Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา มีปรากฏการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับคนดูทีวี

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

"เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา มีปรากฏการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับคนดูทีวี
เมื่อซีรีย์"พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก" ฉายถึงตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
หลายคนน้ำตาไหลด้วยความปิติ หลายคนกล่าวคำสาธุออกมาโดยไม่รู้ตัว และอีกหลายคนยกมือไหว้ทีวี
มีคุณยายท่านหนึ่งนั่งพับเพียบดูซีรีย์เรื่องนี้ และวางหมอนไว้ด้านหน้าเพื่อไว้กราบ
น้องคนหนึ่งถามผมว่า ซีรีย์เรื่องนี้ทำได้ดีมากขนาดทำให้ผู้คนรู้สึกขนาดนั้นจริงๆหรือ

ผมไม่ได้ตอบน้องคนนั้นไปเดี๋ยวนั้น แต่ผมมาคิดตามทีหลัง

จริงอยู่ ซีรีย์เรื่องนี้สร้างได้ดีระดับที่หาคำชมได้ไม่สิ้นสุด โปรดั๊กชั่นใหญ่ สมจริง ถ่ายทำสวยงามและลงทุนมาก การเขียนบทนั้นผมยกนิ้วให้เลย ทั้งความเป็นดราม่าและความเป็นปรัชญา ไม่ว่าคนเขียนบทจะเป็นฮินดูหรือเป็นพุทธ แต่เขาเขียนได้อย่างคนที่ศึกษาพุทธปรัชญามาอย่างมากมายแน่ๆ

ที่สำคัญนักแสดงที่สวมบทเจ้าชายสิทธัตถะ เขาก็เลือกได้เหมาะสม ว่ากันว่าเขามีลักษณะพิเศษหลายประการตามลักษณะของมหาบุรุษ และเขาก็แสดงได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่ว่าจะแสดงตั้งแต่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะที่สง่างาม ฉลาดและเต็มไปด้วยเมตตา จนมาถึงฉากสำคัญคือตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แน่นอนละครทำได้สมจริงและงดงามเหลือเกิน
แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา
ถามใครๆก็เป็นเหมือนกันหมด
หรือพวกเราไม่ได้รู้สึกว่ากำลังดูละครอยู่ 
ด้วยศรัทธาที่เต็มในหัวใจ ที่อยู่ใต้ร่มเงาแห่งพุทธะมาตั้งแต่เกิด
ระหว่างที่ดูละครอยู่เราจึงน้อมใจกราบพระพุทธเจ้าอย่างไม่รู้ตัว
ยิ่งประโยคหลายประโยคซึ่งล้วนเป็นแก่นของพุทธศาสนาถูกกล่าวขึ้นมา มือทั้งสองของเราก็พร้อมที่จะพนมขึ้นเพื่อบูชาพระรัตนตรัย"

https://www.facebook.com/prapaschol/photos/a.179544245399366.37556.169148256438965/981717938515322/?type=1&theater


แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

White Frangipani 5 ก.ค. 58 เวลา 20:17 น. 1

สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้

ร้องไห้เมื่อเห็นเรื่องราวและประวัติการณ์ เพียรพยายาม บากบั่น ทำความดี มีเมตตา ค้นหาปรัชญาที่แท้จริงแห่งภพนี้ ของศาสดา(พระพุทธเจ้า) เพื่อตัวท่านเอง เพื่อคนรุ่นหลัง ที่จะได้มีโอกาส เห็น เข้าใจ เรียนรู้ สัมผัส กับทุกข์ สุข กับแก่นสารที่แท้จริงที่เป็นเรา เหล่ามนุษยชาติ นั้นเป็นภาพเรื่องราวที่เกิดเป็นความ รู้สึกที่แปลกประหลาดมาก เป็นความรู้สึก ที่ อิ่มเต็มและอิ่มเอม อิ่มเอิบ ตื้นตัน รวมคือความรู้สึกเป็นสุข อย่างแปลกประหลาด หากเราๆเข้าใจในความปรารถนาที่ท่านต้องการ 

ในที่นี้เข้าใจว่าท่านต้องการให้เราเหล่ามนุษยชาติเข้าใจ รู้จักกับแก่นสารที่แท้จริงที่เป็นเราๆและทุกๆอย่างบนโลกนี้ในภพนี้  สัมผัสความปรารภของท่านได้เมื่อไรได้หลั่งนํ้าตา เพราะความปลาบปลื้มและอิ่มเอมทุกครั้งทั้งที่ไม่รู้ตัว


ดีใจค่ะที่คุณตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เมื่อตอนที่เป็นเด็กๆนะคะ เข้าโบสถ์กราบพระเมื่อไร เห็นแสงเทียนที่สว่างใสว กลิ่นธูปที่หอมกรุ่น เงยหน้าขึ้นไปจ้องที่ใบหน้าและแววตาที่สงบที่บอกถึงความเข้าใจอย่างสว่างใสวของประประธาน (องค์จำลองของพระสัมมาพุทธเจ้า) คล้ายท่านยิ้มให้น้อยๆ และใบหน้านั้นคล้ายยังมีชีวิตและพยามจะให้กำลังใจเรา (อาจจะเห็นไปเองนะคะ คนอื่นๆเห็นเช่นนั้นหรือเปล่าไม่รู้นะ)

ฝีมือการปั้นจำลองของชาวพุทธที่ถ่ายทอดอารมณ์ของท่านได้เยี่ยมมากในทุกๆที่ เห็นได้ราวกับ ท่านยังคงนั่งมองเราๆอยู่และเป็นกำลังใจให้เราๆได้มีโอกาสเข้าใจเพื่อการพ้นทุกข์และพบสุข (หรือคงคิดไปเองค่ะ) เมื่อตอนเด็กๆนะคะ ในบางครั้งที่เราสงบเข้าใจนะว่าประวัติวัติการณ์(ของท่าน)ที่ต้องผ่านทุกข์สุขและทรมานของมนุษยชาตินั้นเห็นมีอยู่หลายชาติ ต้องมีความมุมานะ อุตสาหะ มีสติ ปัญญา วิระยะ มีความเพียร (ฉันทะ วิริยะ อุตสาหะ )

จึงจะไปถึงในจุดที่ท่านไปถึงได้ (ตรัสรู้ คือ คืออาการรู้ เมื่อรู้ได้คือการอยู่เหนือทุกข์นั้นเอง)เห็นๆว่าเป็นอะไรที่ยากเย็นมากสำหรับ คน หรืออาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หรือไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยสำหรับหลายๆคน หลายๆครั้งนะที่หลงปล่อยเสียงร้องครางออกมาฮืออออ เมื่อนั่งอยู่หน้าพระประธาน

(เป็นเด็กนี่แปลกเนอะ อยากทำอะไรๆแล้วเมื่อเกรงว่าจะทำไม่ได้ปล่อย ฮือ หรือปล่อยโฮฮก่อนเลย เป็นเด็กนี้ก็ดีเนอะอยากทำอะไรก็ทำได้ อยากร้องไห้ก็ปล่อยโฮฮฮฮ ปล่อยแล้วโล่งดีนะ ธรรมชาติหล่ะ ^ ^)


เมื่อวันเวลาที่ผ่านมาจึงมีคำกล่าวขานที่หลายๆคนให้ติดปากกับเราว่า เป็นโรคบาป เห็นบาปเห็นทุกข์เมื่อเห็นพระประธาน (เกิดเป็นทุกข์?เหรอเปล่านะ? งง งง และสับสนกับตัวเองค่ะในวันนั้น กลัวว่าตนเองนั้นจะสติไม่ปรกตินะ เมื่อตอนเป็นเด็กนะคะ น่ากลัวนะ)

เริ่มจากสามขวบหรือว่าตั้งแต่คลานได้เลยตามคำเล่าขานของครอบครัวเมื่อถูกพาเข้าวัดจะคลานไปนั่งมองหน้าพระประธาน เช่นในช่วงวันเข้าพรรณษาเป็นต้น สามารถนั่งฟังเทศน์ได้เป็นวันๆ จริงแล้วอาจจะเพราะชอบฟังนิทานชากดค่ะ เป็นคนชอบฟังนิทานตั้งแต่เกิด อาจจะเป็นได้ที่สาเหตุซึ่งเกิดจากทุกๆคนในครอบครัวผลัดเปลี่ยนกันเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังนั้นเกิดเป็นการชอบฟังนิทานโดยธรรมชาติส่วนตน 

นิทานชาดกภายใต้พิธีกรรมการเข้าพรรณษาของพุทธศาสนา พระท่านเทศน์ทั้งวันบางวัดเทศน์ติดกันเจ็ดวันเจ็ดคืน นอนฟังที่วัดไม่ยอมกลับบ้าน ชอบมากฟังแล้วเป็นสุข สนุกด้วย ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้เกิดเป็นความศรัทธาในประวัติและองค์พระพุทธเจ้าค่ะ

ทั้งหมดนี้(มั้ง)ที่ก่อให้เกิดเป็นความศรัทธาในพระพุทธเจ้า ยิ่งศรัทธาเท่าไรยิ่งเกิดความรู้สึกเอิบอิ่มและอิ่มเอม เข้าวัดกราบพระเมื่อไร บ่อยๆค่ะที่นํ้าตาไหลริน เมื่อเห็นพระประธาน มาวันนี้เข้าใจว่าความรู้สึกนั้นคือ ความรู้สึกเอิบอิ่มและอิ่มเอม นั้นก็เกิดเป็นอาการที่หลั่งนํ้าตาได้เช่นกันนะ ปลาบปลื้ม ตื้นตัน ที่เห็นสิ่งที่สื่อถึงท่านเสมอๆหรือบ่อยๆมาวันนี้หายสงสัยแล้วว่า ตัวเรานั้น เห็นทุกข์สุขผ่านชีวะประวัติหรือผ่านภาคประวัติการปฎิบัติของท่านได้จริงด้วยสิ (ขออภัยที่เข้าข้างตัวเองค่ะ)

หลั่งนํ้าตาบ่อยเมื่อมีความรู้สึกนั้นค่ะ และเข้าใจว่านี้คืออาการของความ ปลื้มปิติ และยินดีที่เป็นพุทธกับครั้งหนึ่งที่ได้เกิดมาค่ะ ภาคภูมิและศรัทธาที่มีศาสดาที่พยายามหาทางพาให้พ้นทุกข์และพบสุขได้ ในบางโอกาสและบางเวลา นี้ต่างหากคือความจริงของอาการดังกล่าว (เข้าใจแบบนั้นค่ะ)

มากระทู้นี้อ่านแล้วยิ้มออกค่ะ ได้มีโอกาสเห็นว่ามีหลายๆคนที่มีอาการเดียวกันนี้ นั้นหมายความว่าอาการเช่นนี้ "หลั่งนํ้าตาเมื่อเห็นท่าน"(ศาสดา) นั้นเกิดขึ้นได้กับหลายๆคน ดีใจและพลอยอิ่มเอมไปด้วยกับทุกคนค่ะ


ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆค่ะ และของขออนุโมทนาด้วยกับการแบ่งปันและให้ธรรมเป็นทานของคุณค่ะ 

กับการเฝ้าทำทานอยู่เป็นเนืองของคุณนี้ เจ้าของเม้นต์ขออวยพรให้เกิดเป็นความสุขแด่คุณยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ



เล่ายาวๆๆๆแบ่งปันแลกเปลี่ยนค่ะ เป็นอีก หนึ่ง คน ที่ร้องไห้(ไม่ไช่สิ) หลั่งนํ้าตาเมื่อสัมผัสหรือเห็นเหตุการณ์ในวิธี(คำสั่งสอน)ของพุทธค่ะ ทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาตินะ จะอ่านไหวหรือเปล่าเอ่ย  ^_____^


0