Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(ม.๔) ล้มแล้ว..ต้องลุกได้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ ขอใช้แทนตัวเองว่าพี่นะคะ เพราะคนที่เข้ามาอ่านส่วนใหญ่น่าจะเป็นรุ่นน้องค่ะ
บทความนี้ ถือว่าเป็นการให้กำลังใจสำหรับรุ่นน้องที่กำลังจะสอบในปีต่อไป และสำหรับคนที่พลาดในการสอบด้วยนะคะ
ตัวพี่เองได้มีโอกาสได้ไปลองสอบสนามเตรียมTU78สายศิลป์ ภาษา ค่ะ
ตอนไปสอบนั้นมีความมั่นใจอยู่บ้าง แต่ก็มีตื่นเต้นปะปนกันไป ยิ่งวันที่พี่สอบ29 มีนานั้น ฝนตกหนักมากกกกกค่ะ แบบพายุเข้าเลย พี่เดินออกจากบ้านกับแม่  เพื่อขึ้นรถแท็กซี่ไปสนามสอบ แม้ว่าเราจะกางร่มแล้ว ก็ยังมิวายที่จะเปียกปอนทั้งตัวค่ะ น้ำซึมเข้าไปในถุงเท้าเลย ระหว่างที่เดินทางไปนั้นรถติดมาก ติดตั้งแต่หน้าหอศิลป์กรุงเทพเลย แต่โชคดีว่าพี่ไปรถไฟฟ้า เลยไม่มีปัญหารถติด กว่าพี่จะมาถึงสนาสอบได้ ค่อนข้างจะทรหดมากค่ะ พอถึงสนามสอบแล้ว พี่ก็รีบไปที่หน้าห้องสอบทันทีเลยค่ะ
   ตอนทำข้อสอบพี่ก็ไม่ได้เครียดมากนะ พอทำได้บ้าง เพราะเตรียมตัวมาพอสมควร แต่เพิ่งมาเริ่มฟิต ตอน2-3เดือนสุดท้าย แต่ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่เพราะไม่มีคณิตศาสตร์ 555
พอสอบวิชาสุดท้ายเสร็จพี่ก็โล่งใจมากเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยนะ พี่กลับมาเตรียมตัวสอบอีกที่สำหรับประสานมิตรที่เป็นแนวศิลปะ ซึงก็ไม่มีคณิตศาสตร์ที่ต้องใช้สอบเช่นเดียวกับเตรียม
   วันสอบที่ประสานมิตร พี่ไปถึงสนามตั้งแต่7.30 และขึ้นไปสอบวิชาภาษาไทย อังกฤษ และทฤษฎีศิลป์ ช่วงบ่าย เป็นสอบภาคปฏิบัติและสัมภาษณ์ เด็กสอบเยอะพอสมควรนะ พี่สอบสัมภาษณ์เสร็จประมาณ6โมงเย็น
และกลับบ้านด้วยความโล่งอกอีกครั้ง แต่แล้วความโล่งอกนี้ก็อยู่กับพี่ไม่นาน เย็นวันที่3 เมษายน วันที่พี่เสียน้ำตามากที่สุด เพราะผลที่ออกมาทางเว็บนั้น คือ พี่ไม่ผ่านการทดสอบ
    พี่น้ำตาไหล และเริ่มร้องไห้จนน้องและแม่ต้องเข้ามาปลอบใจกันยกใหญ่ ระหว่างที่ร้องไห้นั้นก็เริ่มทบทวนเกี่ยวกับการเตรียมตัวของพี่เองว่า เราไม่ได้ฟิตมาดีพอที่จะลงสนามรบใหญ่ เมื่อลงไปโดยที่อาวุธไม่พร้อมและไม่เพียงพอ พี่จึงเจ็บตัวกลับมา เพราะ พี่ชิลมาตลอด อ่านหนังสือไม่ค่อยจริงจังเท่าที่ควรเลย ก็ควรแล้วที่จะไม่ได้ เพราะ คนอื่นเตรียมตัวมาดีกว่า 
    พอคิดได้อย่างนั้นพี่จึงหยุดร้องไห้และตั้งสติ รอฟังผลจากประสานมิตรผ่านเว็บไซต์ พอประมาณ4ทุ่ม ผลจากประสานมิตรก็ทำพี่ช็อกอีกครั้ง พี่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง พี่กดรีเฟซหลายครั้งจนต้องทำใจยอมรับว่า พี่ก็ไม่ติดที่ประสานมิตรอีกเช่นกัน ความผิดหวังถาโถมเข้ามามหาศาล ถึงแม้พ่อ แม่ ครู น้องและคนในครอบครัวจะบอกว่า ไม่เป็นไรนะ แต่ตอนนั้น น้ำตาพี่ไหลไม่หยุด จำได้ว่า ร้องไห้ทั้งคืน พูดอะไร น้ำตาก็ไหลออกมาลูกเดียวเลย ร้องไห้จนตาบวม เป็นอยู่3วันเลย จนแม่พี่เป็นห่วงเลยพูดมาประโยคนึง ทำให้พี่ได้สติขึ้นมา "ไม่มีใครช่วยหนูได้หรอกนะ ถ้าหนูยังทำใจยอมรับไม่ได้ ใครพูดยังไงหนูก็จะทำใจไม่ได้อยู่ดี"
จากนั้นพี่ก็เริ่มหาโรงเรียนที่เปิดรับรอบ2
แต่แล้วก็พลาดอีก โรงเรียนใกล้บ้านที่จะไปสอบถามนั้นเพิ่งสอบเสร็จไปวันเดียวก่อนที่พี่จะมา คราวนี้พี่เริ่มกังวล เพราะอาจารย์ที่โรงเรียนนี้ให้พี่กลับมาอีกทีวันที่20 เพราะช่วงนั้นติดช่วงสงกรานต์ พี่จึงต้องรออย่างเป็นกังวลอีกครั้ง
พอถึงวันที่20 พี่กับแม่จึงไปที่โรงเรียนนัั้นอีกครั้ง
แต่อาจารย์อีกท่านก็บอกว่า วันนี้โรงเรียนเพิ่งเริ่มทำงานวันแรก กำลังเช็คจำนวนนักเรียนที่สอบเข้ามาและจะดูว่ามีที่เหลือหรือเปล่า
  จนวันที่27 เมษา พี่ได้ทำการสมัครสอบ รอบที่3 ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายที่โรงเรียนจะจัดสอบแล้ว
แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่พี่เป็นกังวลคือ สายที่เหลือนั้นเป็น วิทย์คณิต(Math sci)และ ศิลป์คำนวน (Math Eng) ที่เป็นโปรแกรมอังกฤษ ซึ่งถ้าใครที่อ่านมาแต่ต้นจะเห็นว่า พี่เลี่ยงคณิตมาตลอด แต่อย่างที่โบราณว่า ยิ่งไม่ชอบ ยิ่งเจอ ดังนั้นคราวนี้พี่เลยเลือกที่จะสู้กับมันซักตั้งนึง ถ้าให้ทายกันคิดว่าพี่เลือกสายอะไรคะ.... พี่เลือกสายศิลป์คำนวนค่ะ เพราะยังไง เราก็เลี่ยงคณิตในชีวิตจริงไม่ได้อยู่แล้วเนอะ แต่คืนก่อนสอบพี่ก็เครียดมากนะ เพราะพี่กับคณิตไม่ค่อยถูกกัน จนนอนไม่หลับ นอน4ทุ่มแต่หลับอีกทีตี3 ตื่น7โมง และรีบไปที่โรงเรียน อาจารย์แจ้งว่า สอบเสร็จรอประกาศผลเลยนะ พี่ก็ตื่นเต้นมาก และกลัวว่าจะผิดหวังอีกมั้ย ความคิดทุกอย่างมันปะปนตีกันมั่วไปหมดจนต้องตั้งสติ พอข้อสอบมาก็เริ่มทำ คณิตนี่พอทำได้บ้าง แต่ก็แทบจะต้องเค้นสิ่งที่ครูสอนมาใช้แบบแทบจะต้องระลึกความจำกันใหม่เลย แต่พอสอบอังกฤษนั้นต่างกันมากเลยนะ ง่ายกว่าเยอะเลย สอบเสร็จก็สัมภาษณ์กับครูต่างประเทศ ครูถามไม่เยอะมาก และไม่ค่อยยาก พอสัมภาษณ์เสร็จพี่ก็ไปหาข้าวทานและรีบขึ้นมารอฟังผลอย่างตื่นเต้น ความคิดมันวิ่งเข้ามาตีกันก่อม็อบในหัวมากมาย และทุกอย่างก็ยุติลงเมื่ออาจารย์ถือเอกสารการมอบตัวออกมาจากห้อง....
ในที่สุด จากความพยายามมาหลายครั้ง ต้องล้มแล้วลุกและล้มลงไปอีกครั้ง พี่ก็ทำสำเร็จและได้สู้กับสิ่งที่พี่กลัวมาตลอด พี่สอบติดสายศิลป์คำนวน ภาค (intensive English program)
แม้ว่าจะไม่ได้ดูเก่งหรือใครจะคิดยังไง แต่ตอนนี้พี่ก็ภูมิใจนะ พี่สู้กับใจตัวเองมาได้หลายครั้งแล้ว
แต่บทเรียนครั้งนี้ก็แพงเอาการนะ แต่มันก็ทำให้พี่ได้เตรียมตัวก่อนที่จะเขาสู่สนามใหญ่จริงๆนั่นคือ มหาวิทยาลัยนั่นเอง
   บทความนี้อาจจะยาวไปหน่อย(มั้งนะ) แต่พี่ก็อยากที่จะเขียนบทเรียนที่พี่ได้มาแชร์ให้น้องๆที่กำลังจะสอบเข้าม.4 ที่กำลังลั้นลา หรือาจจะแอบประมาทไปบ้างว่า เราเหนื่อยเพียงนิดเดียว สู้เหนื่อยไปก่อนนะ แล้วเราจะสบายทีหลัง มีหลายคนเตือนพี่แบบนี้ แต่พี่ก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง พี่ไม่อยากให้น้องเจ็บตัวเหมือนที่พี่เป็นเพราะมันทรมารทั้งกาย (ร้องไห้ ตาบวม ขอบตาคล้ำ โทรมมาก) และใจ (คิดว่าจะทำไงดี จะเที่ยวก้ไมหนุก ดูหนัง อ่านหนังสือ(นิยาย)ก็ไม่ได้
ฉะนั้นอดทนหน่อยน้าา สู้ๆๆๆค่ะ พี่จะเป็นกำลังใจให้นะ 
   หวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์กับน้องๆและเพื่อนๆคนอื่นๆบ้างนะคะ
   ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้นะคะ
ตอนนี้สอบได้ สบายใจแล้ว ไปเที่ยวได้อย่างสนุก และเตรียมพร้อมกับโรงเรียนใหม่อย่างแฮปปี้ ^^
ขอบคุณทุกๆๆท่านอีกครั้งนะคะ
G.W

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

I_am_Kuslin 1 พ.ค. 58 เวลา 20:11 น. 1

ขอบคุณนะคะ
ส่วนตัวเราเป็นเด็กซิ่วค่ะ ท้อแล้วก็ต้องลุกใหม่ในเส้นทางอื่น 
จากวิทย์คณิตมาศิลป์ญี่ปุ่น

1
Gray winter 26 ก.ย. 58 เวลา 15:29 น. 1-1

สู้ๆค่ะ ความผิดพลาดในแต่ละครั้งก็จะเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราค่ะ ถ้าไม่เจอกับตัวเราเอง ก็คงไม่รู้และไม่เข้าใจ อย่างที่เขาว่าไว้ค่ะ อย่ากลัวที่เราจะเริ่มต้นใหม่ เพราะทุกครั้งที่เราเริ่มใหม่ เราจะตั้งใจกว่าเดิมค่ะ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น