อยากเป็นหมอซิ่วอยู่บ้านหรือเรียนไปก่อน
ตั้งกระทู้ใหม่
สนใจแต่เล่นๆกับเพื่อนคือตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าอยากเที่ยวเล่นอยากอยู่กับเพื่อน
ญาติเราก็คอยบ่นคอยด่าเราอยู่นั่นว่ามัวแต่เที่ยวเล่นไม่สนใจเรียน
เราเลยทำตัวอย่างนั้นไปเลย ไม่สนใจใครทั้งสิ้น เพื่อที่จะได้ไปสอบใหม่กับรุ่นลูกของญาติเราว่าใครจะแน่จริง
คือตอนนี้เราสอบติดคณะวิศวกรรมมหาวิทยาลัยหนึ่งแล้ว
ตอนติดดีใจมากเพราะคิดว่ามันคงจะดี คงจะใช่ตัวเรา ตอนนั้นคิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากเลย
ตอนนั้นหรอด้วยความคิดที่แบบอะไรก็ได้ เราเลือกทางที่ง่าย เราทำข้อสอบ 7 วิชาสามัญมั่วหมดทุกข้อ
เราไม่อ่านเลย ตอนนั้นคิดว่าตัวเองโง่มากเลยที่เลือกทำอะไรแบบนั้นเป็นเพราะแค่ประชดคนรอบข้าง
จนเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมาที่บ้านเราจะรวมญาติกันแล้วจะคุยกันเรื่องเรียนเรื่องลูกๆหลานๆ
ว่าเป็นยังไงบ้างตอนนี้ ต้องพูดก่อนว่าทางบ้านปูทางให้เป็นหมอตั้งแต่ตอนอยู่ม.ต้นแต่ด้วย
ความที่เป็นคนติดเพื่อนมากเลยไม่สนใจเองแล้วทางญาติเราก็พูดแบบเหน็บๆแนมๆว่า
จะไปเรียนอะไรคะแนนก็ได้น้อยแค่นี้ จะเรียนอะไรได้ แล้วก็พูดเรื่องลูกตัวเองว่าเรียนคอร์สนั้น
คอร์สนี้จบไปแล้วประมาณจะอวดว่าลูกตัวเองเก่งต้องติดแน่ๆ
เราเลยบอกไปเลยว่า ไม่อยากเป็นหมอแล้ว แต่ในใจนี่อยากเข้าใจจะขาด
แต่ตอนนี้เราเรียนพิเศษตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม แล้วก็กลับมาอ่านหนังสือที่บ้านจนถึงตีหนึ่งตีสอง
และคิดว่ายังไม่อยากเรียนปีหนึ่งตอนนี้แต่ทางพ่อแม่เราไม่ยอมจะให้เรียนไปก่อน
แต่เราคิดว่าถ้ามีเวลาช่วงที่ต้องไปเรียน ไปรับน้องเปลี่ยนเป็นอ่านหนังสือมันน่าจะดีกว่าไม่ใช่หรอ
แต่ทางบ้านไม่ยอม
เราจะทำยังไงดีตอนนี้สมองตื้อมากจริงๆ
แต่ยังไงปีหน้าเราจะไม่ยอมแพ้แน่ๆ สู้ตายยยย!!!
16 ความคิดเห็น
ของอย่างนี้มันอยู่ที่ตัวเองครับ บางคนไม่ติดหมอตอนม.6 ไปเรียนคณะอื่นพลางๆ มาสอบอีกรอบ ติด บางคนยอมซิ่วเลย อ่านหนังสืออยู่บ้าน ก็ติดเหมือนกัน แต่ถ้าถามผม แนะนำว่าลองไปเรียนพวกวิทยา ไม่ก็เภสัชสิ บางคนบอกว่ามหาลัยมันเรียนลึกไป ไม่ได้ใช้สอบหมอ แต่ที่ผมจะบอกคือคณะพวกนี้มีคนเตรียมซิ่ว เพราะอยากเป็นหมออยู่พอสมควรครับ จะได้เจอเพื่อนที่มีอุดมการณ์เดียวกับเราด้วย แถมช่วยกันอ่านช่วยกันติว น่าจะไม่กดดันเท่าอ่านเองคนเดียวนะ
เรามีเพื่อนทั้ง2แบบ สุดท้ายคนที่เข้าไปเรียนหวังเอาความรู้ไปสอบก็ไม่เข้าเรียน เนื้อหามันไม่ใช่ส่วนเดียวกับที่สอบ ไม่ช่วยเท่าไหร่ ส่วนคนที่ไปเรียน แล้วกะเอาทั้ง2อย่าง ในมหาลัยก็จะเอาเกรดดีๆเผื่อไม่ติด หมอก็อยากจะเป็น เราไม่ค่อยเห็นว่าจะไปไหวซักคน
เราว่าอยู่กับบ้านดีกว่า แต่ต้องมีวินัยในตัวเองมากๆ หาที่เรียนเอง หาหนังสืออ่านเอง
คหสต เราคิดว่า ถ้ามีความมุ่งมั่นตั้งใจ ต้องทำได้แน่แน่ แต่ต้องอดทนและมีวินับกับตัวเอง ต้องตั้งใจอ่านนส อย่าปล่อยเวลาให้เหลือเฟือ เราคิดว่า นั่งอ่านนส ที่บ้านดีกว่านะ เพราะยังไงถ้าคิดจะซิ่วเเล้ว ก็ตั้งใจอ่านที่บ้านลุยไปเลย ให้สุดกำลัง เเต่อย่าคิดแบบ สบายใจไปว่า มีเวลาอีกเยอะ บางคนอยากเป็นหมอมากๆ อย่างคนรู้จักเราเงี้ย ซิ่วตั้ง 3 ปี ไงก็ เป็นกำลังใจให้นะจ้ะ สู้ๆ
เราเป็นคนนึงที่ซิ่วนะ ตอนแรกเราเรียนที่มหาลัย แต่เรียนๆไปพอรู้ว่าไม่ชอบเลยจะซิ่ว เราตัดสินใจลาออกมาอ่านเองที่บ้าน เนื้อหาวิทย์ช่วยก็จริง แต่เพียงผิวเผินเท่านั้น แถมอีกอย่างรับน้อง เข้าซุ้มก็ไม่จบไม่สิ้น อยู่ไปก็เสียเวลาอ่านเรา
จขกท. ลองคุยกับพ่อแม่ดูนะ แรกๆท่านอาจจะไม่เข้าใจ แต่ค่อยๆพูดท่านอาจจะเข้าใจเอง สู้ๆนะ จขกท.
อยากจะบอกว่า หมอแน่ใจหรอว่าอยากเป็น ถ้าอยากคงไม่ทำอย่างนี้ หรือว่าคิดว่าหมอสบาย นั่ง กระดิก ขา สั่งยา อาชีพลำบำบากนะครับ คิดดูว่า ถ้าชอบก็พยายามใหม่อยู่บ้านอ่านเลย แต่ถ้า ไม่แน่ใจก็เรียนไปก่อนไม่เสียหาย
เจ้าของกระทู้ ใจเดียงกับเราเลยติดเหมือนกันปีเดียงกันด้วยๆๆ ตอนเราก้ติดวิศวะน่ะ เครียดมากๆ อยากหยุดเหมือนกันแต่พ่อแม่ๆม่ยอม พอตะไป แอดมิชชั่น ก้ไม่ยอมอีก เราก้ท้อเหมือนกัน อยากได้สายสุขภาพจิงๆ ก้ว่าจะลาออก ตอน ช่วงตุลาเหมือนกันน่ะ
ผมก็ซิ่วไปเรียนครูสังคมศึกษา 5 ปี บ้านสมเด็จ ครับ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ที่เก่าแค่ 4 วิชากะเอาไปโอนจริงๆตอนม.6 ผมไปสอบหลายที่ สอบรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และ ครุศาสตร์ สอบตรง สอบแกทแพทหมดทั้ง 2 รอบก็ไม่ติด ยกเว้นบ้านสมเด็จนะตอนนั้นสมัครไม่ทันและรอบสองก็ไม่เปิดเลยไม่ได้สมัคร ตอนแอดก็ไม่ติดทั้ง 4 อันดับ ตอนแรกผมก็คิดอยู่แต่ว่าเรียนที่ไหนขอให้มันจบๆ ยังไงก็ได้ แต่พอมาเรียนจริงๆไม่ใช่และไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อมาเจอวิชา บัญชี การเงิน สถิติ ต้องได้ C ขึ้นถึงต่อได้เป็นไรที่ยากมากกกก ผมไม่เก่งเลข บวกกับอะไรหลายๆอย่าง
แต่ยังดีครับผมติดราชมงคลกรุงเทพ การจัดการ โครงการ MOU ของโรงเรียนแต่ก็ต้องที่ต้องจำใจเรียนเพราะผมปีหน้านั้นผมต้องผ่อนผันทหาร โชคร้ายบนความโชคดีบ้าง ที่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสี่ยงจับใบดำใบแดงไปเป็นทหาร ถ้าติดขึ้นมาเสียเวลาไป 2 ปีเลยแถมเผลอๆปลดอีกทีโง่ไปเลยทีนี้
ตอนซิ่วก็มีเวลาว่างมากกกยิ่งเทอม2ยิ่งว่างใหญ่ ได้ไปออกกำลังกาย ได้ไปเที่ยวเล่น ได้ไปที่ต่างๆและตามมหาลัยอื่นๆ ไปเที่ยวสวนสัตว์เขาดิน แต่ก็อ่านหนังสือบ้างห้องสมุด ก่อนสอบก็อ่านมาบ้าง แอบมองแอบจีบสาวต่างมหาลัยบ้าง แต่พอก่อนสอบอีก 4 อาทิตย์อ่านหนังสือสอบตรง คือ ต้องมีวินัยมากๆ ตอนนี้ก็สอบติดแล้วได้ซิ่วไปที่ใหม่แล้ว แต่เวลาที่มีมากอาจมีน้อยลงเพราะหมดไปกับเวลาเดินทางไป 2-3 ชั่วโมงและอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป
สำหรับคุณคงต้องคิดดูดีๆนะว่า จะเลือกเป็นอะไรเพราะถ้าเมื่อไหร่เราลงเรียนในคณะนั้นแล้วหมายความว่าชีวิตเราทำงานเป็นอะไร มีทางเดินชีวิตมั่งคงหรือไม่ อยู่ที่ตัวคุณเส้นทางทุกทางมันไม่สวยงามดังดอกไม้ริมทางหรอกนะครับ ยังไงเมื่อเลือกเดินทางไหนแล้วก็ต้องเดินให้สุดทางจนกว่าจะถึงคำว่า "ทางตัน"
เราว่านิสัยอย่างคุณอย่าเป็นหมอเลย
เลือกอย่างอื่นเหอะ สงสารคนไข้
ความฝันของจขกทจ๊ะ
.
nanaเป็นคนขี้สงสารนะครับเนี่ย
เราว่าซิ่วเลยก็ได้น่ะ อ่านหนังสืออยู่บ้านไปเลย แต่ถ้าจะเลือกเรียนก็ไปทางสายหมอพวกเภสัช ไรงี้ไปก่อนก็ได้ แล้วคอยมาคิดอีกที
ผมเลือก ให้เรียนไปก่อนครับ 1ความเห็น ^^
คือหมอการแข่งขันสูงมากกก รู้ใช่ไหมครับ
แต่ละปีก็จะมีคนแย่งกันเข้าเยอะมาก (ทั้งรุ่นนั้นและเด็กซิ่ว)
เราแนะนำว่าให้หยุดอ่านที่บ้านดีกว่า
หลายคนอาจจะคิดว่าเรียนไปด้วยอ่านไปน่าจะโอเค
แต่เนื้อหาในมหาลัยมันอาจไม่ใช่ที่จะใช้สอบนะครับ
อีกอย่างจะต้องเจอมิดเทอม ไฟนอล แถมกิจกรรมคณะ
ต่างๆ ซึ่งจะยุ่งมาก จนไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลยครับ
ถ้าอยากติดจริงๆ เราแนะนำว่าให้หยุดอ่านจริงๆ ครับ
อันนี้ความเห็นเรานะ
เราซิ่วอยู่บ้านปีนึงค่ะ (ปีนี้ติดแล้วนะ) ที่คิดซิ่วเพราะตอนนั้นมันยังหาคณะที่ใช่ไม่ได้ เรามีความคิดที่จะเป็นหมอและไม่เคยมองคณะอื่นสำรองไว้เลย พอรู้ตัวว่าไม่ติดก็เคว้งคว้างมาก เหมือนสูญเสียเป้าหมายในชีวิตไปจนต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า "จะเอาไงต่อดีวะ" แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจอยู่บ้านค่ะ ด้วยเหตุผล
1. ไปเรียนคณะอื่นก็ไม่รู้จะเรียนอะไร
2. ต่อให้เป็นการเรียนไปพลางๆเราก็อยากทำคะแนนให้ดี ถ้าสมมติว่าสอบอีกปีดันไม่ติด ก็จะกลายเป็นว่าเรียนก็ไม่ได้เรื่องเพราะเอาเวลาไปอ่านหนังสือ แถมสอบก็ไม่ได้เรื่องเพราะเอาเวลาไปเรียนอีก
3. เหนื่อยจากกิจกรรมแน่ๆ และอย่าหวังว่าจะมีเวลาอ่านถ้าไม่ดรอปกลางคัน
แต่การอยู่บ้านก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย ข้อเสียที่สำคัญมากคือคุณจะกลายเป็นคนเฉื่อยแฉะ เพราะกว่าจะสอบอีกรอบก็กินเวลานาน(จริงๆมันก็ไม่นานนะคะ อย่าประมาท) ในขณธที่เพื่อนๆถ่ายรูปกับชีวิตมหา'ลัย คุณจะได้แต่นั่งๆนอนๆมองดูพวกเขาอยู่ที่บ้าน คุณจะเริ่มท้อแท้และคิดแล้วว่า "นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่?" นอกจากนี้ยังมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะ ทั้งที่นอน คอม โทรศัพท์ ทุกอย่ามันล้วนแต่เรียกร้องให้คุณไปหาทั้งนั้น ทำให้คุณละความสนใจจากหนังสือ จากที่ตั้งใจจะอ่านวันละ 50 หน้า มันอาจจะลดเหลือแค่ 5 หน้าก็ได้ เราเจอมาแล้วกับตัว ใครว่าซิ่วอยู่บ้านสบายต้องคิดใหม่ สิ่งล่อใจและความเฉื่อยคือศัตรูของคุณ แต่มันก็คงจะสบายกว่าคนที่เรียนไปด้วยอ่านหนังสือเตรียมสอบไปด้วยแน่
แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนสิ่งที่คุณต้องมีคือความพยายามค่ะ พยายามไปให้ถึงจุดที่ใฝ่ฝัน อย่ายอมแพ้ และต้องใจแข็ง สู้ๆนะคะ
ปล. เรามีบล็อกที่เขียนไว้ตั้งแต่ตอนที่เพิ่งซิ่วใหม่ๆจนถึงสอบเสร็จ ถึงมันจะมีแค่ 3 ตอนแต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ
http://my.dek-d.com/knightz_k1/blog/?blog_id=10200852
เรียนเถอะ จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง บางอย่างมันไม่แน่นอน อาจไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด
ถ้าหนักแน่นและมุ่งมานะจริงๆผมว่าการออกมาอ่านหนังสืออยู่บ้านก็คุ้มที่จะลองเสี่ยงดูนะครับ อ่อขอแนะอะไรเกี่ยวกับการเรียนพิเศษเห็นคุณเรียนหนักผมก็กลัวว่าจะเป็นเหมือนคนๆนี้แต่ดีที่เขารู้ตัวทัน อยากให้ไปอ่านบทความนี้ดูครับ http://www.dek-d.com/admission/36960/
เป็นอีกคนที่สนับสนุนให้อยู่บ้านอ่านเองนะครับ แต่ระวังเรื่องไม่มีวินัยต่อตัวเองครับ
อ่านเอง เรียนพิเศษพอประมาณ ทบทวนๆๆ ฝึกๆๆๆ
ถ้าขยันๆ และมีวินัยแบบนี้ คุมตัวเองได้ ดีกว่าไปเรียนมหาลัยฮะ
แต่ห้ามเครียดนะ ถ้าเครียดแล้วพังเลย ต้องสู้และคิดว่าทำได้
เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ และจริงจังนะ เอาใจช่วย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?