Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำยังไงให้เลิกขี้แพ้ สอบที่ไหนก็ไม่ติด?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


         สวัสดีค่ะ

วันนี้คงเป็นวันดีของใครหลายๆคน และอาจเป็นวันที่หลายคนผิดหวัง
สู้ต่อไปนะคะ
ฟ้าหลังฝนงดงามและสดชื่นกว่าเสมอค่ะ 

ขอเท้าความก่อน ว่าตั้งแต่เด็กมาเป็นคนที่ขี้เกียจ 

ชีวิตมีแต่คำว่าล้มเหลวค่ะ โคตร-ขี้แพ้ แต่เสียใจไม่เคยได้นานเพราะเรารู้ตัวว่า

 "ก็อ่านไปแค่นั้นทำแค่นั้นติดก็บ้าละ" 

จนกระทั่งม.ปลาย ที่เราฮึดสู้จากคำสบประมาทและดูถูก จากสังคมรอบตัวในโรงเรียนที่บีบว่าไม่ต้องอยู่หรอกที่ดีๆ - อย่าหวังสูง อย่าหวังจะไปสู้ใครเขาได้เลย (จากกระทู้ สถาบันไม่ดัง ชีวิตพัง ไม่มีที่เรียน งั้นเหรอ? http://www.dek-d.com/board/view/3462157/) 

 

ค่ะ จขกท.ที่รู้ภาษาจีนแค่3ตัวนั่นแหละค่ะ 55555 



*****ขออนุญาตพูดตรงนี้เล็กน้อยค่ะเพราะมีหลายคนไม่เข้าใจเจตนาของหัวข้อกระทู้

ขี้แพ้ที่เราใช้เป็นหัวข้อ นั่นเราหมายถึงตัวเราเอง เพราะล้มเหลวมาตลอด 

ที่แพ้ให้กับความขี้เกียจ แพ้ให้กับข้อสอบ แพ้ให้กับความไม่เอาไหนของตัวเอง 

เรานำชื่อหนังสือของครูสมศรี "ฤาจักเป็น-ขี้แพ้ก็ตามใจ"

-ขี้แพ้ที่อ่านหนังสือได้หน้าเดียวแล้วง่วง -ขี้แพ้ที่บอกว่าตัวเองเหนื่อยแล้ว พอแล้ว อ่านมากไปแล้ว

นั่นคือ-ขี้แพ้ที่เราสื่อจากชื่อกระทู้นี้ค่ะ  ****




 

วันนี้จึงขออนุญาตบอกแนวทางสำหรับการสอบให้ติดในคณะที่ฝันไว้เป็นข้อคิดกับน้องๆ หรือเพื่อนๆ ก่อนเลือกคณะหรือเลือกลงที่ไหนนะคะ

            1. ดูเป้าหมายของตัวเองว่าสามารถทำได้จริงไหมกับต้นทุนตอนนี้

            (ต้นทุน - คือสิ่งที่เรามีเพียวๆ) 

            รักที่ว่า รักแค่ไหน ?

            ไม่ใช่แค่ว่า เฮ้ยชอบ  เฮ้ยคะแนนตรงนี้เราทำได้ดี

            รักในความหมายของเราคือคนที่มีอุดมการณ์กับสิ่งนั้นๆ

            เช่นอยากเป็นหมอ เพราะอยากช่วยเหลือผู้คน / ชอบทำแผลหรือดูแลรักษาอาการป่วยคนอื่น / ชื่นชมวิชาชีพนี้และอยากจะเป็นแบบนั้น  นั่นคือรักที่จะเป็นค่ะ

            อย่างเราคือใช้ชีวิตกับภาษาไทยเสมอ ทั้งเขียนฟิค แต่งกลอน อ่านวรรณคดี สามารถสาธยายเล่าให้ใครต่อใครฟังได้ สามารถสอนคนอื่นให้เข้าใจได้เพราะเราเข้าใจในมันจริงๆ

เราเลยโอเค ตัดสินใจ ลงมนุษยศาสตร์เกษตรเอกวรรณคดีไทย / มนุษยษศาสตร์มศว เอกวรรณกรรมเด็ก,ศึกษาศาสตร์เอกไทย,สังคมศาสตร์ประวัติศาสตร์/ ศิลป์ศาสตร์ธรรมศาสตร์ เอกภาษาไทย

            และเราก็ติดทุกที่ค่ะ เพราะว่าเราทำตามข้อถัดมาคือ

 

            2.มุ่งไปในสิ่งที่คิดว่าทำได้ ทำได้ดี

            เราไม่เลือกคณะตามกระแสหรือตามที่สังคมเชิดชูค่ะ เลือกตามที่คิดว่าใจรักและสามารถทำมันได้ดี (ใจรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะคะ รักคงยังไม่พอ มหาวิทยาลัยไม่รับฟังค่ะ)

 เทคนิคคือ ไม่ว่าจะลงคณะไหน ขอให้ดูเสมอว่าต้องแข่งกับใคร ใช้อะไรไปแข่ง เรามีดีพอจะไปแข่งไหม

เช่นเราคะแนนไทยโด่งมาเลย86 แต่มีอังกฤษแค่33.25 จะเอาคะแนนEngไปฝืนสู้คณะที่ใช้Engเยอะ เราก็ไม่มีทางติดค่ะ

          3. ถ้าฝันสูง ก็ต้องบินให้สูง

            ในกรณีที่ความฝันของเพื่อนๆนั้นสูง เช่นแพทย์ วิศวะ นิติศาสตร์ เราคิดว่าถ้าเพื่อนๆลองสำรวจต้นทุนตัวเอง /ความรักและมุ่งมั่นของตัวเอง เราเชื่อว่ายังไงก็จะมีพลังที่จะบินให้สูงค่ะ

            ศิลปศาสตร์เอกไทยของเรา มันอาจดูไม่สูงสำหรับบางคน บ้างก็ยื่นไว้เล่นๆเผื่อให้ติดไว้ (ระวังนะคะพวกยื่นเผื่อติด พอไปเรียนขึ้นมาแล้วหนาวนะ :) ) แต่เพราะมันดูง่ายคนเลยมารุมสมัครเยอะ ประมาณ3000+ รับ20คน นี่ลุ้นจนร้องไห้เลยค่ะ

            ถ้าฝันสูงกว่าเรา ต้องคิดด้วยว่า คนที่ฝันเหมือนคุณ เขาก็ต้องพยายามบินให้สูงกว่านั้น พยายามมากกว่านั้น  บางคนเตรียมตัว1ปี หรือ2ปี เพื่อความฝันของเขาเลยค่ะ

          4.บินสูงพอแล้วหรือยังในระหว่างทาง

            เต็มที่คือแค่ไหน?        

            ถ้าคิดว่าพอ คุณจะหยุดอยู่แค่ตรงนั้น

            เวลาอ่านหนังสือหรือเรียนพิเศษ ควรตั้งสติ เตือนตัวเองอยู่เสมอค่ะว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ สู้กับอะไรอยู่ ยิ่งคนที่หวังในที่ๆยิ่งใหญ่ก็ต้องยิ่งอ่านให้มาก พยายามให้มาก เพราะมีหลายคนที่อยากจะไปอยู่ในที่ๆเราอยากอยู่ค่ะ

            เตือนใจตัวเอง ตนเตือนตน เพราะไม่มีใครมาเตือนเราได้ค่ะ

            ไม่ต้องป่าวประกาศให้โลกรู้หรอกค่ะว่าเราอ่านหนังสือนะ เราตั้งใจนะ เราพยายามนะ เพราะคนเหล่านั้นก็เห็นแค่เบื้องหน้าของเราตอนเราพูด เราเท่านั้นที่รู้ตัวเองดีว่าเราทำอะไรอยู่

                   Always keep the faith 



 

แสดงความคิดเห็น

>

29 ความคิดเห็น

SantaLP 17 มี.ค. 58 เวลา 16:10 น. 1

ประเด็นคือ...หนูไม่รู้ว่ารักอะไร รู้แต่ว่าเรียนภาษาจีนได้ดี...แต่หนูไม่อยากเรียนทางจีนนนนน อยากเป็นหมอออออ แต่ไม่ค่อยถนัดวิทย์อ่ะะะะะ

0
อยากเป็นหมอ 17 มี.ค. 58 เวลา 16:15 น. 3

หนูอยากเป็นหมอมากเลยค่ะ แต่หนูคงต้องพยายามมากกว่านี้ หนูไม่เจาะจงว่าจะได้อยู่มหาลัยไหน หนูแค่อยากรักษาชีวิตเขา ให้เขาได้อยู่ต่อ หนูจะเป็นหมอให้ได้ค่ะ ตอนนี้กำลังจะขึ้นม.4แล้ว ต้องขยันๆๆ ///

0
Rania 17 มี.ค. 58 เวลา 16:29 น. 4

ขอบคุณตค่ะสําหรับคําพูดดีๆที่ทําไห้หนูคิดได้เยอะค่ะ หนูไนตอนนี้คิดไม่ออกว่าจะเรียนอะไรตอนนี้อย่างเดียวที่หวังคืออยากไห้พ่อแม่ภูมิไจ

0
xvxvxv 17 มี.ค. 58 เวลา 16:48 น. 6

หนูชอบประวัติศาสตร์มาก ชอบสังคม อยากเรียนโบราณคดี แต่แม่ไม่เห็นด้วยงี้อะ

0
pinknps 17 มี.ค. 58 เวลา 17:14 น. 7

ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรจริงๆอะค่ะ แบบว่าอยากเข้าเกี่ยวกับภาษาก็ไม่รู้ว่าจะชอบจริงๆหรือเปล่า และหนูก็ไม่ถนัดอะไรเลยค่ะ ควรทำยังไงดีคะTT

0
papoycn 17 มี.ค. 58 เวลา 18:03 น. 9

เราเต็มที่มากๆเลยนะ คือเตรียมตัวด้านภาษาไทยมาตั้งแต่ประถม ฝึกมาเรื่อยๆช่วงมัธยม แล้วเราก็สมัครเลือกเอกภาษาไทยทุกที่เลย จนจุฬาเปิดรอบพิเศษ เราก็ไปสอบนะคะแนนผ่าน แต่ไม่มีสิทธ์สัมภาษณ์เพราะคะแนนcu-tepไม่ถึง เราก็ท้อนะ แต่ก็พยายามขึ้นใหม่ เราอยากเข้าศิลปศาสตร์ เอกภาษาไทย ธรรมศาสตร์ แต่เราก็พลาดรอบรับตรงที่ผ่านมาอีก มหิดลเอกภาษาไทยเราก็ไม่ผ่านเกณฑ์เพราะอิ้งขาด2.5คะแนน ชีวิตฉันเป็นอะไรกับภาษาอังกฤษมากๆเลยนะ 555555555 เหนื่อยนะตอนนี้ กลัวกับการยื่นแอด เพราะเราใชแพทภาษาซึ่งทำคะแนนไม่สูงเลย ก็จะสู้ต่อถึงรู้ว่าเปลี่ยนแปลงคะแนนอะไรไม่ได้แล้ว เพราะเราคิดว่ายังไงก็มีคนคะแนนสูงกว่าเรามากๆ ฝาก จขกท.ไปเรียนแทนเราด้วยน้า ถ้าเราไม่ได้ 5555 แต่ยังไงก็จะพยายามแล้วไปเจอจขกท.ในคณะนะจ้ะ ^^
#จขกท.ชอบเกาหลีใช่หรือเปล่า 555

0
หมอ :) 17 มี.ค. 58 เวลา 18:39 น. 10

ขอบคุณพี่นะคะ อ่านแล้วมีกำลังใจมาก หนูอยากเป็นหมอค่ะ จะตามฝันของตัวเองให้ได้ ถึงหนูจะเรียนไม่ค่อยเก่งแต่จะพยายามให้ถึงที่สุดเลยค่ะตั้งใจ

0
Litamao 17 มี.ค. 58 เวลา 19:27 น. 11

ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วหนูอยากขยันขึ้นมาเลยค่ะ หนูอยากเป็นหมอ หนูรักเป็นแบบ
ที่พี่บอกมาหมดเลย ขอบคุณนะค่ะ หนูจะพยายาม                          

0
Reaper093 17 มี.ค. 58 เวลา 19:42 น. 12

ก็ถือว่า ผมมาขอแชร์ประสบการณ์ตัวเองนะ ถึงแม้อาจจะไม่ใช่การสอบเข้า แต่ก็น่าจะเป็นข้อคิดสอนใจดีๆให้คนที่เข้ามาอ่านได้

สมัยม.ปลาย ผมเรียนได้ย่ำแย่มาก ขี้เกียจ ไม่สนใจทบทวนอ่านหนังสือ มาเรียนก็สาย แต่ก็โชคดีว่าในห้องตั้งใจเรียนกับเป็นคนหัวค่อนข้างดี ผมอ่านหนังสือสอบแค่เดือนเดียวก่อนสอบ(อ่านม.4ยันม.6นะแบบรอบเดียว ไม่ได้ทวนซ้ำ แบบฝึกหัดก็ทำข้ามๆ)

ก็ดันฟลุค แอดติดม.รัฐฯชื่อดังอันดับต้นๆของประเทศ ในคณะวิศวะ
ทีนี้พอติด เหลิงเลยครับ นึกในใจว่า ข้านี่เจ๋งสุดๆ เรียนๆ เล่นๆยังติดเลย

แต่ไม่ได้สำเหนียกตัวเองเลยว่า เราคือคนที่อยู่ในอันดับต่ำสุดของคนที่แอดเข้ามาทั้งหมดในภาควิชา

ปี1เทอม1 กิจกรรมเพียบ แถมยังไม่ใส่ใจจะเรียนอีก คิดแต่ว่าพอสอบมาเดี๋ยวอ่านไม่กี่วันก็ผ่านเหมือนเดิม

ผลที่ได้...GPA คาบเส้นติดโปรครับ
ทีนี้ล่ะ นอนร้องไห้ สะอึกสะอื้นเลย ทำไมทำไมได้ ขอสอบยากไปไหน
คิดไปได้ถึงนั่น

พอปี1เทอม2 เครียดอยู่พักเดียวก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิมอีก ถึงในห้องจะสนใจ แต่พอกลับมาหอก็เล่น วันหยุดก็เที่ยว เกรดที่ออกมาขยับขึ้นแค่นิดเดียว และใกล้จะถูกรีไทร์

จนกระทั้งถึงจุดพลิกผัน ปี2เทอม1...ผมได้ทราบว่าคุณแม่ของตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะที่สาม
พอมาเจอสถานการณ์แบบนี้ เริ่มคิดได้แล้วครับ...ว่าจากนี้จะเรียนๆเล่นๆไม่ได้แล้ว ไม่มีเวลาไร้สาระแล้วนะ

ผมพลิกตัวเองเปลี่ยนรูปแบบชีวิตใหม่ทั้งหมด ตั้งใจเรียนในห้อง คลุกอยู่กับเพื่อนที่สนใจเรียน ติวกัน ถามกัน สอนกันเอง อ่านหนังสือหนักสุด ชนิดตื่นมาต้องอ่าน วันไหนไม่มีเรียนต้องอ่าน แบบฝึกหัดในเล่มนี่ทำทุกข้อ ทำแล้วทำอีก ซ้ำมันอยู่อย่างนั้น เลิกจากใช้เวลาดูเน็ต เช็คเฟสบุ๊ค มาเป็นการโหลดหาหนังสือที่เกี่ยวข้องมาอ่าน

ชีวิตของผมกลายเป็นวนลูปอยู่แต่ ไปเรียน-ทบทวน-ดูแลแม่ ไม่สนใจที่จะเล่นเที่ยวอีก วนอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมา
สุดท้ายสอบออกมา เกรดของผมกระโดดจาก 2ต้นๆกลายเป็นเกือบ3ไปเลยในเทอมเดียว เกรดเทอมนั้นเป็นA กับ B+

พอเกรดกลายเป็นอย่างนี้ ได้อัพยศเลยครับ จากที่เพื่อนๆเรียก ไอ....กลายเป็น จารย์.... เลยทีเดียว

และเมื่อได้รับการยอมรับแล้วเราก็มีแรงใจให้ตนเอง ตั้งใจ มุ่งมั่น ผมใช้วิธีการอ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัดทบทวนอยู่แบบนี้

ผมบอกตัวเองว่า "ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าคนก่อนหน้ามันยังผ่านมาได้ ทำไมเราจะไม่ได้"

จนตอนนี้ ผมที่เคยแอดเข้ามาในอันดับต่ำสุดของภาค สามารถติวสอนคนที่แอดเข้ามาอันดับ1ของภาคได้ในรายวิชาที่ยากที่สุดของภาควิชาได้ และมีเกรดเฉลี่ยรวมอยู่ในอันดับท็อป10ของคนที่เกรดสูงสุดในภาควิชา และกำลังจะเรียนจบปี4ในเทอมนี้แล้ว

สิ่งที่อยากจะบอกน้องๆทุกคนคือ ความเก่งสร้างได้ เพียงแค่เราต้องบอกตัวเองว่าไม่มีอะไรเกินความพยายาม และพยายามทำมันอย่างจริงจัง

เพื่อนผมคนหนึ่งเคยสอนไว้ว่า "ถึงคนทั้งโลกจะบอกว่า มันทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าเราบอกว่าทำได้และพยายาม...มันก็สามารถทำได้ แต่ถึงคนทั้งโลกบอกว่า ทำได้ แต่ถ้าเราบอกตัวเองว่าทำไม่ได้ ก็ไม่มีวันทำได้"

วิธีการเรียนของผมคือ
1ตั้งใจเรียนในห้อง สนใจฟัง-จด ไม่มัวแต่คุย เล่นโทรศัพท์ ถ้าวิชาไหนอาจารย์สอนเยอะ จดเยอะ ก็ใช้มือจดไป ตาเหลือบดูบางครั้ง คิดไปด้วยในหัว แล้วใช้โทรศัพท์อัดเสียงกลับไปเปิดฟังตอนทบทวนไปด้วย อันไหนไม่ทันถ่ายรูปเลย สงสัยยกมือทันที อ.ไม่กัดนะครับ
2.ทำโจทย์ให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำซ้ำทำซากอยู่อย่างนั้น เพราะอาจารย์จะพลิกแพลงไปเยอะขนาดไหน มันก็จะอยู่ในหลักการแบบเดิม ว่าการเคลื่อนที่แบบนี้จะใช้สมการแบบนี้นะ ถ้ามันผสมกันจะใช้แบบนี้ แต่น้องต้องตั้งใจทำ ไม่เอาแต่เปิดดูเฉลยแล้วบอกว่า เข้าใจแล้วเพราะไม่มีทางจำได้หรอกครับ อีกเดี๋ยวก็ลืม พี่โดนมาแล้ว...มือต้องเขียน ต้องคิด แต่ถ้าน้องๆไม่ไหวจริงๆ ให้เปิดตัวอย่างแล้วทำตามวิธีคิดของเขา วิเคราะห์ไปช้าๆว่าเขาทำยังไง แล้วค่อยกลับไปทำแบบฝึกหัด
***น้องๆควรอ่านทบทวนทุกวันที่เรียนมาวันนั้นให้เข้าใจแล้วทำโจทย์เลยนะครับจะดีที่สุด แล้วพอเสร็จก็ไปอ่านวิชาที่จะเรียนพรุ่งนี้โดยอ่านทบทวนของเมื่ออาทิตย์ที่แล้วและอ่านล่วงหน้าไปบ้างบางส่วน เพราะถ้าทำแบบนี้ น้องจะเข้าใจได้ง่ายและจะมำให้เรียนไม่น่าเบื่อ เพราะเราจะไม่งงอีกต่อไป และพอใกล้สอบจะทบทวนสบายด้วย***
3.การติวกับเพื่อน มีประโยชน์มาก แต่ก่อนจะไป ต้องแน่ใจว่าเราเข้าใจเนื้อหามากพอสมควรแล้ว ห้ามไปติวแบบในหัวโล่งๆ ไม่มีอะไร ไปให้เพื่อนสอนเอา อย่างงั้นไม่รอดครับ โดนมากับตัวแล้ว ต้องไปติวแบบเราทำโจทย์ไปแล้ว อ่านเนื้อหาไปเข้าใจแล้ว แล้วให้เพื่อนชี้จุดที่ไม่เข้าใจให้ นั่นจะดีที่สุด หรือถ้าเราเป็นคนติวเอง ก็จะเป็นการทวนไปในตัว อย่าเกี่ยงงอนเลย มันเป็นการช่วยเพื่อนไปในตัวด้วย
4.จัดเวลาให้เป็น ว่าเราต้องตื่นเท่านี้นะ อ่านหนังสือกี่ชั่วโมง กี่โมงไปทำงานบ้าน กินข้าวกี่โมง บลาๆๆๆ แล้วสรุปรวมต่อวัน วันนี้อ่านไปได้เยอะมั้ย (โดยปกติ ผมจะอ่านหนังสือวันละ4ชม.สำหรับวันที่ไปเรียนเต็มวัน และ8ชม.สำหรับวันที่ไม่มีเรียนหรือเรียนครึ่งวัน)
5.เอาชนะตัวเอง นี่อาจจะยากที่สุดก็ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับตัวบุคคล แต่ผมจะสอนตัวเองว่า เราจะต้องทำให้ได้นะ เราไม่มีเวลาจะเสียอย่างเปล่าประโยชน์ บอกตัวเองอย่างนี้แล้วมาตั้งใจเรียน

นี่ก็เป็นเพียงวิธีการบางส่วนที่ผมมาแชร์ให้ในฐานะรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่เคยทั้งเละเทะและขี้เกียจจนพลิกผันได้

ก็ขอฝากไว้ ว่าการเรียนทุกอย่างไม่ยากหรอกถ้าเราพยายาม เอาชนะตัวเองแล้วลุกขึ้นมาสู้เท่านั้น
ถ้าแพ้โดยที่สู้สุดความสามารถก็ไม่ต้องเสียใจ แต่อย่าเสียใจถ้าแพ้โดยไม่ทำอะไรเพราะมันน่าละอายใจตัวเอง

0
สะใภ้ตระกูลหวัง 17 มี.ค. 58 เวลา 19:51 น. 13

เราต้องอธิบายให้คุณแม่ฟังค่ะ ว่าเรียนตรงนี้แล้วเราสามารถนำไปใช้ในการทำงานตรงนี้ๆได้

ผู้ใหญ่ส่วนมากที่คัดค้านการเรียนคณะพวกนี้เป็นเพราะท่านกลัวว่าเราจบมาจะไม่มีงานทำค่ะ ท่านหวังดี แต่อาจทำร้ายเราถ้าทำให้เราไม่ได้เรียนในคณะที่ชอบไป4ปี

ลองหาข้อมูลให้แน่นๆ ตามหาคนที่เรียนคณะนี้แล้วประสบความสำเร็จมาค่อยๆบอกให้ท่านฟังไปเรื่อยๆนะคะ เดี๋ยวท่านก็จะเข้าใจเอง สู้ๆน้า

0
Chompoo 17 มี.ค. 58 เวลา 19:51 น. 14


อยากเรียนถาปัตมาก ตั้งใจเต็มที่เเต่ต้นทุนชีวิตเเต่ละคนไม่เหมือน เเล้วเราดันต้นทุนชีวิตค่อนข้างต่ำ เเต่ยังไงก็จะพยายามทำความฝันให้เต็มที่เศร้าจัง
0
สะใภ้ตระกูลหวัง 17 มี.ค. 58 เวลา 19:55 น. 15

ลงมือทำหรือยังเอ่ย

ชอบภาษาที่ว่า ชอบแค่ไหน ชอบถึงขั้นคลุกคลีกับมันไปทั้งชีวิตเลยได้ไหม ชอบที่อยากจะอยู่กับมันได้แทบทุกเวลาหรือเปล่า

ทุกคนมีความถนัดเฉพาะด้านค่ะ ลองลงมือทำหลายๆอย่างดู พี่เคยสับสนเหมือนกันนะ เลยลองทำทุกอย่าง โอเพ่นเฮาส์คณะวิทย์พี่ก็ไป พอเจอผ่ากบผ่ากระต่ายก็โบกมือลา

เคยลองเรียนดนตรี เล่นมาหมดทุกอย่าง ก็พบว่าไม่เก่งด้านนี้เพราะแค่พอเล่นได้ แต่เล่นทุกวันก็ไม่เอา เลยไม่มาสายดนตรีแน่

เคยอยากเรียนวาดรูป เรียนศิลปกรรม แต่พอเจอdrawing เจอบังคับวาดเส้นนั่นเส้นนี่เข้าไปก็ไม่ไหว ไม่ชอบ ค้นพบตัวเองว่าแค่อยากวาดเล่นเฉยๆ

ค้นหาตัวเองไม่ยากเลยค่ะ แค่ลองทำทุกอย่างเท่าที่เราจะทำได้ ร่วมกิจกรรมต่างๆ เอาตัวเองเข้าไปผูกกับบางสิ่งบางอย่าง แล้วจะพบเองค่ะว่านั่นใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า

สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้ค่า ^^

0
สะใภ้ตระกูลหวัง 17 มี.ค. 58 เวลา 19:56 น. 16

ยังเหลือแอดมิชชั่นอีกด่านเนอะ ต้องสู้นะคะ ช่าย ภาษาอังกฤษตัวบั่นทอนชีวิตเลย อยากเรียนภาษาไทยแต่มาโดนดับฝันเพราะอังกฤษ โอยยยย อยากร้องไห้5555

//ใช่ค่ะ แฮ่ๆ

0
สะใภ้ตระกูลหวัง 17 มี.ค. 58 เวลา 20:00 น. 18

ขอบคุณมากเลยค่ะพี่ที่มาแชร์ประสบการณ์ดีๆ

ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ดีขนาดนี้ ^^ ขออนุญาตกดขึ้นเป็นความคิดเห็นแนะนำเลยค่า

ชอบตรงนี้มากเลยค่ะ "ถึงคนทั้งโลกจะบอกว่า มันทำไม่ได้หรอก แต่ถ้าเราบอกว่าทำได้และพยายาม...มันก็สามารถทำได้ แต่ถึงคนทั้งโลกบอกว่า ทำได้ แต่ถ้าเราบอกตัวเองว่าทำไม่ได้ ก็ไม่มีวันทำได้"

0
สะใภ้ตระกูลหวัง 17 มี.ค. 58 เวลา 20:39 น. 20

พ่อแม่ต้องภูมิใจกับทุกสิ่งที่หนูทำแล้วมันประสบความสำเร็จอยู่แล้วค่ะ ^^

ตอนนี้หนูต้องรีบค้นหาตัวเองนะว่าชอบอะไร ถนัดอะไร แล้วเอาไปใช้กับอะไรได้บ้าง

สู้ๆนะคะ

0