การเตรียมตัวอ่านภาษาอังกฤษ กสพท ขอคะแนน +60

[มะยิ้ม]

การเรียนนี้เราจำเป็นไหมว่าจะต้อง ลงกวดวิชา ต้องเรียนที่ไหนบ้างคะ
เรามองของครูสมศรีคอร์สเตรียมสอบไว้คะ เราไม่ค่อยมีเงิน 

Comments

[สู้ๆนะคะ]

เรียนพิเศษก็ได้นะ เรียนเพื่อเอาเทคนิคแล้วมาทำโจทย์เอง พยายามทำโจทย์ภาษาอังกฤษเยอะๆ แต่ถ้าไม่ค่อยมีเงินอ่านเองก็ได้ แล้วก็แบบไปงานติวฟรีก็ได้เทคนิคดีดีมาเยอะอยู่ รึไม่ก็แบบลงคอร์สสั้นๆ ที่เราลงก็มีโค้งสุดท้าย 7 วิชาของเอนคอนอ่ะประมาณ 200 บาท แล้วที่สำคัญคือท่องศัพท์เยอะๆ เพราะมันช่วยได้จริงๆ ข้อสอบ 7 วิชาไม่ยากนะแต่เวลามันจำกัดเราก็ทำไม่ทันแต่ตอนทำอ่ะให้ทำพาสง่ายๆก่อนพวกคอนเวอ เรียงปย. แล้วเอารีดดิงไว้สุดท้าย ไม่ทันจริงๆก็ดิ่งข้อที่เราตอบไปน้อยสุด เราทำแบบนี้อ่ะได้มา 68.75 สู้นะคะน้อง เตรียมตัวดีดี

[tpb1996]

เราไม่ได้เรียนอ่ะ ..
คะแนนเกิน 60 มานิดนึง ได้ 67.25 
ทำโจทย์เก่าเยอะๆอ่ะ จขกท. จับเวลาด้วยนะ เราเกือบทำไม่ทัน = =
แล้วก็พยายามอ่านข่าว อ่านไรเงี้ยเป็นภาษาอังกฤษให้หมด เปิดยูทูปฟังเยอะๆๆๆ
เจ็ดวิ reading ยาว แอนด์เยอะ reading เราอ่านอออกอ่านเคลียร์หมดนะ
แต่พอมาเจอคำถาม คือ แบบ คำถามยาวพอๆกับ passage แล้วแบบ คำถามมันต้องคิด วิเคราะห์นิดๆอ่ะ กลายเป็นว่าอ่านเข้าใจ แต่ตอบคำถามไม่ได้แทน = =

สู้ๆนะครัชช

[Pudge]

ใช่ภาษาอังกฤษทุกวันครับ

ใช้ให้เป็นภาษาที่สองให้อ่านแลัวเหมือนอ่านในภาษาไทย

ที่สำคัญคืออ่านเยอะๆ อ่านบทความ หนังสือ ข่าว ฯลฯ ทุกวัน

ข้อสอบเป็นข้อสอบจับใจความ ถ้ารู้ว่าบทความมีใจความอะไรก็ฉลุย

Cloze test ง่ายมองตอบได้สบายถ้าคุ้นกับ structure ของประโยคที่ให้มา (เขาเอาที่มีในบทความอิงทั่วไปมาออก อ่านเยอะๆก็เจอเอง)

ไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษอะไรเลย

Source : กสพท. อังกฤษ 90 คะแนน no tutor

[B cell]

ดิฉันต้องขอบอกก่อนว่า ภาษากฤษเป็นวิชาที่ดิฉันชอบเรียนเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วนะคะ แล้วก็ดิฉันไม่ได้เรียนพิเศษด้วยค่ะ 7วิชาสามัญภาษาอังกฤษครั้งที่ผ่านมา ทำให้ดิฉันสามารถสอบติด กสพท ได้ค่ะ ต้องบอกว่าวิชานี้ช่วยดิฉันได้ดีจริงๆค่ะ

ดิฉันได้ทดลองทำข้อสอบเปรียบเทียบกัน ของ7วิชาปี 57 โดยใช้สามวิธี คือ
1. ทำทุกเรื่องก่อนแล้วค่อยทำ reading
2. ทำตั้งแต่ข้อแรกยันข้อสุดท้ายเรียงไปเลย
3. ทำ reading เท่าที่ทำได้ แล้วไปทำข้ออื่นๆ ถ้าเวลาเหลือค่อยกลับมาเก็บ reading

ปรากฏว่า วิธีที่สาม คือวิธีที่ดีที่สุดค่ะ (ความเห็นส่วนตัว) คือดิฉันสามารถทำได้ทันเวลาที่กำหนด คือชั่วโมงครึ่ง ส่วนสองวิธีแรกพังไม่เป็นท่าเลยค่ะ

พอถึงการสอบจริงๆของปี 58 นี้ ดิฉันเลยเสี่ยงใช้วิธีที่สามค่ะ ผลปรากฏว่าทำเสร็จทันเวลา และมีเวลาเหลือให้กลับไปทวน reading (ซึ่งตอนแรกๆก็อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร) อ่านเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น และทวนคำตอบที่ยังไม่แน่ใจค่ะ

ดิฉันคิดว่า เวลาสอบถ้าเลือกทำพาร์ท reading ก่อนจะทำให้เราลนน้อยที่สุดค่ะ เพราะว่า reading มันยากและเยอะ การเลือกทำพาร์ทนี้ตอนเริ่มสอบ มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าเรามีเวลาตั้งชั่วโมงครึ่งให้ทำ reading เลยค่ะ แต่ถ้าเราเอามาทำสุดท้าย อย่างเช่นทำตอน 30นาทีสุดท้าย ความลนมันจะมีมากกว่าค่ะ เทียบกันระหว่าง 30 นาทีแรก กับ 30 นาทีสุดท้ายนี่ความลนต่างกันเป็นทวีคูณเลยค่ะ (ประสบการณ์ส่วนตัวของดิฉันค่ะ)

ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนวางแผนดีๆนะคะเวลาทำข้อสอบ เพราะเวลามันจำกัด วิธีของดิฉันอาจจะใช้ไม่ได้สำหรับบางคน เพราะความชอบในพาร์ทต่างๆของแต่ละคนมันก็แตกต่างกันไป ดังนั้นลองคิดหาวิธีของตัวเองก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ

ส่วนในการอ่านสอบเนี่ย ดิฉันจัดการเรื่องแกรมม่าร์ให้ชัวร์ไว้ก่อนค่ะ แล้วทุกคืนก่อนนอนก็จะเอาคำศัพท์มาท่อง ทีละสิบคำ เป็นการท่องแบบทบต้นเรื่อยๆค่ะ คือว่า

วันแรกท่องได้สิบคำ
วันที่สองจะท่องสิบคำใหม่ ให้ทวนสิบคำแรก
วันที่สามจะท่องสิบคำใหม่ ให้ทวนสิบคำของวันแรก และสิบคำของวันที่สอง
ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนหมดค่ะ (อันนี้ดิฉันใช้ท่องกับศัพท์สี่หน้าของครูสมศรีค่ะ ต้องขบคุณคำศัพท์ของครูจริงๆค่ะ)

ส่วนการเพิ่มความเร็วในการอ่าน ให้ลองหาหนังสือนิยายเรื่องสั้นๆของ oxford มาอ่านค่ะ มีขายที่ se-ed แต่แนะนำว่าอย่าเอาเล่มที่มีคำแปลมาให้เสร็จสรรพนะคะ เลือกเล่มที่มันสีดำๆ กระดาษเหลืองดีกว่าค่ะ จะได้หาศัพท์เองด้วย เริ่มไต่ระดับเป็นเลเวลไปเลยค่ะ

ก็มีเท่านี้แหละค่ะ เคล็ดลับของดิฉัน ดิฉันเชื่อว่าทุกคนทำได้ แต่ถ้าเคล็ดลับความสวย อันนี้คงต้องว่ากันอีกที ขอบคุณค่ะ

[tpb1996]

อยากได้เคล็ดลับความสวยค่าาาา

[B cell]

อันนี้ดิฉันคิดว่าคงต้องคุยกันอีกยาวเลยค่ะ อิอิ เพราะดิฉันเองก็อธิบายไม่ค่อยเก่งเท่าไร แบบว่าเกิดมาหน้าก็เช้งสวยเลยอะค่ะ ก็ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงดี แต่ถ้าเรื่องเรียนอย่างนี้ พอให้คำปรึกษาได้ค่ะ

[จืดจาง]

สำหรับเราอ่า ถ้าตั้งใจจริงๆ แค่ท่องครั้งแรกเราก็จำได้แล้วที่เหลือเราก็แค่ต้อง

กระตุ้นบ่อยๆ

ลองแต่งประโยคดูสิ เราว่าช่วยได้นะ ทยอยๆ จำไป เราเคยนะแบบลอง

เขียนคำศัพท์คำละสิบข้อยังจำไม่ได้เท่า จำครั้งเดียว แต่งประโยคและกระตุ้น

หลายครั้งด้วย

[งืมมม]

เราทำไม่ทัน ดิ่งไปคอลัมนึง ได้60
ไม่ได้เตรียมไรเลย คือภาษาอังกฤษมันต้องเก็บไปเรื่อยๆอะ
หนังสือของดร.ศุภวัฒน์ก็ดีนะ ซื้อมาทำทุกเล่ม หนุกหนาน

[Nitipat Saiprapakorn]

ข้อสอบ 7 วิขาสามัญ Eng 80 ข้อ 90 นาที ถือว่าหินพอสมควร ซึ่งพี่ขอบอกเลยว่า "ต่อให้เรียนพิเศษ แต่เอาภาษาอังกฤษไปใช้จริงน้อย จะทำให้ทันและทำให้ได้(เยอะๆ) เป็นเรื่องยากมาก" เพื่อนพี่หลายคนเป็นแบบนั้น พวกต้องอาศัยการใช้ทักษะทางภาษาให้เป็นธรรมชาติ เช่น การเขียน การอ่าน ส่วนการพูดอาจจะยากหน่อย (ไม่มีเพื่อนจะคุยเป็น Eng ด้วย TT เลยอาศัยคิดในใจแทน) พี่ก็ขอแนะนำดังนี้

- ฝึกเขียนบทความต่างๆ (Paragraph) จะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ แต่ให้ดี แนะนำเขียนเป็นบทความทางวิทยาศาสตร์จะดีกว่า เพราะจะทำให้เราสามารถเรียบเรียงข้อมูลในหัวเป็นลำดับๆ ซึ่งเอื้อต่อการเรียนแพทย์ในอนาคตด้วยนะ

- ในเรื่องการอ่าน ตัวพี่เอง พี่ชอบอ่าน Textbook และอ่านหลายแนวเช่น
General Physics, Essential of Management และ Food Chemistry ก็ขอแนะนำให้อ่านบทความหลายๆแขนง (ตามเว็บไซต์ต่างๆ เช่น iflscience.com ก็จะเน้นบทความทางวิทยาศาสตร์ หรือจะอ่านจากหนังสือพิมพ์ก็ได้นะ แต่โดยมากหนังสือพิมพ์ไม่ค่อยมีบทความวิทยาศาสตร์) เพราะ ยิ่งเรารู้มาก แล้วไปเจอบทความในข้อสอบที่เราพอจะมีความรู้อยู่ จะทำให้เรา scope ความคิดภายในหัวได้ง่ายขึ้น ก็จะช่วยให้การอ่านราบรื่นขึ้นได้พอสมควรเลย

- การพูด ก็พยายามคุยกับอาจารย์หมวดภาษาต่างประเทศก็ได้นะ พี่เองชอบไปขลุกๆอยู่ในห้องพักครูตอนกลางวัน คุยกับอาจารย์ก็สนุกดีนะ ได้ข้อคิด ได้ฝึกภาษาไปด้วย

ส่วนเรื่องของเรียนพิเศษ พี่เองไม่ได้เรียน เลยแนะนำอะไรมากไม่ได้ แนะนำได้แค่ว่า ต้องใช้ให้คุ้นชิน เราใช้ภาษาไทยได้คล่องเพราะเราใช้ทุกวัน ภาษาอังกฤษ ถ้าใช้ทุกวัน มันก็คล่องได้เหมือนๆกัน

ส่วนสุดท้ายคือ ทัศนคติ เราต้องเรียนเพื่อเอาไปใช้จริงได้ เพราะถ้าเราคิดเพียงแค่เรียนเพื่อสอบ พอสอบเสร็จแล้ว เราก็จะหมดเป้าหมายในชีวิตไปแล้ว

คะแนนพี่ 7 วิชาสามัญ ปี 2556 97.5 ครับ

ป.ล. ครูสมศรีเคยมาติวที่โรงเรียนพี่ครั้งหนึ่ง สอนดีมากนะ น่าสนใจทีเดียว
ป.ล.2 ถ้าอยากทำข้อสอบหรือต้องการ Basic ของการอ่านและเขียน พี่แนะนำให้ซื้อหนังสือ TOEFL/IELTS มาสักเล่มนึง จะช่วยได้เยอะเลย
ป.ล.3 ถ้าอยากทำข้อสอบ ก็แนะนำ SAT (https://sat.collegeboard.org) สมัครแล้วทำข้อสอบฟรีได้เลย
ป.ล.4 ถ้าต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ก็ติดต่อหลังไมค์มาได้ พี่เองได้คิดข้อสอบเอาไว้พอสมควรเลย ลองเอาไปทำได้ครับ