Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แนะแนวลดความอ้วน #ลดความอ้วน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
     สวัสดีชาวเด็กดีทุกคน เรามักจะปรากฏตัวจากนามแฝง น้อยคนจะรู้จักชื่อปกติไม่ค่อยโผล่ในบอร์ดนักแต่ช่วงนี้กระแสความนิยมของวัยรุ่นนั่นก็คือ สวย และ หุ่นดี เพราะค่านิยมที่กระตุ้นชาววัยทีนทั้งหลายว่าการมีหุ่นดีทำให้ตนเองมีคุณค่า ไปไหนมาไหนมีความสุข ถามว่าความคิดนี้ผิดมั้ย? เราตอบอย่างหนักแน่นให้ว่า ไม่ผิดค่ะ เพราะมันมีค่าต่อจิตใจ บางคนมีความมั่นใจมากขึ้น หรือมีความจำเป็นที่ต้องหุ่นดี หุ่นดีในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าผอมแห้งนะคะ หุ่นดีก็ต้องสุขภาพดีด้วย ฮันแหน่ะ...ใครที่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรที่ผิดธรรมชาติหยุดเลยนะ ตั้งแต่..

- การอดอาหาร การอดอาหารโดยเฉพาะมื้อเช้าเป็นที่รู้ดีกันว่า นอกจากสมองไม่มีสารอาหารไปหล่อเลี้ยงแล้วคุณยังใจร้ายทำลายกระเพาะอาหารไปจนถึงลำไส้ สรุปมันมีผลทั้งร่างกายเลย บางคนโหยอาหารตบะแตกไดเอทพัง จากข้าว1จาน กลายเป็น 3 จาน พออิ่มจนแทบจุกก็แทบร้องไห้ ตรูกินเข้าไปทำไมฟร่ะ T^T  พอเป็นแบบนี้แล้วก็กลายเป็นว่าเราจะเครียดได้ง่าย คือ
1) เครียดเพราะหิว 2) เครียดที่ตบะแตก 3) เครียดผลที่ตามมาว่าจะอ้วนขึ้น ทำให้เกิดความคิดว่า

พรุ่งนี้เอาใหม่ (อดใหม่ ฉันจะไม่กิน) = คุณจะอ้วนขึ้นจากการตบะแตกอีกครั้งในแต่ละวัน ไม่ก็โรคกระเพาะต้องตามให้ปวดท้องแน่ๆ บ่อเกิดของโรคอนอเล็กเซีย คือการไม่กินข้าวไม่กินอะไรทั้งสิ้นเพื่อลดอย่างรวดเร็ว พอลดได้ก็จะลดต่อไปอีกแล้วร่างกายจะเริ่มต่อต้านการกินอาหาร
ผลเสียคือ : โรคกระเพาะ ซึ่งหากยังทำต่อไป มะเร็งนะคะ...มะเร็งกระเพาะอาหารเพราะน้ำย่อยจะกัดกระเพาะอาหารจนเป็นแผล , ร่างกายขาดสารอาหาร สุขภาพไม่แข็งแรง การที่ร่างกายแทบไม่มีสารอาหารเพื่อไปสร้างเสริมส่วนต่างๆของร่างกายเลย ทำให้คุณหน้ามืดบ่อย อาจถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้ง อีกทั้งยังทำให้ภูมิต้านทานลดลงป่วยง่าย (พอป่วยก็ต้องกิน..คิดดีๆว่าจะอดแบบนี้จริงหรือ? บางคนเข้ารพ.บวมน้ำเกลือ เอ้าคิดดีๆ) , สุขภาพจิตย่ำแย่ เป็นโรคซึมเศร้า เพราะความต้องการลดอย่างรวดเร็วแถมยังไม่สามารถกินสิ่งที่ต้องการกินได้

ไม่นะ..แบบนี้อ้วนแน่ ล้วงคอ! = ใครมาขั้นนี้แล้วเราขอเตือนว่า หยุด! การกระทำแบบนี้ซะ! เพราะคุณกำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรคบูลิเมีย คือ การกินจนท้องอิ่มสุดๆแล้ววิ่งไปล้วงคออ้วกเพื่อเอาของที่กินเข้าไปออกมาให้ร่างกายได้รับสารอาหารน้อยที่สุด
ผลเสียคือ : การล้วงคออ้วกเป็นการย้อนอาหารออกมาแทนที่ปกติมันจะผ่านไปเรื่อยๆเหมือนระบบเครื่องจักร การทำแบบนี้ทำให้ระบบในร่างการรวน เกิดผลเสียต่อตับ กรดในกระเพาะจะย้อนไปตามหลอดอาหารถึงลำคอก่อให้เกิดความระคายเคือง เป็นแผลตามหลอดอาหาร เสียงแหบ ฟันผุ ขอบตาคล้ำเพราะน้ำย้อนขึ้นมาหมด บางคนต่อมน้ำลายบวม หรือใบหน้าบวมขึ้นเพราะร่างกายขาดน้ำจากการล้วงคอ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดผลเสียทั้งนั้น ใบหน้าทรุดโทรม ริ้วรอยก่อนวัย แล้วมันจะสวยได้ยังไงล่ะหืม?

- บ้าออกกำลัง = ในที่นี้หมายถึง กินเหมือนมดแต่ออกกำลังกายเท่ายักษ์ เช้า กลางวัน เย็น หรือ โหมออกกำลังกาย 5-6 ชั่วโมง บอกว่าได้เลยว่าอึดจริงๆออกกำลังกายอย่างกับว่าฉันจะเป็นนักเพาะกายให้ได้ อะไรที่มากเกินไปมันก็ไม่ดีกับร่างกายหากคุณไม่มีสารอาหารสร้างพลังงานเพียงพอแต่กลับทำแบบนี้ ก็มีโอกาสเป็นลมหน้ามืดได้เหมือนกัน ทำให้ร่างกายได้รับความบาดเจ็บเพราะโหมเกินไป คิดดูดีๆว่า ถ้าออกตั้งแต่เที่ยงยันหกโมงเย็นทุกวัน เวลาที่จะได้ไปนู่นนี่บ้างหายว๊าบเลยนะ

- ยาลดน้ำหนักทั้งหลาย = คุณกำลังทำร้ายตับและเตรียมสู่การเป็นคนอ้วนอย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยากัดกระดูกทั้งหลายซึ่งเป็นตรายต่อสุขภาพนานานับประการ


เอ้า! -นั่นไม่ได้ -นี่ไม่ได้ จะให้ควบคุมๆ มันไม่ไหวหรอกนะ ต้องทำยังไง?

อย่างแรกลดสิ่งที่ทำให้เราเครียดอาทิเช่น แอพลิเคชั่นคำนวณความอ้วนทั้งหลาย เครื่องชั่งน้ำหนัก กระจก จากที่มองรูปนางแบบหุ่นดีๆแล้วคิดว่าเมื่อไหร่เราจะเป็นแบบนั้น เปลี่ยนเป็นความคิดที่ว่า ฉันจะหุ่นดีแบบนั้น (สรุปถ้าไม่ควบคุมก็ไม่ลดไง...)

เริ่มที่อาหาร
การคำนวณแคลอรี่เพื่อควบคุมอาหารถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะความรู้เรื่องแคลอรี่จะช่วยให้เราสามารถควบคุมตัวเองได้ดีมากขึ้น หลายคนจมอยู่กับความเครียดเรื่องแคลอรี่มากจนไม่มีความสุข อยากกิน..กินไม่ได้ แต่มันมีวิธีค่ะ ก่อนจะอธิบายการกินแต่ละมื้อขอให้เข้าใจกันก่อนว่า เราต้องมีความคิดหลักในหัว เราอยากหุ่นดีเพราะอะไร พอตอนกินเราก็กินพอให้รู้สึกว่าหายหิวละ กินน้ำอีกสองแก้วอิ่มแน่ๆ ไม่หิวอีกแน่ๆ อยากกินอันนี้ กินชิ้นเดียวหายอยากพอ พอคิดได้แล้วก็มาเอามือหลักก่อน

มื้อเช้า มื้อที่สำคัญทุกคนรู้ดีเพราะนอกจากช่วยบำรุงสมองและพร้อมออกรบทั้งวันแล้วยังมีส่วนช่วยในการเผาผลาญเป็นอย่างดี ไม่ควรอดมื้อเช้าเด็ดขาด เผลอๆกินมื้อเช้าอาจจะอยู่ท้องไปจนถึงกลางวันทำให้คุณกินน้อยลงในมื้อถัดไป ยิ่งใครต้องเรียนหนังสือห้ามเลยนะการอดมื้อเช้าเพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนแย่ลง อย่างที่บอกการอดอาหารทำให้โทรม ผอม ไม่สวย แถมไม่ฉลาดอีก เอาเข้าไป

มื้อกลางวัน สำคัญไม่แพ้กัน มื้อกลางวันแนะนำให้เป็นพวกโปรตีนอาจจะเป็นไข่ต้มก็ได้ (75แคลต่อหนึ่งฟอง)

มื้อเย็น เป็นมื้อที่ควรกินให้น้อยๆและไม่ควรเกิน6โมงเย็น และหลัง6โมงเย็นก็ไม่ควรกินอะไรเข้าไปอีก แนะนำให้เป็นอาหารจำพวกปลา เพราะสารอาหารจากปลาจะช่วยให้อิ่มเร็ว

มื้อระหว่างวัน บางครั้ง แค่ไข่ต้มมื้อเที่ยงคงไม่พอทำให้ไปกินจุในช่วงเย็นหรือปกตืเป็นคนกินเยอะมากๆ แบบนั้นลองพกแอปเปิ้ลหรือผลไม้ไว้ทานระหว่างวันเพื่อความหิวนะคะ

ไอเท็มสำคัญ ไอเท็มนี้เป็นสิ่งร่างกายต้องได้รับเป็นประจำ นั่นคือ น้ำ ใช่แล้ว..การดื่มน้ำหลังตื่นนอนหรือ15นาทีก่อนกินข้าว และหลังกินข้าว อย่างน้อยวันละ 8-10 นอกจากจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพแล้วยังช่วยให้คุณอิ่มง่ายๆ นอกจากนี้ผลไม้ยังเป็นไอเอท็มเสริมที่ดี ช่วยในการขับถ่าย สองสิ่งนี้นอกจากช่วยเรื่องลดความอ้วนยังทำให้ผิวพรรณผ่องใสอีกต่างหาก รวมถึงการออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ3วัน ก็จะช่วยให้คุณมีสุขภาพแข็งแรง สร้างกล้ามช่วยในการเผาผลาญแถบยังกระชับในส่วนที่ลดลงไปอีกต่างหากทำให้หุ่นดีแบบที่เนื้อไม่แผละนิ่มๆหย่อนๆ

อยากจะบอกคนที่อ่านว่า การรับประทานในแต่ละมื้อเป็นเพียงการแนะนำเราถึงไม่เขียนลงไปมากว่าควรกินอะไรบลาๆๆ ไม่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจนเครียดนะคะ ใครมันจะว่างไปซื้อปลามากินทุกเย็น..ค่อยๆปรับไป เช่น เป็นคนกินเก่งมากๆ ก็เริ่มปรับด้วยการกินพอดี ดื่มน้ำมากๆ ทุกคนที่อยากลดก็ต้องปรับแบบนี้เช่นกันค่ะ

ประสบการณ์เจ้าของกระทู้
     เราเองก็เป็นคนที่กินเก่งมากๆแบบเพื่อนคารวะเลยและไดเอทบ่อยพอควร ทั้งที่เป็นคนที่ไม่เข้าข่ายอ้วน แต่เราจะรู้ตัวเองเนอะว่าเราเริ่มบวมเลยร่างปกติเราแล้ว เช่น ไม่ออกส่วนไหนเลยแต่เหนียงเริ่มขึ้น จากที่เป็นคนมีแก้มแก้มก็บวมล้นกว่าเดิม เราก็ต้องรู้ละเหนียงแบบนี้...ต้องลดละนะ เคยอด เคยล้วงคอ เคยโหมออกกำลังกาย เคยยยยตบะแตก และค้นพบว่ามันไม่ทางออกที่ดี ไม่โอเคเลยที่ต้องลุกขึ้นแล้วหน้ามืด ใบหน้าทรุดโทรมเหมือนคนป่วย สภาพจิตใจย่ำแย่ สิวขึ้น ประจำเดือนผิดปกติ ไม่มีความสุข ไม่พร้อมกับการเรียน เบื่อง่าย ซึม
     พ่อมักจะบอกว่า กินไปเถอะยังเด็ก อ้วนๆไปใช้สมอง แต่สำหรับเราเราคิดว่าการปล่อยประละเลยให้ร่างกายอ้วนจนลดลำบากมันจะยิ่งทำให้เราเหน็ดเหนื่อย แถมการใช้สมองในการเรียนไม่หมายความว่าเราจะกินอะไรก็ได้เมื่อไหร่ก็ได้ซะหน่อย เพราะฉะนั้น พอเริ่มรู้ตัวก็รีบลดซะเพื่อพิซซ่าสองถาดในวันข้างหน้า... = = (เดี๋ยวนะ-จขกท.)
วิธีกิจวัตรประจำของเราคือ เช้ามาดื่มน้ำก่อน2แก้ว สักพักกินข้าวโดยลดปริมาณจากที่กินสองทัพพีก็เหลือครึ่งทัพพีเพราะกินน้ำไปละ มันเลยกินได้ไม่เยอะ เปิดดูกับข้าวว่าอะไรตัวอ้วนก็เลี่ยงมันซะหรือกินให้น้อยที่สุด (พวกแกงกะทิ ของมัน ของทอด เป็นต้น) บางทีไม่อิ่มก็หยิบแอปเปิ้ลมากินลูกนึงหรือผลไม้อื่นๆ แล้วกินน้ำอีกสองแก้ว ไปโรงเรียนก็พกแอปเปิ้ลไปกินระหว่างวัน ไข่ต้มสองฟองกับแครอทหนึ่งหัวไม่ก็แตงกวา นั่งแทะเล่นตอนกลางวัน ดื่มน้ำสองแก้ว ตกเย็นกลับบ้านกินข้าวครึ่งทัพพีเหมือนเดิม หรือบางครั้งก็กินแตงโมแทนมื้อเย็นไปเลยซีกนึงไม่อิ่มก็กีวี่หรือผลไม้อื่น (ส่วนใหญ่ตอนเย็นกินแต่ผลไม้ให้อิ่มเพราะปกติเป็นคนกินรอบเย็นเก่งมาก) จากนั้นก็น้ำอีกสองแก้ว ได้เวลาสองทุ่มออกกำลังกายครึ่งชั่วโมง พักสักแป๊ป กินน้ำเกือบสี่แก้ว อาบน้ำ ทำการบ้าน สวดมนต์ นอน

     เห็นมั้ยว่าเรากินน้ำเยอะมากๆกินครบสามมื้อด้วย ร่างกายจะได้ไม่รวน แล้วขนมนี่ไม่มีในรายการเลย สังเกตจากแก้มกับเหนียงลดลง เน้นผักผลไม้ มันอิ่มนะไม่ทรมานเหมือนที่เคยใช้วิธีผิดๆ ทำให้มันเป็นเรื่องปกติในชีวิตของเราไม่ใช่ให้มันกลายเป็นตัวบังคับเรา ตอนนี้ปากเราสีชมพูแบบไม่ต้องทาลิปเลยไม่แห้งแตก ผิวไม่โทรม สิวไม่ขึ้น ร่างกายเฟิร์ม แฮปปี้ :)
ถามว่าไม่กินขนมหรอ นานๆทีกินค่ะ.. เมื่อวานพ่อเพิ่งจัดขนมปังเนยมาสองแผ่นกับไอติมแท่งนึงมาให้ช่วงบ่ายสอง แต่เพราะปรับการกินแบบด้านบนมาเดือนกว่าได้แล้วมันเลยอิ่มมากจนข้าวเย็นไม่หิวเลย... กินแต่แอปเปิ้ลไปลูกนึง กางเกงยีนส์ที่เคยใส่พอดีตอนนี้หลวมขาไปเลย  บางทีก็แย่งขนมเพื่อนบ้างชิ้นสองชิ้นนานๆที แต่เรื่องออกกำลังกายเราทำทุกวันตั้งแต่ไม่ไดเอทนะเพราะกินเยอะจริงแต่บางทีมันคงล้นอ่ะเลยบวมมาให้เห็นจนต้องควบคุมอาหาร

อิส อีซี่ ค่อยๆปรับให้น้อยลงแล้วพึงเสมอว่าเรากำลังลด ถ้าเราจะกินก็นึกซะว่ากินไปแล้วเสียใจทีหลังมันแย่นะอย่างเราก็จะนึกถึงตอนที่เคยล้วงคอแล้วเสียงแหบร้องเพลงไม่ได้ สู้กินน้อยๆพอหายอยากแล้วแบ่งคนในครอบครัวก็ได้ หรือไม่กินดีกว่า ลดให้ได้ก่อนเดี๋ยวจะมาซื้อกินกับครอบครัวละกัน

ให้กำลังใจนะ คนลดความอ้วนทุกคนอย่าไปอด เรายังต้องการพลังงานเพื่อให้ร่างกายสดชื่น แล้วมันจะไม่เครียด ไม่ต้องไปสนใจไอดอลต้นแบบว่าเขาลดกันยังไง ร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน เอาแบบพอดีๆที่ไม่เสี่ยงดีกว่า สู้ๆ ^^


แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น