รู้สึกยังไงเมื่อนิยายของตัวเองขายอยู่บนกระบะหนังสือลดราคา
ตั้งกระทู้ใหม่
ช่วงนี้เราไปร้านหนังสือบ่อยมาก และมุมที่เราเข้าไปที่แรกคือ กระบะหนังสือลด (โคตรจะงก) เล่มละ 20 บาทขึ้นไป ใจอ่อนทุกครั้งที่เห็นของถูก ขอบอกว่าแต่ละเล่มหนังสือยังวิ้งๆอยู่เลย พลาสติดยังไม่แกะด้วยซ้ำ บางเล่มสนุกจนเสียดายแทนเจ้าของเลย (ราคามันถูกเกิน)
เลยอยากทราบว่าเพื่อนๆนักเขียนคิดยังไงเมื่อเห็นหนังสือที่เราทุ่มเขียนสุดกำลังกองอยู่ตรงกระบะ หนังสือลด ถ้าเป็นเราคงเจ็บแปล้บๆอยู่ในใจ (แต่ก็นะนิยายสักเรื่องก็ยังเขียนไม่จบ อย่าฝันว่าจะได้ตีพิมพ์เลย)
ปล. เราเคยเห็น นส.ของนักเขียนในบอร์ดบางท่านในกระบะด้วย
10 ความคิดเห็น
นาทีนี้ให้ได้ตีพิมพ์ก่อนเถอะครับ...
แต่ถ้าถึงจุดที่ไปกองอยู่ตรงนั้นแล้วล่ะก็ ผมจะมองโลกด้านบวกนะว่าขายถูกก็ดีสิ นิยายจะได้ไปทุกกลุ่มตลาดเลย
ลดขนาดนั้นนี่ เผลอๆอาจได้ขยายกลุ่มตลาดไปถึงเด็กๆ หรือแม่ค้าขายของก็ได้นะเออ (เจอบ่อยๆเลยล่ะแม่ค้าตามตลาดอ่านนิยายเล่มบางๆ หรือนิยายเล่นร้อยนิดๆของ 7-11)
มีนิยายแปลเล่มหนาๆด้วยนะเออ
โรแมนติกดีออก เอาไว้มอบให้คนที่เรารัก เหอๆ
ว้ายยยย
กิ่งมีเพียบเลยค่ะ 5เล่ม100
เจอบ่อยมาก
แต่เจอตามห้างไม่ค่อยเท่าไหร่
เพราะมันไม่น่าจะมีโอกาสที่นักเขียนไปเจอเอง
เคยเจอแบบ เซลล์ที่งานหนังสือ
ทุกเล่ม50บาท ทั้งสนพ.
คือไม่กล้าเข้าไปเลยค่ะ
ไม่รู้สิ แต่มีความรู้สึกว่าเซลล์แบบนั้นในงานหนังสือ
โอกาสสูงมากที่นักเขียนจะไปเจอนิยายตัวเอง
ถ้าเป็นเราคงเสียใจอ่ะค่ะ ถึงแม้ว่ามันอาจจะตีพิมพ์มานานแล้วก็เถอะ
แต่ก็นะ..สนพ.คงมีเหตุผลของเค้าล่ะค่ะ (มั้ง)
ถ้าเจอนี่จะซื้อกลับไหมคะ
ยังไม่ได้ตีพิมพ์เลยค่ะ ประเด็น 555
ถ้าเจอคงไม่ซื้อค่ะ เพราะคงซื้อมาไว้ตั้งแต่ออกใหม่ๆ บูชาบนหิ้ง 555
คงเฟลอะค่ะ แต่ตอนนี้ขอให้ได้ตีพิมพ์ก่อนเถอะ 5555
สำหรับเราตอนนี้อยากเลิกดองให้ได้ก่อนอ่ะค่ะ
จะเข้า 3 เดือนมรณะแล้วววว
ถ้าคิดตอนนี้คงแบบ...สงสัยพิมพ์เยอะไปแน่ๆเลย ถถถถถถถถ
แต่ถ้าถึงจุดนั้นแล้วคงเฟลนิดหน่อย เข้าข่ายอึนๆ....
ส่วนใหญ่หนังสือที่เอามาลดราคาผมเดาว่าเป็นหนังสือที่สนพ.หมดลิขสิทธิ์ หรือใกล้หมดลิขสิทธิ์แล้ว และเพื่อไม่ให้ของค้างโกดัง ก็ต้องขายออกไปในราคาถูก บางที่เคยได้ยินว่ามีการสับทำลายทิ้งด้วยซ้ำ
คิดเสียว่ามันเป็นวงจรหนังสือที่ต้องเจอทั้งนั้นแหละครับ
ส่วนตัวผมก็เจอหนังสือตัวเองในร้านมือสองหรือลดราคาถูกๆ 50 บาทนะ เห็นแล้วก็มันก็ช่วยเตือนใจดี ว่าการแข่งขัน เข้าออกของหนังสือและนักเขียนมันมีเยอะมาก การออกหนังสือสักเล่มอาจเป็นความฝันสูงสุด แต่มันไม่ได้การันตีว่าเราจะประสบความสำเร็จสูงสุด และอยู่ในทางสายนี้ได้ตลอดถ้าขาดความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเอง
นั่นสินะ ได้สาระสมเป็นท่านจริงๆ
ก็อาจจะ สะดุดความคิดไปสักหน่อย แล้วเริ่มต้นใหม่
แต่ตอนนี้แต่งให้จบก่อนเถอะ ฮะฮะฮะ
คำเดียว ตันนนน
ยื่นมือไปข้างหน้า
หาแสงสว่าง
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน อุโมงสายนี้...
ตอนที่ตีพิมพ์ครั้งแรกแล้วเจอนิยายตัวเองในร้านมือสองเนี่ย ความรู้สึกแรกเลยคือ เฉยๆ ครับ
จริงๆ ครับ ทุกคนอ่านไม่ผิดหรอก เฉยๆ ครับ ไม่มีอะไรในใจเลย อารมณ์เจอหนังสือมือสองมาเยอะล่ะมั้งครับ เหมือนจะรู้โดยสัญชาตญาณเลยว่านิยายของเราต้องมาอยู่ตรงนี้ในสักวันหนึ่ง ก็เลยไม่ได้อะไรมาก
ความรู้สึกมากที่สุดคือ เสียดาย หนังสือบางเล่มใหม่มาก ซีลยังไม่ได้แก้เลย สงสัยมากว่ามันออกมาได้ยังไง จากโรงพิมพ์หรือจากไหนกันแน่ เป็นข้อสงสัยที่ติดใจมาจนทุกวันนี้
ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ
แต่ก็ยังดีที่แบ่งไปขายที่ร้านขายหนังสือลดราคากับร้านหนังสือมือสองบ้าง
หนังสือที่เราซื้อมามีอยู่ 5 ประเภท
ประเภทแรกซื้อมาจากร้านนายอินทร์ SE-ED และ B2S
ประเภทที่สองซื้อมาจากงานหนังสือ งานวันรพีใต้ตึกคณะนิติศาสตร์ที่ราม
วันครบรอบของคณะใต้ตึกคณะมนุษยศาสตร์ที่ราม และงานสัปดาห์ห้องสมุดที่ราม
ประเภทที่สามซื้อมาจากร้านขายหนังสือลดราคาในห้างกับร้านขายหนังสือมือสอง
ประเภทที่สี่ซื้อมาจากเซเว่น
ประเภทสุดท้ายซื้อมาจากบูธสำนักพิมพ์ไพลินที่มาออกบูธขายในห้างแถวบ้าน
งานหนังสือรอบที่แล้ว เจอนิยายตัวเอง (ออกกับสำนักพิมพ์ที่ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหา) ถูกเอาไปขายเล่มละ 50 บาท ในสภาพที่ต้องบอกว่าใหม่กริ๊บ ยังอยู่ในซีลพลาสติกอย่างดี
ความรู้สึกตอนนั้นคือบอกไม่ถูกทั้ง โกรธ เสียใจ และเสียดายที่สุด
สุดท้ายสิ่งที่เราทำคือเหมาสือหนังสือของตัวเองที่กองอยู่ตรงนั้นทั้งหมดกลับบ้าน พร้อมกับปาดน้ำตาให้ตัวเองเบาๆ และตั้งใจจะเอาหนังสือพวกนี้ไปแจกให้นักอ่านต่อไป...
อย่าได้แคร์ครับ นิยายที่วางบนแผงเกิน 2 ปี โดนแบบนั้นทั้งหมด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?