[ชวนคุย]ประสบการณ์ไหนที่ทำให้คิดว่า...เราอยู่ในนิยาย
ตั้งกระทู้ใหม่
(ขอแทนตัวเองว่า...เรา ก็แล้วกันนะคะ)
เราเป็นสมาชิกหน้าใหม่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย #เนียน
โดยปกติเราก็แต่งนิยายแล้วรักๆ ใคร่ๆ อยู่แล้ว
อีกทั้งยังชอบอ่านแนว 'มากกว่ารัก' ของแจ่มใส
เราเคยคิดมาตลอดว่า มันจะมีเหรอในสมัยนี้ ที่เป็นคู่หมั้นกัน แบบไม่เคยพบหน้า
หรือนิยายแนวจีนๆ ก็จะมีการให้ญาติผู้ใหญ่มาคุยกับพ่อแม่เรา เพื่อ 'สู่ขอเรา'
หรือเหตุการณ์ที่ไม่เคยพบหน้า แต่ต้องแต่งงานอยู่กินกันเลย
เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน...
วันนี้หลังจากเลิกงานก็แวะร้านเสริมสวยก่อนกลับบ้าน
ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะเจอประสบการณ์เหมือนนางเอกแนวจีน(ย้อนยุค)
พอเดินเข้าบ้าน พ่อก็เดินมาหาเรา และเรียกเราคุย...
แน่นอนว่าเราประหลาดใจค่ะ เพราะทุกครั้งถ้ามีเรื่องอะไรจะให้แม่มาเกริ่นก่อนมากกว่า
เขาก็มาแนวๆ แบบไม่เกริ่นอะไร ก็นั่งลง...แล้วเริ่มประโยค
พ่อ : ทำงานที่ร้าน...น่ะ มีใครมาคุยๆ รึเปล่า
เรา : ไม่มีนะ...? //เรารู้สึกตะหงิด
พ่อ : วันนี้...
เรา : ......... //ตั้งใจฟัง
พ่อ : เพื่อนของป๋าเขาอยากสู่ขอมู่ไปให้ลูกชายเขา
เรา : ........... //งานเข้าแล้วไง
พ่อ : มีใครที่มาหาที่ร้านบ่อยไหม?
เรา : ลูกค้าประจำไง มาที่ร้านบ่อย //ดูตอบ... 555555+
พ่อ : ลูกเขาไปที่ร้านบ่อย และแอบมองมู่มานานแล้ว
เรา : เอ้า...บ้าแล้ว(ว่าคนนั้นนะ) //ออกเสียงสำเนียงใต้ๆ
พ่อ : ไม่เคยเห็นเขาเหรอ? //พ่อเรา...หัวเราะค่ะ
เรา : แล้วจะรู้ได้ไงว่าคนไหน //ถถถถถถถถถ.
พ่อ : แล้วมู่มีใครที่คุยไหม
เรา : ที่คุยน่ะมี แต่ถ้ามากกว่านั้น...ไม่มี
พ่อ : แล้วมู่โอเคไหม
เรา : หน้าก็ไม่เคยเห็น ไม่รู้เหมือนกัน... //รู้สึกเหมือนโดนสตอล์กเกอร์เลยค่ะ 555+
แล้วพ่อเราก็ไม่เซ้าซี้อะไรต่อค่ะ เพราะเขาเองก็คงรู้สึกแปลกเหมือนกัน
เราก็คงปล่อยให้ผู้ใหญ่เคลียร์กันเอง
ส่วนเราเองก็รู้สึกตื่นเต้นแบบแปลกๆ แต่ไม่ได้รู้สึกยินดี
ถ้าเป็นนางเอกนิยาย ส่วนใหญ่ก็ไม่คัดค้านอะไร ก็มีบางเรื่องหนีออกจากบ้าน 555+
แต่เอาจริงๆ เราคิดว่า...คุยก็ไม่เคยคุยนะ แต่มาชอบขนาดนั้นได้ยังไง
ในความรู้สึกเรามันเหมือนคนแปลกหน้ากันมากกว่า
ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าได้รู้จักกันสักนิดจะดีกว่า
ส่วนนิสัย เรามองว่าทุกคนก็มีข้อด้อยทั้งนั้น
และแม้แต่ตัวเราเองก็ตาม...
แล้วมานั่งนึกสภาพตัวเองเวลาทำงาน ที่นั่งจิ้มเกม 'ป่วยเจ้าชาย'
ไม่ก็นั่งอ่านมังงะ หรือแต่งนิยาย Orz'' //ก็ไม่ได้งดงามอะไรเลย
ใครมีประสบการณ์จริง ที่คิดว่าตัวเองนี่ล่ะกลายเป็นตัวละครในนิยาย
มาแบ่งปันกันหน่อยนะคะ
สำหรับเรา ประสบการณ์นี้ มันกลายเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ช็อคยิ่งกว่าเจอผีอีกค่ะ 5555+
33 ความคิดเห็น
เย่ เจ๊จะแต่งงานแล้ว *-* //จุดพลุรัวๆ #ผิด
ตอนม.ต้น เคยชอบคนหนึ่งค่ะ เรียนเก่งมาก ชนิดที่ว่าสอบเข้าม.1 ได้เป็นที่หนึ่งของสายชั้น ขอคลุมดำ เผื่อเพื่อนมาเจอ เดี๋ยวไม่ปลอดภัย -_-
คือไม่หล่อเท่าไร แต่ดูดี สูง เท่ เอาเป็นว่าฮ็อต และสาวกรี๊ด
และมีเสียงลือๆ ว่าเขาชอบซอค่ะ -_- คือเพื่อนมันล้อ มันแซวกันเล่นไปเรื่อย แต่พวกแกรู้มั้ย เราคิดลึกนะ ไอพวกบ้า
ด้วยความเป็นสาวน้อยแรกรุ่นขี้อายวัยกระเตาะ สบตาทีไรมีอันเผลอใจ และมโนว่าเขาชอบเราทุกที -3-
คืออยู่ห้องเดียวกันด้วย แต่เพราะซอเขินจัด เลยไม่กล้าคุย ไม่กล้าสบตา ไรงี้ สามปีเต็มๆ ที่คุยกันไม่เกินห้าครั้ง
มีฉากหนึ่งที่จำได้ คือวันสอบเข้าม.1 เลยค่ะ
เขานั่งโต๊ะข้างๆ นี่เอง
ตอนนั้นสอบคณิต จำสูตรไม่ได้ เงยหน้าขึ้นท่องสูตรแบบคลายเครียดไปในตัว และหันไปจ๊ะเอ๋กับคนโต๊ะข้างๆ
ตกใจหนักมาก เพราะเขาหันมาจ้องอยู่พอดี กรีดร้องรัวๆ ว่า มันต้องลอกฉันแน่!!
สุดท้าย ตอนประกาศผล นางได้ที่ 1 ตอนสอบเข้า รู้สึกจะท็อปวิชาคณิต ในขณะที่เราได้ที่ 17 คะแนนคณิต 23/60 จย้าาาา #มโนเป็นเลิศเลยตรู
อีกฉากหนึ่งที่จำได้ดีไม่แพ้กัน
ณ โรงยิมของโรงเรียน #มาเป็นนิยายแจ่มใส
ในขณะที่ฉันกำลังเดิน #ท่ดๆ
ในขณะที่ซอกำลังเดินแรดส์(?)ในโรงยิมอยู่นั้น คนๆ นั้นก็เดินผ่านมา ในสภาพแบบชุ่มเหงื่อนิดๆ เพราะเพิ่งเล่นบอล หัวยุ่งๆ สะพายกระเป๋าข้างเดียว และ...เหยียบเท้าซอ
ด้วยความที่ซอเตี้ย และเขาสูง ซอเลยเงยขวับขึ้นมองหน้า(มองแบบตกใจนะคะ ไม่ใช่มองจิก 5555) เขาก็เหลือบมา(อารมณ์แบบคนสูง มองอะไรในที่ต่ำ) พึมพำแบบไม่มีเสียงพร้อมยกมือข้างเดียวเป็นเชิงขอโทษ
คือเท่ คือบาดใจไข่ขาดดดดด
และภาพนั้นยังติดตาจนทุกวันนี้ 5555555555555555
มโนสำคัญกว่าความรู้
-- ไอสไตน์ไม่ได้กล่าว --
ป.ล. บอร์ดช่วงนี้เงียบเนาะเจ๊ หายๆ ห่างๆ กันมาก คิดถึง #ซอก็เช่นกัน
ยังไม่แต่ง ={}='' //ข้ามขั้นตอนไวไปนะ!!
แต่เรื่องของซอนี่ น่าเอาไปแต่งนิยายแจ่มใสมาก 5555+
โมเมนต์นางเอกมโนไว้ก่อน //ท่ดๆๆๆๆๆ
แล้วตอนนี้พ่อหนุ่มคนนั้น หายไปไหนซะแล้ว?
ปล1.คิดถึงเหมือนกัน เราไม่ได้คุยผ่านบอร์ดกันเลย แต่คุนในแชทแทน 555
ปล2.ที่หายไปไม่ใช่เพราะไปติดหนุ่มที่ไหนเหรอ 5555+
ยังวนเวียนอยู่ในโรงเรียนนี่แหละค่ะ 5555555
ป.ล. เปล่าติดหนุ่มนะคะ 5555555555
ม.6+ทำกีฬาสี เหนื่อย เพลีย กลับบ้านมาก็ค่ำแล้วทุกวัน น้ำตาจะไหล
แล้วข้าวใหม่ปลามันไปไหนละ 555+
ปล.สู้ๆ เน้อ
แล้วน้องป. คู่แต่งงานกระดูกอ่อนนั้นล่ะ #ท่ดๆ ข้าม คห.นี้ไป 5555
1-3, 1-4
เลิกเล่นเกมไปแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
โฮวววว เลิกตอกย้ำเถอะค่ะ ได้โปรด
การจะตัดใจจาก(ป.)เกม ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
อ๋อๆๆๆ...
อะเคร ไม่ล้อแล้ว 555555555+
แต่งงานกันไม่ทันไร เลิกกันซะแล้ว
ท่ดๆๆๆ //มือลื่น
เจ๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
//โหยหวน
น่าต๊ากมาก แอบฟินไปด้วย
ก็มีบ้างอะครับที่แม่พยายามจับคู่ให้ (เพราะเพื่อนรุ่นเดียวกันมันมีลูกไป2-3คนแล้ว)
อาจเพราะผมคิดว่าการที่คนเราจะรักกันถึงขั้นแต่งงานกันมันควรมีพื้นฐานความเป็นมิตรต่อกันก่อน ไม่ใช่มาถึงก็จะพูดเรื่องแต่งงาน ลูกหลานเลย ถ้าเริ่มจากรู้จักกัน พัฒนาไปเป็นเพื่อน เป็นคนรู้ใจ เป็นแฟน เป็นสามีภรรยา มันก็โอเคอะครับ แต่ถ้ามาถึงจะแต่งอย่างเดียว ส่วนใหญ่จะจบแค่นั้นแหละ
ที่จริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนถาม แต่พ่อเราปฏิเสธเองมาตลอด //ก็ค่อนข้างเลือกเหมือนกันค่ะ
คือที่จริงพ่อเราก็ไม่อะไรมากเท่าไหร่กับเรื่องแบบนี้
เขายังคงปล่อยให้เราจัดการกับชีวิตตัวเอง
//แต่ก็คงไม่อยากเห็นเราเสียใจอีกน่ะค่ะ
แล้วด้วย นี่คงถึงวัยอย่างที่ท่านจิ้งว่า ก็เลยมาคุยๆ
อีกอย่างฝ่ายชายก็มองเรามาตลอด
แต่เรานี่สิ... -*-
ปล.ที่จริงเคยมีคนบอกเรา 'ให้ชอบ...คนที่ชอบเรา' ดีกว่า...
ทางนี้ห่างไกลเรื่องแต่งงานมากๆเลยครับ ยิ่งพี่สาวมีหลานให้แม่เลี้ยงแล้ว เรื่องคนรักนี่เงียบไปเลย ประมาณเลี้ยงหลานคนเดียวก็ไม่เอาแล้ว (ฮา)
แต่จะว่าไปพูดถึงนิยายแล้ว หลายเรื่องก็มาจากสิ่งรอบตัวนะ แต่พล็อตเรื่องที่ว่าก็ไม่เคยเฉียดมาในชีวิตสักเท่าไหร่
บางทีพล็อตบางเรื่องอาจเกิดขึ้นเพราะอยากเติมเต็มจิตใจที่ไม่เคยมีหรือขาดหายก็ได้ โอกาสเจอเลยน้อยมากๆ
นิยายมู่เป็นแนวแฟนตาซี ความฟินในนิยาย...
ก็ไม่ได้ใกล้เคียงชีวิตจริงเท่าไหร่ 55555+
ท่านกวีอยากจะลองซ้อมบท 'สู่ขอ' หญิงสาว
กับคนแถวๆ นี่บ้างไหมอะ //โดนตบ
แหม่... ไอ่เราก็หนุ่ม(!?)ขี้อาย พูดอ้อมไม่เป็นเสียด้วยสิ
แอร๊ยยยยยยย -////////-
//ซับน้ำหมากแพ๊พ #ผิด
แหม ท่านกวีก็
ปิ๊งหนุ่มคณะเดียวกันตอนรับน้องใหม่
หลังจากนั้นเราก็ได้แต่รักข้างเดียว
เพราะหนุ่มคนนั้นกลายเป็นสาวแล้ว
เจ็บจึ้ก!
คณะเราอัตราการเปลี่ยนแปลงเยอะค่ะ สิ่งที่เราเห็นนั้นไม่ยั่งยืนเสมอไป
ตะเตือนใตมากค่ะโมเมนต์นี้
เคยอ่านแนวเรื่องสั้นหักมุมมาเยอะนะคะ
แต่ไม่คิดว่าเราจะได้โมเมนต์เป็นนางเอกแบบนี้
#ผิด
เปิดสปอยปุ๊บ.. ผมนี่ สลดเลยครับ
คณะอะไรช่วยบอกที //ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เร็วกว่าช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง
4-6
สายบริหารธุรกิจค่ะ
อ้าปากค้าง 3 วิ
......
....
^^
แต่ละคอมเม้นต์แนวนิยายรักทั้งนั้น555 ประสบการณ์เราแลดูน่าสะพรึงขึ้นมาทันใด ประหนึ่งหลุดออกมาจากนิยายระทึก
เราเคยขึ้นรถไฟฟ้า ยืนอยู่หน้าอาหรับใส่ผ้าโพกหัวคนนึง เค้าแบบแต่งตัวโทรมนิดๆ ตาขวางหน่อยๆ (ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า) แต่แล้วเค้าก็หยิบมือถือออกมา ซึ่ง! มือถือนั้นกำลังนับถอยหลังจากเวลาสามนาทีอยู่! วินาทีนั้นเราช็อคมาก! กลัวสุดๆ แล้วเค้าก็มองหน้าเราค่ะ จากนั้นเราก็ลังเลว่าจะลงดีมั้ย จนกระทั่งมันเหลือประมาณครึ่งนาที ถึงอารีย์พอดี เรารีบลงเลยค่ะ
เขาคงกลับบ้านไปด้วยความรู้สึกว่าวันนี้หลอกเด็กโง่คนหนึ่งสำเร็จมั้งคะ
เป็นเราคงขาเข่งอ่อนแรงอะค่ะ
ที่อ่อนนี้ไม่ใช่อะไรนะคะ
แต่เป็นประเภทแพ้ผู้ชายแนวอาหรับ ยิ่งมีผ้าโพกหัวด้วยยิ่งกรี๊ด
ดูเถื่อนๆ โทรมๆ ยิ่งชอบ!!!
ปล.ให้แนวนิยายชีคดีนะคะ ถ้าไม่นับเรื่องเวลาในมือถือ -*-
ถ้าเป็นโมเม้นต์โรแมนติกหน่อยก็เคยมีตอนไปแลกเปลี่ยนค่ะ เจอหนุ่มคนนึง หน้าตาออกอาหรับมาก (แต่เป็นฝรั่งนะ) ก็แอบปลื้มตั้งแต่วันแรกที่ไปรร. วันดีคืนดี นั่งเล่นอยู่ห้องสมุด นางก็เดินเข้ามาแนะนำตัวก่อนค่ะ ช็อคและดีใจมาก!
แต่สุดท้ายก็จีบไม่ติด
เสียดายจริง!
ปล. เห็นด้วยว่าหนุ่มอาหรับหล่อ...
แล้วก็ไม่ทันระวังสะดุดขอบเตียง(ตรงที่มันสูงขึ้นมานิดนึงตรงขอบเตียงค่ะ) จากนั้นหัวก็พาดผนังอย่างจัง เหมือนฉากเปิดในนิยายตัวเองมากเลยค่ะ
เคยสะดุดขอบเตียงครั้งหนึ่งค่ะ
รู้เลยว่า ร่างกายกำลังล่องลอย(?) และตกลงที่พื้น...
ส่วนขาทั้งสองยังพาดอยู่บนเตียง -*-
น้องหมาที่นอนอยู่ที่ปลายเตียง ต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
มันคงเห็นเราลอยเป็นภาพสโลโมชั่นอะคะ 5555555555+
ของหนูนะคะโชคดีที่เตียงต่ำมากแต่ประเด็นคือเป็นซุ่มซ่ามมากค่ะ สะดุดเดือนละ40+เลยค่ะ ความรู้สึกคือ เดินมาดีๆเผลอสะดุด ตัวลอยขึ้นไป หน้าไถลไปกับเตียง หยุดที่หมอน ขาทั้งสองอ้าพาดไปกับขอบเตียงทั้งสองฝั่ง ตามนั้นเลยค่ะ รู้สึกได้ว่าเจ็บมากถ้าไม่มีหมอนค่ะ 555555+
ฉากที่นางเอกด่าแม่เด็กที่มาขโมยดอกไม้นางเอกค่ะ ฉากนี้กลั่นมาจากชีวิตจริงเลยค่ะ ตอนแต่งนี่ สุดแสนจะอินเนอร์มาเต็มค่ะ
ส่วนฉากรักไม่สมหวังในนิยายนี่ก็มาจากชีวิตจริงเช่นเดียวกัน ตัวละครไหนผิดหวังในความรัก ประสบการณ์เราทั้งนั้น ฮ่าๆ
นิยายก็เหมือนชีวประวัติเราดีๆ เล่มหนึ่งเลยสินะคะ
แต่ถ้านำประสบการณ์ใกล้ตัวมาเขียน มันก็ได้อารมณ์สมจริง จริงๆ
=w=b
ไม่น่ามีโมเม้นต์แบบในกระทู้นี้แน่นอน ผมจะคบหาใครสักคน ต้องคุยกันหนักมาก (ฮา)
ไม่ค่อยชอบแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก เพราะที่สำคัญกว่าคือต้องรู้สึกซึ่งกันละกันให้มาก
เพื่อจะเรียนรู้ ยอมรับและปรับตัวเข้าหากัน
ผมข้ามผ่านการพิจารณากันเพียงแค่ความใคร่ไปนานแล้ว (ฮา)
ส่วนเหตุการณ์ประมาณนี้ ถ้าเมื่อนานมาแล้ว เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง สมัยยังละอ่อนต่อโลก
เจอสาวพาณิชย์ในชุดเสื้อสูทกระโปรง นั่งระบายสีตัวตุ๊กตาปูนปาสเตอร์(ที่มีในห้างแถวมุมเด็ก)
แบบว่าสุดยอดของความตรงใจ(เรียกว่าถูกสเปค ทั้งๆ ที่ตัวผมเองไม่มีสเปค)
แล้วเธอก็ไม่ได้สวยบาดใจ ไม่ได้น่ารักเหนือใคร แต่ทุกอย่างลงตัว(สำหรับผม) เหมือนมีประกายเปล่งรอบตัวของเธอเลยทีเดียว ตอนนั้นยอมรับไม่คิดว่าจะเจอคนแบบนี้มาก่อน
หลังจากนั้นก็เดินวนเวียนแอบมองอยู่นานมาก อยากเข้าไปทัก อยากเข้าไปขอเบอร์
แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า ต้องเดินหนีไปเล่นตู้เกม แล้วก็ไม่เคยมีโมเม้นต์นั้นกับใครอีกเลย
เอาเถอะอย่างน้อย ก็รู้ว่าคนที่ทำให้อึ้ง ตกตะลึงเพียงแค่เห็นครั้งเดียวก็มีอยู่บนโลกนี้ (ฮา)
ชักอยากเห็นหน้าสาวน้อยคนนั้นซะแล้วสิ
ทำให้ท่านเดธหลงได้ขนาดนี้
แต่เอาตรงๆ เราก็มองว่า ผู้หญิงที่ดูน่ารักๆ ธรรมดาๆ
มันให้อารมณ์ที่มองได้นานมากกว่า ผู้หญิงสวย เหมือนกัน
คงเป็นเพราะความธรรมชาติ ในความธรรมดามั้งคะ
(พูดแล้วงงๆ 555)
พี่เดธคะ //ดึงชายเสื้อ
แล้วขนมปังเมล่อนล่ะคะ
ของผมเหรอครับ.. พึ่งจะเกิดขึ้นมาได้ไม่นาน
นี้เองล่ะครับ ผมเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในนิยาย
ต่างโลกสลับเพศพักใหญ่
" เพราะหลายๆ คน เชื่อว่าผมกลายเป็นผู้หญิง "
หลังจากเห็นภาพๆ นึง ครับผม
เห้ยยยยย...
ก็น่ารักจริงๆ นี่นา 555555555+
แถมเปลี่ยนแบบไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้า
เอาน่า อย่างน้อยเจ๊ก็รู้นะว่าหลับคุงเป็นชายแท้...
10-1 # ใช่ครับของแท้ดั้งเดิมเลย ยังไม่คิดจะเคะ
หรือคิดจะ Trap แต่ประการใด
รูปภาพในตำนานนั่น...ยังจำได้ติดตา เหมือนจริงอะไรจริง 555555
โธ่ ไม่น่าเลย พี่เทรนของน้องหญิง 555555555555555555
โถวววว ไม่น่าเล้ยยยย //ซัมมอนอุนมาช่วยปลอบใจ
ปล.ภาพนั้นยังตรึงตรา
แต่ถ้าพูดถึงประสบการณ์ความรักก็มีคล้ายอยู่นะคะ เราเคยแอบชอบเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่ง เข้าขั้นหล่อ บ้านรวย นักดนตรี นักกีฬา และนั่งอยู่ข้างๆ กันค่ะ! ชอบลอกการบ้านเราบ่อยๆ เขาดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องเรียนค่ะ 555
จนวาเลนไทน์ปีสุดท้ายก่อนจะเรียนจบแล้วจากกัน เราแอบไปซื้อช็อกโกแลตมาให้ค่ะ จนตอนบ่ายเรากำลังคิดว่าจะให้ยังไงดี ก็เผลอไปเห็นดอกกุหลาบใต้โต๊ะเขาเข้า ก็พยายามไม่คิดอะไร (อยากมโนว่าเขาให้เรา 5555) พอเลิกเรียน เรากลับจากไปห้องน้ำค่ะ ช็อกโกแลตยังไม่ได้ให้นะ ภาพแรกที่เห็๋นตอนกลับห้องคือเขาเอาดอกกุหลาบให้เพื่อนผู้หญิงเราคนหนึ่งในห้องค่ะ ถ้าสมมุติว่าคนที่เราชอบเป็นเดือน เืพ่อนเราคนนี้ก็ดาวเลยค่ะ! ใช่สิ เรามันก็แค่แมววัดสินะ ตอนเพื่อนคนนั้นเดินออกจากห้องแอบไปเดินชนไหล่นิดหน่อยค่ะ แบบว่าบทนางอิจฉาต้องมา 55555 แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ช็อกโกแลตวันนั้นเอากลับไปกินเอง ตอนเขาจบก็ไม่ได้บอกเขา (ตอนเขียนใส่เสื้อตามธรรมเนียม เราแอบเขียนว่า ชอบแกนะ แต่เพื่อนคนอื่นก็เขียนแบบนี้ค่ะ เขาคงไม่เอะใจ) ก็จากกันด้วยดีค่ะ
ตอนนี้ก็โรงเรียนใหม่ แอบชอบคนใหม่ค่ะ โอ้ ชีวิตยิ่งกว่าละคร คราวนี้ไปแอบชอบเพื่อนที่เขามีแฟนแล้ว หนักกว่าเดิมค่ะ ฮรึก...
เห็นแบบนี้เราก็เคยมีคนมาแอบชอบนะคะ แต่ที่ฝังหัวเลยมีอยู่คนหนึ่งค่ะ เพื่อนกัน ตอนป.6 มันชอบเรา แต่เราไม่ชอบมันค่ะ ชอบตบตีกับมันบ่อยๆ มันแอบหอมแก้มเรา เราก็เตะมันค่ะ (เมื่อก่อนโหดมาก เคยตบมันจนหลังแดงเป็นแถบ) แต่พอเรียนจบก็แยกกัน ได้ข่าวจากเพิื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกับมันว่ามันผันตัวเป็นตุ้ด! แล้วที่เคยชอบเรานั่นมันอะไร! ยังถามตัวเองอยู่เลยค่ะ เอาจริงๆ มันก็เคยมีคนมาชอบนะแต่มันไม่เอา เพราะมันหล่อค่ะ ผิวขาว ตาโต หน้าหวาน แถมยังบ้านรวย ถ้าตอนนั้นเราไม่ได้ถือคติรักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรีียน ก็คงชอบมันไปล่ะค่ะ ตอนนี้มันเป็นตุ้ดคงหมดสิทธิ์
....
เราว่าไม่ชอบเพื่อนสมัยประถมจะดีกว่านะคะ
เพราะถ้าชอบไปแล้ว แล้วกลายเป็นตุ๊ดกลางคัน
เราเองจะทำตัวไม่ถูก 5555555+
ไม่รู้จะส่งสาร หรือหัวเราะดี ถ้าเป็นนิยายคงแนวโรแมนติก คอมเมดี้
แต่อย่างน้อย เราก็แอบรักใครเป็นะคะ
555555+
ตอนสมัยเด็กๆ ชอบคนๆหนึ่งอยู่ เป็นเพื่อนสนิทกันนี่แล จนวันหนึ่ง เค้าย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียน แล้วก็ไม่มีโอกาสเจอกันอีก จากนั้นพอโตขึ้น ผมก็เริ่มลืมๆไปแล้วนะ จนกระทั่งกลับไปเยี่ยมบ้านตจว. แล้วเจอกันอีกรอบ (คือมันจะบังเอิญไปไหนนน รถติด ผมนั่งฝั่งข้างคนขับและลดกระจกลงพอดี แล้วเค้ากำลังออกจากซอยทางฝั่งผมพอดี) ยังกะภาพสโลโมชั่นแน่ะครับ เค้าก็มองมาทางนี้นะ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรเลย แล้วรถก็เคลื่อนออกไป แล้วทุกอย่างก็จบตรงนั้น 555
อุตส่าห์นั่งลุ้น 555555555+
เมื่อก่อนสงสัยตลอดเลยว่า เวลาพระนาง ใครสักคนเป็นไข้ต้องเผลอบอกรักกันตลอด ตกลงถ้าเป็นไข้แล้วมันจะคุมสติตัวเองไม่อยู่ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เราเป็นไข้ค่ะ แล้วหยุดไม่ได้วันนั้นมีสอบเก็บคะแนน
เราก็ฝืนสอบไป(แต่ผ่านนะเออ ได้ที่3ของห้อง) พอเวลาพัก เราก็ไปนอนซมอยู่ตรงระเบียง(มันจะมีที่นั่งเล็กๆยาวๆอยู่อะค่ะ) พอคนที่ชอบผ่านมา เราก็อารมณ์ไหนไม่รู้ เลยเรียกเขามาหา
เรา //กวักมือ: มานี้หน่อยๆ
เขา//เดินมาหยุดอยู่ตรงหัว : ว่า..
เรา //เกือบหลุดพูดไปว่า..เรารักแกนะ (อารมณ์นั้นจริงๆ คือแบบถ้าพูดไปนี้จบเลย แต่เสียงที่ออกไปมันฟังไม่ได้ศัพท์)
เขา : ห่ะ??
เรา : ก้มลงมาหน่อยๆ
เขา //ก้ม
เรา //กระซิบ : exoหล่อมากนะรู้ยัง?
เขา : กวนteen เป็นไข้ป่ะเนี้ย ไหวเปล่า //เอามือมาวัดไข้
เรา : ไหวๆ เป็นหญิงถึกและบึกบึน
เขา : ไม่ถึกนะ......แบบนี้เรียกอ้วน
แล้วก็อะไรต่อจำไม่ได้แล้วค่ะ แต่ที่รู้แน่ๆคือตั้งแต่วันนั้นเราเข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่า เวลาพระนางเป็นไข้แล้วทำไมถึงเผลอบอกรักกัน
#เดี๋ยวไปตั้งกระทู้ปัญหาวัยรุ่น #จู่ๆคนที่คุยๆกันก็หลบหน้า หลังจากนั้นเขาก็ไปมีแฟน แล้วเพื่อนสนิทก็มาบอกว่าชอบเขา!! ตอนนี้เขาเลิกกับแฟนแล้วเหมือนพยายามกลับมาเหมือนเดิม เรารู้สึกเหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลังเลยค่ะ!!
#เป็นความเห็นที่ยาวมาก เหนื่อย
ประโยคทิ้งท้ายฟังแล้วไม่แฮปปี้เท่าไหร่นะคะ 5555+
เป็นเราคงก้านคอซะตรงนั้น //แนวแอคชั่น
เวลาเราเป็นไข้ สติเรายังอยู่ครบค่ะ
แต่สำหรับเรา เราจะชอบอ้อนมากกว่าค่ะ
เหมือนตอนนอน รพ. เราจะโทรไปหาและบอกว่าอยากกิน...
ซื้อมาเยี่ยมไข้หน่อย //เสียงอ้อนๆ นิดๆ
(แต่เหมือนอารมณ์สั่งมากกว่าอ้อนนะคะ)
ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ความรักคืออะไร
อยู่คนเดียวมานานมากแล้ว
ชิน... (ปล. แต่งนิยายรักซะด้วยสิ)
ก็มีความสุขดีนะคะอยู่คนเดียว ได้ทำทุกอย่างที่เราอยากทำ
พ่อแม่ไม่ห้าม ไม่มีแฟนมาห้าม ดีๆ
จริงๆ ก็เพิ่งเป็นโสดมาสักพักเหมือนกันค่ะ
แม้จะมีคนแวะเวียนเข้ามาบ้าง ก็ยังรู้สึกเฉยๆ
ตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น...
คงอารมณ์เดียวกับท่านเจ้าของความเห็นนะคะ แหะๆ
อาเจ๊ =[]=!?
อิจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ
มีหนุ่มมาขอแล้ว
ดฟ่ากดฟ่าวด่ฟวาด่าวสกด่าฟดว่ฟห่ดาวฟ
อึ้งมาก ระทึกมาก
ถ้าเป็นหนุ่มหล่อ รวย เลว นี่คือ นิยายชัดๆ!
แต่จากชีวิตจริงแล้ว น่าจะเป็นหนุ่มขี้อาย หรือไม่ก็ไม่โดดเด่นจนเจ๊จำหน้าไม่ได้มากกว่า 5555555+ //โดนเจ๊มู่ตรบ
งือ ประสบการณ์เหรอ
ชอบนุ้งไซ (ผู้หายสาบสูญ....)
อย่างมากก็มีแค่ จีบๆ คุยๆ อ่ะ ยิ่งพอพ้นมัธยมปลายนี่หัวกระไดแห้งสนิทดีแท้...ได้แต่ทำใจว่าคงพ้นระยะเนื้อหอมไปแล้ว (ฮา)
หนุ่มหล่อ รวย อันนี้โอเค
แต่เลวนี่ไม่ต้อง...อิเจ๊เบื่อแล้ว //เจอมาเยอะละ =w=
ระทึกจริงไรจริง //แต่เจ๊ยังไม่คิดในแง่ดีขนาดนั้นไง ลู่ 5555+
คือปกติ ก็จำหน้าใครไม่ได้นอกจากลูกค้าประจำ
และถึงฮีจะมาประจำ อิเจ๊ก็ไม่รู้อยู่ดีนั่นแหละ
//เพราะลูกค้าที่ขอไลน์ก็มี...แต่ไม่ให้ :D
แต่เจ๊ว่าลู่ก็เรียนหนักจนไม่มีสนใจ ว่า ใครสนใจเรามากกว่ามั้ง พอวัยทำงานมันก็ต้องมีเข้ามา
//แต่อิเจ๊เข้าวัยคานทองละ 555555+
ปล.อุตส่าห์ลากเมาส์ นึกว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่ 5555
เจ๊จะแต่งงานแล้ว เย้ หนูขอกั้นประตูเงินประตูทองนะคะ #ผิด
ว่าแต่เลี้ยงโต๊ะจีนใช่มั้ยคะ? #ผิดกว่า
คือหนูจะกล้าเล่านะ ถ้าทุกคนไม่รู้จักเฟสกับตัวตนจริงๆ หนูแล้วน่ะ 5555 แถมช่วงนี้เพื่อนที่มหา'ลัยยังมาป้วนเปี้ยนอยู่ในบอร์ด (มองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง)
แต่ใบ้พอคร่าวๆ ว่าเรื่องเกิดช่วงมัธยม มันเดินไปส่งที่บ้าน เพราะซ้อมกีฬาสีจัดซุ้มจนเย็น บ้านดันใกล้กันพอดี 5555 ไม่ขอลงรายละเอียดเพิ่มแล้วกัน ไม่งั้นจากที่มันดูเหมือนนิยายแจ่มใสจะกลายเป็นแหล่งรวบรวมคำหยาบที่ไฝว้กันตลอดทาง
ยังดิ...อินี่ก็ข้ามขั้นตอนอีกคน -*-
ตราบใดที่ยังไม่กล้ามาเสนอหน้า ก็มองต่อไป...
เล่ามาเหอะ ยังมีอะไรนอกจากโปสเตอร์ที่แปะอยู่ที่ผนังอีกเหรอ
5555555555+ #หลอกๆ
ชายคนนั้น คนที่โทรมอยเรื่องติ่งหรา
ยังอุตส่าห์จำได้นะเจ้ 5555555 โนวววว ไม่ใช่นั้น
เล่าแล้วเจ๊อ่านดีๆ มันซ่อนอยู่ 5555
เมื่อเร็วๆ นี่ชะ?
ใช่ตอนที่ someone ถือถุงกาว?
ตกลงเรื่องอำเล่น หรือเรื่องจริง 55555+
//อิเจ๊อาจจะพลาดช็อตเด็ดไปนะบางที
เรื่องเมื่อสามสี่ปีที่แล้วนู่นนนนนนนน 55555555
อาๆๆๆๆๆ..
เหมือนจะเคยได้ยินจากใครสักคน(?)เล่นให้ฟัง
555555555+
ปล1.เอา someone คนนั้นไปแทน?
ปล2.นี่ทำเหมือนเราไม่ได้คุยแชทกันมา 1ปี //ทั้งที่จริง 1นาที 5555+
คุยในบอร์ดได้อารมณ์กว่านะเจ้ 5555555
ถ้าเป็นแนวผีสางก็เจอทุกสัปดาห์ แต่ถ้าแนวอื่นไม่เคยเจอ ตายด้าน
ผีสางนี่เป็นอะไรที่ไม่อยากเจอที่สุดเลยค่ะ
ถ้าฟัง ดู แบบนี้ยังพอรับได้ แต่ถ้าเจอตัวเป็นๆ นี่ไม่ไหว
มันอยู่กับคนล่ะนะ คนไม่เห็นก็ไม่เห็นต่อให้นั่งกลางป่าช้า แต่คนจะเห็นนั่งอยู่ร้านข้าวแกงก็เจอ แต่อยู่ใครอยู่มันดีกว่า ไม่เจอถือว่าโชคดีแล้ว ชีวิตวุ่นวายน้อยลง
ต่างคนต่างอยู่ดีสุดขอรับ เหมือนใช้พื้นที่ร่วมกันเฉยๆ ก็พอแล้ว
เคยแต่แบบวิ่งถูบ้านแล้วเผลอมโน(?)ว่าตัวเองเป็นพจมานในบ้านทรายทองจนลืมมองทาง เลยชนเข้ากับน้องสาวที่กำลังหิ้วถังน้ำอย่างจัง ถังน้ำในมือทั้งสองต่างหลุดจากมือหกเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ ร่างเปียกบอนของเด็กสาวทั้งสองลื่นไถลไปชนตู้ด้านหลังดังโครม แรงชนทำให้กล่องหลังตู้ตกใส่หนึ่งในสองคนนั่น... เหมือนเห็นภาพตัวเองกับตัวเอกในการ์ตูนสาวน้อยซ้อนทับกันเลยค่ะ
เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงด้วยการไปโรงพยาบาล ขาแผลงไปเกือบเดือน ส่วนน้องสาวฟกช้ำตามตัวกับได้ลูกมะนาวที่หัวหนึ่งลูก
ฮือ แถมโดนเทศอีกเป็นชั่วโมง.....
เป็นการมโนที่สมจริงมากค่ะ
ในกรณีนี้ เราอาจมโนต่อ ว่าพบรักกับพระเอกที่เป็นคุณหมอแทน
ถึงไม่ได้พบรักกับคุณหมอสุดหล่อ แต่พี่ชายหมอฝึกหัดที่ทำแผลให้ก็หล่อพอตัว อ๊ายย น่าเจี๊ย.... อุ๊ย! ลืมตัว
นี่มันแนวค้ำคอร์!!! #ผิดๆ
เห็นมาแนวรักกันเยอะเลย
ของผมนี่มีทั้งนิยายสยองขวัญ ทั้งแนวชีวิตประจำวันทั่วไปที่เน้นเล่าเรื่องรั่วๆเลยครับ
อันแรกนี่เคยเจอตอน ม.1 เมื่อสามปีที่แล้ว
อันที่สองนี่เจอทุกวันครับ รอบตัวมีแต่คนรั่วๆ เพื่อนเกรียนๆ เล่นมุกแป้กกันระนาว ต่อมุกตบมุกไวจนคนนอกไม่อาจเข้าใจได้ เผากันวันละหลายรอบ55
ส่วนตัวก็มีเพื่อนที่ชอบปล่อยมุกแป๊กเหมือนกันค่ะ
ก็เลยตั้งฉายาให้ด้วยว่า 'ไอ่100มุก(แป๊ก)'
แต่มีเพื่อนแบบนี้อยู่ในกลุ่มสักคนก็สร้างสีสันดีนะคะ
ถ้าได้ฉายาแบบที่คุณมู่ตั้ง เกรงว่าทั้งกลุ่มผมจะโดนเรียกแป๊ก1แป๊ก2แทน หรืออาจจะเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็รกลุ่มปล่อยมุกเลยก็ได้555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?