ผมจะไปแจ้งความ ร้านหนังสือกับนักเขียนทำอย่างงี้กับผมได้ยังไง...
สวัสดีครับ ขอระบายหน่อย ยาวหน่อย ขออภัย
ปรกติผมบังคับตัวเองแล้วเดี๋ยวนี้ บังคับไม่ให้เข้าไปร้านหนังสือ ผมว่าผมโดนร่ำด้วยกิเลสแห่งความอยาก ร้านหนังสือชอบทรมานผมให้อดอยากปากแห้ง บางเดือนมีเงินอยู่สองร้อยก็มิวายต้องสูญสิ้น แล้ววันนี้ก็เช่นกัน ผมเข้าไปร้านหนังสือจนได้ เดินไปหมวดหนึ่ง และนั้นคือต้นเหตุทั้งหมด มันร่ำผมอีกแล้ว ร่ำอีกจนได้ ผมต้องอดอยากไปจนกว่าจะสิ้นเดือน ร้านหนังสือร่ำผมแล้ว ดีเอสไอจะต้องรับเป็นคดีพิเศษแน่ถ้าผมไปแจ้งความ
ร้านหนังสือร่ำผมแล้ว ทำให้เกิดตัณหาความอยาก กระเป๋าสตางค์ในกางเกงสั่นคลอนไปหมด
เหลือบมองชั้นวางด้านล่าง เห็นเรื่อง: มรณกาลของอีวาน อีลิช ของ ลีโอ ตอลสตอย นักเขียนท่านนี้ทำผมหมดเนื้อประดาตัวจากงานเขียน ‘สงครามและสันติภาพ’ มาแล้ว (แล้ว แอนนา คาเรนินา ก็กำลังเล็งจ้องไว้อยู่)
ตามมาข้าง ๆมี : คนยาก ของ ดอสโตเยฟสกี้ พอเห็นปุ๊ป ผมนี่ล้วงคลำกระเป๋าสตางค์เลย กำไว้ไม่ให้มันสั่นคลอน
พอเหลือบสายตามาชั้นวางตรงกลาง ผมก็แทบอยากพังชั้นหนังสือทิ้ง ผมเห็น เซวัสโตโปล, ร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว
เหลือบขึ้นมาอีกเห็น: แสงริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์ ของ ฟรานซ์ คาฟคา
สุดท้ายก็หยิบหนังสือออกมาดูจนได้ จากนั้นผมก็สบถขึ้นมาในใจ ถ้าจะเขียนสุภาพหน่อยก็ “ให้ตายเถอะ ตังค์ไม่พอ”
ที่ผมบังคับไม่ให้ตัวไปร้านหนังสือเพราะ เข้าไปทีไรต้องมีอะไรติดมือทุกที มีร้อยหนึ่งก็ร้อยนึง ต้องซื้ออะไรติดออกมาทุกที ไม่นิยายก็หนังสือธรรมมะ ผมจะซื้อหนังสือสองประเภทนี้เสมอ (มีตัณหาความอยากที่จะซื้อหนังสือธรรมมะ)
ตอนนี้ผมไม่กังวลเรื่องอดอยาก แต่กังวลว่าจะเลือกซื้อเรื่องไหนดี จะมาสุ่มแบบมะเขือเปาะแปะ กะเทาะหน้าแว่นไม่ได้ แล้วผมไม่ถนัดเลยที่ต้องอ่านในที่คนเยอะ ขนาดอ่านนิทานอีสปในที่คนเยอะยังไม่ค่อยอินเลย ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย ผมปลุกปล้ำกับการตัดสินใจของตน สุดท้ายก็วางมันไว้ตามเดิม เดินออกจากร้าน…
…เพราะจะไปเอาตังค์ที่บ้านมาเพิ่ม คาฟคากับร้านหนังสือร่ำผมอย่างจัง และผมก็แพ้ในการปลุกปล้ำกับความคิด
อากาศร้อนสามสิบองศาเซลเซียส ผมขึ้นรถสองแถวต่อเดียว เดินตากแดดกลับบ้านที่อยู่อีกเกือบครึ่งกิโล เอาตังค์มาเพิ่ม หลบหลีก ผ.บ.ท.บ. ที่ผล่อยหลับอยู่ ถ้าตื่นขึ้นแล้วเกิดถามผมว่า “จะไปไหน จะเอาเงินไปทำอะไร” แล้วถ้าตอบ “ไปร้านหนังสือ ไปซื้อหนังสือ” ผมก็จะถูกไม่ให้ออกไปเห็นดวงตะวันอีกเลยในวันนั้น แน่นอน นั่นเป็นการบอกลาคาฟคาไปเลยในเดือนนี้
แต่ฝีเท้ายังคงดี ผมเรียนรู้มาจากการแอบลักลอบไปข้างนอกตอนดึก (ถึงแม้ขากลับจะไม่สวยก็เถอะ)
ผมเดินตากแดดร้อนไปอีกครึ่งกิโล นั่งรถสองแถวไปร้านหนังสือ
ผมเดินอย่างเร่ง ยิ้มวางท่า ผมกำลังจะไปร่ำคาฟคาและร้านหนังสือ สุดท้ายผมก็ซื้อมา จ่ายเงิน ได้ลดนิดหน่อยจากบัตรสมาชิก
นี่ก็เขียนมายาว ได้ยินเสียง ผ.บ.ท.บ. ตื่นแล้ว เอาะเถอะ เข้าเรื่องเลยล่ะกัน
คุณมีอาการแบบผมไหม โดนหนังสือร่ำเข้าอย่างจัง คุณมีอาการแบบนี้เหมือนผมไหม ถ้ามีผมโปรดติดต่อกลับด้วย ผมว่าเราน่าจะไปแจ้งดีเอสไอให้รับไว้เป็นคดีพิเศษ….
5 ความคิดเห็น
เป็นประจำ เมื่อสุดท้ายไม่มีเงินเหลือ ก็ตกอยู่ในอาการลงแดง...
(อ่า... อยากได้จังเลย ๆ นิยายที่ออกในงานหนังสือมีตั้งหลายเรื่อง อ่า.. อยากซื้อ ๆ อยากได้ อยากครอบครอง อ่า.. ทำไมเงินต้องหมดด้วยนะ หรือนี่เป็นผลมาจากการขี้เกียจ อ่า... ไม่ไหวแล้ว...)
// เสียงในใจเมื่อยืนอยู่ในร้านขายการ์ตูน
อยากได้จังแต่ตังค์ไม่มี T T เรื่องธรรมดาสามัญครับ
กำลังเป็นพอดีเลยครับ อาทิตย์หน้ามีงานคอมมิกด้วย เงินในกระเป๋ากางพร้อมบินหนีกันเลยทีเดียวเชียว
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?