนั่งเขียนapp อย่าเอาตัวเองเป็นเกณฑ์ดิครับที่ยว่างแล้วเอาแค่แว้น เล่นเกม แล้วสอบนี่-ค่อยๆสอบได้ด้วย????/7วิชามันแค่ 2วัน ต้องอ่านทั้งหมดทุกเรื่องเว้ย -เคนเห็นใบปริญญาของคนเจ๋งๆป่ะ ใบปปริญญามันแค่อาหารปลวกเท่านั้นแหละ

0
kinaiji 15 ม.ค. 58 เวลา 20:10 น. 42

เด็ก น.ร. ไทยเวลาเจอปัญหาจริงยืนเอ๋อไม่เป็นท่าเลยยกเว้นเรื่องต่อยตีเนี่ยถนัดนัก

0
TheFelix47 15 ม.ค. 58 เวลา 21:26 น. 43

เห้ย รำชอบความเห็นนี้ คือรำคาญคนที่บอกว่าพหุนามเรียนไปเพื่ออะไรมาก 55555555555

0
TheFelix47 15 ม.ค. 58 เวลา 21:32 น. 44

http://pantip.com/topic/33082444 
อ่านอันนี้นะคะ จะได้รู้สึกดีกับการศึกษามากขึ้น
เลิกมโนว่าคนเมกาเค้าเรียนน้อยกว่าเราได้แล้วค่ะ 
เด็กเกรด 6-7 บางคนเค้าดิฟอินทริเกรดกันได้แล้ว 555555

0
โฮลลี่เกรล 16 ม.ค. 58 เวลา 05:16 น. 48

มีทั้งส่วนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนะ
ในฐานะที่พี่เรียนทั้งไฮสคูลที่อเมริกา และเรียนที่ไทยมาก่อน

วิชาพวกวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์นั้น ถ้าเจาะจงไปเป็นเรื่องๆก็คงไม่เห็นความสำคัญว่าเอาไปใช้ทำอะไรได้ แต่ถ้าโดยรวมแล้ว วิชาพวกนี้เป็นวิชาที่สอนคนให้คิดอย่างมีเหตุมีผล เป็นการจัดระบบการคิด(แต่ไม่แน่ใจว่าที่ไทยนั้นสอนให้คิดรึเปล่า สอนแต่ให้ท่องๆจำๆ ทำแบบฝึกหัดเยอะๆ โดยไม่คิดตริตรองให้ดี)

ยกตัวอย่าง ตอนพี่เรียนเรื่อง 3 เหลี่ยม ที่ต้อง proove ว่า นี่คือ สามเหลี่ยม ต้องหาเหตุผลมามากมายเพื่อบอกว่านี่คือ 3 เหลี่ยม (ทั้งๆที่เราก็เห็นว่าเป็นสามเหลี่ยม แต่รูปกับความเป็นจริงไม่เหมือนกัน ถ้ามุมไม่ให้ มันก็ไม่ใช่) ส่วนพวกแคลคูลัสนั้น หลายสิ่งหลายอย่างจะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นนัก (approaching 0; approaching infinity) ใครจะไปรู้นะว่าเวลามันบวกกันจนไปถึง infinity แล้วมันเป็นยังไงจริงๆ แต่เราสามารถคิดวิเคราะห์แล้วสรุปออกมาได้อย่างคร่าวๆ โดยไม่ต้องนั่งเขียนและบวกเลขทุกตัวบนโลกใบนี้จนถึงอินฟินิตี้ สิ่งเหล่านี้มันเป็นการฝึกทักษะการคิดของเรามากกว่าการใช้แบบตรงตัวจริงๆ คิดให้มากกว่าสิ่งที่เห็น วิเคราะห์ให้มากกว่าสิ่งที่เป็น อะไรทำนองนี้

ความน่าจะเป็น/สถิติ หรือเปล่าว่า? (ที่ภาษาอังกฤษคือ Statistic) อันนี้เป็นเรื่องที่พี่ว่าได้ใช้มากที่สุด เพราะมันเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราตัดสินใจมากที่สุด แบบตัดสินใจว่าจะเชื่อข่าวนี้ หรือไม่? ตัดสินใจว่าจะเล่นหุ้นตัวนี้ดีหรือเปล่า ตัดสินใจว่าจะขายสินค้าชนิดนี้ตรงนี้ หรือที่อื่น ตัดสินใจว่าจะให้ยาตัวนี้กับคนไข้ดีหรือเปล่า มันใช้ได้มากจริงๆนะ ถึงแม้ว่าเวลาเรียนจะเรียนเรื่องไพ่ และ ลูกเต๋า มากกว่าก็เหอะ

ขนาดเรียนหมอที่อเมริกา(คือที่นี่ต้องจบปริญญาตรีก่อนถึงจะเรียนต่อหมอได้) ตอนปริญญาตรี เพื่อนๆของพี่ก็บ่นกันว่าทำไมต้องเรียนฟิสิกส์และแคลคูลัสลึกอย่างนี้ อย่างกับไปเรียนวิศวะ แต่ทาง medical school เขาบังคับมาเพื่อฝึกให้นักเรียนนักศึกษาคิดเป็น และคิดอย่างมีเหตุผล เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการวินิจฉัย

ถ้าการศึกษาไทยยังเป็นแบบนี้ ที่ต้องมีเรียนพิเศษ ติวเตอร์มากมาย แต่ไม่พัฒนาระบบการศึกษาที่ควรจะสอนให้คิดวิเคราะห์ มันก็ไม่มีวันก้าวหน้าอ่ะ 

ที่ไฮสคูลของพี่นั้นก็มีเรียนวิทย์ คณิต อังกฤษ สังคม เป็นภาควิชาบังคับนะ แต่พวกวิชาศิลปะ อะไรเหล่านี้เป็นวิชาเลือก ที่ไทยไม่เปิดโอกาสให้เลือกมากนัก มีแต่บังคับเรียน

อีกอย่างที่ต่างประเทศนั้น การเรียนพิเศษนั้น ค่าเรียนแพงมากกกก ไม่มีใครเรียนกันนักหรอก (นอกเสียจากพวกเด็กเอเชียด้วยกัน สงสัยเป็นค่านิยมของฝั่งตะวันออก) SAT มีสอบแค่ 3 อย่าง: Reading, Writing, Math ซึ่งเขาวัดความรู้และการคิดวิเคราะห์จริงๆ และการเข้ามหาวิทยาลัยนั้น ไม่ได้วัดแค่คะแนนเพียงอย่างเดียว เขามีการให้เขียนเรียงความเพื่อดูความคิดของนักเรียน และดูจดหมายแนะนำจากครูว่า ครูเขียนมาว่าอย่างไร ดูว่าทำกิจกรรมอะไรด้วย อย่างพี่ก็มีพวก side-project ทำเป็น portforlio/resume แนบไปด้วย ไหนจะทำพวกอาสาสมัครต่างๆ งานช่วยสังคมก็เป็นองค์ประกอบของการตัดสินใจของมหาลัยด้วย

ที่นี่ 4.0 GPA นั้นไม่ใช่สิ่งการันตีว่าจะได้เข้าเรียนในสิ่งที่อยากเรียน ระหว่างเด็กกิจกรรม แต่ได้เกรด 3.5 ขึ้น กับเด็กเรียนที่ได้ 4.0 แต่ไม่ทำอะไรมากมาย บางครั้งเขาก็เลือกเด็กกิจกรรมนะ การเรียนอยู่แต่ในหนังสือไม่ได้วัดว่าคนๆหนึ่งจะประสบความสำเร็จ มันมีหลายสิ่งหลายอย่างเป็นองค์ประกอบ ถ้าเก่งแต่ในหนังสือแต่วันๆอยู่แต่ในโลกของตัวเอง โลกแคบ เห็นแก่ตัว ทางมหาลัยเขาก็ไม่รับหรอก

ก็ได้แต่บอกเล่า เพราะโดยส่วนตัวแล้ว พี่ไม่คิดว่าการศึกษาไทยจะเปลี่ยนเป็นแบบอเมริกาอย่างนี้ เพราะวัฒนธรรมและค่านิยมแบบผิดๆ (เรียนหมอ เรียนวิศวะ เพราะสังคมมองว่าดี มีเกียรติ ทั้งๆที่ใจจริงอยากเรียนอย่างอื่น) ที่สำคัญที่ไทยนั้นต้องจบปริญญาตรี ปริญญาโท ถึงจะมีงานทำ ไม่เหมือนที่นี่ ที่จบ ม. 6 ก็ทำงานดีๆได้ เป็นผู้จัดการได้ ถ้าเขาเห็นว่ามีความสามารถ

0
yingwanna 16 ม.ค. 58 เวลา 09:46 น. 49

มันก็ขึ้นอยู่ที่วิธีการสอนของครูในโรงเรียนของเราด้วยนะ ว่าจะทำให้นักเรียนมีทัศนคติอย่างไรกับการเรียนวิชานั้นๆ
เราไม่เคยชอบวิชาภาษาหรือท่องจำ แต่ครูเรามีวิธีการสอนที่ต่างจากการท่องจำ มีเรียนสนุกจำได้นานและรู้สึกว่ามันไม่เกะกะหนักสมองด้วย เรียนๆไปไม่ได้นั่งแต่อ่านๆท่องๆ แต่พอตอนสอบมาจำได้
ทุกวิชาเราเรียนปูพื้นไปก่อนไม่งั้นเราจะไม่รู้ว่าเราชอบและถนัดวิชาไหนบ้าง ไปเรียนตอนมหาลัยไม่ทันหรอก ขนาดอ่านหนังสือทวนก่อนสอบตั้งนานยังไม่ทันเลย เราเคยคิดว่ามันเรียนแล้วไม่ได้ใช้นะ แต่ทุกวิชาได้หยิบยกขึ้นมาใช้แน่ เพราะเรียนในมหาลัยไม่ใช่แค่เรียนวิชาเอกวิชาคณะมันมีวิชาเลือกเสรีและวิชาทั่วไปด้วย
ถ้าเราเข้าใจเนื้อหาวิชามาบ้างแล้วในมัธยมมันง่ายต่อการใช้ชีวิตนะ เก็บๆไว้เป็นดี
จริงๆหลักสูตรการศึกษาเขาทำมาดีแล้ว แต่มันเป็นปัญหาที่คนสอนมากกว่า ถึงต้องมีการพัฒนาครูและเรื่องอบรมไง คนเรียนสายอื่นอาจจะไม่ค่อยสนใจแต่คนเรียนสายนี้จะรู้
สู้ๆนะวัยรุ่น เดี๋ยวมันก็ผ่านไป 

0
สสสสสสส 16 ม.ค. 58 เวลา 11:05 น. 50

ที่เด็กไทยเกรียดการเรียนเพราะแบบนี้แหละ เรียนเยอะเครียด
เอาไปใช้แค่การสอบ นอกจากบวก ลบคูน หาร ที่เหลือก็ำม่ำด้ใช้อะไรมากเลย
ทำไมประเศษที่เขาเรียนน้อยถึวเก่ง. ก็เพราะเขามีอิสระในการเรียนไร

0
baddy lovelove 16 ม.ค. 58 เวลา 11:54 น. 51

การศึกษาไทย "ดี หรือ ไม่ดี" นั้น บางคนอาจจะบอกว่า"ไม่ดี" เรียนไปก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์บ้าง เรียนเยอะบ้าง สอบ นู้น นี่ นั้น บลาๆๆ บ้าง แต่บางคนก็บอกว่า"ดี" เหมาะสมแล้วสำหรับประเทศที่หย่อนยานเรื่องระเบียบวินัย ต้องฝึกให้มากๆ ถึงจะเป็นทรัพยากรของชาติที่ดี ทั้งนี้และทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับคนที่มองมัน ขึ้นอยู่กับทัศนคติของแต่ละคน 

การศึกษาไทย "ดี หรือ ไม่ดี" บางคนตอบว่าดี บางคนตอบว่าไม่ดี ที่จริงแล้วตอบแบบไหนก็ไม่ผิดหรอกคับ แต่ในเมื่อสังคมไทยเป็นแบบนี้ ค่านิยมเป็นแบบนี้ สิ่งแวดล้อมเป็นแบบนี้ และอีกหลายๆปัจจัยที่ไม่อยากจะอ้างถึง ทำให้สังคมไทยในทุกวันนี้เป็นไปในแบบที่ทุกคนเห็น

"แล้วเราจะทำยังไง" สำหรับใครหลายๆคนที่บอกว่า "การศึกษาไทยไม่ดี" เราไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้ เราจะทำยังไง #ทำใจ  ไอ่เรามันก็เสียงส่วนน้อย ก็คงจะทำอะไรไม่ได้อีกตามเคย การที่เราจะเปลี่ยนแปลงการศึกษาทั้งระบบ มันเป็นเรื่องที่ไหญ่มาก ต้องอาศัยความเป็นเสียงส่วนมากในการสร้างกระแส(?) และความร่วมมือจากอีกหลายๆฝ่ายที่ไม่อยากจะอ้างถึง แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า "ถ้าการศึกษาไทยเปลี่ยนไปแล้ว ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร" จะดีขึ้น หรือ แย่ลง? แต่แน่อาจจะซัก 100ปี 1000ปี หรืออีกไม่กีปีข้างหน้า การศึกษาไทยอาจจะเปลี่ยนไป สังคมที่เป็นอยู่อาจจะไม่เหมือนเดิม ด้วยฝีมือของใครซักคนทีนำพาไปสู่การปฏิวัติ แต่ที่แน่ๆตอนนี้ก็คงต้องอดทนต่อไปเพื่ออนาคตที่ดีของเราในสังคมที่เราอาจจะไม่ชอบมันเท่าไหร่ 

เราเองก็ไม่ค่อยชอบระบบการศึกษาแบบนี้เท่าไหร่เหมือกัน รู้สึกว่าบางเรื่องมันยากยังไงก็ไม่รู้(หรือเราไม่รู้เรื่องเอง - -) แต่เราก็พยายามนะ และอยากจะเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆสู้ต่อไป #ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง #สู้ต่อไปวัยรุ่น 

"อนาคตข้างหน้ายังอีกยาวไกล ไม่สำคัญหรอกว่าอนาคตข้างหน้าของเราจะดีหรือไม่ดี ปัจจุบันต่างหากที่สำคัญ ถ้าเราทุกวันของเราให้มีคุณค่า ดี และดีจนถึงที่สุด เชื่อได้เลยว่าอนาคตของเราจะต้องสดใสอย่างแน่นอน"
 .
.
.
#เราจะก้าวไปพร้อมๆกัน
ปล1. วิบัติเพื่อเสียง
ปล2. คหสต.
spoilers content here spoilers content here spoilers content here
0
'The Joker" [Ro] 16 ม.ค. 58 เวลา 12:37 น. 54

ถามหน่อยคะ ว่าที่สามัญเรียน เอาไปใช้อะไรได้ในชีวิตจริงคะ? เรียนไปก็เพื่อสอบ
บอกว่าถ้าอยากเรียนปฏิบัติหนักๆเชิญต่อสายอาชีพ คุณรู้ได้ไงคะว่าสายอาชีพเรียนแต่ปฏิบัติ??
สายอาชีพเรียนทฤษฐีหนักกว่าสายสามัญอีกคะ มั้งที่เอาไปใช้ได้จริง ทั้งที่ต้องเอาไปสอบแข่งเข้ามหาลัย
อีกข้อเรียนไปเพื่อใช้วิชาชีพที่สูงกว่า คุณคิดว่านักศึกษาไทยจบไปตกงานกันกี่คนคะ? เกือบครั้งประเทศที่ไม่มีงานทำ เวลาทำงานคิดเลขคุณใช้สูตรพวกทรายคอสแทนคำนวณหรอคะ? หรือใช้สูตรแควคูรัส? หรือว่าเวลาจะพูดกับฝรั่งต้องนั่งนึกพาส12พาสหรอคะ? ไม่สมมุติเวลาคุณจะตัดไม้สักแผ่นคุณต้องใช้สูตรคำนวณหาพื้นที่ด้วยหรือเปล่าคะ?

0
Brilliant.1999 16 ม.ค. 58 เวลา 12:38 น. 55

คณิตศาสตร์ที่เขาให้เรียนคือ เอาไว้ให้ เด็กฝึกทักษะทางความคิด
สังเกตเด็กเก่งเลข คณิค เด็กพวกนนี้จะคิดได้เร็วและสังเกตสิ่งต่างๆ
แก้ปัญหาได้ดีกว่าเด็กที่ไม่เก่งเลข 
และแน่นอนว่าเอาไปใช้ในระดับวิชาชีพที่สูงขึ้น ด้วย 
เพราะฉะนั่นเรียนๆไปเถอะ เราไม่ได้เหมือนต่างชาติ
ระเบียบวินัย การอยู่การสอนในสังคมกับคนต่างประเทศมันต่างกันค่ะ


0
Brilliant.1999 16 ม.ค. 58 เวลา 12:40 น. 56

ส่วนที่ทำไมเด็กนอกเขาเก่ง คุณก็ต้องมองว่าเขามีระเบียบวินัยและ
สนใจการศึกษานอกจากการเรียนใน รร. ถ้าให้เด็กไทยทำแบบต่างชาติ
แน่นอนว่าปัญหาคงเยอะ

0
โฮลลี่เกรล 16 ม.ค. 58 เวลา 14:31 น. 58

เห็นด้วยมากๆเลย เพราะว่าวิทย์กับคณิตสอนทักษะการคิดล้วนๆ แต่ปัญหาคือที่เมืองไทยยังไม่เน้นหนักเรื่องวิเคราะห์เท่าไหร่ ข้อสอบจะเป็นแนวท่องจำ ไม่ก็ถ้าทำแบบฝึกหัดเยอะๆ ผ่านตามากๆก็ทำได้คะแนนดีแล้ว ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็ตาม

0
Bow Kanokwan 16 ม.ค. 58 เวลา 15:04 น. 59

เห็นด้วย !! เรามีเพื่อนเรียนนิวซีแลนด์อยู่คนนึง 12 เดือนจะเรียนแค่ 5 เดือน เวลาที่เหลือจะเที่ยว ใช้ชีวิตที่อยากทำ ไม่มีใครเค้าเข้ากวดวิชา ถึงเวลาเรียนคือเรียน การบ้านไม่มีนะคะ ฝึกการปฎิบัติมากกว่า สิ่งที่เรียนก็คือเนื้อหาจริงๆ อยากเช่นครูที่ต่างประเทศ จะเป็นได้ต้องเก่งจริงๆ ความรู้ ศักยภาพคุณต้องแน่นอน ต่างจากไทย ลงอะไรไม่ได้แล้ว ครูตัวเลือกสุดท้าย ต่างประเทศคนเก่งจะเลือกเป็นครู เพราะมีแรงจูงใจหลายอย่าง เงินเดือน ส่วนคนไทยคนเก่งคณิต-ฟิสิกส์ ลงวิศวะกันหมด ไม่มีใครลงหรอกครู เงินเดือนต่ำ ส่วนตัวเรานะ คิดว่าต้องเปลี่ยนมาตรฐานการสอน เน้นบุคคลากรที่จะมาเป็นครูจริงๆ ไม่ใช่ว่าครูปัจจุบันไม่ดี แต่เป็นความจริงปะ ?

0
เด็กหญิงกับท็อฟฟี่ 16 ม.ค. 58 เวลา 16:01 น. 60

เราว่าการศึกษาไทยมันไม่ดีก็จริง แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องปรับปรุงหมดอย่างนั้น อย่างการเรียนแนวทฤษฎีบลาบลาบลาก็ควรจะมีบ้าง แต่อย่างน้อยมันก็ควรให้เด็กเลือกเรียนได้แล้วว่าอยากจะทำอะไร จะเรียนอะไรเพื่อไปต่อยอดเป็นพื้นฐานความรู้ในสิ่งที่เราอยากเป็น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเด็กด้วยว่าถ้าเขาได้รับอิสระในการเลือกเรียนแล้ว เขาจะใช้โอกาสนั้นได้เป็นประโยชน์กับเขาหรือเปล่า ซึ่งเด็กไทยตอนนี้ก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ไม่น่าจะเลือกทางได้เหมาะกับตัวเอง...

แต่ไม่เห็นด้วยสุดๆเลยคือยอแต่คนเก่ง ก็ไม่จริงเสมอไปนะ แล้วแต่ครูมากกว่า ครูดีๆที่อยากพัฒนาเด็กไม่เก่งก็มีอยู่นะ แถมเอาเข้าจริงเป็นเด็กเรียนเก่งก็มีแรงกดดันที่สูงอยู่

0