Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เด็กติ่งกับอเมริกาซี่รี่ (มโนว่าเปนซีรี่ 5555555) - EP1: คว้ากระเป๋าทั้งน้ำตา

ตั้งกระทู้ใหม่
ฮาโหลลลล สวัสดีค่ะทู้กโคนนน ก่อนอื่นเราต้องขอโทดก่อนเลยนะ ถ้าก็การเล่ามันงงๆ  เพราะพึ่งเคยเขียนเปนครั้งแรกจริงๆ เอาจริงๆ ตอนนี้ก็ตีสี่กว่าล่ะ ไม่ได้พึ่งตื่น แต่ต้องใช้คำว่า "ควรไปนอน!"  555555 ( -////- ") 

เอาเหอะๆ งั้นเริ่มเลยล่ะกัน ก็ตามหัวข้อนะ เราจะมาเล่าประสบการณ์การมาอยู่เมกาที่เอาจริงๆ ว่าไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเล้ยยย เพราะปกติเราเปนคนไม่ชอบภาษาอังกฤษมากๆ อ่ะ แบบแค่ฟุดฟิดโฟฟายย ก็รู้สึกฮือออมัน บ่แม่นนตัวตน 5555555  แต่ก็อย่างที่เค้าว่าอ่ะ ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ แต่อันนี้โทดโชคชะตาไม่ได้ ความผิดตัวเองล้วนนๆ เรื่องมันเริ่มจากว่า ตอน ม.ต้น เราเกเรมากกแล้วก็มีแฟนที่พ่อแม่ไม่อยากให้คบ ไรงี้ (เราเปนลูกสาวคนเดียว ความสนใจเลยมากะจุกที่เราคนเดียวเลย ตอนนั้นแอบเซ็ง -,,- แอบหวังพึ่งโดเรม่อนย้อนเวลา และพึ่งไสยศาสตร์แสกน้องชายไปในท้องแม่เราด้วยไรงี้ 55555 ) แต่ไม่ใช่ว่าแฟนเราไม่ดีนะ คือถ้าในสายตาเราคือเค้าเป็นคนดีมาก (สำหรับเรากับกลุ่มเพื่อน) แบบถึงไหนถึงกัน คอยทำนู้นนี่ให้ตลอด แต่ก็อย่างว่าเรื่องเรียนกับการทำตัวที่โรงเรียนเรียกได้ว่า เชี้ยหนักมว้ากกก 555555555555 แถมครูเราก็ชอบโทรไปหาพ่อแล้วบอกพ่อว่า ไอ่ ผช คนนี้เรียนก็ไม่ดี งั้นงี้ๆ เอาง่ายๆ อยู่ด้วยกันนิ่บรรไลแน่  คือบทสรุปของการสนทนา 5555555555 นอกจากเรื่องนี้แล้วเราก็ติดเที่ยวกับพวกเพื่อนรุ่นพี่ด้วย แต่ไม่ได้ทำไรผิดนะแค่แบบออกไปตีแบตตอนเย็น แวะกินน้ำปั่นไรงี้ ตามประสาสาวโลกสวย 5555555 แต่คือด้วยความที่พ่อเราเปิดร้านขายของตอนนั้นก็อยากให้เราอยู่ช่วย บวกเราก็เด็กแล้วเค้าก็ไม่รู้เราไปไหนกลับมืดค่ำ แถมกังวลเรื่องคนที่เราคบด้วย

เอาเป็นว่าที่เล่าไปยังเป็นส่วนนิดๆ ของหลายๆอย่าง คือมันมีทะเลาะกับที่บ้านประจำ แฟนไม่ดี แอบเที่ยว ไรอีก บลา บลาๆ คือเชี้ยระดับ ไม่ถึง 10 แต่เกิน 5 ไรงี้อธิบายไม่ถูก 5555555 จนวันนึงมันมาถึงจุดๆหนึ่งที่เป็นสถานการณ์ที่แบบทำให้พ่อเราโมโหมากกก (ณ จุดๆ นั้น นึกว่าพ่อเป็นนักร้องวงร็อค ว้ากกกกแรงมว้าก55) คือเราทำเกินนนนไปมาก อารมณ์แบบลูกฉันไม่ไหวล่ะพ่อเลยโทคุยกับแม่ (เค้าแยกทางกันตั้งแต่เราเด็กๆ) แล้วเล่าสิ่งที่เราทำพาเราไปส่งให้แม่วันนั้นทันที (ตอนนั้นแม่เรากำลังทำเรื่องรอไปเมกาหลังจากแต่งงานกับพ่อเลี้ยงเราพอดี) แม่เราโกรธเหมือนกันแต่ก็มีข้อเสนอมาว่า จะไปเมกากับเค้ารึจะอยู่ไทยต่อ ถ้าอยู่ต่อก็ไม่มีใครดูแลแล้วนะ พ่อก็ไม่ไหวแล้ว คือตอนนั้นอารมณ์แบบน้ำตาไหลพรากก ๆ รู้สึกแย่มากแบบมานั่งคิดๆ ว่าทำไมทำตัวแย่ขนาดนี้ แต่แม่ก็ให้เวลาเราคิดนะ แต่คือแบบมีทางเลือกก็เหมือนไม่มีอ่ะ ตอนนั้น. หลังจากคุยๆกับแม่สักพัก แม่เราก็ออกไปทำธุระ คือเราเครียดมากนะ ตอนนั้นแล้วอยู่บนคอนโดชั้นสูงๆ พอดี เราเดินไปที่ระเบียงแล้วก็นั่งสำนึกผิด ร้องไห้ จนมีแว้บนึง มองลงไปข้างล่างแล้วแบบ คิดในใจว่าอยากตายจัง มองไปเรื่อยๆ เจอแม่ค้ารถเข็นลาบ ส้มตำกำลังขายของ ก็นึกขึ้นได้ว่า ถ้าโดดไป ยายแกแม่งหัวใจจะวายมั้ยเนี้ย (ยังมีหน้านึกถึงคนอื่น) 55555555555 ศพต้องแย่แน่ๆ แค่หน้าก็แย่ล่ะอย่าเลย ไรงี้ เดี๋ยวไส้ทะลงทะลัก แล้วก็นึกคิดขึ้นมาว่าเห่ย! เรายังไม่ได้แทนคุณพ่อแม่เลย ทำเค้าเสียใจยังคิดจะชิ่งอีกหรอ (แตนแต่นแต้น ความคิดยับยั้งการโดดตึกที่มีสาระโผล่มาในสมองสักที รอตั้งนานไอ่สลัดผัก! 555555555พูดไม่ออก ) เราเลยถอยออกมา แล้วก็ตัดสินใจว่าจะไป เรื่องของเรื่องเอาจริงๆ ไม่กล้าโดด กูกลัววว ดราม่าไปงั้น อารมณ์เรื่องจริงผ่านจอ 55555 ทุกวันนี้ยังงงว่าคนอื่นกล้าได้ไง 
 
หลังจากตัดสินใจจะไป ซึ่งก็ไม่ได้เหมือนในหนังนะคะที่คิดจะไปก็ได้ไป เดินเรื่องเกือบปี!!! 55555555555555555 คือเอาง่ายๆ เศร้ายันหมดโหมดเศร้าก็ไม่ได้ไปสักที ตอนนั้นก็ยังคบกับแฟนเก่าอยู่นะ แต่คือห่างกันมาก เพราะเราไปอยู่บ้านยายแทน (คนละจังหวัด) แต่แล้ววันนึงแม่เราโทรมา แล้วก็บอกว่าทำเรื่องเสร็จแล้วนะ จะบินวันที่ อะไรสักอย่างจำไม่ได้) ณ จุดๆนั้น เราไม่ได้ดีใจนะ คือแบบรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเสียทุกอย่างแทน ทั้งเพื่อนดีๆ ครอบครัว แฟน สิ่งของ คนรอบข้าง คือแบบกำลังจะหายไปแบบดีดนิ้วและแว้บไปเลย  แต่จะทำไงได้ในเมื่อตักสินใจไปแล้ว บวกค่าตั๋วก็จ่ายไปแล้ว ถ้าเปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายมีหัวขาดแน่ๆ 555555 เราเลยเอาว่ะ ดีกว่าโดนแม่ด่า (คือเหตุผลแบบ ..เอิ่ม..ไม่ต้องอธิบายว่าพิษภัยของการโดนแม่ด่ามันร้ายแรงขนาดไหน 5555) เราเลยไปแพ็คกระเป๋าทีทสุดท้ายเต็มไปด้วยของที่แบบ.... นาฬิกาติดฝาบ้านที่เพื่อนให้ รูป ตุ๊กตาเน่า ดินสอ โคมไฟอันเล็กที่เพื่อนให้ คือแบบ -ไปหาที่นู้นก็ได้ม้างงง 555 คือตอนนั้นไม่สนเรื่องน้ำหนักกระเป๋า อารมณ์และมายเมมโมรี่ มาเต็ม 55555555 หลังจากนั้นวันสองวันเราก็ไปสนามบินแล้วเตรียมตัวออกเดินทาง  ตอนนั้นแฟนเราจะมาส่งด้วยแต่ขับรถมาไม่ทัน ณ เวลานั้นคือดราม่าจะไม่ได้เจอหน้าแฟนเปนครั้งสุดท้าย แต่พอมาคิดเวลานี้คือแบบอยากจะแบบ ทำม้ายย-ไม่ตื่นให้มันเช้ากว่านี้ นาฬกาปลุกบ้าน-ถ่านหใดใช่มั้ย ตอบ! 55555 แต่ชั่งเหอะ เอาเปนว่าโมเม้นนั้นน้ำตาไหลพรากก มองหน้าคนที่มาส่ง ครอบครัวที่เราโตมาด้วย แล้วได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่นะ ที่จะได้เจอกันอีก แล้วเราจะอยู่โดยไม่มีเค้าเปนครั้งแรกได้ยังไง คือตอนนั้นแบบพ่อเราก็มาส่งนะ แต่ยังแอบๆ โกรธอยู่ ทำให้มีอะไรคาหัวหลายอย่างมาก   
 
ปล. เราโตกับครอบครัวฝั่งพ่อ ทำให้ตอนนั้นเราไม่ค่อยสนิทกับแม่เท่าไหร่ แถมนิสัยก็ต่างกันมากด้วย เลยไม่รู้ว่าจะอยู่ด้วยกันได้รึเปล่า แต่ทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอนาคตสักอย่าง เราก็ต้องลากกระเป๋าเดินหน้าต่อไปอยู่ดี
 
ไว้เดี๋ยวเรามาเล่าต่อนะถ้ามีคนสน ตอนนี้นิ้วล้อคล้ะพักแปร้บบ 55555555555

แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น